“ฉันจะทำไงดีตังค์ ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนาตาลี ฉันรักนาตาลีมากแกก็รู้ เป็นไอ่พีร์ฉันยังยอมรับได้ แต่นี่เลิกกับฉันไปเลย ฉันเสียใจ ว่ะตังค์”
“แกใจเย็นๆ นะนนท์เดี๋ยวฉันลองคุยกับคุณนาตาลีอีกสักครั้ง เผื่อเธอจะเข้าใจ”
“อืม...ขอบใจแกมากนะตังค์”
ในขณะที่สองเพื่อนรักกำลังเปิดอกคุยกันอย่างออกรส ร่างสูงของเมธาวินก็ก้าวเข้ามาภายในร้านพร้อมกับคู่ขาอันดับหนึ่งของเขา ‘แพรวา’ ซึ่งวันนี้เธอมีเรื่องที่จะคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว เธอบอกแบบนั้น เมธาวินเลยนัดเธอใกล้กับบริษัทของเขา เพื่อที่ไม่ต้องขับรถฝ่าจราจรอันติดขัดไปอีก
“วิชญ์รับกาแฟมั้ยคะ” แพรวาหันมาถามชายหนุ่ม
“ครับ”
“อเมริกาโน่น้ำผึ้ง หวานน้อยสองที่”
เธอหันไปสั่งบริกร แพรวารู้ใจเมธาวินเสมอ แม้กระทั่งเมนูกาแฟเธอก็จำได้ว่าเขาชอบดื่มแบบไหน...
“ไหนวันนี้แพรมีเรื่องอะไร ถึงนัดผมมา จริงๆ สุดสัปดาห์นี้ผมก็ว่าจะนัดคุณอยู่แล้วนะ”
“แพรคิดถึงคุณค่ะวิชญ์ อยากเห็นหน้าคุณ”
แพรวาเอ่ยตามตรงไม่ปิดบัง เธอรักเขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องอ้อมค้อม
“...” เมธาวินนิ่งไม่เอ่ยอะไร เพียงแต่หันใบหน้าคมเข้มของเขาเฉมองไปทางอื่นเหมือนกับคนไม่รู้จะสรรหาคำพูดคำไหนมาเอ่ยกับเธอได้...แต่เมื่อสายตาของเขากวาดมองไป พลันสะดุดเข้ากับใครคนหนึ่งที่คุ้นตาเป็นอย่างมาก ‘นั่นมันตังค์นี่ มากับใครกัน’
“ทำไมเงียบไปล่ะคะวิชญ์...วิชญ์ไม่ได้คิดถึงแพรเลยใช่ไหม ตลอดระยะเวลาห้าปีที่เราห่างกัน มันนานมากเลยนะคะ”
“อืม...” สายตาของเมธาวินยังจับจ้องไปที่ชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขานัก ‘เธอมีคนรักแล้วเหรอ ทำไมเขาไม่รู้มาก่อนแล้วไอ่ที่บอกว่ารักเขา ชอบเขาล่ะ เธอไม่ได้สนใจแล้วงั้นหรือ’
“วิชญ์คะ...คุณได้ยินที่แพรพูดมั้ยคะ”
“ครับ...ผมได้ยินครับ...คืนนี้คุณมาหาผมที่บ้านแล้วกันครับ ความคิดถึงของคุณจะได้หายซะที”
ภาพตรงหน้าเมธาวิน มันทำให้เขาตัดสินใจเอ่ยกับแพรวาออกไปแบบนั้น ทั้งที่ความตั้งใจแรกไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย...
“คะ? วิชญ์พูดจริงๆ เหรอคะ”
แววตาของแพรวาเป็นประกายสดใสทันที เมื่อได้ยินประโยค จากชายหนุ่ม เธอเฝ้ารอสัมผัสเขามาเนิ่นนาน ห้าปีเชียวนะที่เธอกับเขาไม่ได้มีบทรักบนเตียงเลย...
“ครับ...จะพูดเล่นทำไม คุณก็รู้จักผมดีนี่แพรวา ผมถึงใจสำหรับคุณเสมอ ถ้าคุณพร้อมจะรับ”
สายตาคมเข้มจ้องไปที่หญิงสาวนางหนึ่งที่กำลังโอบกอดคนรักเพื่อปลอบประโลม ‘ปากเธอบอกว่าชอบเขา แต่การกระทำของเธอมันตรงข้ามกับที่เห็น’
อีกด้านหนึ่ง...
