ลูกค้าทั้งหมดพากันหันมองทันทีที่ได้ยินหญิงสาวพูด ด้วยที่เจ้าของร้านเป็นคนหน้าตาดีทำให้มีร้านคนพยายามมาสู่ขอแต่ก็ไม่มีใครได้ซักคน ทำให้ทุกคนอยู่เห็นหน้าหญิงสาวอีกคนว่าต้องมีหน้าตาแบบไหนถึงทำให้เจ้าของร้านพูดแบบนั้น
“ใจเกเรแล้วน่ะเราอ่ะ”
“ถ้าเป็นท่านข้ายอมน่ะ จะบอกให้” เถ้าแก่เนี๊ยลูปหลังมือจินเซียงเบา
“ฮ่าฮ่าฮ่า พอเลยคนมองกันหมดแล้ว”
“ซิ ก็ได้แต่ต้องตอบข้ามาก่อน” เถ้าแก่เนี๊ยเอาแบงก์ยี่สิบวางบนโต๊ะ “ท่านสิ่งนี้มามาจากไหน”
“เจ้าคงรู้”
“อืม”
'งั้นคืนนี้เตรียมอาหารไว้ ข้าจะมาคุยด้วย' กระซิบเบาๆ
'ตกลง เช่นนั้นมื้อนี้ข้าเลี้ยง'
'ขอบใจ' เจ้าของร้านยิ้มแล้วตบบ่าก่อนจะเดินออกไป
ไม่นานอาหารมี่สั่งทั้งหมดก็มาถึง นางใช้เวลาดื่มด่ำกับอาหารอยู่พักใหญ่ก่อนจะเกิดออกจากร้านไปโดยมีเจ้าของร้านออกมาส่ง
หลังจากได้ข้อมูลเรื่องร้านขายสัตว์แปลกๆ แล้ว ก็เดินมุ่งหน้าไปทันที บริเวณท่าเรือมีร้านค้าแผงลอยจำนวนมาก ร้านที่เถ้าแก่เนี๊ยร้านก๋วยเตี๋ยวแนะนำเป็นเต็นท์สีขาวของพวกเปอร์เซีย พ่อค้าชาวอาหรับเห็นลูกค้าเดินมาก็ออกไปต้อนรับ
“ข้าอยากได้เหยี่ยวซักตัวท่านพอแนะนำได้รึไม่” จินเซียงพูดออกสำเนียงเปอร์เซียเมื่อเดินเข้ามาในเต็นท์สีขาว
“ท่านมาจากเปอร์เซียรึ” พ่อค้าชาวเปอร์เซียยิ้มรับอย่างยินดีเมื่อได้รับลูกค้าคนแรกของวันนี้
“สองปีแล้ว ข้าเบื่อพวกอัศวินเทมพลาร์”
“เฮ้อ ทำไงได้ส่งครามยังไม่สงบ”
“ที่นี่ก็พึ่งจบไปเหมือนกัน ดูสภาพซิ”
“ท่านเข้าใจถูกต้องแล้ว เข้ามาซิข้าจะพาไปเลือกดู แต่ที่เหมาะกับท่านข้าคิดว่าคงเป็นเจ้านี่” เหยี่ยวตัวใหญ่สีแดงเข้มปรากฏสู่สายตาของจินเซียง
“สวยจริงๆ แล้วราคาเท่าไหร่กัน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เห็นแบบนี้มันก็เลือกนายน่ะ ถ้ามันฟังท่านข้าลดให้เลยจาก 56 ตำลึงทอง เหลือเพียง 20 ตำลึงเงินเท่านั้น พร้อมของแถม 1 อย่างให้ท่านเลือก”
“เช่นนั้นท่านอาจต้องเสียมันให้ข้าแล้ว” แล้วเหยี่ยวก็เดินมาหาจินเซียงทันทีที่เปิดกรง
“มันได้อยู่กับคนที่ใช่ข้าก็ยินดีกับมันแล้ว ส่วนของแถมท่านจะเอาอะไร”
“ขอเดินดูก่อน” เดินดูพักใหญ่ก็เจอของบางอย่างที่ถูกทิ้งไว้ในถัง
“ข้าขอมีดสั้นกับดาบคู่นี้ได้รึไม่” เจ้าของร้านมองของสองชิ้นที่ว่า
“อืม ถึงจะดูเก่าไปหน่อยแต่ก็ถือว่าของดี เช่นนั้นข้ามอบสิ่งนี้ให้ท่านด้วย มันคงดีกว่าถูกเก็บไว้ให้ฝุ่นเกาะ” เจ้าของร้านเดินเข้าไปด้านในร้านแล้วกลับออกมาพร้อมกับหีบใส่ของใบเล็ก
“สิ่งนี้คือ” จินเซียงเอามือปัดฝุ่นออกจากตัวหนังสือ
“มันเป็นของเจ้า” เจ้าของร้านมอบหีบใบเล็กให้
“ทำไมท่านถึงยกมันข้า” จินเซียงมองแล้วตั้งคำถาม
