Home / รักโบราณ / แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก / ตอนที่ 4 แวมไพร์มังสวิรัติ

Share

ตอนที่ 4 แวมไพร์มังสวิรัติ

Author: บ.บี
last update Huling Na-update: 2025-04-07 20:08:12

“ข้าฉู่หลิง ข้าจำไม่ได้หรอกว่าเมื่อก่อนข้าอยู่ที่ไหน รู้เพียงข้าไม่มีญาติพี่น้องเดินทางเร่ร่อนไปเรื่อย ในกลุ่มพวกเจ้าหากไม่มีผู้ใดคัดค้านข้าก็เต็มใจจะไปอยู่ที่หอหงไถและจะช่วยพวกเจ้าทำงานหาอาหารอีกด้วย ตกลงหรือไม่” 

เห็นอีกฝ่ายมีชื่อซ้ำยังเริ่มจะพูดจารู้เรื่อง เด็กหลายคนสีหน้ายิ่งเบิกบานใจกว่าเดิม ในที่สุดหอหงไถก็จะมีพี่สาว ต่อไปก็จะมีบุรุษมาจับจ่ายใช้เงินที่หอ พวกเขาก็จะมีอาหารและรางวัลให้อิ่มท้องแล้วใช่หรือไม่!

“ตกลงเจ้าค่ะพี่สาวหลิงหลิง” เจียวจูเขกศีรษะเด็กรุ่นน้องหลายคนเบาๆ ไม่ได้อธิบายว่าพี่สาวฉู่หลิงจะไม่ได้ทำงานอย่างที่พวกเขาเข้าใจ และนางก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเช่นกันเพราะน้องๆ ในหอหงไถหลายคนไม่ได้รู้จักคำว่าหญิงคณิกาด้วยซ้ำ พวกเขารู้เพียงว่าพี่สาวเหล่านั้นหาเงินเก่งและงดงาม

“เช่นนั้นเราก็ไปที่หอหงไถกันได้แล้วสินะ” ฉู่หลิงรีบลุกขึ้นปัดฝุ่นดินออกจากเสื้อคลุมที่สวมอยู่เดินออกมาหาเด็กๆ

“ยังไปเวลานี้ไม่ได้เจ้าค่ะ พวกเราต้องเก็บผักป่ากลับไปทำอาหารด้วย อีกอย่าง..เจียวจ้าน เจ้าวิ่งกลับไปที่หอหงไถสักรอบเถิด ค้นหาเสื้อผ้าที่พี่สาวหลิงหลิงใส่ได้มาสักชุดหนึ่ง” 

อยู่ในอุโมงค์มืดก็ยังพอทำเนา พอออกมายืนกลางแจ้ง ชุดสีขาวบางเบาของฉู่หลิงก็น่าขายหน้าอยู่ไม่น้อย แต่เด็กเหล่านี้อยู่กับนางคณิกาสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นจนชินตาจึงไม่รู้สึกอะไร

เจียวจูพี่สาวใหญ่สุดในหอหงไถพยายามอย่างยิ่งที่จะสั่งสอนน้องๆ ในสิ่งที่ถูกที่ควร แต่นางก็ยังเป็นเพียงเด็กหญิงอายุ 12 ความรู้แค่หางอึ่ง ไหนจะต้องดูแลน้องๆ ฝูงใหญ่ หลายเรื่องจึงไม่ได้สั่งสอนเด็กๆ ได้ดีนัก 

เด็กสาวลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ความหวังว่าจะมีฉู่หลิงมาช่วยอีกแรงดูแล้วก็ยังมืดมน เพราะพี่สาวเองยังไม่รู้สึกเขินอายกับเสื้อผ้าบางเบาชิ้นนั้นเลยสักนิด

ฉู่หลิงใช่ว่าจะไม่รู้ว่าเจียวจูคิดอะไร แต่หากเทียบกับยุคสมัยที่นางจากมาเสื้อคลุมตัวยาวชิ้นนี้ก็ไม่ได้สร้างความอับอายอะไรมากนักให้กับผู้สวมใส่ แต่เมื่อนึกถึงยุคสมัยและขนบธรรมเนียมหญิงสาวก็พร้อมจะปรับเปลี่ยน ไม่อย่างนั้นนางคงเอาตัวรอดได้ยากเช่นกัน