“นนท์...แกจะยอมรับได้มั้ย ถ้าหากนาตาลีเลือกไอ่พีร์ ไม่ได้เลือกแก...ฉันถามเฉยๆ นะ”
“อืม...ก็ต้องทำใจยอมรับแหละ...แต่ไอ่พีร์มันก็น่าจะโดนบอกเลิกเหมือนกันกับฉันนี่ สภาพมันก็คงไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่หรอกตังค์ อย่างที่แกเคยล้อพวกฉัน ว่าอยู่กันยังไงสามผัวเมีย พวกฉันอยู่ได้และมีความสุขดีนะตังค์ แต่จะให้ฉันอยู่คนเดียวแบบนี้ฉันไม่ชินเลย ฉันทำใจไม่ได้ นาตาลีไม่เผื่อเวลาทำใจให้ฉันเลย”
“อืม...แล้วถ้าหากคุณนาตาลีเลือกแก ไม่เลือกไอ่พีร์ล่ะ แกจะยังไงวะนนท์”
“แกจะถามเพื่ออะไรวะตังค์ แกก็น่าจะรู้คำตอบแล้วนี่ ว่าฉันก็ไม่โอเคเหมือนกัน ที่ไอ่พีร์มันจะต้องเจ็บปวดแบบนั้น”
“ฉันว่าแกกับไอ่พีร์ก็ต้องใจเย็นๆ กันอยู่นิ่งๆ สงบสติอารมณ์สักพักนะ ให้เวลาคุณนาตาลีได้คิดและจัดการบางอย่างไปก่อน บางทีเธออาจจะแค่สับสนนะนนท์”
“ฉันก็หวังจะให้เธอคิดแบบนั้นแหละ ฉันเลยได้แต่นิ่ง”
“ถ้าแกคิดแบบนี้ฉันก็สบายใจ...เอาล่ะ...กลับกันเถอะ”
“อืม...ไปสิได้เวลาเลิกงานแล้ว”
เท้าบางก้าวออกจากบริเวณที่เธอและชานนท์นั่ง ตมิสาเหลือบเห็นใครบางคนเข้าอย่างจังโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ความตกใจทำให้เธอสะดุดเกือบจะล้มถ้าไม่ได้มือของชานนท์คว้าเอาไว้ล่ะก็ ป่านนี้ เธอจ้ำเบ้ากับพื้นไปแล้ว
“ตังค์!” เสียงทุ้มของชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายร้องเรียกตมิสาทันที สายตาเขาจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว เลยทำให้เขาตกใจกับสิ่งที่เห็นและหลุดอุทานชื่อของตมิสาออกมา ทำให้แพรวาหันมองทันที
“พี่วิชญ์สวัสดีค่ะ”
ตมิสายกมือไหว้เมธาวิน ทันทีที่เธอประคองตัวเองได้ และหันมองหญิงสาวสวยคนหนึ่ง ซึ่งเธอก็คุ้นตาเป็นอย่างดี ‘คุณแพรวานั่นเอง’
“สวัสดีครับคุณเมธาวิน”
ชานนท์ทักทายเจ้านายคนใหม่เช่นกัน
“อ่อ...ยัยตังค์นี่เอง พี่จำเธอไม่ได้เลยนะตังค์ สวยขึ้นมาก”
“สวัสดีค่ะพี่แพรวา”
ตมิสาทักทายคู่รักมาราธอนของเมธาวิน จริงๆ แล้วเธอไม่คิดมาก่อนว่า เมธาวินกลับจากต่างประเทศมาแล้วเขายังจะกลับมาคบกับแพรวาอีก ‘คุณแพรวาคือตัวจริงสินะ ที่เขาจะตกลงปลงใจ ระยะเวลา 11 ปีเป็นเครื่องพิสูจน์เป็นอย่างดี’
“ตังค์...วันนี้โทรสั่งอาหารมื้อพิเศษ และจัดเตรียมการชุดดินเนอร์ให้พี่หน่อยที่บ้าน เดี๋ยวพี่จะพาแพรวาไป”
อะไรบางอย่างผลักดันให้เขาพูดและแสดงออกแบบนี้ออกไป เขาอยากเห็นสีหน้าของตมิสาว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรบ้าง
“ค่ะ...คุณนัดกันกี่โมงดีคะ ตังค์จะได้กะเวลาให้พอดีค่ะ”
คำพูดที่ตมิสาเอ่ยออกไปฟังดูราบเรียบไร้ความรู้สึกใดๆ แต่ภายในจิตใจของเธอนี่สิ มันร้าวรานสุดจะเอ่ย ‘ตมิสาก็ไม่ต่างกันกับเพื่อนชายของเธอทั้งสองคนเลยตอนนี้’
“สักทุ่มนึง...หวังว่าวันนี้เธอคงไม่ไปไหนนะ เผื่อพี่เรียกใช้”
“ค่ะ ไม่ได้ไปไหนค่ะ...งั้นตังค์ขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
ตมิสาคว้ามือของชานนท์ และจูงมือเพื่อนชายออกจากที่ตรงนั้นทันที โดยไม่ทันเหลียวหันกลับไปมองเปลวไฟในดวงตาของใครบางคนลุกโชนตามหลังเธอไป...