“ข้าพบมันพร้อมนกตัวนั้นที่ตอนที่มันกำลังจะตาย”
“เช่นนั้นข้าจะไม่ถาม นี่คือเงินและยาของท่าน มันสามารถช่วยท่านจากพิษในตัวท่านได้ ขอตัวก่อน” จินเซียงประสานมือก่อนจะเอาของทั้งหมดใส่หีบแล้วเดินออกไปโดยมีเหยี่ยวตัวใหญ่เกาะอยู่บนหัว
จินเซียงเดินหายไปในตรอกมืดและกลับออกมาตัวเปล่ามีแค่เหยี่ยวตัวใหญ่เท่านั้นที่เกาะอยู่บนไหล่ ระหว่างเดินกลับจวนก็ถือโอกาสเดินชมเมืองโบราณไปด้วยเลย บรรยากาศในเมืองตอนเย็นดูคึกคักมากกว่าช่วงบ่าย พ่อค้าแม่ขายมากมายพยายามเรียกลูกค้าแข่งกันเป็นสีสันของยามเย็น
จนเดินมาถึงที่หน้าจวน “เกิดอะไรขึ้นทำไมดูวุ่ยวายจัง”
พ่อบ้านหันมาเจอกับจินเซียงที่กำลังเดินเข้ามาในจวน เค้าก็รีบเดินเข้าไปหาทันที
“แย่แล้วขอรับ! แต่ดีแล้วที่ท่านกลับมาเร็ว”
“ดูท่านไม่ค่อยดีเลย เกิดอะไรขึ้นรึไม่เจ้าค่ะ”
“เชิญทางนี้ดีกว่าขอรับ นายท่านรออยู่”
“เจ้าค่ะ” จินเซียงพยักหน้าแล้วรีบเดินตามพ่อบ้านไป
“นายท่าน ท่านจินเซียงมาถึงแล้วขอรับ”
“รีบเข้ามาก่อน เวลาไม่คอยใคร”
“ขอรับ” จินเซียงรีบเดินเข้าไปในห้องพร้อมพ่อบ้าน
“เจ้านั่งก่อน คือว่าข้ามีเรื่องอยากให้ช่วย”
“เรื่องอะไรเจ้าค่ะ ท่านว่ามาเถอะ”
“อี้หลันกับฟางฟาง ถูกจับตัวไปน่ะซิ และตอนนี้พี่ชายของพวกนางกำลังพาทหารออกค้นหาอยู่”
“ตั้งแต่ช่วงไหนเจ้าค่ะ แล้วเหตุเกิดที่ไหน”
“ไม่แน่ใจ แต่น่าจะเป็นช่วงบ่ายๆ มีทหารไปพบอิงอิงที่นอนบาดเจ็บอยู่ใกล้ๆ กับป่านอกเมือง”
“อีกแล้วหรอ แล้วนางบอกอะไรเพิ่มไหมเจ้าค่ะ”
“นางบอกว่าคนร้ายมากันกลุ่มใหญ่ แต่เพราะไม่คิดว่าจะมีคนมาทำอะไรแถวหน้าเมืองแบบนี้ พวกองครักษ์ที่ตามไปก็ตายไปกว่าครึ่ง”
“คงเป็นกลุ่มเก่าแน่เลย เช่นนั้นข้าขอไปดูอิงอิงก่อน”
“อืม นางอยู่ที่ห้องพักในเรือนของอี้หลัน”
“เจ้าค่ะ” จินเซียงรีบวิ่งไปที่เรือนของอี้หลันแต่กลับพบว่าอิงอิงยังนอนไม่ได้สติและในมือก็มีบางอย่างที่นางกำไว้แน่นไม่ยอมปล่อย พอถามหมอ หมอก็ส่ายหัว ทำให้ต้องกระซิบข้างหูเบาๆ นางจึงคลายมือ
“ตั๋วแลกเงินร้อยตำลึง!” พ่อบ้านอุทานออกมาทันทีที่เห็นและยิ่งตกใจมากกว่าเก่าเมื่อเห็นตราประทับบนตั๋วเงิน
“ตระกูลหวง”
“แต่นายท่าน เราไม่มีความแค้นอะไรกับพวกนั้นเลยน่ะขอรับ”
“จริงซิ อิงอิงบอกอะไรเจ้าบ้าง”
“นางบอกแค่ว่ากลุ่มทหารรับจ้าง” จินเซียงหันไปหาเหยี่ยวแดงตัวใหญ่ที่ยังเกาะอยู่บนบ่า “เหินฟ้าเจ้าหาเจ้าของเงินได้รึไม่” จินเซียงหันไปถามเหยี่ยวของนาง แล้วมันก็ผงกหัวก่อนจะบินออกไป
“เจ้าได้นกตัวนั้นมาจากไหน”
“พึ่งซื้อมาจากพ่อค้าชาวอาหรับเจ้าค่ะท่านเจ้าบ้าน”
“มันตัวใหญ่มาก ท่าทางคงดุน่าดู”
“เจ้าค่ะ ข้าขอไปเตรียมตัวก่อนคิดว่าไม่นานมันคงมองหานเจอ”
