ฉันพบว่าตัวเองอยู่ในห้องของฉันเมื่อฉันลืมตาขึ้น ฉันไม่รู้ว่าฉันมาที่นี่ได้อย่างไร ฉันจำได้ว่าแค่ว่าฉันยอยู่ในห้องสมุดของวิทยาลัย ฉันจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนสุดท้ายที่ฉันจำได้คือ เซน หยิบหนังสือพิมพ์ออกจากมือของฉันแล้วฉันก็หมดสติไปก๊อก..ก๊อก…ปกติคนในครอบครัวฉันไม่มีใครเคาะประตู แล้วนี่เป็นใครกัน?“เข้ามาได้ค่ะ” ฉันบอก “ตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไรบ้างแบลร์” ฉันงงที่เห็น เซน อยู่ในห้องของฉัน น้องสาวของฉันยืนอยู่ข้างเขา และมองเขาด้วยสายตาเจ้าชู้“ฉันจะทำอะไรกันนายดีนะ...” เธอกัดริมฝีปากของเธอขณะที่พูดแบบนั้นกับเซน เขาสูง ดูดี และดูหล่อเป็นพิเศษ เขามีร่างกายสมส่วน มีรูปลักษณ์กำยำของเทพเจ้ากรีก ผู้หญิงคนไหนๆเห็น ก็ตกหลุมรักเขาได้ง่ายๆ และนี่คือ เอธี ที่ตกหลุมรักผู้ชายข้างๆ ทุกคนเซนนั่งลงที่ขอบเตียงของฉัน“เธอดูแย่มากเลยนะ ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มแสดงความเป็นห่วง “ข่าวในหนังสือพิมพ์ นั่นคือสิ่งที่กวนใจเธอใช่ไหม” และทันใดนั้น ทุกคำในข่าวนั้น ก็แล่นเข้ามาในหัวฉันอีกครั้ง ฉันยังคงจำเสียงกรีดร้องที่แสนเจ็บปวดนั้นได้ ฉันเอามือปิดหู ไม่อยากได้ยินอีก“แบลร์ เป็นอะไร.. ” เขาถามขณะที่เห็นฉันทำท่าท
สองคลาสแรกทำให้ฉันเซ็งๆ เซนมีเรียนที่ชั้นอื่น ฉันเลยไม่ได้เจอเขาจนมื้อเที่ยง โรงอาหารเต็มแล้ว เราเลยตัดสินใจนั่งรอในมหาวิทยาลัย เผื่อจะมีที่ว่างสำหรับเราสองคน แต่ฝูงชนเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แทนที่จะลดลง เราเลยตัดสินใจดื่มกาแฟ เพื่อนั่งในวิทยาเขตอย่างสงบสุข และตอนนั้น ฉันได้ยินเด็กผู้หญิงสองคนที่นั่งข้างม้านั่งคุยกันเรื่องข่าวเช้า“ผู้หญิงคนนั้นเสียชีวิตในลักษณะเดียวกับผู้ชาย” เด็กผู้หญิงที่สวมกางเกงยีนส์สีน้ำเงินและเสื้อสีขาวกล่าว“ใช่...ไม่รู้ว่าจู่ๆ สัตว์ตัวนี้มาจากไหน ต้องรีบจับให้ได้ มันสร้างความสยดสยองไปทั้งเมืองแล้ว” อีกคนกล่าว“เหตุใดผู้คนจึงไม่สามารถเอาชนะมันได้? ทำไมจึงต้องสร้างข่าวให้ใหญ่โต สัตว์ตัวนั้นแค่หิวโหย และด้วยเหตุนี้เขาจึงกิน...” เซน กล่าวเมื่อได้ยินการสนทนาของเด็กผู้หญิงเหล่านั้น น้ำเสียงของเขาสร้างความรำคาญเล็กน้อย สาวๆ พวกนั้นมองเขาอย่างรังเกียจก่อนจะจากไป “มันไม่ธรรมดานะเซน ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอกำลังพูดเรื่องฆ่าคนอย่างสบายๆ ” เขาทำตัวไร้อารมณ์ได้อย่างไร ไม่สนใจเลยเหรอ? ถ้าเหยื่อนั้นมีคนครอบครัวที่รักของเขาล่ะ“แต่มนุษย์ก็ทำเช่นเดียวกันนะ? พวกเขาก็กินสัตว์