“หลิ่วจี เจ้านั่งอยู่เป็นเพื่อนพี่หลิงหลิงของเจ้าก่อน พวกเราที่เหลือรีบไปหาผักป่ากันก่อนเร็วเข้า” เจียวจูออกคำสั่งกับเด็กที่เหลืออีกแปดคน

ผ่านไปพักใหญ่ เจียวจ้านก็ยิ่งกระหืดกระหอบกลับมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดสีน้ำเงินเทาดูหรูหรากรุยกรายชุดหนึ่ง 

“ชุดนี้เป็นของพี่สาวเจียวจิน นางยังไม่เคยสวมใส่เลยขอรับ ข้าเลือกมาให้พี่หลิงหลิงโดยเฉพาะเลยนะ” เจียวจ้านส่งชุดสีน้ำเงินรวมทั้งชุดตัวในและรองเท้าซึ่งเคยเป็นของเจียวจินให้ฉู่หลิง

เจียวจ้านรู้จากคำหยอกล้อของพี่สาวหลายคนในหอหงไถว่าเจียวจินคือมารดาของตนและเจียวจู แต่เจียวจินกลับไม่ยอมให้พวกตนเรียกว่าท่านแม่ อนุญาตให้เรียกว่าพี่สาวเจียวจินเท่านั้น แม้มารดาจะไม่ยอมรับแต่ก็ยังดูแลเจียวจูและเจียวจ้านเป็นพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ๆ เขาจึงรู้จักสิ่งของส่วนตัวของเจียวจินทุกชิ้น

ฉู่หลิงเดินกลับเข้าไปหลังเถาวัลย์เปลี่ยนมาสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูแตกต่างจากชุดที่เด็กๆ สวมใส่อยู่ลิบลับ ดูแล้วเสื้อผ้าของนางคณิกาในหอหงไถที่มีสีสันฉูดฉาดพวกนางคงจะทิ้งเอาไว้ทั้งหมดแล้วจากไปด้วยเสื้อผ้าธรรมดาเพื่อชุบตัวเป็นหญิงชาวบ้านเสียมากกว่า

“เสร็จแล้ว ข้างามหรือไม่” หญิงสาวเดินออมาหมุนกายรอบหนึ่งโบกมือให้เจียวจ้านและหลิ่วจีตามแบบฉบับนางงาม

“งามเจ้าค่ะ ท่านต้องได้เป็นดาวประจำหอแน่ๆ เลยพี่สาวหลิงๆ เมื่อก่อนพี่สาวเจียวจินก็เป็นดาว นางมีเงินมากเลยนะเจ้าคะ” หลิ่วจีตบมือรัวสีหน้าเบิกบาน แม้แต่น้ำเสียงที่เคยเป็นแมวป่วยก็กลับกลายเป็นแมวน้อยออดอ้อนซุกซนขึ้นมาทันที

แม้จะรู้สึกกระอักกระอ่วนกับคำว่าดาวประจำหอของเด็กหญิงอยู่บ้างแต่หญิงสาวก็ไม่มีชุดอื่นให้เปลี่ยนแล้ว

“จริงสิข้าถามอีกนิด ข้าได้ยินเพียงเจ้าเรียกชื่อกันแล้วพวกเจ้าใช้แซ่อะไรเล่า” หญิงสาวเข้าใจดีว่าเด็กๆ เกิดจากนางคณิกา แต่ก็คิดว่าอย่างน้อยแม่เล้าเจ้าของหอคงจะไม่ใจดำถึงขนาดไม่มอบแซ่ให้พวกเขากระมัง

“พวกเราไม่มีแซ่นำหน้าชื่อหรอกขอรับ เรียกแค่ชื่อก็พอแล้ว” เจียวจ้านตอบสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้รู้สึกอะไรกับการที่ตนไม่มีบิดามารดา

อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยา ทำให้หัวใจของแวมไพร์สาวกระตุกวูบด้วยความรู้สึกเวทนาสงสารมาครู่หนึ่ง นางสะบัดหน้าไล่ความคิดอ่อนไหวของตนเองออกไปอย่างรวดเร็ว