“ขอบใจเจ้ามาก”
“ไม่เป็นไร ช่วงนี้ข้าเองก็เบื่อๆ ไม่มีอะไรทำพอดี” จินเซียงประสานมือแล้วหันหลังเดินออกไป
“แปลกคนจริง ข้าว่าถ้ารับอุปการะนาง ลูกหญิงทั้งสองอาจจะมีพี่สาวที่คอยชี้แนะก็เป็นได้”
“นายท่าน เราพึ่งเจอนางไม่นาน เราควรรอดูไปก่อนน่ะขอรับ”
“อืม รีบส่งองครักษ์ออกไปค้นหา ข้าอยากรู้นักว่าใครมันกล้าได้ขนาดนี้”
“ขอรับนายท่าน”
จินเซียงที่มาถึงห้องก็ได้เอาหีบใบนั้นออกมาและดูเหมือนว่ามิติของนางจะทำความสะอาดให้อย่างดีจนทำให้ของภายในดูเหมือนใหม่แกะห่อ
“ซัก อบ รีด ให้เลยหรอเนี่ย แม้แต่ของชิ้นอื่นก็ทำความสะอาดและซ่อมแซมให้ ช่างดียิ่งนัก” ไม่รอช้านางรีบแต่งตัวทันที
พอดูในกระจกมันไม่ต่างจากชุดเครื่องแบบของกลุ่มนักฆ่าแอสซาซินเลย “ว้าว ดูดีมากเลย อืมเช่นนั้นคงต้องขอบคุณเทพที่มอบมิติให้ซักหน่อยแล้ว” พูดจบก็เอาเหล้าหมักของดีออกมาวางไว้แล้วอธิษฐาน ก่อนจะเดินออกนอกห้องไปเพราะเจ้าเหินฟ้าติดต่อกลับมาแล้ว
'เจ้านายข้าพบแล้ว'
'ที่ไหน'
'หอนางโลมใหญ่ทางตะวันออกเฉียง'
'ตกลง'
จินเซียงหายตัวไปเงียบๆ โดยไม่บอกใคร นางมาถึงบริเวณใกล้ๆ กับเป้าหมายโดยการแอบอยู่บนหลังคา และอาศัยความมืดค่อยๆ ปีนขึ้นไปบนหอนางโลมก่อนนะลอบเข้าไปด้านใน
'คงต้องแปลงกายนิดหน่อย' นางหมุนตัวหนึ่งรอบก็กลายเป็นคุณชายหน้าตาดีคนหนึ่ง
'เอาล่ะ อยากรู้จริงๆ ว่าอี้หลันกับฟางฟางอยู่ไหนกัน'
นางเดินสำรวจขึ้นไปชั้นบนเพราะบางอย่างมันบอกว่าด้านบนน่าสงสัยมากที่สุด และเป็นจริงดังว่าเพราะมีห้องหนึ่งมีคนคุ้มกันยืนเฝ้าอยู่หลายคน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาคนที่ตามหาอาจอยู่ในนั้น
'เข็มอาบยาสลบ' นางยิ้มอย่างชั่วร้ายก่อนจะซัดมันใส่คนทั้งหมดอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครทันรู้ตัว
'เรียบร้อย' นางเรียดเก็บเข็มเข้ามิติแล้วค่อยเดินไปที่ประแล้วเปิดประตูอย่างแผ่วเบา 'อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย อ่าวทำไมมีสามแล้วสตรีที่ใส่เกราะอ่อนนั่นใครกัน ไม่ซิมันแปลกแล้วทำไมสตรีคนนั่นถึงได้จับพวกนางมา'
จินเซียงแอบอยู่หลังตู้ เมื่อสบโอกาสที่สตรีคนนั้นเผลอรีบตรงเข้าไปจับกดลงกับพื้นแล้วโปะยาสลบจนนางสิ้นฤทธิ์ จากนั้นก็หันไปสำรวจคนทั้งสองที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงโดยที่มือและเท้าถูกมัดไว้
‘ชีพจรปกติ ดูท่าคงยังไม่ทันลงมือ’ ทั้งคู่ถูกแบบลงไปทางหน้าต่าง เพื่อนสาวที่มารออยู่แล้วก็รีบรับทั้งสองขึ้นรถม้าแต่จินเซียงบอกว่ายังมีงานอยู่เลยขอให้เอาสองคนไปส่งที่จวนก่อน
“เกิดอะไรขึ้น!! ทำไมข้าถึง ฟุบ!”
