Share

7. เด็กอกตัญญู (1)

last update Last Updated: 2025-06-23 20:37:11

“เป็นอย่างไร รสดีหรือไม่” เหมาไป่เอ่ยถามหลานสาวและหลายชาย หลังจากตักอาหารให้ทั้งสองได้ลองทาน เช้าวันนี้เหมาไป่เข้าครัวทำอาหารให้หลานๆ ใบหน้าเหี่ยวย่นมองไปที่หลานทั้งสองด้วยสายตาที่คาดหวัง

“ดีขอยับ ดีที่สุด”

“รสดีมากเจ้าค่ะท่านยาย” ลี่มี่ยกยิ้มขึ้นมาเต็มใบหน้า ไม่ต่างจากลี่หมิงที่บัดนี้ตักข้าวเข้าปากอย่างสุขใจ อาหารที่ท่านยายทำมิได้เลิศรสราวกับนั่งกินในเหลาอาหาร แต่ทว่ากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความใส่ใจและรักใคร่

“เช่นนั้นก็กินให้มาก ประเดี๋ยวยายจะออกไปหาของป่าบนเขา วันนี้พวกเจ้าทั้งสองก็พักอยู่ที่เรือนเถิด” แม้เหมาไป่จะมีอายุมากแล้ว แต่นางมิมีบุตรคอยเลี้ยงดู ทั้งร่างกายยังแข็งแรงพอจะขึ้นเขาได้ นางจึงอาศัยการเก็บของป่ามาเลี้ยงปากท้อง

“ท่านยายมิต้องเข้าป่าแล้วเจ้าค่ะ ท่านอายุมากแล้ว ข้ากลัวว่าท่านจะเป็นลมล้มพับไป”

“ยายพอมีกำลัง เจ้าอย่าได้เป็นห่วงเลย”

“มิห่วงมิได้เจ้าค่ะ พวกเรามีท่านยายเพียงคนเดียวนะเจ้าคะ ต่อจากนี้มี่เอ๋อร์ผู้นี้จะเป็นคนหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวเองเจ้าค่ะ ท่านยายอย่าได้กังวลไป”

“แต่-” เหมาไป่เข้าใจความห่วงใยของหลานสาว แต่จะให้นางปล่อยหลานสาวหาเงินทอง เพื่อเลี้ยงปากท้องของคนทั้งครอบครัวคงจะมิได้

“เอาตามที่ข้าว่าเถิดเจ้าค่ะ ข้าอยากให้ท่านยายช่วยอยู่ดูแลอาหมิงด้วย”

“เช่นนั้นก็ได้ แต่หากมีสิ่งใดให้ยายช่วย เจ้าต้องรีบบอกยาย เข้าใจหรือไม่”

“เจ้าค่ะ”

“ขอยับ” เด็กชายตัวน้อยมิได้รู้เรื่องราวอันใดแม้แต่น้อย แต่เมื่อได้ยินพี่สาวเอ่ยตอบรับ เขาก็รีบทำตามทันใด จนผู้เป็นยายและพี่สาวอดที่จะหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูมิได้

ปัง ปัง ปัง!

“ท่านป้าเหมา อยู่หรือไม่ขอรับ” ลี่มี่ได้ยินเสียงเรียกจากนอกเรือนจึงลุกขึ้นไปเปิดประตู ก็พบว่าเป็นท่านลุงชุนไห่และพี่ชุนเต๋อ นางจึงเชิญทั้งสองเข้ามาในเรือนก่อน

“มีอันใดหรืออาไห่ มาแต่เช้าเช่นนี้”

“ข้าได้ข่าวว่าลี่มี่กับลี่หมิงมาอาศัยอยู่กับท่านป้า จึงอยากมาดูให้แน่ใจขอรับ” ชุนไห่มองไปทางหลานทั้งสองคนด้วยสายตารู้สึกผิด

“ข้ารับพวกเขาเป็นหลานแล้ว”

“ข้าและน้องก็เต็มใจอยู่กับท่านยายเจ้าค่ะ” ลี่มี่กระชับอ้อมกอดน้องชายแน่น นางรู้ดีว่าท่านลุงและพี่ชุนเต๋อเป็นห่วงพวกนางเพียงใด แต่นางมิอาจกลับไปที่สกุลชุนได้อีก

“เช่นนั้นข้าขอฝากทั้งสองด้วยนะขอรับ รบกวนท่านป้าด้วย”

“มิต้องห่วง ข้าจะดูแลพวกเขาเอง”

