LOGIN“ไม่! ไม่ได้ ผมไม่ยอม”
นัยน์ตาสีนิลแข็งกร้าว เมื่อหญิงสาวเอ่ยตัดสัมพันธ์ทั้งที่มันเพิ่งเริ่ม ทำไมหล่อนถึงไม่เหมือนดารานางแบบคนอื่นๆ ที่เขาเคยควงนะ อยากได้อะไรก็บอกมาสิ ข้าวของเงินทองถึงจะไม่มากเท่าพี่ชาย แต่รับรองว่าเจ้าหล่อนจะอยู่สุขสบาย ไม่ต้องเร่แก้ผ้าถ่ายแบบอย่างนี้
เผียะ!
แพรวรุ้งฟาดฝ่ามือลงบนแก้มสากเสียเต็มรัก ตบเขาเธอก็เจ็บ แต่ไม่ตบก็อดไม่ได้
“เห็นแก่ตัว ทุเรศที่สุด!”
กวินหน้าชา กรามแกร่งขบกันแน่นเพราะความโกรธ ไม่เคยมีใครตบหน้าเขา นัยน์ตาดำดุจ้องหน้านางแบบสาวเขม็ง
“ฉันไม่ใช่อีตัว ฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ สายตาคุณมันฟ้อง สายตาดูถูกไม่เห็นค่าความสาวของฉัน อย่าคิดว่าฉันจะเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ของคุณ ที่แค่รอขึ้นเตียง พอเสร็จกิจก็ถีบหัวส่ง ถึงฉันจะต้องแก้ผ้าหาเงินเลี้ยงตัว ฉันก็ไม่มีวันเป็นนางบำเรอของใคร จำเอาไว้!”
ดวงตาคู่สวยเอ่อท้นด้วยหยาดน้ำตา จมูกโด่งรั้นแดงเรื่อ แสบไปทั่วทั้งโพรงจมูกเมื่อน้ำมูกน้ำตามันพร้อมใจเล่นงานเธอ
“ตามใจ! อย่ามาอ้อนวอนผมอีกก็แล้วกัน ผมให้โอกาสคุณเรียกร้องสิทธิ์เต็มที่ แต่คุณไม่อยากได้เองนะแพรวรุ้ง”
“ก็สิ่งที่ฉันอยากได้คุณให้ไม่ได้ ไม่เป็นไร ถือซะว่ามันเป็นคราวซวยของฉันก็แล้วกัน!”
“ก็ดี! คุณเลือกเองนะ” กวินตอกย้ำ ทำไมเขาจะต้องง้อล่ะ ไม่อยากได้ก็ดี ถึงเขาจะแต่งงานกับหล่อนไม่ได้ แต่ยังไง หล่อนก็ต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น!
การสนทนาอันเผ็ดร้อนสะดุดลงเพราะเครื่องมือสื่อสารเครื่องบางของแพรวรุ้ง มันส่งเสียงดังเป็นเพลงที่เธอฟังแล้วหนาวยะเยือกไปถึงสันหลัง มือเรียวปาดน้ำตาลวกๆ เดินไปหยิบมันออกมาจากกระเป๋าใบงาม
‘ฮัลโหล...’
เสียงหวานแหลมของคนที่อยู่สายดังขึ้นในทันทีที่หญิงสาวยกโทรศัพท์แนบหู
“ค่ะแม่”
‘นั่นแกอยู่ไหน ฉันโทรหาเจ๊แจงเห็นบอกกำลังรอเที่ยวบินกลับกรุงเทพฯ แล้วทำไมแกไม่อยู่ด้วยกัน’
“หนู...หนูตื่นสายค่ะ เลยไม่ทันเรือที่เจ๊แจงนั่งกลับ”
‘จริงเหรอ!? ทีมงานเขากลับกันหมดแล้วนะ มีอะไรหรือเปล่า’
คนที่อยู่ปลายสายขึ้นเสียงใส่อย่างไม่ชอบใจ
“ไม่มีอะไรค่ะแม่ หนูแค่ตื่นสายจริงๆ”
‘แกไม่สบายเหรอ เสียงอู้อี้ชอบกล’
“เอ่อ...ค่ะ หนูไม่สบายนิดหน่อยเลยตื่นสายไงคะ”
คนปลายสายเงียบไปราวกับครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยต่อ
‘แน่นะ?’