“หึ คิดว่าข้าผู้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ตระกูลหยางจะโดนคนอย่างเจ้า เอะ” หญิงสาวลากร่างคนสลบไปโยนไว้บนเตียง
“สตรีรึ! หึหึหึ ร่างกายของนางช่างน่าสนใจนัก แม้ข้าจะเป็นสตรีแต่ข้าก็ไม่รังเกียจเจ้าหรอกน่ะ เด็กๆ พานางกลับจวน!” จินเซียงผู้โชคร้ายถูกใครบางคนพาตัวไป
ที่จวนตระกูลถัง
“นายกองข้าพาคนมาส่ง ส่วนจินเซียงจะตามมาทีหลัง” หญิงสาวทักชายที่เพื่อนบอกมาว่าต้องบอกคนนี้ก่อนเท่านั้น
“เจ้าคือสหายของจินเซียงรึ แล้วนางล่ะ”
“เดี๋ยวคงกลับมา ท่านเรียกสาวใช้มาเอาสองคนนี้ไปก่อน ข้าจะได้กลับจวนของข้าบ้างดึกแล้ว”
“ขอบใจท่านมาก ข้าจะรีบรายงานนายท่าน” นายกองหลี่รีบเข้าไปในจวนและพวกสาวใช้ก็ออกมาพาคุณหนูทั้งสองของจวนกลับเข้าไปในจวน
“ขอบคุณแม่นางที่ช่วยเหลือ”
“นายท่านควรขอบคุณสหายข้ามากกว่า ถ้านางไม่ส่งข่าวบอกข้า ข้าก็คงไม่เอารถม้าไปรอรับหรอก ขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” หญิงสาวประสานมือแล้วขึ้นบังคับรถม้าหายไปในความมืด
เช้าวันต่อมา
“ปวดหัวจัง ทำไมร่างกายข้าถึงปวดเช่นนี้” จินเซียงลืมตาขึ้นมาแล้วมองไปทั่วห้อง ”ที่ไหนกัน!”
“นอนต่อเถอะเมื่อคืนเจ้ายังไม่ได้พักเลย หรืออยากให้ข้าทวนความจำให้เจ้าล่ะแม่สาวนักฆ่า” จินเซียงหันมองตามเสียงเจ้อเพียงสตรีที่กำลังนอนกอดนางจากด้านหลังแบบแนบเนื้อจนรู้สึกได้ ชาติก่อนยังไม่เคยมีแฟน มาชาตินี้ถูกจับขึ้นเตียงแล้ว
“ท่านจับข้ามาทำ ว้ายย!” หญิงสาวพลิกตัวขึ้นคล่องจินเซียง มีเพียงผ้าห่มผืนบางคลุมกาย
“ข้าอุตส่าห์ช่วยสองพี่น้องจากพวกโจร ข้ายังช่วยรักษาพวกนางแต่เจ้ากลับรอบทำร้ายข้าและคนของข้า” นางยิ้มให้จินเซียงแล้วก้มหน้ามาใกล้สูดรับกลิ่นอายกายสาว
“ดวงตาคู่นี้สวยดีข้าชอบ เจ้าคงคิดว่ายาสลบนั่นจะทำอะไรข้าได้” หญิงสาวยิ้มแล้วขยับหน้าลงมาจนได้ยินเสียงหายใจของอีกฝ่าย “แต่ของข้าแรงกว่าเจ้าเยอะ” สุดท้ายก็ต้องปล่อยเลยตามเลยเพราะฤทธิ์ของยาสลายกำลัง
ตกบ่ายจินเซียงตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกว่ามีใครหลายคนกำลังเช็ดตัวให้นางอยู่ แล้วไหนจะกลิ่นยาที่แรงจนทำให้สติของนางกลับมาอย่างรวดเร็ว
“แม่นางตื่นแล้วรึเจ้าค่ะ เช่นนั้นท่านมาทานอาหารก่อน ข้าจะไปรายงานท่านแม่ทัพก่อนว่าท่านตื่นแล้ว” สาวใช้คนนั้นรีบเดินออกไปปล่อยให้คนอื่นๆ แต่งตัวให้นางต่อ
“พวกเจ้าตอบข้าทีว่าเกิดอะไรขึ้น” แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบเพราะทุกคนเอาแต่ก้มหน้าอย่างเดียว
“แม่นางมาทานอาหารเถอะ ไม่เช่นนั้นท่านแม่ทัพอาจตำหนิพวกเราได้” สาวใช้หลายคนช่วยกันพยุงนางไปที่โต๊ะอาหารและไม่นานบุคคลที่ทำนางให้เป็นเช่นนี้ก็มาถึง
“พวกเจ้าออกไปก่อน”
“เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ” สาวใช้ทั้งหมดออกไป
“เป็นไงบ้าง” นางเอามือค่อยๆ ปัดผมออกจากหน้าของจินเซียง