“ไปช่วยคนอื่น ๆ เก็บผักป่าก่อนก็แล้วกัน ข้าอยากกลับไปเห็นบ้านใหม่ของข้าเต็มทนแล้ว”

เจียวจูยืนตาค้างน้ำตารื้นคิดถึงเจียวจินขึ้นมาครู่หนึ่งเมื่อเห็นฉู่หลิงสวมใส่ชุดของผู้เป็นมารดาตลอดกาลของนางเดินเข้ามาใกล้ 

ฉู่หลิงไม่ได้ล่วงรู้ถึงต้นสายปลายเหตุของการตกตะลึงของเด็กสาวแต่อย่างใด แต่เมื่อเห็นว่านางกลับมาทำสีหน้าเรียบเฉย ออกคำสั่งให้น้องๆ รวบรวมผักป่าและเห็ดมาใส่ที่ตะกร้าที่อยู่บนแผ่นหลังของตน นางก็พอจะดูออกว่าเจียวจูเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบกับน้องๆ สูงมาก

“เก็บกันเสร็จแล้วหรือ ข้ากำลังจะมาช่วยอยู่เลย”

“ยังหรอกเจ้าค่ะ ต้องให้ได้เท่านี้อีกสักตะกร้าหนึ่งถึงจะพอ” เจียวจูตอบ

“พวกเจ้าเก็บผักป่ามากมายถึงเพียงนี้แล้วกินเข้าไปหมดหรือไร!” ฉู่หลิงมองตะกร้าสานที่เจียวจูแบกอยู่บนหลัง ขนาดของมันก็ไม่น้อย หากเทียบกับร่างกายที่ผ่ายผอมของเด็กทั้งสิบคนแล้วดูเหมือนมันจะไม่ค่อยสอดคล้องกันเท่าใดนัก

“พี่สาวพวกเราไม่ได้มีกันแค่สิบคน อีกอย่างผักป่าเหล่านี้หากไม่รีบเก็บวันต่อไปก็อาจมีชาวบ้านมาเก็บไปก่อน หาได้มากเท่าใดเราก็จะมีกินหลายวันมากขึ้นเท่านั้นเจ้าค่ะ”

“เข้าใจแล้ว เอาล่ะข้าจะช่วยเอง” ฉู่หลิงดึงสายสะพายคล้องตะกร้าออกจากหลังของเจียวจูมาแบกเอาไว้แทน ถึงนางจะไม่มีพละกำลังมากมาย แต่ก็ยังแข็งแรงกว่าเจียวจูมากนัก

“พี่หลิงหลิง..” เด็กสาวใจอ่อนยวบ ต่อให้เป็นเจียวจินที่เคยเอาใจใส่นางและเจียวจ้านมากกว่าเด็กคนอื่น แต่ก็ไม่เคยเลยที่นางจะรับงานหนักไปทำแทนเช่นฉู่หลิง ทำให้เจียวจูถึงกับน้ำตาคลอ

“เจ้าอย่ามัวพิรี้พิไร สิ่งที่ข้าต้องการก็มีเพียงให้พวกเจ้าเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์เท่านั้นล่ะ ข้าไม่ได้เป็นคนใจดีหรอกนะ” หญิงสาวรีบตัดบท รู้สึกว่ายารักษาที่อยู่ในร่างกายตนช่างพิเศษนัก มันสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้แม้กระทั่งจิตใจ เมื่อครู่นางรู้สึกเห็นอกเห็นใจเด็กมนุษย์กลุ่มนี้ขึ้นมาเชียวนะ!!

พอมีฉู่หลิงเข้ามาช่วยอีกแรง เด็กๆ ก็คล้ายว่าจะมีกำลังมากกว่าเดิม พวกเขาผลัดกันมาสอนฉู่หลิงให้รู้จักผักป่าที่สามารถเก็บไปกินได้หลายชนิด เพราะหญิงสาวไม่รู้จักพวกมันเลยแม้แต่น้อย มีผักบางอย่างที่นางเคยเห็น แต่ที่นี่เด็กๆ ก็เรียกเหมารวมผักทุกอย่างว่าเป็นผักป่าทั้งหมด