“ค่ะ...หนูไม่อยากถ่ายแบบต่อแล้ว เลยให้เจ๊แจงหานางแบบมาใหม่”
‘เอ้า? ทำไมล่ะ วาคิมอุตส่าห์เลือกแกเป็นนางแบบนะ มีอะไรหรือเปล่า มีใครแกล้งแกไหม’
“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะแม่ อย่าทำเหมือนห่วงหนูนักเลย หนูปลื้มจนจะร้องไห้แล้ว”
‘อย่ามาประชดนะ! ยังไงแกก็ลูกฉัน ฉันห่วงแกมันก็ถูกแล้วนี่!’
คนปลายสายตะคอกกลับมาอย่างเคืองๆ
“โธ่...เปล่าประชดค่ะแม่ ขอหนูอยู่เงียบๆ สักพักนะคะ”
‘ได้ไงล่ะ แล้วเรื่องที่คุยกันไว้จะเอายังไง’
แพรวรุ้งมุ่นคิ้ว แค่เรื่องเมื่อคืนก็ปวดประสาทจะตายอยู่แล้ว มารดาที่รักจะเอ่ยเรื่องบ้าๆ นั่นขึ้นมาอีกทำไม
“เรื่องนั้นหนูจะให้คำตอบแม่แน่ๆ คงอีกไม่นานหรอกค่ะ”
น้ำตาหยดแหมะเมื่อต้องเอ่ยประโยคนี้ กวินไม่เข้าใจ เข้าไปแย่งมือถือในมือหล่อน มันปั่นอารมณ์เขาให้เดือดได้ในพริบตา ข้อมือน้อยๆ ของหล่อนถูกเขาบีบแน่น ใบหน้าหล่อนเหยเกเพราะความเจ็บ
ฟิ้ว! โพละ!
โทรศัพท์เครื่องบางถูกปาเข้าผนัง แตกกระจายไม่มีชิ้นดี
“เป็นบ้าเหรอ! นั่นมือถือของฉันนะ!”
“เดี๋ยวจะซื้อให้ใหม่ แต่บอกมาก่อนว่าเรื่องอะไรที่คุณต้องให้คำตอบทั้งน้ำตาอย่างนั้น”
แพรวรุ้งไม่ตอบ น้ำตาไหลพรากๆ
“แพรว!” กวินเรียก แพรวรุ้งเอาแต่ก้มหน้ากลั้นก้อนสะอื้นลงคอ
“ปะป๊า...ปะป๊า ไหนบอกว่าจะมาพาน้าแพวไปกินข้าวไง...”
หนูน้อยไม่พูดเปล่า วิ่งตื้อจากหน้าประตูเข้าไปดึงชายเสื้อของบิดา กวินต้องยอมปล่อยมือของแพรวรุ้ง
หญิงสาวนั่งลงบนเตียงใหญ่ คิดไม่ตก เธอไม่อยากเป็นผู้หญิงชั่วที่มีผัวทีเดียวสองคน
“ปะป๊า! น้าแพวล้องไห้’ไม โอ๋ๆๆ ม่ายล้องน้า เดี๋ยวมินจาปกป้องน้าแพวเอง น้าแพวอย่าล้องไห้น้า เดี๋ยวไม่ฉวย มินชอบให้น้าแพวฉวย”
เจ้าหนูปลอบ มือป้อมๆ เช็ดน้ำตาให้น้าแพรว
“โอ๊ะโอ? น้าแพวโดนอาลายกัดคอ”
หนูน้อยจ้องลำคอขาวผ่องของน้าแพรวแน่วนิ่ง ร่องรอยเป็นจ้ำๆ นั้นโดนอะไรกัดมาหนอ
แพรวรุ้งสะอึก สองมือเร่งปาดน้ำตา กวินหน้าม้าน นึกเคืองเจ้าลูกชายที่ช่างสังเกตสังกา
“เอ่อ...น้าแพรวโดนมดกัดมั้งลูก มีนอย่าไปกวนน้าแพรว มานี่มาปะป๊าจะพาไปกินข้าวนะ”