“อืม...แกบ้าจริงๆ แหละดรีม...”รณพีร์กวาดสายตามองดวงหน้าสวยของเธออย่างจริงจัง ‘แต่เขาก็ถูกใจความบ้าของเธอนะ’ “ถ้าไม่บ้าฉันคงไม่ได้แกหรอกพีร์” “แกจะตอบฉันได้หรือยังดรีม...ว่าแกจะไม่ไปแต่งงานแล้ว” “ฉันคิดดูก่อนนะ” “แกจะคิดทำไมอีกวะดรีม...แกจะฆ่าฉันหรือไง ฉันต้องบ้าแน่ๆ ที่รอคำตอบแกแบบนี้” “ก็แล้วแกไม่คิดเหรอ ว่าเจ็ดปีที่ฉันรอน่ะ ฉันจะบ้าแค่ไหน” “มันไม่เหมือนกันดรีม...แกแอบรักฉันมาเจ็ดปี โดยที่แกไม่เคยสารภาพรักกับฉันเลย...แต่สำหรับฉันตอนนี้ ฉันบอกแกแล้ว และสารภาพแกแล้ว ว่าฉันชอบแก” “ฉันดีใจที่สุดเลยรู้มั้ยพีร์ ฉันต้องขอบคุณป๊าฉัน ที่ช่วยให้ฉันรู้ใจแกเร็วมากขึ้น” “อืม...จริง! ป๊าแกทำให้ฉันอยู่ไม่ได้...เออ...พูดถึงป๊าแก...ท่านจะยอมให้แกคบกับฉันหรือวะดรีม” “ป๊าแค่อยากได้หลาน...ถ้าแกทำหลานให้ป๊าฉันได้ ท่านคงไม่ติดใจอะไรหรอก อีกอย่างหนึ่งป๊าตามใจฉันอยู่แล้ว ฉันรักใครป๊าไม่เคยขัด” “ดรีม...” มือหนาจับร่างของเธอให้หันมาที่เขา “หือ...” ใจเธอเต้นผิดจังหวะทันที เมื่อหันมาสบตากับชายหนุ่ม ควา
“อือ...ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ” “ทำไมแกต้องตามใจพ่อกับแม่แกด้วยวะ นี่มันยุคไหนแล้วที่จะต้องมาจับคู่คลุมถุงชนแบบนี้”ในน้ำเสียงของรณพีร์เหมือนจะมีแววตําหนิแฝงอยู่ ซึ่งตัวเขาเองก็น่าจะไม่รู้ตัวเช่นกัน “ก็ไม่เชิงจับคู่หรอกนะ ป๊าไม่ได้บังคับฉันเลยพีร์ แค่ฉันไม่ขัดท่านเฉยๆ”เมวิกามองหน้าเพื่อนรักอีกครั้ง เธอรู้สึกราวกับว่ารณพีร์แปลกไปจากเดิม “แกจะบ้าเหรอวะดรีม...แกจะไปแต่งงานได้ยังไง ในเมื่อแก เอ่อ แกไม่บริสุทธิ์แล้ว แกจะไปหลอกผู้ชายคนนั้นทำไมวะ”รณพีร์เริ่มเดือดขึ้นเป็นระยะๆ อกซ้ายของเขากระตุกอย่างแรง ตั้งแต่ได้ฟังบทสนทนาสองพ่อลูกเมื่อครู่ “ผู้ชายที่ป๊าหาให้เขาก็ผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาไม่มาแคร์เรื่องนี้หรอกพีร์ และอีกอย่างฉันมีอะไรกับแกแค่ครั้งเดียว มันไม่ได้ทำให้ฉันสึกหรออะไรขนาดนั้นหรอก”เมวิกาฉงนใจกับท่าทีของรณพีร์เป็นอย่างมาก เขาจะเอาเรื่องนี้มาพูดทำไม “แล้วแกรักเขาหรือไง แกถึงจะแต่งงานกับเขา ทำไมแกไม่คิดให้มันมากกว่านี้วะดรีม แกอายุ 25 แล้วนะไม่ใช่เด็กที่จะต้องให้พ่อกับแม่ต้องคอยตัดสินใจให้แกตลอด”รณพีร์พูดอธิบายกับเธอเป็นฉากๆ เขาต้อ
