/ รักโบราณ / แม่หมอแห่งซูโจว / 6. ผู้ใดจะทนไหว (3)

공유

6. ผู้ใดจะทนไหว (3)

last update 최신 업데이트: 2025-06-22 10:27:45

ลี่มี่เก็บข้าวของจำเป็นของตนเองและน้องจนครบ พับเก็บใส่ห่อผ้าอย่างรวดเร็ว โดยมิลืมหยิบเงินที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ ใส่สาบเสื้อของตนเอาไว้ นางคิดแล้วคิดอีกว่าจะนำของต่างๆ ของท่านพ่อและท่านแม่ไปด้วยดีหรือไม่ แต่ด้วยสัมภาระของนางและอาหมิงก็มีมากมายแล้ว นางจึงเลือกเสื้อผ้าที่ท่านพ่อและท่านแม่ชอบสวมใส่ ติดตัวไปด้วย

“พี่มี่เอ๋อร์ ฮึก! เราจะไปที่ใดกันหยือ”

“พี่ยังมิรู้ แต่เราต้องออกจากที่นี่ก่อน เจ้าเจ็บมากหรือไม่…มาเถิด พี่จะอุ้มเจ้าเอง” ลี่มี่ปาดน้ำตาบนใบหน้าของน้องชาย พลางโอบอุ้มเด็กชายตัวน้อยเข้าอก

“มี่เอ๋อร์ เจ้าคงมิคิดจะออกจากสกุลของเราจริงๆ ใช่หรือไม่” ชุนเต๋อเอ่ยรั้งน้องสาว เมื่อเห็นว่าลี่มี่หอบหิ้วสัมภาระมากมายออกมาจากห้อง ท่านพ่อสั่งให้เขามาปลอบใจลูกพี่ลูกน้องทั้งสอง เพราะกลัวว่าทั้งคู่จะเสียใจและคิดทำสิ่งที่มิสมควร แต่ยังไม่ทันที่ชุนเต๋อจะเคาะประตูเรียก ลี่มี่และลี่หมิงกลับหอบหิ้วสัมภาระมากมายออกมา

“เป็นเช่นนั้นพี่ชุนเต๋อ ข้ากับน้องขอตัดขาดกับพวกท่านทั้งหมด จากนี้ข้ามิขอยุ่งเกี่ยวกับสกุลชุนอีกต่อไป” ลี่มี่เดินออกจากเรือนไปอย่างแน่วแน่ มิหันกลับมามองด้านหลังแม้แต่น้อย

“ท่านพ่อ ท่านพ่อขอรับ! มี่เอ๋อร์พาอาหมิงออกจากเรือนไปแล้วขอรับ” เสียงตะโกนของบุตรชายคนโต ทำให้ชุนไห่ที่พูดคุยไกล่เกลี่ยกับมารดาและภรรยาอยู่ ต้องรีบวิ่งมาหน้าเรือน

“มี่เอ๋อร์ เจ้าใจเย็นก่อนเถิด ใกล้มืดเช่นนี้อันตรายยิ่งนัก”

“ปล่อยนางไป หากนางคิดว่าจะมิอดตาย ก็ปล่อยนาง อวดดี! จองหอง! แล้วอย่าได้คิดจะกลับมาสกุลชุนของข้าอีก” ชุนฉือตะเบ็งเสียงออกมาดังลั่น ร่างอวบของหญิงชราสั่นเทาไปด้วยความโกรธ นางใช้ชีวิตมาจนใกล้จะลงโลง ยังมิมีผู้ใดทำให้นางเสียหน้าได้ถึงเพียงนี้ ถึงกลับกล้าเอ่ยตัดขาดจากตระกูล

นางช่างกล้า ช่างกล้านัก!

“ท่านแม่!!”