ผู้เป็นบิดาบอกแต่หนูน้อยไม่ยอมขยับ กลับปีนขึ้นไปนั่งบนตักแพรวรุ้ง
เธอหน้าตึงเมื่อเขาบอกว่าเธอโดนมดกัด จำฝืนกลืนก้อนสะอื้นและหยดน้ำตา ด้วยไม่อยากให้เจ้าหนูเห็นเธออ่อนแอ
“เปล่านะ น้าแพรวไม่ได้โดนมดกัด”
“แพรว!” กวินตกใจเมื่อคิดว่าหล่อนจะบอกเรื่องเมื่อคืนให้เด็กฟัง
“แล้วน้าแพวโดนอาลายกัด เจ็บมากเหลอคับถึงได้ล้องไห้”
แพรวรุ้งยิ้มออก พยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบ นึกเอ็นดูความฉลาดหัวไวของเจ้าหนูบนตัก
“โดนอาลายมาคับ บอกมิน มินจาไปกาทืบมัน” หนูน้อยเอ่ยเสียงดังฟังชัด ยกแข้งยกขาทำท่าประกอบ กวินสะดุ้งกับคำพูดของบุตรชาย
“มีน? ปะป๊าไม่เคยสอนให้ลูกใช้ความรุนแรงนะ”
เจ้าหนูไม่สน หันมาถามน้าแพรวของเขาต่อ
“ตกลงว่าโดนอาลาย”
กวินเริ่มอยู่ไม่สุข ขยับมายืนจังก้าอยู่ตรงหน้าคนทั้งสองแล้วจ้องตาแพรวรุ้งเขม็ง ประหนึ่งวอนขอว่าอย่าพูดออกไปนะ
“หมาน่ะ โดนหมาเลียปากมา น้าแพรวใจดีไง เล่นกับมัน พูดกับมัน พอน้าแพรวเผลอมันก็เลยเลียปากน้าแพรว แถมยังกัดคอน้าแพรวด้วย”
กวินหน้าตึงที่ถูกเปรียบเป็น หมา!
“หือ...ตัวไหน? เดี๋ยวมินจาให้พี่แก้วเอาเขมไปเย็บปากมัน มันจาได้ไม่มากัดน้าแพวอีก”
แพรวรุ้งหัวเราะทั้งที่น้ำตาใสๆ ยังขังคลอสองเบ้า กวินเท้าสะเอวอย่างไม่ชอบใจ อยากจับลูกชายมาฟาดก้นสักป้าบสองป้าบ
“เอาไว้ถ้ามันมาอีก น้าแพรวจะวิ่งไปบอกมีนนะ”
หนูน้อยพยักหน้า แพรวรุ้งยิ้มเอ็นดู ขณะที่คนเป็นพ่อเอาแต่รังแกเธอ แต่คนที่เป็นลูกกลับออกตัวปกป้อง น่ารักจริงๆ เจ้าตัวแสบ
“โอเคค้าบ ไปกินข้าวได้ยังมีนหิวแล้ว” ว่าพลางจับมือน้าแพรวมาเขย่า เร่งเร้าจะไปห้องอาหารให้ได้
“จ้า” เธอขึ้นยืน ร่างบางเซนิดๆ เพราะเจ็บแปลบที่ใจกลางร่าง
กวินถลาเข้าประคอง แพรวรุ้งไม่อาจขัดขืนเพราะถ้าทำอย่างนั้นร่างของเธอคงได้ล้มทับเจ้าหนูมีนา
“ก็เพราะปากดีอย่างนี้ไง ถึงได้โดนหมามันกัด”
กวินกระซิบแผ่วเบา เขาปล่อยมือเมื่อหล่อนยืนได้แล้ว
“เรื่องของฉัน อย่าให้มันมากัดฉันอีกแล้วกัน ไม่อย่างนั้นละก็...”