ฉันไม่เคยเห็น เซน โกรธขนาดนี้มาก่อน วันนี้เขาไม่จำเป็นต้องมาที่มหาวิทยาลัยเพราะเขามีงานต้องทำ แต่สุดท้ายเขาก็มาทันเวลาพอดี ถ้าเขายังไม่มา มาร์คัส คงทำอายฉันมากกว่านั้นในมหาวิทยาลัย ฉันก็รู้สึกขอบคุณเซน แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลเช่นกัน ถ้า มาร์คัส เอาเรื่องนี้ไปบอกกับอาจารย์ใหญ่ เซน อาจจะเดือดร้อนแน่ๆ และฉันไม่ต้องการให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น ฉันไม่ต้องการให้ เซน ต้องเดือดร้อนเพราะฉันเฮ้อ... เซน พูดถูก บางทีฉันก็คิดมากไปจริงๆ ถ้าฉันต้องการอากาศบริสุทธิ์ ฉันก็แค่สูดหายใจเข้าลึกๆ ใต้ท้องฟ้าที่มืดมิดที่ดวงจันทร์ส่องแสงเจิดจ้า ฉันไม่ได้มาใกล้ป่าแห่งนี้ในตอนกลางคืนหลังจากเหตุการณ์นั้น แต่ตอนนี้ เมื่อฉันมาที่นี่ ฉันก็รู้สึกได้เลยว่าฉันคิดถึงที่นี่มากแค่ไหน ฉันคิดถึงการเดินเล่นในตอนกลางคืนมากแค่ไหน การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติย่อมสงบสุขเสมอ มันเป็นความสุขที่สมบูรณ์“การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติจะเป็นความสงบจนกว่าธรรมชาติจะเริ่มกัดกินเธอ” ฉันหันไปเห็นเซนเอนพิงต้นไม้“เซน? เธอมาทำอะไรที่นี่?" ฉันถาม.“ฉันถามเธอเหมือนกันนะคนดี เธอไม่ควรอยู่ที่นี่ในเวลานี้ มันไม่ปลอดภัยรู้ไหม” เขาไม่ได้ยิ้มเลย เขายืนนิ่ง
ฉันมาสายสิบห้านาที สำหรับชั้นเรียนแรกของฉัน ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจข้ามการบรรยายในคาบนี้ไป การพลาดชั้นเรียนดีกว่าโดนดุเพราะมาสาย ฉันไปนั่งบนม้านั่งที่ในมหาวิทยาลัย แล้วทบทวนเรื่องเมื่อวาน มันเป็นวันที่แย่ที่สุด ทั้งเรื่องที่เซนทะเลาะกับมาร์คัสเพราะฉัน แล้วก็ผู้ชายคนนั้นที่โจมตีเซนอีก ฉันแค่หวังว่าเขาคนนั้นจะไม่กลับมาทำร้ายเซนอีก และขอให้ทุกอย่างกลับเป็นปกติ“เธออยากรู้ใช่ไหม ว่าทำไมเขาถึงโจมตีฉัน” เซนถาม เมื่อเขายืนตรงหน้าฉันแล้ว“แล้วเธอจะบอกไหม”"เธอพูดถูก. เราไม่ใช่คนแปลกหน้ากัน ฉันรู้จัก กราเวียร์ เป็นอย่างดี”"เขาเป็นใคร?" ฉันถาม."ศัตรู. ศัตรูของครอบครัวฉัน”“แต่เธอเคยพูดถึงครั้งหนึ่งว่า ครอบครัวของเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ?”"ใช่...แม้ครอบครัวจะเสียชีวิต แต่ความเป็นศัตรูไม่ได้หายไป มันดำเนินต่อไปตลอดกาล”“อะไรที่ทำให้นายเจ็บขนาดนั้น? ฉันหมายความว่า เธอบาดเจ็บจากอะไร เพราะไม่มีบาดแผลบนร่างกายของเธอ”“ประกาศ ประกาศ มาร์คัส แบลร์ และเซน จากห้อง A ต้องไปพบอาจารย์ใหญ่เดี๋ยวนี้” มีการประกาศดังขึ้น เรามองหน้ากัน เรารู้ว่าทำไมเราถูกเรียก มาร์คัส คงไปฟ้องกับอาจารย์ใหญ่ เขาไม่ใช่แค่คนพาล