“ท่านพ่อขอรับ..เงิน” ชุนเต๋อที่นั่งเยื้องไปข้างหลัง เอ่ยทักผู้เป็นบิดา ชุนไห่เมื่อนึกได้ก็รีบนำถุงเงินออกมา

“รับไว้เถิดนะมี่เอ๋อร์ ลุงแอบหยิบมาได้เพียงเท่านี้” ถุงเงินที่มีเงินราวร้อยอีแปะถูกวางไว้บนมือของลี่มี่ แม้ว่าเด็กสาวจะปฏิเสธสักเท่าใด ชุนไห่ก็มิยินยอม จนลี่มี่ยอมรับเงิน ชุนไห่และชุนเต๋อจึงได้กลับไป

หลังจากนั้นลี่มี่ก็มาช่วยท่านยายทายาสมุนไพรให้กับน้องชาย รอยช้ำสีแดงม่วง ทำให้ลี่มี่นึกเสียใจที่ตนเองมิอาจไปช่วยน้องชายได้ทันการณ์ แต่ก็นึกดีใจที่เหตุการณ์นั้น ทำให้ตนเองตัดขาดกับสกุลชุนได้อย่างมิเหลือเยื่อใย มิแน่ว่าหากนางและน้องชายยังอยู่ในสกุลชุน อาจเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงกว่านี้ขึ้นได้

“นี่ก็ยามซื่อแล้ว (09:00 – 10:59 น.) เจ้าจะไปของานปักที่เรือนผู้ใหญ่บ้านก็ไปเถิด ยายจะดูอาหมิงให้ อย่าลืมของานมาเผื่อยายด้วยเล่า”

“เจ้าค่ะท่านยาย” ลี่มี่จัดอาภรณ์ให้เข้าที่ก่อนจะสะพายย่ามขนาดไม่ใหญ่มากไปด้วย หากมีงานปักผ้าจำนวนมาก นางจะได้มิต้องยืมย่ามจากเรือนผู้ใหญ่บ้านกลับมา

ขาเรียวก้าวเดินออกจากเรือนสกุลเหมาอยากแน่วแน่ วันนี้ถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ เรือนใหม่ ครอบครัวใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุขใจ ร่างบางสูดหายใจเข้าเต็มอก เดินตรงไปเรือนผู้ใหญ่บ้านด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

‘ท่านพ่อ ท่านแม่ หวังว่าท่านจะมองข้าอยู่ คอยเอาใจช่วยข้าด้วยนะเจ้าคะ’

ทว่า…ยิ่งเดินไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าตนเองนั้นเป็นจุดสนใจของคนรอบข้างมากเกินไป ไม่ว่าเดินไปทางใด ก็มีผู้คนมองมาที่นางด้วยสายตาแปลกประหลาด จะว่าโกรธเคืองก็มิใช่ ดูเหมือนจะเป็นสายตาที่ผิดหวังปนไม่ชอบใจเสียมากกว่า ลี่มี่เองก็ได้แต่มึนงง ทว่าความสงสัยของนางก็จางหายไปเมื่อได้ยินเสียงสนทนาของสตรีสามคนที่จับกลุ่มพูดคุยกันอยู่หน้าเรือน

“มิน่าเชื่อว่าเด็กสาวตัวบางเพียงเท่านี้จะกล้าทำร้ายป้าสะใภ้ของตนเอง อกตัญญูเสียจริง”

“นั่นน่ะสิ ยามชุนเจียงเอ่ยเล่าไปร่ำไห้ไป ข้าเองก็นึกว่านางเพียงแสร้งทำ แต่เมื่อเห็นรอยช้ำบนร่างกายนางแล้ว ข้ายังรู้สึกเจ็บปวดแทน”

“จู่ๆ ก็เข้ามาทำร้ายป้าสะใภ้ เพียงเพราะนางเอ่ยตักเตือนน้องชาย ใช้มิได้เสียจริง” สตรีทั้งสามพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ทั้งที่รู้ว่าลี่มี่กำลังเดินมาทางพวกนาง แต่พวกนางกลับมิยอมหยุด ราวกับต้องการเอ่ยให้ลี่มี่ได้ยิน

“เดิมที คิดว่าจะปากร้ายเหมือนมารดาเท่านั้น แต่นี่ถึงขั้นใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น ยิ่งกว่ามารดานางเสียอีก”

เสียงซุบซิบนินทาที่พาดพิงถึงผู้ที่สิ้นลมไปแล้ว ทำให้ลี่มี่มิอาจทนฟังได้อีกต่อไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่หมอแห่งซูโจว   85. เพียงแค่พวกท่านที่เข้าใจ (ตอนพิเศษ 2)