เธอหยุดเว้นวรรคแล้วเดินออกจากห้อง
“ไม่อย่างนั้นอะไร?” กวินถามยั่วเย้า เดินตามหลังหล่อนมาแทบจะเบียดเป็นเนื้อเดียว ขณะที่เจ้าลูกชายวิ่งไปรอที่ห้องอาหาร
“ฉันจะจับมันตอน!”
กวินสะดุ้ง ก้มมองเป้ากางเกงของตัวเองอย่างระแวง พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีเจ้าหล่อนก็เดินหนีเขาไปแล้ว
“จะจับตอนเหรอ ได้! แต่ขอกัดขอชิมให้อิ่มใจก่อนนะคุณนางแบบ หึๆๆ”
[9]สายใยหัวใจสามอาทิตย์ ผ่านไปเสียงอาเจียนดังเล็ดลอดออกมาจากห้องน้ำ สายใจรีบโผล่หน้าเข้าไปดูนางแบบสาว แพรวรุ้งอาเจียนติดต่อกันมาหลายวันแล้ว แทบจะสามเวลาหลังอาหารเลยก็ว่าได้“คุณ! คุณคะ! โธ่...ให้ฉันเรียกหมอเถอะนะ” นางร้องขอด้วยห่วงใย แม้ทุกคนจะลงความเห็นว่า ‘ผีคุณมิว’ มาเข้าร่างแพรวรุ้งจริงๆ แต่นางก็ยังแคลงใจไม่เชื่อทั้งหมด“ไม่ต้องหรอกค่ะ มื้อเที่ยงมิวคงกินเยอะไปหน่อย” แก้ต่างพลางเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เฝ้ามองความซูบโทรมของตัวเองแล้วได้แต่ถอนหายใจ“ตอนมื้อเที่ยงคุณแทบไม่แตะอะไรเลย ฉันจำได้นะคะ” แม่บ้านสูงวัยยังไม่ละความพยายาม ทว่ามะมิวของมีนาทำเป็นไม่ใส่ใจ“วันนี้นายหัวจะมาแล้ว ถ้ามาเจอคุณในสภาพนี้...”คนถูกติติง ใบหน้าบูดบึ้งทันตา วันนี้เขาจะมาหลังจากปล่อยเธอติดเกาะเกือบเดือน น่าน้อยใจนัก ไม่รักไม่ห่วงกันบ้างเหรอ ถึงได้ทอดทิ้งกันอย่างนี้ นับแต่วันที่สองพ่อลูกเข้ากรุงเทพฯ
หญิงสาวพยักหน้า รู้สึกดีราวกับไม่เคยปวดมาก่อน เธอยิ้มให้เขาแทนคำขอบคุณ แต่สายตาที่มองกลับมาบอกเธอว่าแค่ยิ้มขอบคุณมันไม่พอ“มีน” กวินเรียกบุตรชาย“ค้าบผม”“ไปบอกพี่ขมิ้นหรือพี่แก้วตาก็ได้ ป๊าขอกาแฟแก้วหนึ่ง” บอกลูกชายแต่สองตามองแต่ริมฝีปากสีชมพูซีดๆ ของสตรีตรงหน้า ไม่รู้สิ แม้หล่อนจะดูซีดเซียวแต่เขายังปรารถนาหล่อนเสมอ“ม่ายปาย” หนูน้อยส่ายหน้าดิก กวินเลยหันมามองลูกอีกรอบ“ป๊าง่วง ป๊าอยากกินกาแฟ จะได้มีแรงนวดขมับให้มะมิวไงครับ”คราวนี้มีนานั่งคิดชั่วครู่ ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างไว“คราวนี้ก็ได้โอกาสละ” กวินว่า“โอกาสอะไรคะ” เธอท้วงถาม เอียงคอมองพ่อของมีนาอย่างงุนงง แล้ววินาทีเดียวกันนั้นเธอก็ได้รับคำตอบ ริมฝีปากอุ่นร้อนของเขาประทับลงมาอย่างรีบร้อน ทั้งดูดดึง กวาดชิมและลิ้มรสอย่างเร่งเร้าในอารมณ์ปรารถนา“พะ...พอ พอก่อนค่ะ เดี๋ยวลูกมานะ”“ชู่ว์...ก็เห็นอยู่ว่ายังไม่มา” ว่าแล้วจุมพิตหล่อนอีกครั้ง ทั้งขบเม้มดูดดึงริมฝ