“ท่านทำแบบนี้ทำไม” จินเซียงถามด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนัก “ถ้าจะเอาก็บอกไม่ต้องวางยา”
“เช่นนั้นข้าคงต้องทบทวนความจำเรื่องของเราซักรอบดีไหม ก่อนจะพาเจ้าไปส่งที่จวนตระกูลถัง เจ้าว่าดีรึไม่” นางยื้นหน้าเข้ามาใกล้จนห่างกันแค่ปลายจมูก
“ไม่ต้อง ท่านถอยไปเลย ว้าย~ ตุบ!” จินเซียงหงายหลังตกเก้าอี้และพูดไม่ออกเพราะอีกคนก็ตามนางลงมาด้วย
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่จวนตระกูลถัง”
“นางเหมือนน้องสาวของข้า ข้าจะไม่รู้จักนางได้อย่างไร” นางยิ้มมุมปากทำเอาจินเซียงขนรุกไปทั้งตัว
“ท่านยังไม่บอกชื่อข้าเลยน่ะ” จินเซียงพยายามหาทางรอดให้ตัวเอง
“เอ๋ ข้าลืมไปหรอเนี่ย” นางนั่งค่อมจินเซียงแล้วใช้มือทั้งสองข้างดันแขนของจินเซียงไว้กับพื้น
“ข้าหยางเผยอิง”
“หึ เจ้าทำข้าไว้แสบนักน่ะเผยอิง” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าจินเซียง เผยอิงเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มันทิ่มนางอยู่
“ข้าขอคืนให้เจ้า” พูดจบเผยอิงก็นั่งตัวเกร็งเพราะคนที่นอนอยู่นั้นได้รวบตัวนางและยกขึ้นก่อนที่อะไรบางอย่างจะเข้าไปในตัวนางในครั้งเดียวจนจุก
“จะ เจ้า อย่า อะ เอาออกไปก่อนน่ะ” เผยอิงหายใจไม่ทั่วท้องจนฟุบหน้าลงบนเนินอกของจินเซียง
“ของจริงเริ่มต่อจากนี้” จินเซียงรุกขึ้นพร้อมกับเผยอิงที่ยังอยู่ในตำแหน่งนั้นพอดี จินเซียงยิ้มกรุบกริบแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะหนังสือ เผยอิงก็ได้แต่เกร็งตัวตามจังหวะเดิน
“ไม่ๆ ข้าขอโทษ อย่าทำข้าน่ะ” แม่ทัพสาวพยายามอ้อนวอนแต่ไม่เป็นผล
“สายไปแล้ว” จินเซียงเริ่มบรรเลงกระบวนท่าจนเสียงร้องทั้งคู่ตั้งไปทั่วเรือนนอนของเผยอิง สาวใช้ต่างพากันรีบเดินหนีเพราะรู้แล้วว่าอย่างไรวันนี้ก็คงปิดจวนไม่รับแขกเช่นเคย
แม้จะผ่านมาครึ่งคืนเผยอิงก็ยังไม่ได้ออกไปไหน นางโดยเคี่ยวกรำอย่างหนักหน่วง จินเซียงเองก็ไม่ยอดลงให้แม้แต่น้อย เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลที่รู้ว่าหลานสาวตัวดีพาคนเข้าเรือนและตอนนี้ยังไม่ออกมาก็เรื่องพากันวิตกกังวล จวบจนเช้ามาเยือนเผยอิงถึงได้พัก
“กินเท่าไหร่ก็ไม่พอ” จินเซียงจูบลงที่หลังคอของแม่ทัพหญิง
“ข้าไม่เคยสอดใส่อะไรในตัวเจ้า แต่เจ้ากลับเอาความบริสุทธิ์ข้าไป” นางเริ่มมีน้ำตา ขึ้นแม้จะทำกิจอยู่บ่อยก็เถอะ
“เจ้าไม่เคยทำหรอ”
“ใช้มือกับถูอย่างเดียว แต่เจ้ากลับเอาเจ้ายักษ์นั้นเข้ามาในตัวข้า ฮึก เจ้ามาเลวที่สุด” เผยอิงเริ่มตัดพ้อ และมีน้ำตา
“เจ้าเป็นถึงแม่ทัพใหญ่จะมาร้องแบบนี้ไม่ได้น่ะ” จินเซียงพูดจบก็จูบลงบนหน้าผากอย่างแผ่วเบา แล้วประกบจูบก่อนจะลากยาวลงมาด้านล่างเพื่อเดิมชิมน้ำหวานยามเช้า
“เจ้าคนมักมาก” เผยอิงนอนบิดตัวไปมาด้วยความเขินอายกับความรู้สึกอันแปลกประหลาดที่จินเซียงมอบให้
“เผยอิง เจ้าเป็นของข้าแล้ว” พูดจบเผยอิงก็ไม่ได้ออกห้องอีกจนกระทั่งบ่ายทั้งคู่ที่อาบน้ำล้างตัวแล้วก็เดินออกมาพร้อมกันเพราะสาวใช้ไปตาม