    คำเตือน เนื้อหาในตอนพิเศษนี้จะเกี่ยวข้องกับความรักแบบชายรักชายแต่เล็กจนโตหวังเยี่ยนและลี่หมิง มิเคยทำให้ลี่มี่หนักใจได้เท่าวันนี้ คำพูดของเด็กหนุ่มทั้งสองยังคงวนอยู่ในศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า“เจ้าว่าอย่างไรนะ”“ข้ารักอาหมิงขอรับ รักแบบคู่รัก มิใช่พี่น้องหรือเพื่อนพ้อง” หวังเยี่ยนเอ่ยอย่างหนักแน่น ต่างจากลี่หมิงที่บัดนี้ก้มหน้ามิกล้าสู้หน้าพี่สาว“…แล้วเจ้าเล่าอาหมิง” ลี่มี่สูดหายใจเข้าเต็มอก ต้องยอมรับว่านางตกใจอยู่บ้าง ด้วยคิดว่าเด็กหนุ่มทั้งสองสนิทสนมกันเพราะถูกเลี้ยงดูมาด้วยกัน มิคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ไปได้“ขอรับ น้องเองก็คิดเช่นเดียว อึก! กับคุณชาย” รู้อยู่เต็มอกว่าผิด และรู้ดีว่าไม่มีบิดามารดาคนใดอยากให้บุตรหลานเป็นเช่นนี้ แต่เขาและคุณชายก็ยังหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจและยอมรับในตัวตนของพวกเราได้“เห้อ”“คราแรก ข้ามิคิดจะเอ่ยบอกเรื่องนี้กับผู้ใด แต่ไม่กี่วันมานี้ ท่านพ่อเอ่ยกับข้าและอาหมิงเรื่องแต่สตรีเข้าสกุล แม้อยากจะทดแทนบุญคุณที่พวกท่านเลี้ยงดูข้ามา แต่ข้าก็มิอาจฝืนใจตนเองได้” หวังเยี่ยนและลี่หมิงทิ้งตัวลงคุกเข่าต่อหน้าลี่มี่“ฮึก”“ขอท่านแม่ช่วยพูดกับท่านพ่อให้พวกเราทีเถิดขอรับ”“

  • แม่หมอแห่งซูโจว   84. วิถีของบิดาที่มีบุตรสาว (ตอนพิเศษ 1)

    ข่าวการสละราชบัลลังก์ขององค์ฮ่องเต้ฉางหลงและการขึ้นครองราชย์ขององค์รัชทายาทฉางเฟิง แพร่ไปทั่วแคว้น เหล่าประชาราษฎร์ต่างแห่สรรเสริญ และเฉลิมฉลองกันถ้วนหน้า มิเว้นแม้แต่ครอบครัวของอี้หานและฟ่งอู๋ ที่พากันมาร่วมพิธีราชาภิเษกถึงเมืองหลวง“พวกเจ้าจัดสำรับเย็นไว้มากหน่อย วันนี้ฝ่าบาทจะพาฮองเฮาและองค์ชายทั้งสองพระองค์มาทานมื้อเย็นที่จวน” ลี่มี่และผิงผิงต่างวุ่นอยู่กับการจัดการเรื่องในครัวมี่เอ๋อร์ ผิงผิง ไปให้นมบุตรเถิด ทางนี้ยายกับฮูหยินรองจะดูแลให้เอง” มาครานี้ท่านยายเหมาไป่และมารดาของอี้หานก็พากันมาเที่ยวชมเมืองหลวงด้วย เพราะบัดนี้ลี่มี่คลอดบุตรชายเพิ่มมาอีกสองคน จื้อเจาวัยสองหนาว และจ้านฉือวัยห้าเดือน ผิงผิงเองหลังจากคลอดอาไฉบุตรชายคนแรก ก็มีอินเอ๋อร์บุตรสาววัยแปดเดือน ทั้งเหมาไป่และเจียอีจึงอาสามาช่วยดูแล“เช่นนั้นข้าฝากท่านแม่กับท่านยายด้วยนะเจ้าคะ”“ไปเถิดลูก ป่านนี้หลานแม่คงหิวแย่แล้ว” ฮูหยินรองเจียงอีว่าเช่นนั้น ก็หันกลับไปสั่งการบ่าวไพร่ให้เตรียมขนมของว่างไว้ด้วยลี่มี่กับผิงผิงจึงแยกกันไปให้นมบุตร ยังดีที่ตอนนี้หวังเยี่ยนและลี่หมิงโตเป็นหนุ่มกันแล้วจึงพอจะช่วยดูแลเฟินเยว่และอาไฉไ

  • แม่หมอแห่งซูโจว   83. ชีวิตที่มีสุข (จบ)