“ข้าเองก็มิคิดจะกลับมาสกุลของท่านเช่นกัน” ลี่มี่เอ่ยเท่านั้นก็เดินออกจากเรือนสกุลชุนไป ชุนไห่และชุนเต๋อเองก็พยายามจะรั้งทั้งสองคนไว้ แต่ชุนเจียงและซูเม่ยกลับดึงรั้งมิให้ตามลี่มี่ไป ด้านชุนฉือถึงขั้นยื่นคำขาด ว่าหากชุนไห่ตามไปจะตัดสายสัมพันธ์ความเป็นมารดาเสียให้สิ้น

“พี่มี่เอ๋อร์ น้องหนาว”

“กอดพี่ให้แน่นเข้าไว้ อดทนเสียหน่อย พี่จะไปขอความช่วยเหลือที่เรือนผู้ใหญ่บ้าน” ลี่มี่พาลี่หมิงเดินออกจากเรือนสกุลชุนมาเพียงสองตรอก ฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มลงทุกที

“นั่นมี่เอ๋อร์ใช่หรือไม่ มี่เอ๋อร์” ลี่มี่หันไปตามเสียงเรียก ก็พบเข้ากับท่านยายเหมาไป่ เมื่อก่อนยามที่ท่านแม่ของนางยังมีชีวิตอยู่ นางก็มักจะได้พบกับท่านยายเหมาไป่เสมอ ทั้งท่านพ่อท่านแม่ยังคอยช่วยเหลือเกื้อกูลท่านยายมิขาด ด้วยบุตรชายที่ตายไปของท่านยายเหมาไป่ เป็นสหายสนิทของท่านพ่อ ท่านพ่อกับท่านแม่จึงมักมาดูแลท่านยายเหมาไป่อยู่เป็นประจำ

“ท่านยาย”

“เกิดอันใดขึ้น เหตุใดจึงได้หอบหิ้วสัมภาระมากมายถึงเพียงนี้ มาๆ เข้ามาในเรือนก่อนเถิด” เหมาไป่รีบเข้าไปหาหลานทั้งสอง ตั้งแต่ที่เจียวมี่และอาหยวนตายไป นางก็มิได้พบเจอหลานทั้งสองบ่อยนัก มีเพียงนางที่ไปเยี่ยมเยือนเด็กทั้งคู่บางครั้งบางครา

ลี่มี่อุ้มน้องชายเดินตามท่านยายเข้าไปในเรือน เมื่อเข้ามาแล้วก็เอ่ยเล่าเรื่องราวให้หญิงชราได้ฟังจนหมด ทั้งยังเปิดบาดแผลบนร่างกายของลี่หมิงให้ท่านยายเหมาไป่ได้ดู

รอยแดงที่เกิดจากการเฆี่ยนตีตรงสะโพกของเด็กชาย ทำให้ผู้เป็นยายถึงกับสาปแช่งสะใภ้ใหญ่สกุลชุน ที่ทำร้ายเด็กน้อยได้ถึงเพียงนี้ หญิงชราลุกขึ้นไปหายาสมุนไพร มาทาให้กับลี่หมิงอย่างเบามือ

“ขอบพระคุณขอยับ” ร่างน้อยโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

“หายเจ็บเสียเถิดเด็กดี…แล้วพวกเจ้าจะทำอย่างไรต่อ”

“ข้าคิดว่าจะไปขอให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยหาเรือนหลังเล็กๆ เช่าอยู่อาศัยไปก่อนเจ้าค่ะ”

“จะเช่าเรือนด้วยเหตุใด มาอยู่ด้วยกันกับยายเถิด ยายเองก็มิมีผู้ใดอยู่ด้วย แม้เรือนจะมิใหญ่มาก แต่ก็คงจะพออยู่อาศัยได้”

“จะไม่ลำบากท่านยายหรือเจ้าคะ” ลี่มี่เอ่ยออกมาอย่างกังวล หากว่าท่านยายเต็มใจให้พวกเขาสองพี่น้องอาศัยอยู่ด้วย ย่อมเป็นเรื่องดี เงินทองที่มีอยู่ จะได้นำมาใช้จ่ายและเหลือเก็บไว้ในยามจำเป็น