“พี่เลิกกับแพรวาไปแล้ว จริงๆ พี่กับแพรวาก็ไม่ได้อยู่ในสถานะแฟนกันตั้งแต่แรกคบแล้ว ระหว่างพี่กับเขาเราคบกับแบบมีอิสระต่อกัน” “แล้วพี่แพรยอมเหรอคะ ที่พี่วิชญ์ปฏิเสธเธอแบบนี้” “เราคุยกันแล้วก่อนหน้านี้ แพรวาเข้าใจและเรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ถ้าพี่กับแพรยังฝืนคบกันต่อไป มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราสองคนดีขึ้นมา มันกลับเลวลงด้วยซ้ำ เมื่อวันหนึ่งพี่ได้รู้ใจตัวเองแล้วว่าพี่รักเขาไม่ได้ เพราะใจของพี่มันอยู่ที่ตังค์ไปแล้วนี่ไง” “พี่วิชญ์รักตังค์จริงหรือคะ...ตังค์สงสัยค่ะ เวลาผ่านมาตั้งนานพี่วิชญ์ไม่เคยสนใจตังค์เลย มาตอนนี้พี่วิชญ์กลับสนใจตังค์ มันเกิดอะไรขึ้นคะพี่วิชญ์ หรือเป็นเพราะวันนั้นที่เรามีอะไรกัน พี่วิชญ์เลยต้องแสดงความรับผิดชอบกับตังค์หรือเปล่าคะ” “อืม...เธอนี่เป็นคนชอบคิดอะไรแปลกประหลาดอยู่เรื่อยเลยนะ พี่รักเธอมานานแล้วนะตังค์ เพียงแต่พี่อาจไม่รู้ตัวเองก็เท่านั้น วันที่ตังค์เดินจากพี่มา พี่ถึงได้รู้ใจตัวเอง และตัวพี่เองต้องทำอะไรสักอย่างที่จะเหนี่ยวรั้งตังค์เอาไว้ได้”เมธาวินนึกย้อนเรื่องราววันวานที่เขาโดนตมิสาปฏิเสธ เขาคิดว่าการที่เธอมีอะไรกับเขาแ
“อ๊ะ! พะ-พี่วิชญ์”เสียงของตมิสาร้องดังขึ้นเมื่ออกอวบของเธอโดนจู่โจมอย่างหนัก มือบางเผลอขยุ้มเข้ากับกลุ่มผมดกดำของชายหนุ่มเอาไว้ ความซาบซ่านทะยานเข้าสู่กายสาวอย่างหนัก เธอไม่อาจต้านทานสัมผัสนี้ได้เลย“อุ๊บ!”ริมฝีปากบางถูกประกบ จูบอันหนักหน่วงกดย้ำมาอย่างถี่ๆ เนิ่นนานเหมือนต้องการสูบร่างกายสาวเข้าสู่กายกำยำ เมธาวินเล่นบทหนักกับเธอ รุกด้วยริมฝีปากและมือ บีบเคล้นอกอวบอย่างเต็มอารมณ์ มือหนาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างรวดเร็ว ตามด้วยกางเกง เผยให้เห็นร่างกายกำยำเปล่าเปลือย แผงอกแกร่ง กล้ามท้องเป็นลอนไร้ไขมันส่วนเกินฝ่ามือใหญ่แนบวนไปทั่วเรือนร่างของเธอ จนร่างบางสะท้านสั่น กลีบกุหลาบถูกสำรวจด้วยปลายนิ้วแกร่งที่สอดแทรกเข้าตรงกลางของช่อกุหลาบนั้น ไฟในกายของตมิสาแผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับทะเลเดือด กรีดเสียงร้องออกมาอย่างอดมิได้ เมื่อปลายนิ้วดีดเด้งเกี่ยวเข้ากับเม็ดทับทิมสีชมพู เขากระตุกข้อมือระรัวจนร่างของเธอบิดขึ้นดีดเด้งเข้าหาสัมผัสอย่างอัตโนมัติ“อ๊ะ! อ๊ะ! พะ-พี่วิชญ์ อื้อ...”เสียงเล็กครางออกมาอย่างไม่เป็นภาษา ความเสียวซ่านเข้าแทรกทั่วทั้งร่างอวบอิ่มของเธอ เล็บจากนิ้วเรียวบางจิกเข้าไปที่ไหลหนา