    ชีวิตของมารดาที่มีบุตรถึงสองคน และมีน้องชายอีกหนึ่ง มิได้ง่ายดายอย่างที่คิด ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ลี่มี่มิได้ทำหน้าที่ใดขาดตกบกพร่อง คงจะมีแต่การเปิดสำนัก ที่นางมิได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ศรัทธาเลยแม้แต่น้อย เพราะวันๆ ได้แต่วุ่นอยู่กับการเลี้ยงดูบุตรและน้องชาย“เยว่เอ๋อร์~ พี่อาเยี่ยนมาหาน้องแล้ว”“พี่อาหมิงก็มาหาเยว่เอ๋อร์เช่นกัน” และนี่คือเสียงที่อี้หานกับลี่มี่ได้ยินในทุกๆ เช้า ตั้งแต่บุตรสาวของนางคลอด พี่ชายทั้งสองก็เห่อน้องสาว เสียจนงอแงมิอยากไปสำนักศึกษา จนอี้หานต้องออกอุบายว่า พี่ชายที่ดีต้องเป็นแบบอย่างให้น้อง ทั้งสองจึงยอมไปเล่าเรียนที่สำนักศึกษาเช่นเดิม“เข้ามาเถิด น้องพึ่งดื่มนมเสร็จ กำลังอารมณ์ดีเชียวล่ะ” อี้หานลุกจากเตียงไปเปิดประตูให้เด็กชายทั้งสอง“โอ้โห! เยว่เอ๋อร์ดื่มนมเก่งเช่นนี้ วันหน้าคงโตไวเหมือนพี่อาหมิงแน่” เดิมทีลี่หมิงเอ่ยแทนตนเองว่าท่านอา แต่ฟังดูแล้วก็แปลกชอบกล ลี่มี่จึงให้ลี่หมิงแทนตนเองว่าพี่ไปก่อน วันหน้าค่อยเอ่ยบอกกับเฟินเยว่ ว่าแท้จริงแล้วลี่หมิงมีศักดิ์เป็นท่านอาของนาง“แอ้ๆ บู้ คิก” เยว่เอ๋อร์ตัวน้อยดิ้นดุกดิก อย่างชอบใจ“ห้ามเหมือนๆ ข้ากลัวว่าเยว่เอ๋อร์จ

  • แม่หมอแห่งซูโจว   82. เรื่องน่ายินดี (1)

    เจ้าเมืองซูโจวเดินวนไปมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ จนฟ่งอู๋ที่กำลังตรวจอาการของลี่มี่นึกรำคาญ“เจ้าหยุดเดินได้หรือไม่อี้หาน ข้ามิมีสมาธิในการตรวจ”“ขออภัย ข้าเพียงกังวล” อี้หานถอยกลับไปนั่งเก้าอี้ ทั้งที่ในใจนึกกลัวไปต่างๆ นานา หวาดกลัวว่าภรรยาจะป่วยหนักเมื่อสหายหยุดเดิน ฟ่งอู๋ก็รีบทำการตรวจต่อ มือของหมอหนุ่มคลำหาชีพจรบนข้อมือเล็ก ครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ใบหน้านิ่งเฉยจะเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด“เฮ้อ!”“เกิดอันใดขึ้นฟ่งอู๋ เจ้าบอกข้าว่าลี่มี่เป็นอันใด ร้ายแรงหรือ” อี้หานเห็นสีหน้าบูดบึ้งของสหายก็ตีความไปแล้ว ว่าฮูหยินของเขาอาจเป็นโรคร้าย ในตาดำขลับสั่นระริกไปด้วยความกลัว“ฮูหยินเจ้าตั้งครรภ์”“ห๊ะ!!?”“ฟังไม่ผิด ลี่มี่ตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือนแล้ว ที่เป็นลมล้มพับไป คงเพราะเหนื่อยล้าร่วมกับอาการแพ้”“เจ้าว่าลี่มี่ตั้งครรภ์” ดวงหน้าคมคายชะงักค้าง สติที่มีอยู่น้อยนิดหลุดลอยไปจนหมด“ใช่!”“ละ แล้วเจ้าจะทำหน้าเช่นนั้นด้วยเหตุใด! ข้าหรือก็นึกว่าเกิดเรื่องร้าย ทั้งที่เป็นเรื่องน่ายินดีเช่นนี้” อี้หานดันกายฟ่งอู๋ให้ออกห่างจากเตียง แล้วทรุดตัวนั่งลงแทนที่ บัดนี้ฮูหยินของเขายังมิได้สติ คง