เก็บผักป่าในพื้นที่ใกล้เคียงได้มากพอสมควร เจียวจูจึงยังคงเป็นผู้นำออกคำสั่งให้น้องๆ พากันเดินกลับหอหงไถได้ ท่ามกลางความดีใจของทุกคนที่วันนี้จะมีพี่สาวหลิงหลิงเข้ามานอนอยู่ในหอเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน

เดินทางมาถึงลำธารเล็กๆ สายหนึ่งสุดเขตชายป่าซึ่งไม่ไกลมากนัก เจียวจ้านก็อาสามาช่วยพยุงร่างของฉู่หลิงเอาไว้โดยยื่นมือเล็กๆ ของเขาไปให้พี่สาวเกาะกุม

“พี่หลิงหลิง ลำธารข้างหน้าไม่ลึกเท่าไร แต่หากท่านไม่อยากให้รองเท้าเปียก ท่านต้องก้าวเหยียบหินตามข้านะขอรับ” 

ฉู่หลิงเห็นเด็กชายอีกสองคนในกลุ่ม ก็ยื่นมือออกไปให้เด็กผู้หญิงอีกสองคนจับและพาพวกนางเดินข้ามลำธารบนก้อนหินไปล่วงหน้าเช่นกัน

นางหันมามองมือที่ยื่นค้างเอาไว้ของเด็กชาย ความรู้สึกไม่คุ้นชินกับความอบอุ่นสายหนึ่งวาบผ่านเข้าสู่จิตใจหญิงสาว แต่นางก็เลือกไม่ยื่นมือออกไปหาเจียวจ้าน

“เจ้าเดินนำไป ข้าจะเดินตามเองไม่ต้องช่วยข้า” หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็งทำให้เจียวจ้านหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย แต่ก็ยินยอมเป็นผู้นำทางที่ดีและยังคอยระวังไม่ให้พี่สาวคนงามต้องเกิดอันตรายอีกด้วย

ฉู่หลิงก้าวขาเหยียบก้อนหินทีละก้อนเพื่อข้ามลำธาร นางมั่นใจในความสามารถด้านการทรงตัวของตนอยู่ไม่น้อย แต่ก่อนนางสามารถกระโดดข้ามกำแพงหรือต้นไม้ไปจับนกกินได้สบายๆ เลยด้วยซ้ำ

“ที่นี่มีปลาตั้งมากมาย พวกเราหยุดจับปลากันก่อนดีหรือไม่” ฉู่หลิงมองไปรอบตัวเห็นมีฝูงปลาตัวเล็กตัวใหญ่แหวกว่ายอยู่ในลำธารไม่น้อยเลยทีเดียว หากเป็นในโลกก่อนนางคงจะคว้ามาฉีกเนื้อ แล้วปล่อยให้เลือดปลาไหลลงคอเป็นภาพที่งดงามเหลือเกินในความคิดหญิงสาว

ที่สำคัญนางเป็นแวมไพร์นะ จะให้กินแต่ผักได้อย่างไรกัน มีอย่างที่ไหนแวมไพร์กินมังสวิรัติ!!

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 63 ตอนจบ

    “ข้าขอโทษ..ข้าขอโทษ เจ้าเชื่อข้าเถิด ข้าก็จะปกป้องพวกเขาเช่นกัน แต่ข้าปล่อยเจ้าไปไม่ได้ฉู่หลิง” โจวเฉิงเปิดเผยคำพูดออกมาจากหัวใจจริงๆเจียวจ้านเข้าใจเจตนาดีของโจวเฉิงเช่นกัน และเขาเองก็ยินดีด้วยซ้ำที่โจวเฉิงเลือกทำเช่นนี้ พวกเขาต้องพลัดพรากจากพี่น้องทั้ง 6 มีพี่สาวฉู่หลิงอยู่กับพวกตนอีกคนก็ยังดีกว่า“เรากลับไปที่จวนกันเถิด” เจียวจ้านสั่งน้องที่เหลือ แล้วเดินออกจากอุโมงค์ไปพร้อมกับผู้พิทักษ์ชุดสีม่วงคนอื่น ๆ ที่รับรู้เหตุการณ์ทั้งหมดด้วยกันโจวเฉิงปล่อยให้หญิงสาวระบายความเศร้าโศกออกมาเต็มที่อยู่อีกเนิ่นนาน เขาไม่กล้าปล่อยมือออกจากร่างงามแม้เพียงเสี้ยวอึดใจด้วยเกรงว่าฉู่หลิงจะหนีไปหาพี่น้องปีศาจดูดเลือดของนาง“ข้ารู้ว่าท่านหวังดี พวกเขาจากไปไกลแล้ว ปล่อยข้าเถิด” ฉู่หลิงเลิกล้มความตั้งใจเดิม อย่างไรนางก็ยังมีน้องอีก 13 คนและท่านยายเฉินอยู่ที่นี่“ไม่ปล่อย เจ้าดื่มเลือดข้าก่อน” ชายหนุ่มลูบฝ่ามือไปที่คมดาบจนเกิดบาดแผล ก่อนจะยื่นมือเปื้อนเลือดส่งให้หญิงสาวฉู่หลิงปรายตามองเลือดสีแดงสดบนฝ่ามือของอีกฝ่ายสายตาหยามหยัน“ข้าไม่ดื่มเลือดจากมือท่าน ก่อนจะกลับเป็นมนุษย์ให้ข้าได้กัดผู้พิทักษ์สักครั้