“พี่วิชญ์”ตมิสาเรียกชายหนุ่ม แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้กลับจากเขาเลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอต้องก้าวเข้าไปหาเขาอย่างทันที “พี่วิชญ์!”ตมิสาชะโงกใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ เขาเพื่อสำรวจลมหายใจของอีกฝ่าย ลมหายใจยังสม่ำเสมอ ‘เขาหลับนี่’ “อ๊ะ!” ตมิสาร้องเสียงหลง เมื่อมือหนาคว้าตัวเธอจนร่างบางถลาล้มลงทับทาบบนตัวเขา “ว่าไงตังค์...”เมธาวินมองใบหน้าสวยของตมิสา ที่ยังมีอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ร่างอวบอิ่มอยู่บนตัวเขา มือบางยันอกแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเขาและเธออยู่ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน “พี่วิชญ์...ปล่อยตังค์นะ นี่พี่แกล้งตังค์เหรอคะ”ตมิสาดิ้นอยู่บนร่างหนา เพื่อให้เขาปล่อยตัวเธอ มีความร้อนบางอย่างแล่นอยู่บนตัวเธอไปทั่วร่าง หัวใจของเธอเต้นเร็วระรัว เมื่อสัมผัสแนบชิดระหว่างเธอกับเขา “ไม่ปล่อย!”อ้อมแขนแข็งแรงรัดร่างอวบอิ่มของเธอเอาไว้ “พี่วิชญ์! เราต้องไปทานข้าวนะคะ ตังค์เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ”ตมิสาพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเขา “พี่ยังไม่หิวเลยตังค์”ดวงตาคมกริบหรี่ลงต่ำจับจ้องไปที่เรียวปากอวบอิ่มเย้ายวน ร่างกำยำเริ่มมี
ณ เวลาหลังเลิกงาน (ประเทศไทย) “ดรีม” “มีไรพีร์” “ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกหน่อย แกพอจะว่างไปหาอะไรกินแถวนี้ก่อนกลับบ้านดีมั้ย”รณพีร์รวบรวมความกล้าเพื่อเอ่ยชวนเมวิกา เมื่อวันก่อนเขาเองทำเสียเรื่องเพราะแอลกอฮอล์ ทำให้โพล่งเรื่องของเธอและเขาให้ตมิสากับชานนท์ได้รู้ เมวิกาโกรธเขาเป็นอย่างมาก หลบหน้าเขาไม่ยอมที่จะสนทนากับเขาเลย จนวันนี้เขาเลยตัดสินที่จะมาดักรอเพื่อพบเธอ “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแกแล้วพีร์” “แกโกรธฉันมากเลยเหรอ...ฉันจะต้องขอโทษแกสักกี่ครั้ง แกถึงจะหายโกรธวะ” “ฉันหายโกรธแกแล้วพีร์ ฉันไม่โทษแกหรอก เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากฉันเอง ถ้าฉันไม่ขอร้องแกให้มีอะไรกับฉัน เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้...เอาเป็นว่าฉันไม่โกรธแกแล้ว สบายใจเถอะ...มีอะไรอีกไหมฉันจะกลับบ้านแล้ว” “แกพูดแบบนี้ฉันก็ไปไม่เป็นแล้วดรีม...วันนี้ฉันตั้งใจจะมาเคลียร์เรื่องแกกับฉัน...ตอนนี้ฉันจะหาเหตุผลอะไรได้อีกที่จะคุยกับแกวะ” “แล้วแกต้องการอะไรล่ะพีร์...ฉันบอกแกไปหมดแล้วนี่” “ตกลงแกต้องการแค่มีอะไรกับฉันแค่นั้นเหรอดรีม ฉันถามจริง แกต้องบ้าเบอ