[8]หนูมิวของเฮียก้อง--------------คลื่นลูกใหญ่สาดซัดเข้าหาเรือยนต์จนเอนเอียง กวินหน้าถอดสี จู่ๆ ก็มีคลื่นพัดมาตอนที่เขาไม่ทันตั้งตัว มือหนาไขว่คว้าหาที่เกาะ แล้วชั่ววินาที คลื่นลูกใหญ่ก็กลับเงียบหาย ทะเลพลันนิ่งสงบ มันกลับสู่ภาวะก่อนหน้าอีกหนชายหนุ่มมึนงงนี่มันคลื่นบ้าบออะไรกัน‘คลื่นซัดใจ อย่างไรเล่าที่รัก’นายหัวหนุ่มหันขวับไปตามเสียง มันแผ่วเบาราวเสียงสายลมกระซิบ ทว่าเขาได้ยินชัดเจน นั่นเสียงหล่อน เมษาภรรยาที่รัก เขาไม่เคยรับรู้ว่าหล่อนยังอยู่ใกล้ๆ แม้แต่ตอนที่หล่อนเพิ่งจากไป แต่เมื่อครู่นี้เสียงหล่อนแน่ๆ เขาจำได้“เพราะคุณ! แพรวรุ้ง! วิญญาณเมียผมถึงไม่สงบ โผล่ขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ แม่ตัวดี! โผล่ขึ้นสิ โผล่ขึ้นมา!”กวินร้องเสียงดังลั่นทั่วเวิ้งน้ำ แต่มันคงไม่ดังมากพอให้คนที่จมลงสู่เบื้องล่างได้ยิน“โธ่เว้ย!”ตูม!น้ำทะเลแตกกระเซ็นเป็นวงกว้าง ชายหนุ่มพุ่งทะยานสู่เวิ้งน้ำที่กำลังกลืนร่างนางแบบสาว ลมหายใจเขา
“แก้วตา ฉันชื่อแพรวรุ้งนะ แก้วตาอาจเคยได้ยินชื่อของฉันมาบ้าง ฉันก็แค่นางแบบขี้โมโหคนหนึ่ง เอาแต่ใจก็มากมาย ฉันไม่มีน้ำใจหรือความดีมาตอบแทนแก้วตาหรอก ฉันไม่มีความพยายามมากขนาดนั้น ถ้าวันหนึ่งแก้วตาขัดใจฉัน ฉันอาจจะกรี๊ดใส่หูแก้วตาก็ได้ รับไปเถอะ แก้วตามาดูแลฉันก็เหนื่อยฟรีๆ เจ้านายก็ไม่ใช่ รับไปเถอะนะ ถือซะว่าฉันซื้อเสื้อตัวใหม่ให้ก็แล้วกัน”แก้วตาพยักหน้าหงึกๆ ยกมือขึ้นไหว้ ยอมจำนนต่อวาจาของนางแบบสาว ปากเจ้าหล่อนก็บอกอยู่ปาวๆ ว่าไม่ได้มีน้ำใจเหลือเผื่อแผ่ไว้ให้ใคร แต่การกระทำที่หล่อนแสดงออกมามันไม่ใช่เลยแพรวรุ้งมองตามร่างที่เดินลับหายไปหลังบานประตู เธอเล่นอยู่กับมีนาราวครึ่งชั่วโมงก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ตอนนี้กวินไม่อยู่ แก้วตาก็ไม่อยู่...ทางสะดวก“มีน...พาน้าแพรวไปหา ‘แม่’ หน่อยสิ น้าแพรวอยากรู้จักแม่ของมีน” เธอหันมาชวนเจ้าหนูจอมแสบที่กำลังนั่งเคี้ยวขนมตุ้ยๆ หนูน้อยตาโตด้วยความดีใจ รีบพาน้าสาวไปยังห้องที่บิดาชอบพาเข้าไป หนูน้อยพาแพรวรุ้งเดินออกจากห้องแล้วเลี้ยวซ้ายตรงหัวมุม เดินตรงไปอีกนิด...บานประตูสีฟ้าต่างจากห้องอื่นๆ