“ลำบากอันใดกัน ยามบิดามารดาพวกเจ้ามีชีวิตอยู่ ก็ดูแลยายเป็นอย่างดี อีกอย่างยายก็อยู่ลำพัง หากมีพวกเจ้ามาอยู่ด้วยคงจะหายเหงา” เหมาไป่ยกมือลูบศีรษะหลานสาวอย่างอ่อนโยน

“…”

“จากนี้ก็มาเป็นหลานยายเถิดนะ มาอยู่ด้วยกัน”

“เจ้าค่ะท่านยาย ฮึก” ลี่มี่หลั่งน้ำตาออกมา ความรู้สึกที่อัดแน่นภายในใจ ถูกปล่อยออกมาจนหมด แม้จะทำตัวเข้มแข็งสักเพียงใด แต่ลี่มี่เองก็เป็นเพียงเด็กสาวที่ยังมิพ้นวัยปักปิ่น เจอเรื่องราวเข้ามาทับถมเช่นนี้ ย่อมอยากได้ที่พักพิง ร่างเล็กโผเข้ากอดผู้เป็นยายอย่างแนบแน่น เด็กชายตัวน้อยเมื่อเห็นว่าพี่สาวเข้าไปกอดท่านยาย จึงได้เข้าไปกอดก่ายด้วยอีกคน

ลี่มี่ปาดน้ำตา โอบกอดทั้งท่านยายและน้องชายไว้ จากนี้เรือนสกุลเหมาคือครอบครัวของนาง มิใช่สกุลชุนอีกต่อไป แม้ตั้งใจจะหนีให้ห่างจากสกุลชุน แต่ก็มิเป็นไร ห่างกันเพียงสองตรอก ก็ยังดีกว่าต้องร่วมชายคาเดียวกัน…

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • แม่หมอแห่งซูโจว   12. ต้องทำอย่างไร

    “ข้าต้องขอบใจเจ้ามากนะลี่มี่ หากมิได้เจ้าเอ่ยเตือนในวันนั้น ข้าคงต้องตายเป็นผีเฝ้าป่าไปเสียแล้ว” กวนอู๋ท่งเอ่ยขอบใจลี่มี่ยาวเหยียด ด้วยเพราะเมื่อวานที่อู๋ท่งขึ้นเขาไปเก็บเผือกมัน มีงูพิษตัวใหญ่เท่าแขน พุ่งเข้ามากัดน่องของเขา ดีที่เขาพันผ้าไว้ที่น่องตามที่ลี่มี่บอก จึงช่วยให้รอดพ้นมาได้“ขอบใจเจ้ามาก นี่เป็นของฝากจากครอบครัวข้า เจ้ารับไว้เถิด” ท่านลุงกวนผู้ใหญ่บ้าน ยกตะกร้าที่เต็มไปด้วยเนื้อหมู เนื้อไก่ กุ้ง และปลามาวางตรงหน้าสามยายหลาน“หากข้าช่วยได้ ข้าก็ยินดี แต่ข้ามิรับของหรอกเจ้าค่ะ”“รับไว้เถิดมี่เอ๋อร์ พวกข้าเต็มใจยิ่งนัก หากเจ้ามิรับไว้ข้าคงรู้สึกติดค้างในใจไปชั่วชีวิต” ท่านป้ากวนเอ่ยเสริมพลางหยิบขนมที่นางทำเองมายื่นให้ลี่หมิง เด็กชายเหลือบมองไปทางท่านยายและพี่สาวราวกับต้องการขออนุญาต เมื่อเห็นว่าทั้งสองมิได้เอ่ยห้าม จึงส่งมือเล็กๆ ไปถือขนมไว้“ขอบพระคุณขอยับ”“เช่นนั้น ข้าก็ขอรับไว้ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” อยู่พูดคุยกันได้ไม่นาน ครอบครัวผู้ใหญ่บ้านก็ขอตัวกลับเรือนไป จึงเหลือเพียงสามคนยายหลานที่นั่งอยู่ที่เดิม“ยสดียิ่ง อื้มมม” ลี่หมิงนำขนมเข้าปากคำแล้วคำเล่า ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่เรือ