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 62 การตัดสินใจ

    ฉู่หลิงรอน้องทั้งหกกับกลุ่มของมู่เจียเหยียนอยู่ภายในจวนผู้ตรวจการพิเศษอีกสามวันพวกเขาก็ยังไม่กลับมาจนหญิงสาวเริ่มร้อนใจ“ท่านยาย ข้าสังหรณ์ใจว่าพวกเขาจะกลับเข้าไปอยู่ในถ้ำ ข้าจะกลับไปดูสักครั้ง ฝากเด็กๆ ทางนี้ด้วยนะเจ้าคะ” ฉู่หลิงยังไม่กลายร่างเป็นมนุษย์ นางมีสัมผัสบางเบาเป็นครั้งคราวว่าเจียวจูกับคนอื่น ๆ อยู่ใกล้ๆ แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดพวกเขาจึงยังไม่กลับมา“พี่หลิงหลิง ข้าไปด้วยขอรับ” เจียวจ้านกับเด็กคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดของฉู่หลิงกับท่านยายเฉินเข้าพอดี พวกเขารีบรุมล้อมมาข้างตัวฉู่หลิงจนอีกฝ่ายแทบจะหมดแรงจากพลังของผู้พิทักษ์ที่ยืนรายล้อมรอบตัว“ไปสิ ไปด้วยกัน หากพวกเขาอยู่ที่นั่นก็จะได้ใช้เลือดของพวกเจ้าในการแก้ไขปัญหาของพวกเขาได้พอดี” หญิงสาวยิ้มรับคำอบอุ่นเดินทางมาถึงเขตลำธารสายเล็กที่ทุกคนเคยมาจับปลาด้วยกัน ฉู่หลิงก็รู้สึกถึงตัวตนของปีศาจดูดเลือดชัดเจนยิ่งขึ้นและยิ่งมั่นใจว่าน้องที่เหลือยังคงอยู่ในถ้ำ และไม่แน่ว่ามู่เจียเหยียนกับพวกฉีฟ่งก็จะอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน“พี่เจียวจู ทำไมไม่กลับไปหาพวกเรา เรารอมาสองวันแล้วนะเจ้าคะ” ตงเหม่ยวิ่งเข้าไปหาเจียวจูก่อนผู้ใด “มือปราบมู่ ท่านอาฟ่ง เด