“พวกเจ้ามาแล้วรึ มาหาพ่อนี่” ผู้นำตระกูลเรียกทั้งสองเข้าไปหา
“คารวะท่านเจ้าบ้านหยาง ฮูหยินหยางเจ้าค่ะ” จินเซียงประสานมือคารวะ
“ต่อไปเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เรียกพ่อกับแม่เถอะ”
“ห่ะ!” สองสาวมองคนพูดอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“ตะ ตะ ตะ แต่ว่าฮูหยินหยาง ขะ ข้า”
“อะไรกันข้าไม่รังเกียจเจ้าหรอกน่ะ เจ้าหน้าตาผิวพรรณก็ดีถ้ามีเจ้าก้อนแป้งคงจะได้พวกเจ้าสองคนมาไม่น้อยเลยทีเดียว” ฮูหยินหยางยิ้มอย่างยินดีเพราะลูกสาวไม่ต้องแต่งออกนอกเรือน
“อะฮึม น้องหญิงเจ้าหยุดมโนก่อนน่ะ พี่ว่าเรารีบไปหาตาแก่ตระกูลถังเถอะ”
“ใช่ๆ พวกเราจะรอช้าไม่ได้ ลูกรองเองก็แต่งออกไปแล้วด้วย เจ้าใหญ่จะได้แต่งซักที”
“แต่ว่าท่านพ่อ ท่านแม่ พวกทางยังไม่รู้จักนางเลยน่ะเจ้าค่ะ”
“เดี๋ยวก็รู้จักกันเองแหละ เจ้าไปส่งพี่เค้าที่จวนหน่อยซิลูก”
“ท่านแม่!” เผยอิงพูดไม่ออก รบมาก็หลายปีจนถูกจับแต่งงานก็หนีไปสนามรบ จนตอนนี้อายุ 20 แล้วก็ยังไม่ใครคู่ ต่างจากน้องสาวที่แต่งออกไปกับคนรัก แต่ตอนนี้กลับจะได้แต่งงานเพราะพลาดเพียงครั้งเดียว
“ท่านพี่ อ่าวเจ้าทำไมมาอยู่จวนข้า” จินเซียงหันไปมองต้นเสียง
“อ้าวเจ้านี่เอง เถ้าแก่เนี้ย”
จินเซียงมองคนรักนั่งเงียบมาซักพักตั้งแต่ได้ฟังเรื่องที่เอมิลเล่า เรื่องของคนรักเก่าที่ตายจากไปไม่หวนกลับ ทั้งคู่มีหลายอย่างที่เหมือนกันอย่างแยกไม่ออกแตกต่างกันก็แค่สีผม “เจ้าก็คือเจ้า ข้ารักเจ้าด้วยใจจริง”“ท่านคงไม่คิดว่าข้าเป็นตัวแทนนางใช่รึไม่” “อดีตก็คืออดีตไม่อาจย้อนกลับได้อีก ความผิดพลาดครั้งนั้นเป็นบทเรียนให้ข้าว่าข้าจะต้องไม่ผิดพลาดอีกซ้ำสอง” “ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย” “นั่นซิน่ะ มาเถอะไปดูคนอื่นๆ ทำงานกัน” “เจ้าค่ะ” ทั้งคู่เดินออกนอกห้องทำงานตรงไปที่ท้ายจวนติดท่าเรือ โรงหลอมนั้นกำลังถูกสร้างอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้ผิดพลาด ส่วนพื้นที่ด้านข้างและจวนหลังนั้นก็กำลังมีการปรับปรุงโดยใช้แผ่นไม้มาล้อมส่วนติดถนนไว้เพื่อไม่ให้คนเห็นว่าทำอะไรก่อนที่กำแพงจะสร้างเสร็จแต่เรื่องการเตรียมตัวสำหรับวัตถุดิบนั้นก็ได้คนจากตระกูลหวังที่ครอบครองการค้าเหล็กและแร่หลายชนิดมาช่วยในการจัดหา ทำให้เรื่องวัตถุดิบง่ายขึ้นมามาก เจ็ดวันต่อมาโรงหลอมก็สร้างเสร็จ ฮ่องเต้ทรงมาดูงานด้วยตัวเองเพราะอยากรู้ว่าการหล่อปืนใหญ่จะเหมือนตีดาบรึไม่ หลังจากที่โหรหลวงมาถึงก็เริ่มทำพิธีบูชาดินฟ้าเพื่อความเป็นสิริมงคล ฮ่