  • แม่หมอแห่งซูโจว   11. นิมิต (2)

    “ให้ยายดูสิ” เหมาไป่จ้องมองไปที่นัยน์ตาของหลายสาวก็พบว่าเป็นดั่งที่หลานชายตัวน้อยเอ่ย มิเพียงเท่านั้นหน้าผากมนของหลานสาวยังมีรอยคล้ายปานรูปดอกบัวติดอยู่ปาน…ปานสีเงินอย่างนั้นหรือ!!?“…” ลี่มี่ที่ยังวิตกกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงมิได้สบตาผู้ใด ปล่อยให้เหมาไป่และลี่หมิงมองสำรวจจนทั่ว“เกิดสิ่งใดขึ้น เจ้าเล่าให้ยายกับน้องฟังเถิด” เรื่องราวที่ได้ฟังจากปากหลานสาวทำให้เหมาไป่แทบมิอยากเชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง“ท่านยาย…” สายตาที่ล่องลอยของลี่มี่ทำให้เหมาไป่ต้องรีบเข้าไปกอดปลอบหลานนอกไส้“ดีเหลือเกินที่เจ้ามิบาดเจ็บที่ใด คราวหลังอย่าได้เข้าไปในป่าลึกเช่นนั้นอีกเล่า เข้าใจหรือไม่”“เจ้าค่ะ”“โอ๋ๆ นะขอยับ” มือเล็กป้อมยกขึ้นลูบใบหน้าพี่สาวเบาๆ ลี่มี่อดเอ็นดูกับท่าทีของน้องชายมิได้ จึงกอบกุมเอามือเล็กมาจุมพิต พร้อมกับสบสายตาเข้ากับดวงตาน้อยๆ ทั้งสองที่จดจ้องมาที่นัยน์ตาของนางด้วยแววตาที่หลงใหลและทันใดนั้น…“วันนี้เจ้ากินกุ้งแม่น้ำย่างอย่างนั้นหรือ”“เอ๋? มิได้กินขอยับ น้องกินผัดผัก”“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ายายย่างกุ้งให้พวกเจ้ากินในมื้อเย็น หรือว่ากลิ่นมันติดกายยายมาอย่างนั้นหรือ ฮ่าๆ”“มิ

  • แม่หมอแห่งซูโจว   10. นิมิต (1)

    ดอกบัวสีขาวเพียงดอกเดียวเบ่งบานกลางสระน้ำ ทั้งที่บริเวณโดยรอบมิได้มีสิ่งใดอยู่เลย สองขาเรียวก้าวเข้าไปยืนที่ขอบสระ ยื่นคอดูภายในสระจนทั่ว เพื่อสำรวจหาปลาหากว่าได้ปลากลับไปให้ท่านยายและอาหมิงคงจะดีไม่น้อยเพียงแค่คิดเช่นนั้น ก็มีฝูงปลาหลายสิบตัวแหวกว่ายในสระสีมรกต! ทั้งที่ก่อนหน้านี้ลี่มี่มองไม่เห็นปลาแม้แต่ตัวเดียว ฝูงปลามากมายปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เด็กสาวตกใจจนพลาดพลั้งเหยียบไปบนโขดหิน ที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ“ว๊าย!” ร่างบางซวนเซ ร่วงลงในสระน้ำจนเปียกปอนไปหมดทั้งตัวตุ้ม!!!“ฮื่อ ลี่มี่นะลี่มี่ มิระวังเอาเสียเลย” ปากเล็กบ่นให้กับความมิระมัดระวังของตนเอง ยังดีที่ของในตะกร้าสานนั้นเปียกน้ำได้ มิเสียหาย มิเช่นนั้นนางคงต้องทุบศีรษะตนเองสักทีสองทีลี่มี่นำตะกร้าออกจากหลังและยกไปไว้ริมสระน้ำ แต่ยังไม่ทันที่นางจะขึ้นจากสระ ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าอย่างไรนางก็เปียกไปทั้งตัวแล้ว ขอไปดูดอกบัวกลางสระให้หายแคลงใจเสียหน่อย ด้วยสงสัยว่าเหตุใดจึงมีดอกบัวเพียงดอกเดียวที่ขึ้นกลางน้ำ ทั้งยังมิเห็นกอบัวเลยสักกอเดียวร่างระหงที่แต่งกายและรวบผมราวกับชายหนุ่ม กำลังแหวกว่ายไปบริเวณกลางสระ ชะโงกหน้าเข้าไป