ดนตรีผ่อนคลาย แต่การเต้นรำกับเขาให้ความรู้สึกเหมือนสวรรค์มากขึ้น วันที่นี้สมบูรณ์แบบจนถึงตอนนี้ แต่ฉันยังคงรอให้เขาพูดคำวิเศษสามคำนั้น“แบลร์ ฉันมีอะไรจะบอกเธอ” ในที่สุดเขากำลังจะพูดสิ่งที่ฉันคิดเหรอ“อืม...ฉันฟังอยู่” ฉันพูด“ฉันรักเธอ” เขาพูดออกมาแล้ว ในที่สุดเขาก็สารภาพ คำพูดที่ฉันอยากได้ยิน แต่ทำไมเขาดูไม่มีความสุขตอนที่พูดเลยนะ หน้าของเขาเรียบเฉย “เซน ฉันก็รักนาย...”“หยุด...แบลร์” เขาไม่ให้ฉันพูดประโยคของฉัน“เธอคงไม่อยากพูดตอนนี้ ฉันไม่อยากให้เธอพูดตอนนี้ เพราะมีบางอย่างที่เธอต้องรู้เกี่ยวกับตัวฉันก่อน”"อะไร?"“ความจริงคือ...” เขาตอบ“ไม่ใช่ตอนนี้เซน...มันไม่สำคัญแล้ว”"ไม่... มันสำคัญมากที่เธอจะต้องรู้ก่อน ที่จะพูดแบบนั้นกับฉัน” จากใบหน้าของเขาตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น เขาดูจริงจังมาก“โอเค งั้นบอกมา!! ”"ไม่ใช่ตรงนี้ ฉันอยากให้เธอมากับฉัน” “ที่ไหนล่ะ? แล้วทำไมไม่อยู่ที่นี่ล่ะ” ฉันถาม แต่เขาก็เงียบ เขาเอาผ้าสีดำออกจากกระเป๋า แล้วปิดตาฉัน"เธอกำลังทำอะไรเนี่ย?" ฉันถามอย่างงุนงงกับการกระทำของเขา“เชื่อใจผมเถอะ” เขาบอกแบบนั้น และพาฉันขึ้นไปบนรถ“เซน..อีกไกลไหม และฉั
“ไม่เป็นไรช่างมันเถอะ” ฉันบอก“แล้วเพื่อนเธอล่ะ” เขาถามพลางยื่นมือออกไป แต่ก่อนที่ฉันจะอ้าปากพูด ก็มีเสียงดังขึ้นบนโต๊ะที่เรียกความสนใจจากทุกคน“ฉันเตือนเธอแล้วว่าอย่ายุ่งกับเธอ!” เซนคำรามเสียงดังไปทั่ว“ใจเย็นๆเซน ฉันไม่ได้มาเพื่อรบกวนเธอ” มาร์คัสพูด เขาพยายามพูดให้เซนใจเย็นลง เขาดูสงบขึ้นมาก แต่การที่ฉันเห็นเซนตรงนี้ ทำให้ฉันตัวสั่นด้วยความกลัว หลังจากที่ได้รู้ว่าเขาเป็นอะไร“ออกไป” เซนเตือนอีกครั้ง“ทำไมนายถึงมีปัญหากับฉันนัก? ถ้าแบรล์ไม่โอเคที่ฉันอยู่ที่นี่ เธอก็คงจะพูดออกมาเองแล้ว…”“ฉันบอกให้ออกไป!!!! ” เซนพูดตัดกลางประโยคของมาร์คัส ความโกรธทำให้เซนหน้าแดง และที่มองเขาแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ฉันกลัวมากขึ้นไปอีก เขาสามารถทำร้ายมาร์คัสได้เลยนะ? หรือแย่กว่านั้นเขาสามารถฆ่ามาร์คัสได้ทันที? เขาเป็นแวมไพร์ เขามันตัวอันตราย ที่สามารถทำทุกอย่างได้ไม่! ไม่! ไม่! ฉันต้องหยุดสิ่งนี้ก่อนที่ เซนจะทำร้ายใครอีก ถ้ามาร์คัสไม่ไป เซนอาจจะทำร้ายเขาหรือฆ่าเขา และเหตุผลที่ทำให้เขาตายก็คงเป็นฉัน! ฉันไม่สามารถปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้“มาร์คัสออกไปเถอะ…ได้โปรด?” ฉันขอ. เขามีเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าแต่