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 61 ชัยชนะ

    “ช้าก่อน!! พวกที่หลบหนีไปในตอนนี้อย่างไรพวกมันก็ต้องเลือกหาที่หลบซ่อนตัวเป็นอันดับแรก ยังไม่สร้างความเดือดร้อนให้เราค้นหาได้ง่ายเป็นแน่” ท่านยายเฉินก้าวออกมาอีกคนหนึ่งสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง“เราต้องกลับไปที่จวนผู้ตรวจการกันสักครู่ แม้เราจะไม่ต้องดื่มกินอาหาร แต่เรายังมีความกระหายอยู่ ที่นั่นมีกระต่าย!”หวังหยวนอยากจะตบมือดังๆ ให้ท่านยายเฉินเสียเหลือเกินที่ออกหน้าเป็นตัวแทนของคนในหมู่บ้าน พวกเขากระหายเลือดจริงๆ นั่นล่ะ สู้กันมาครึ่งค่อนคืนจนถึงเช้ากลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งไปทั่วเมืองสือเจีย พวกตนได้แต่ข่มกลั้นความกระหายเอาไว้จนเขี้ยวสั่นแล้วที่จวนผู้ตรวจการก็มีสิ่งที่พวกเขาต้องการโดยไม่ต้องไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ใด กระต่ายอ้วนพี 4 คอก แบ่งๆ กันดื่มก็ยังพอช่วยดับกระหายให้มีแรงสู้ต่อไปได้อีกหน่อยพอพูดถึงกระต่ายแวมไพร์สาวก็รู้สึกปวดไส้หิวกระหายขึ้นมาบ้างแล้ว นางพยักหน้าตอบรับท่านยายเฉินครั้งหนึ่ง กลุ่มปีศาจดูดเลือดที่มีทั้งทหาร ชาวบ้านและเด็กๆ ก็หายตัวไปอย่างรวดเร็วทางทิศของอำเภอซิ่งอัน“ใต้เท้า นาง..มือปราบมู่..เด็กๆและชาวบ้าน?” ผู้พิทักษ์ฝ่ายตรวจการพิเศษที่ยังไม่รู้เรื่องของชาวอำเภอซ

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 60 ล้างแค้น

    “ท่านลุง ท่านป้า ข้าเองเจียวจ้าน!” เจียวจ้านกับฝานเจิ้งสลับกันตะโกนร้องเรียกหาสองสามีภรรยาไม่หยุดพวกเขารู้ดีว่าชาวบ้านได้รับคำเตือนให้ซ่อนตัวให้มิดชิด แต่หากยังไม่ได้เห็นคนทั้งสองกับตาว่าปลอดภัย เด็กชายทั้งสองคนก็ยังไม่วางใจอยู่ดี“เจียวจ้าน ฝานเจิ้ง! มาทำอะไรที่นี่! เข้ามาหลบในนี้ก่อนเร็วเข้า!” เถ้าแก่หลี่โผล่หน้าออกมาจากเตาดินเผาขนาดใหญ่ กวักมือเรียกเด็กชายทั้งสองให้เข้ามาซ่อนตัวด้วยความร้อนใจ“พวกท่านปลอดภัย ข้าดีใจเหลือเกินขอรับ” เจียวจ้านถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เวลานี้มีปีศาจที่บุกรุกเข้ามาด้านในมากขึ้นแล้ว ระหว่างทางพวกเขายังได้สังหารพวกมันไปหลายคนเลยทีเดียว“เจ้าสองคนเข้ามาในนี้ก่อนเร็วเข้า อย่าชักช้าอยู่” เถ้าแก่หลี่เร่งเด็กชายทั้งสอง ด้านนอกเริ่มมีเสียงกรีดร้องของผู้คนดังเข้ามาใกล้ทุกทีแล้วเจียวจ้านกับฝานเจิ้งยิ้มแห้งให้สองสามีภรรยา ดูเอาเถิดเตาดินเผาแม้จะมีขนาดใหญ่ แต่พอมีคนสองคนเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ก็ไม่สามารถบดบังร่างพวกเขาได้มิดชิด เท้าของเถ้าแก่หลี่ที่เต็มไปด้วยขี้เถ้าก็ยังโผล่พ้นออกมาด้านนอกอยู่เลย แล้วจะให้เขาสองคนเข้าไปข้างในอีกได้อย่างไรกันขณะนั้นเองปีศาจดูดเลื