‘ไม่มีวัน! ยัยแพรวมันต้องไปตกนรกเหมือนอย่างที่ฉันเคยเจอ เฮอะ! คิดหรือว่าฉันจะกลัวคำขู่ของแก ก็เอาสิ ควานหาศพผัวคนล่าสุด ของฉันให้เจอ ส่วนฉันก็จะล่ายัยแพรวเหมือนกัน สวยๆ อย่างมันใส่ตะกร้าล้างน้ำไม่กี่ครั้ง ขี้คร้านเสี่ยกริชจะวิ่งเข้าใส่ แค่โดนเฉาะไปทีสองที มันไม่เสียหายนักหรอก หึๆๆ อ้อ...ขอบใจมากนะไอ้โจรกระจอก เพราะตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าแกอยู่สตูล ฮ่าๆๆ’ตู๊ด...ปลายสายตัดทิ้งเพียงเท่านั้น กวินคิดหนัก คุณหญิงพราวพริ้งกำลังรุกอย่างที่เขาไม่นึกว่าผู้หญิงแก่ๆ คนหนึ่งจะทำได้ แต่อย่างน้อยนางก็ยังไม่รู้ว่าแพรวรุ้งอยู่บนเกาะที่เป็นของเขา หนึ่งในผู้บริหารคนสำคัญของ เพิร์ล คุณหญิงพราวพริ้ง ถ้าจะจัดการคงไม่ยากเท่าไหร่ แต่อาจต้องใช้เวลาสักนิด แต่สำหรับเสี่ยกริชน่ะ ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก รอแค่โอกาสเหมาะๆ เท่านั้นสองวันถัดมากวินนั่งจ้องใบหน้าซีดเซียวของคนบนเตียงด้วยความสับสน หัวใจของเขาอยู่ที่ใครกันแน่ ภรรยาที่แสนดีอย่างเมษา หรือว่าแพรวรุ้ง คนที่เขาเองยังไม่รู้ว่าจะจัดให้หล่อนอยู่ในตำแหน่งใด“ปะป๊า น้าแพวเปนลาย&r
“อวดเก่ง” เขาเยาะหยัน อุ้มหล่อนไปวางบนเตียง ใบหน้าสวยซีดเซียวเหลือเกิน ข้างๆ ขมับมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายออกมาด้วย“ขอน้ำหน่อย” เธอร้องเสียงแหบเขาส่งหลอดน้ำดื่มเข้าไปในปากช่างจ้อของหล่อน“คุณเป็นอะไร บอกผมได้หรือเปล่า” เขาถามเสียงอ่อน ผละจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ สักครู่ก็กลับมาพร้อมกับผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ“ฉันก็แค่เจ็บไข้ตามประสาลูกคุณหนูนั่นแหละ เจอเชื้อโรคนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้ ร่างกายมันไม่มีปัญญาต่อต้านก็เลยสำรอกออกมาทางเก่าเท่านั้นเอง” แพรวรุ้งตอบออกไปผ่านๆ ขี้เกียจสาธยายถึงความจริงที่มีโรคประจำตัวให้เขาฟัง เพราะถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้สำคัญพอให้เขามาใส่ใจอยู่แล้ว“ก็ดี เพราะคุณต้องอยู่ชดใช้ให้ผมอีกนาน” เขาพูดเหมือนประชด แต่มือกลับไล้ผ้าหมาดๆ เช็ดตามใบหน้าและไรผมให้หญิงสาวอย่างเบามือ หล่อนนอนนิ่งอย่างไร้เรี่ยวแรง เมื่อครู่คงขย้อนอาหารออกมาจนเกลี้ยงพุงกระมัง“ชดใช้อะไร? ฉันไปเป็นหนี้นายตั้งแต่ตอนไหน” เธอเถียง มารดาที่ถูกเขากล่าวหาว่าขายลูกกิน ท่านก็ออกจะร่ำรวย ไม่มี






![เมียน้อยพ่อเป็นของผม [Is Mine]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