หลายวันต่อมาจินเซียงเข้าวังพร้อมโจวกุ้ยเฟยและตรงไปที่ตำหนักใหญ่ของฮองเฮาเพื่อส่งอาหารตามที่พระองค์เคยขอ “ถวายบังคมฝ่าบาท” “ตามสบายเถอะหลานข้า ว่าแต่ลมอะไรหอบเจ้ามาพร้อมนางกัน” พระนางมองไปที่โจวกุ้ยเฟย เมื่อเห็นไม่สะดวกพูดจึงไล่คนอื่นๆ ออกไปก่อน“เอาล่ะตอบมา” “เมื่อคืนกุ้ยเฟยไปที่จวนเพค่ะ เลยมาพร้อมกัน” “เรื่องนั้นซิน่ะ” “เพค่ะพี่หญิง” “เฮ้อ...พี่บอกแล้วว่าอย่าไปตามใจเยอะ ไม่เช่นนั้นจะเสียคนแล้วเป็นไงล่ะ” “ถ้าไม่ติดว่าการทำร้ายองค์ชายเท่ากับทำร้านสายเลือดมังกรน่ะ น้องจะตบแม่งหัวทิ่มไปเลย” โจวกุ้ยเฟยพูดพร้อมแสดงท่าทาง จินเซียงได้แต่ยืนยิ้ม“พอเลย...ข้าคนว่าเจ้าเข้าวังแล้วจะสงบลงแต่ที่ไหนได้” “พวกท่านใจเย็นก่อนแล้วรีบมาทานอาหารก่อนที่จะ...อ่าว!...หายไปไหน!” จินเซียงมองหากล่องอาหารที่เอามาด้วย “ง่ำๆ อาย่อยมากน้องรอง” “ชู่~ เงียบๆ หน่อย นางหูดีมาก” “เอ่ออ~ พี่รอง น้องว่า~” “อะฮึม!...แม่ว่า…แม่สอนพวกเจ้ามาดีน่ะ สอนทั้งอบรมมารยาทสตรีหรือว่าต้องให้แม่นมทบทวนความจำให้!” ฮองเฮายืนท้าวเอวมองลูกสาวของตน“ถะ...ถวายพระพรเสด็จแม่เพค่ะ” ฉางหรูยิ้มแล้วรีบเอากล่องอาหารซ่อนไว้หลังม่านอย่าง
หลายวันต่อมาที่จวนใหญ่แห่งหนึ่ง มีใครบางคนกำลังนั่งกลุ้มใจเพราะไม่สามารถทำตามแผ่นได้สำเร็จแต่คนที่ส่งไปนั้นกลับหายสาบสูญไปทุกรายอย่างไม่ทราบสาเหตุ “ให้มันได้แบบนี้ซิ ทำงานกันภาษาอะไรถึงได้หายหัวกันไปหมด” “นายท่านขอรับ พวกเราไปพบร่องรอยบางอย่างขอรับ” ชายชุดดำส่งกระดาษให้ผู้เป็นนาย “ตายหมด! เป็นไปได้ไง” “ขอรับ ดูเหมือนว่าจะมีคนคอยหนุนหลังอยู่” “ท่านพ่อ แบบนี้เหล่าอาหารของเราจะไม่แย่รึขอรับ” “พ่อไม่กลัวเรื่องนั้นแต่ห่วงเรื่องว่ามันจะกระทบงานใหญ่มากกว่า แล้วเรื่องสองตระกูลนั้นเป็นเช่นไรและเรื่องที่ให้ไปสืบได้ความเช่นไร” “ขอรับนายท่าน สองตระกูลนั้นพากันปิดปากเงียบหลังจากที่ตระกูลที่เคยหมั้นหมายต่างพากันขอถอนหมั้น ทำให้หญิงสาวในตระกูลนั้นต่างพากันเก็บตัวขอรับ ส่วนเรื่องที่ให้ไปสืบนั้นได้ความมาว่าแม่ทัพหยางยังนอนไม่ได้สติขอรับ แต่การจะเข้าใกล้เรือนนั้นถือเป็นเรื่องยากมากเพราะมีการคุ้มกันที่แน่นหนาและไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมจนกว่าท่านขุนพลจะกลับมาขอรับ” “หึหึหึ ดีแบบนั้นแหละดี ไปตามนักพรตนั่นมาเราจะใช้นางเป็นตัวประกันให้เจ้านั้นยอมทำตามเงื่อนไขของเรา” “แต่ท่านพ่อ ถ้านางไม่ยอมล่ะขอ
ต้นเดือนเก้าเหล่าอาหารก็สร้างจนเสร็จและกำหนดที่จะเปิดก็คืออีกสามวันซึ่งตรงกับวันที่เก้าพอดี แม้ใจจะรู้ดีว่าไม่ควรจัดงานมงคลในช่วงนี้แต่ด้วยที่ว่าถ้าคนที่นอนอยู่รู้ว่าไม่ยอมเปิดเหล่าอาหารคงไม่ไม่ดีแน่ถ้าตอนที่นางตื่นขึ้นมาแล้วมีคนบอกให้รู้“ท่านพ่อ ท่านแม่” จินเซียงหลังจากอาบน้ำให้คนรักแล้วก็มาหาผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลที่ห้องโถง“น้องเป็นเช่นไรบ้างลูก” หลอหลันถาม“เจ้าค่ะท่านแม่ ลูกพึ่งอาบน้ำให้นางและป้อนยา”“เจ้าคงไม่ได้ทำอะไรลูกแม่ใช่รึไม่” ชุ่ยหยุนหรือฮูหยินหยางถามจินเซียงได้ยินก็หน้าแดง “ลูกรอนางตื่นก่อนเจ้าค่ะ”“อืม พวกแม่เชื่อเจ้าและหวังว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี” หลอหลันให้กำลังใจลูกสาว แต่ก็ขอให้ปาฏิหาริย์มีจริง ขอให้เผยอิงฟื้นขึ้นมาในเร็ววัน“จริงซิ และชื่อร้านคิดได้รึยัง” ฮูหยินเฒ่าตระกูลถังถาม“เจ้าค่ะ ขุนพลนิทราเจ้าค่ะ” ทั้งห้องเงียบกริบไม่มีใครพูดอะไร“หลานย่า เจ้าไม่มีชื่ออื่นแล้วรึ” ฮูหยินเฒ่าตระกูลถังรู้สึกอายแทน“ยังเจ้าค่ะ”“แย่แน่แบบนี้ฮ่องเต้ได้บ่นแน่ๆ พระองค์รอทำป้ายร้านให้เจ้าอยู่น่ะ” เอี้ยซ่งบ่นใส่ลูกสาวคนโต ที่นางนั้นมีปัญหาเรื่องการตั้งชื่อ“เซียงอิงขุนพลไก่ทอ