“พวกเขาเอางานมาทำที่บ้านนี้ไม่ได้เหรอ?” ฉันรู้แล้วว่าหล่อนจะพูดแบบนั้น ฉันรู้จักเธอดีเอธี แต่น้องสาวจ้ะ ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เซนเป็นสัตว์ประหลาด และฉันไม่สามารถเสี่ยงชีวิตครอบครัวด้วยการเชิญเขามาที่บ้านของฉันหรอก“ไม่ เราไม่เป็นไรค่ะ ห้องสมุดสะดวกกว่ามาก” ฉันพูดก่อนที่พ่อจะพูดอะไรเพิ่มเติมอีก“ก็ได้ แต่คอยดูเวลาไว้ อย่ากลับค่ำเกินไป” คำพูดของพ่อทำให้เอธีทำหน้าไม่พอใจ ใบหน้าของเธอเวลาที่ถูกขัดใจ ช่างน่าดูจริงๆ เหอๆ ฉันเหนื่อยกับวันที่วุ่นวาย ฉันรู้สึกง่วงมากจนไม่อยากทานอาหารเย็น ฉันเข้าห้องและปิดประตู ปิดไฟ ดึงผ้าห่มมาห่ม ฉันพร้อมจะหลับไป“ฉันคิดว่าเราจะทำงานนี้ให้เสร็จภายในครึ่งชั่วโมงได้นะ” เซนกล่าว“ใช่ แต่เราต้องเตรียมบันทึก”“เราต้องเรียนรู้มันด้วย สำหรับการนำเสนอ”"ฉันรู้...ฉันรู้... เราสามารถเตรียมบันทึกย่อได้ภายในครึ่งชั่วโมง จากนั้นเราจะมีเวลามากพอที่จะอ่านทบทวน เพื่อที่เราจะพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้”“ใช่” เขาตอบเตรียมบันทึกย่อในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง และเราเกือบจะพร้อมแล้วสำหรับการส่งงานในวันพรุ่งนี้ การวิจัยและการจัดการไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่ฉันเป็นผู้เชี่ยวชา
ฉันหวังว่าฉันจะไม่ลืมประเด็นสำคัญทั้งหมด ในขณะที่นำเสนองานนะ ไม่...ไม่... ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น คิดบวกไว้. คิดบวกไว้.ฉันเตรียมตัวมาอย่างดี และฉันต้องทำให้ได้ฉันเอาแต่บอกตัวเอง เพื่อสร้างแรงจูงใจ จน มิสแมคกราธ เรียกชื่อเราขึ้น เพื่อนำเสนองาน“เซน ฉันคิดว่าเธอควรเริ่มก่อน แล้วฉันจะสรุปหัวข้อต่างๆที่หลัง” ฉันพูด“เธอประหม่า”"ไม่. ฉันไม่ได้” ฉันโต้เถียง แต่เซนพูดความจริง ฉันประหม่าจริงๆ“ฉันสัมผัสได้ว่าเธอกำลังประหม่า” เขากล่าว ฉันหันไปมองเขาโดยไม่ตั้งใจ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลนั้น ซ่อนดวงตาสีแดงอันน่ากลัวของเขาไว้ได้เป็นอย่างดี“ฟังฉันให้ดีนะ” เขาพูดและดวงตาของฉันก็จับจ้องไปที่เขา ฉันไม่สามารถมองหาที่อื่นได้แม้ว่าฉันจะต้องการ“เธอไม่ได้ประหม่า เธอมีความมั่นใจ เธอไม่มีปัญหาเรื่องความกลัวบนเวที มาเลย ไปลุยกัน และเริ่มการนำเสนอของเธอได้เลย และด้วยความมั่นใจอย่างดีที่สุด เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอเป็น – ผู้พูดที่มั่นใจ!” ทันทีที่เขาพูดอย่างนั้น ฉันก็ไม่รู้สึกประหม่าอีกต่อไป ฉันรู้สึกว่าความมั่นใจวิ่งไปตามเส้นเลือดในร่างกายของฉัน ฉันขึ้นไปบนเวที มีคนนั่งรอให้ฉันพูดอยู่ประมาณร้อยคน แต่ตอนนี้ฉั