  • แม่หมอแห่งซูโจว   9. เด็กอกตัญญู (3)

    “แล้วข้าต้องแสดงออกเช่นนางหรือเจ้าคะ”“มิต้องทำเช่นนั้น เพียงแต่ยายอยากให้เจ้ารู้ว่าเวลาใดควรอ่อน เวลาใดควรแข็ง เวลาใดควรแสร้ง เวลาใดควรซื่อตรง หากเจอผู้ที่จริงใจ เราย่อมต้องจริงใจต่อเขา แต่หากว่าเขาไม่ เราก็ไม่ เท่านั้นเอง” เหมาไป่พบเจอผู้คนมาหลายรูปแบบ วิธีรับมือคือตัวเราเองต้องปรับตัวให้ทัน อย่างเจียวมี่มารดาของลี่มี่ นางเป็นคนแข็ง พูดตรง ผู้คนจึงมักมองว่านางปากร้าย มิน่าคบ ต่างกับชุนเจียงที่ทั้งพูดจาไพเราะ อ่อนโยน“ข้าจะพยายามเจ้าค่ะท่านยาย”“หลานยายต้องทำได้แน่ สำคัญอย่าได้ละเลยตัวตนของตนเองเล่า อีกอย่าง ยายรู้ว่าการสูญเสียนั้นเจ็บปวดเพียงใด ยามนี้เจ้าคงอยากเข้มแข็งเป็นที่พึ่งของยายและน้อง แต่ยายยังอยากเห็นมี่เอ๋อร์ที่สดใส ช่างพูดช่างถาม อย่าได้ทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินไปเลย ผ่อนคลายเสียบ้าง”“เอ่อ…ท่านยายมิได้ว่าข้าพูดมากใช่หรือไม่เจ้าคะ” ปากเล็กเบะยื่นออกมาอย่างน่าเอ็นดู“ฮ่าๆ มิได้ว่า” ท่าทีเช่นนี้แหละที่เหมาไป่อยากเห็นเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ ข่าวลือของลี่มี่ก็เบาบางลง ยังมีบางคนที่มองมาทางนางด้วยสายตาไม่ชอบใจ แต่ก็มีหลายคนที่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือน

  • แม่หมอแห่งซูโจว   8. เด็กอกตัญญู (2)