ทุกคนมองเป็นทางคนผู้นั้นแล้วก็มีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว ยิ่งอาวุโสถังผู้เป็นปู่ที่มองหน้าหลานไม่แท้อย่างตั้งคำถาม แต่คนที่ตกใจที่สุดนั้นคือพระชายาทั้งสองของรัชทายาท “พวกเจ้ารู้จักนางรึ” “พะ เพค่ะ นางคือคนที่ช่วยพวกเราไว้จากกลุ่มโจรเมื่อหลายปีก่อนเพค่ะ ตอนที่พวกเราตามเสด็จไปล่าสัตว์เพค่ะ” “เพค่ะ ตอนที่พานางมาพักรักษาตัวท่านก็น่าจะเคยเห็น รวมถึงยังเคยช่วยองค์หญิงจากการถูกลักพาด้วยน่ะเพค่ะ” “เจ้าเป็นคนช่วยลูกของเราเมื่อตอนนั้นรึ” “ข้าเองก็จำอะไรได้ไม่ค่อยมาเพราะเมื่อหลายเดือนก่อนเกิดอุบัติเหตุขึ้นทำให้ความจำบางส่วนหายไป ต้องขอโทษด้วย” จินเซียงพูดแก้ตัว เพราะจำไม่ได้จริงๆ“เช่นนั้นเรื่องการเจรจาสงบศึกข้าจะช่วยพูดให้ส่วนเรื่องการแต่งงานคงมิอาจช่วยได้” พระมเหสีสูงสุดแห่งเหลียวหรือจะเรียกว่าฮองเฮาก็ได้ตามความคุ้นเคยของผู้มาจากภาคกลาง พระนางรับปากเรื่องเจรจาแต่อีกเรื่องไม่รับปาก“ท่านวางใจเถอะ ข้าไม่คิดจะจับใครแต่งงาน แต่ถ้าท่านข่านเสนอมา ทางเราก็คงยากจะปฏิเสธนอกเสียจาก” “นอกเสียจากอะไรกัน” “นอกเสียจากจะมีใครเสียตัวในคืนนี้แล้วข้าจะรีบเขียนสารด่วนกลับไปขออนุญาตเรื่องการแต่งงานเจริญสั
เช้าวันต่อมาเสียงกลองรบดังสนั่นทั่วเมือง ชาวบ้านชาวเมืองต่างพากันสวดมนต์ขอพรให้กองทัพมีชัยเหนือศัตรูผู้รุกรานถึงแม้จะมีหวังน้อยเต็มทีแต่ก็ยังมีแสงสว่างอยู่ในคือสองแม่ทัพที่ตอนนี้ยืนคู่กันอยู่บนกำแพงเมือง “อันเตรียย่าข้าว่ามันสวยจริงๆ ถ้าเทียบกับกองทัพของอัศวินแล้ว” “นั่นซิ แม้จะอยู่ในสงครามมาหลายสิบปีก็ยังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้” “ท่านพี่ ที่นั่นเป็นเช่นไร” เผยอิงถาม “ที่นั่นเรารบกันด้วยความเชื่อและศรัทธา บ้างก็มีเหตุผลแตกต่างกันไป กองทัพนั้นอืม จะว่าไงดีล่ะ พี่ว่าดาบที่อัศวินใช้คงจะฟันพวกทหารเหลียวไม่เข้าแน่ๆ” “ใช่แล้วน้องสะใภ้ ดาบพวกนั้นมันอาศัยน้ำหนักอย่างเดียว ส่วนดาบที่เบาก็เบาเกินไปทำให้สู้กับพวกใส่เกราะเหล็กไม่ได้” “ข้าชอบดาบวงพระจันทร์ กับดาบใหญ่อันนี้มากกว่า” จินเซียงมองดาบคู่ใจในมือ ความสมดุลของดาบทั้งสองนั้นดีมาก“ข้าอยากถามมานานแล้วว่าทำไมท่านถึงพกอาวุธไว้เยอะแยะ”“ไม่รู้ซิ มันชินแล้ว” จินเซียงตอบคนรักแล้วหันไปมองที่สนามรบที่ตอนนี้ทหารเหลียวได้ลากหอตีเมืองมารอพร้อม“สั่งยิงได้เลย เราไม่จำเป็นต้องให้เกียรติพวกมันเพราะพวกมันเหยียบย่ำและฉีกสัญญาของพวกเราก่อน” จินเซียงหันไป