  • แม่หมอแห่งซูโจว   81. ยื่นมือเข้าช่วย

    ขบวนเดินทางกลับเมืองซูโจว เต็มไปด้วยผู้คนคละคล่ำ เพราะการเดินทางโปรดนี้มีองค์รัชทายาทและพระชายาร่วมเดินทางมาด้วย เป็นอย่างที่ทุกคนคิด หลังจากที่คุณหนูซินเหม่ยตอบตกลงเรื่องการอภิเษก องค์รัชทายาทก็หาฤกษ์ที่เร็วที่สุด โดยอ้างว่าจะได้เร่งมีโอรสธิดาเพื่อความมั่นคงของราชวงศ์ และแน่นอนว่าองค์ฮ่องเต้ก็เห็นดีเห็นงามด้วย เหล่าขุนนางกรมพิธีการจึงเร่งจัดงานกันจนหัวหมุนหลังจากเสร็จสิ้นพิธีอภิเษก อี้หานจึงพาครอบครัวกลับเมืองซูโจวทันที เพราะทนต่อเสียงรบเร้าของฟ่งอู๋ไม่ไหว“สหายท่านจ้องจะหลอกกินเต้าหู้ ผิงผิงของข้าอยู่เรื่อย”“ฮ่าๆ สงสารเขาเถิด เกี้ยวผิงผิงตั้งแต่ยังมิพ้นวัยปักปิ่น แต่กลับแพ้องค์รัชทายาทที่ได้แต่งชายาก่อน เจ้าคงมิรู้ว่าที่องค์รัชทายาทไปเข้าห้องหอช้า ก็เพราะถูกฟ่งอู๋กลั่นแกล้ง” ลี่มี่หัวเราะร่า จะว่าไปก็น่าสงสารจริงๆ นั่นแหละ“ว่าแต่เราใกล้จะถึงเรือนหรือยังเจ้าคะ ข้ารู้สึกเพลียๆ อยากกลับไปนอนพักแล้ว” ลี่มี่ว่าพลางซบลงไปบนไหล่กว้าง พวกเขาเดินทางมาแรมเดือน ได้พักเต็มอิ่มบ้าง ไม่เต็มอิ่มบ้าง ทั้งการอยู่ในรถม้าทั้งวันก็เมื่อยขบยิ่งนัก ดีที่นางไม่รบเร้าให้ท่านยายมาด้วย มิเช่นนั้นคงทำให้ท่

  • แม่หมอแห่งซูโจว   80. ตอบแทนรัก (2)

    หลังจากที่ตัดสินใจว่าจะเกี้ยวซินเหม่ยให้สำเร็จโดยเร็ว ฉางเฟิงก็เทียวเข้าเทียวออกเรือนเสนาบดีซินเป็นว่าเล่น บ้างก็นำสุรามาดื่มกินกับว่าที่พ่อตา บ้างก็นำตำราที่ซินเหม่ยสนใจมาให้ แต่ที่หนักสุดคงจะเป็นครานี้ เพราะองค์รัชทายาทหนุ่ม ถึงขั้นยกนางในประจำห้องเครื่อง มาสอนคุณหนูสกุลซินทำสำรับเย็นถึงในเรือน เพียงเพราะนางเอ่ยว่าอยากลองทำอาหารมื้อเย็นฉบับชาววังบ้าง“คารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ” / “คารวะองค์รัชทายาทเพคะ”“ท่านพ่อตา ท่านแม่ยายตามสบายเถิด เจ้าก็ด้วย” แม้ปากจะพูดคุยอยู่กับบิดาและมารดาของซินเหม่ย แต่ตายังคงติดอยู่กับหญิงสาวตั้งแต่มาถึง“อะแฮ่ม! วันนี้เรียกพ่อตาเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีซินเอ่ยเย้า ทีเล่นทีจริงกับชายหนุ่ม“ข้าเรียกเผื่อไว้ จะได้ชินปาก วันนี้ข้าพานางในประจำห้องเครื่องมาสอนเจ้าทำสำรับ แล้ว…อยากขออยู่รับสำรับเย็นด้วย” แววตาออดอ้อนทำเอาซินเหม่ยยิ้มขำ นางรู้ดีว่าองค์รัชทายาทขี้เล่นมิต่างจากฟ่งอู๋ แต่ก็มิคิดว่าจะมีมุมน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้“กระหม่อมยินดีพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าอยู่ได้หรือไม่” เมื่อได้รับคำตอบจากว่าที่พ่อตาแม่ยายแล้ว ร่างสูงจึงหันไปถามสตรีที่รัก“แต่อาหารที่ข้าพึ่งหัดทำ อา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status