    “ขออภัยเจ้าค่ะ ที่ท่านเอ่ยมานั้น หมายถึงข้าใช่หรือไม่” ลี่มี่หน้าตึง เดินตรงไปหากลุ่มคนที่นินทานางอยู่ ลี่มี่ตั้งใจจะไปเอ่ยเล่าความจริงที่เกิดขึ้นให้สตรีเหล่านั้นได้ฟัง แล้วให้พวกนางพิจารณากันเอง แต่หญิงเหล่านั้นกลับเอ่ยวาจาก่อกวน“ข้าได้เอ่ยนามเจ้าหรือ” สีหน้ายียวนจากคนเหล่านั้น ทำให้ลี่มี่อดไม่ได้ที่จะตอบกลับไป นางมิได้ขอข้าวผู้ใดกินอีกต่อไปแล้ว จากนี้นางมิจำเป็นต้องยอมอ่อนให้ผู้ใด ดีมาย่อมดีตอบ แต่หากว่ามาร้ายก็เตรียมใจเอาไว้ได้เลย ว่าลี่มี่ผู้นี้จะมิอยู่เฉย“หึ! กล้านินทาผู้อื่น แต่มิกล้ารับผิด ทำตนเช่นคนขลาดเขลา หวาดกลัวกระทั่งเด็ก น่าสมเพชเสียจริง”“นี่เจ้ากล้าเอ่ยว่าผู้ใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร!” กลุ่มสตรีที่ยืนพูดคุยกันอยู่ถึงกลับตกใจที่ตนเองถูกเด็กสาวว่ากล่าวต่อหน้าต่อตา“ข้าได้เอ่ยนามพวกท่านหรือ…เช่นนั้นจะร้อนรนไปไย” ลี่มี่เอ่ยถามตาใส เมื่อเห็นว่าสตรีเหล่านั้นตกใจ หน้าเสียจนหลงลืมแม้กระทั่งวิธีพูด ร่างบางจึงมิใส่ใจ เดินตรงไปที่เรือนผู้ใหญ่บ้านทันที โดยที่มิรู้เลยว่าการกระทำของตนนั้น ยิ่งทำให้ข่าวลือความอกตัญญูของลี่มี่ถูกเล่าลือยิ่งขึ้นไปอีก ว่านอกจากจะอกตัญญูทำร้ายคนในครอบครัวแ

  • แม่หมอแห่งซูโจว   7. เด็กอกตัญญู (1)

    “เป็นอย่างไร รสดีหรือไม่” เหมาไป่เอ่ยถามหลานสาวและหลายชาย หลังจากตักอาหารให้ทั้งสองได้ลองทาน เช้าวันนี้เหมาไป่เข้าครัวทำอาหารให้หลานๆ ใบหน้าเหี่ยวย่นมองไปที่หลานทั้งสองด้วยสายตาที่คาดหวัง“ดีขอยับ ดีที่สุด”“รสดีมากเจ้าค่ะท่านยาย” ลี่มี่ยกยิ้มขึ้นมาเต็มใบหน้า ไม่ต่างจากลี่หมิงที่บัดนี้ตักข้าวเข้าปากอย่างสุขใจ อาหารที่ท่านยายทำมิได้เลิศรสราวกับนั่งกินในเหลาอาหาร แต่ทว่ากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความใส่ใจและรักใคร่“เช่นนั้นก็กินให้มาก ประเดี๋ยวยายจะออกไปหาของป่าบนเขา วันนี้พวกเจ้าทั้งสองก็พักอยู่ที่เรือนเถิด” แม้เหมาไป่จะมีอายุมากแล้ว แต่นางมิมีบุตรคอยเลี้ยงดู ทั้งร่างกายยังแข็งแรงพอจะขึ้นเขาได้ นางจึงอาศัยการเก็บของป่ามาเลี้ยงปากท้อง“ท่านยายมิต้องเข้าป่าแล้วเจ้าค่ะ ท่านอายุมากแล้ว ข้ากลัวว่าท่านจะเป็นลมล้มพับไป”“ยายพอมีกำลัง เจ้าอย่าได้เป็นห่วงเลย”“มิห่วงมิได้เจ้าค่ะ พวกเรามีท่านยายเพียงคนเดียวนะเจ้าคะ ต่อจากนี้มี่เอ๋อร์ผู้นี้จะเป็นคนหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวเองเจ้าค่ะ ท่านยายอย่าได้กังวลไป”“แต่-” เหมาไป่เข้าใจความห่วงใยของหลานสาว แต่จะให้นางปล่อยหลานสาวหาเงินทอง เพื่อเลี้ยงปากท้องของคน

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status