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 59 ปีศาจบุกเมือง

    เห็นความตั้งใจจริงของทุกคนฉู่หลิงก็ยินยอมแต่โดยดี เอาจริงก่อนจะเกิดเรื่องราวเช่นนี้นางก็ไม่คิดฝันมาก่อนว่าการย้อนเวลามาครั้งนี้จะมีมนุษย์ตัวเป็นๆ มายื่นคอให้นางกัดโดยไม่ต้องล่าทหารและชาวบ้านร้อยกว่าชีวิต เข้าแถวมาทีละคนเพื่อให้ฉู่หลิงดื่มเลือดพวกเขา แวมไพร์สาวรู้สึกอิ่มจนพุงกาง สุดท้ายก็ต้องให้หวังหยวนมาช่วยแบ่งเบาภาระเพิ่มอีกคน เพราะทุกคนในที่นี้มีเพียงหวังหยวนเพียงผู้เดียวที่เคยได้ลิ้มลองเลือดมนุษย์ไปแล้ว นางไม่อยากให้ผู้ใดต้องมาแปดเปื้อนเพิ่มขึ้นอีก“พร้อมกันแล้วใช่หรือไม่” แวมไพร์สาวกระโดดขึ้นไปอยู่บนกำแพงจวน ส่งเสียงคำรามและปลุกระดมความฮึกเหิมให้กับเหล่าสาวกเบื้องล่าง“แฮ่!!!” ทหารชาวบ้านและเด็กๆ ที่กลายเป็นปีศาจดูดเลือดทั้งหมด แยกเขี้ยวกางเล็บส่งเสียงคำรามตอบกลับ สตรีชาวบ้านบางคนอย่างเช่นนางจวงหญิงอ้วนที่ไม่เคยกระโดดพ้นยอดหญ้า รีบทดลองปีนป่ายขึ้นกำแพงก่อนจะหัวเราะชอบใจชักชวนให้สตรีคนอื่น ๆ ทดลองตามอย่างบ้าง“เราจะช้าไม่ได้แล้ว ระหว่างทางพวกท่านค่อยๆ ปรับสภาพร่างกายกันเอาเองก็แล้วกัน อ้อ! ทุกคนตัดต้นไผ่ติดมือกันไปให้มากที่สุดด้วย ไป!!” แม้จะไม่เข้าใจว่าฉู่หลิงให้พวกตนตัดต้นไผ่ไ

  • แวมไพร์พี่เลี้ยงเด็ก   ตอนที่ 58 รวมใจ

    “พวกเขาเป็นปีศาจดูดเลือดก็จริง แต่พวกเขาอยู่ฝ่ายเรา เรื่องนี้ข้าจะอธิบายให้พวกเจ้าเข้าใจภายหลัง” โจวเฉิงรีบหันเหความสนใจของคนทั้งห้ากลับมาที่ตนเองอีกครั้งผู้พิทักษ์ทั้งห้าคนหันมองหน้ากันไปมา คำกล่าวของโจวเฉิงก็คล้ายว่าจะจริง ปีศาจดูดเลือดทุกคนที่พวกตนเห็นอยู่ล้วนแล้วแต่เป็นทหารและเด็กที่อยู่ในจวนผู้ตรวจการมาก่อนทั้งสิ้น พวกเขาไม่มีท่าทีจะเข้ามาโจมตีแต่อย่างใดแต่นี่มันแปลกประหลาดเกินไปหรือไม่ ในตำนานหรือตำราไม่เคยมีบันทึกมาก่อนว่าสายเลือดผู้พิทักษ์กับปีศาจดูดเลือดจะร่วมงานกันได้อย่างสันติ!“ไม่เคยเห็นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” หนึ่งในห้ายักไหล่ขึ้นมา เป็นอันสรุปว่าพวกเขายินยอมเชื่อคำของโจวเฉิงซึ่งเป็นผู้นำ“ทำไมพวกเจ้าทั้งห้าจึงมาทางนี้ ใช่ว่าเวลานี้ควรช่วยกันปิดทางแพร่กระจายของเหล่าปีศาจดูดเลือดไม่ให้ลุกลามไปยังเขตเมืองอื่นอยู่หรอกหรือ” “คนของเราแบ่งกำลังไปสกัดเส้นทางไปเมืองทั้งสามโดยรอบเอาไว้แล้วขอรับ จุดศูนย์รวมของพวกมันเวลานี้กระจายอยู่เป็นกลุ่มในเขตเมืองสือเจียมากที่สุด และเวลานี้พวกมันพุ่งเป้าไปที่กำแพงเมืองเป็นจำนวนมาก พวกเรากำลังจะตามไปสนับสนุนที่เมืองสือเจียเลยแวะมารายงานท่านก

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status