“อ่อ...ถ้าพี่วิชญ์จะบอกคุณนาตาลีให้ไล่ตังค์ออกล่ะก็ ตามสบายค่ะ เพราะตังค์ก็ไม่ได้อยากมาทำงานตรงนี้เหมือนกัน ไม่ต้องมาเจอหนังสดที่มีนางเอกไม่ซ้ำหน้า แต่ดาราชายคนเดิม!”
“ตังค์!” เมธาวินกระชากเสียงออกมาเพราะความโมโห เมื่อได้ยินประโยคจากปากของเธอ ‘ตมิสาคนเดิมหายไปไหน แล้วนี่คือใครกัน’
“สรุปจะยังไงคะพี่วิชญ์ ถ้าจะไล่ตังค์ออก ตังค์จะได้ไป”
“ได้! จะเอาแบบนี้ก็ได้”
เมธาวินกดโทรศัพท์ต่อสายไปยังนาตาลีทันทีไม่รอช้า!
“...” ตมิสาเชิดหน้าสวยๆ ของเธออย่างมั่นใจ เธอจะต้องเข้มแข็งและผ่านมันไปให้ได้
“เอะอะอะไรกัน!”
เสียงของหญิงสาววัยกลางคนดังขึ้นแทรก ร่างของนาตาลีเดินเข้ามา ‘เธอนึกไว้ไม่มีผิด ว่าจะต้องเกิดเรื่องแน่ๆ’
“มาก็ดี...เอาคนของคุณกลับไปได้แล้ว เธอบกพร่องในหน้าที่วันนี้!”
เมธาวินมองหน้าคน ‘บกพร่อง’ อีกครั้ง ความยียวนของเธอที่หนึ่ง แต่ความสวยของเธอยกเว้น ช่างไม่เหมาะกับหน้าหวานๆ ของเธอเลยสักนิด!
“ถ้าจะให้หาเลขาที่ทำงานดีกว่ายัยตังค์มาล่ะก็ วิชญ์ต้องไปหาเองแล้วแหละ แม่คัดสรรคนที่ทำงานเก่งสุด และรู้จักวิชญ์เป็นอย่างดี ตังค์เองเป็นมือหนึ่งของบริษัท เขารู้เรื่องราวต่างๆ แทบจะครอบจักรวาล ถ้าจะให้หาคนใหม่ในเวลาที่วิชญ์จะต้องเปิดตัวเองในฐานะ CEO คนใหม่ภายในอาทิตย์หน้าคงไม่ทันอย่างแน่นอน”
“แต่วันนี้เธอพลาดในหน้าที่ของเธอ ไม่ไปรับผมที่สนามบินตามที่คุณบอกผมไว้นี่”
เมธาวินหันมาจ้องใบหน้าสวยของหญิงสาวที่ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวสักนิด เธอยังนิ่งเหมือนเดิม ‘ภาพจำของเขาสำหรับเธอล่าสุด คือความสดใสน่ารักอ่อนหวาน’
“อะไรนะ!”
นาตาลีหันขวับไปที่คนบกพร่องในหน้าที่แทบจะทันที ‘เอาอีกแล้วนะยัยตังค์’
“แต่พี่วิชญ์ก็มีคนไปรับเรียบร้อยแล้วนี่คะ แถมยังมาส่งกันจนถึงขอบสวรรค์ชั้นเจ็ด!”
ภาพนั้นยังติดตาเธอยังไม่หายไปไหน หนังอิโรติกที่เคยดูมา ยังไม่เท่าหนังสดที่แสดงกันถึงพริกถึงขิง ที่ส่งตรงมาถึงขอบสายตาของเธอเลยทีเดียว!
“ยัยตังค์! ฉันบอกให้เธอไปรับตาวิชญ์ ทำไมเธอไม่ไปรับ ห๊ะ!”
นาตาลีหันมาเล่นงานคนของตัวเอง ‘อุตส่าห์โปรโมทเป็นอย่างดี...ก่อนที่เมธาวินจะตกลงให้ตมิสาเป็นเลขา เธอต้องใช้คำพูดหว่านล้อมมากมายมหาศาล’
“โอเคๆ บอกก็ได้ค่ะ ตังค์ไปรับพี่วิชญ์แล้ว แต่ตังค์เห็นว่ามีสาวสวยชื่อนีน่าไปรับแล้ว ตังค์ก็เลยกลับมารอที่บ้านค่ะ”
ตมิสาจำชื่อหญิงสาวคนเมื่อครู่ได้ ก็เพราะเสียงครวญครางของหล่อนดังลั่นห้องรับแขก ชื่อของหล่อนเลยได้ติดแหง็กกับสมองเธอแบบนี้แทนคนเดิมที่ชื่อ ‘เมย์! เมื่อ 11 ปีที่แล้ว!’
“แต่เธอน่าจะโทรติดต่อพี่ก่อนก็ได้นี่”
“ใครจะโทรคะ ก็เห็นกอดกันกลมขนาดนั้น”
ภาพที่ตมิสาเห็นครั้งแรก เมธาวินเดินออกมาอย่างสง่างาม ความรู้สึกของเธอในตอนนั้นมันเหมือนกับว่าหัวใจของเธอพองโตแทบจะทะลุออกจากอก เมธาวินคือคนที่เธอหลงรักมาตลอด ไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่น ‘รักแรกของตมิสา’ ถึงแม้เขาจะคบผู้หญิงมากหน้าหลายตาเพียงใด แต่เขาก็ยังอยู่ในหัวใจของเธอเสมอไม่เคยเปลี่ยน แต่ว่าวันนี้ภาพที่เธอเห็นนั้น กลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด มันยิ่งขยี้หัวใจของเธอจนพังแทบไม่มีชิ้นดี!
“เอาล่ะแม่ว่าใจเย็นๆ ก่อนนะ ให้ยัยตังค์ทำงานต่อเถอะ แม่ไม่อยากหาเลขาใหม่ให้วิชญ์อีก ไหนๆ ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน เอาเป็นว่า วิน-วิน ทั้งสองฝ่ายแล้วกันนะ”
นาตาลีรวบรัดเหตุการณ์ทั้งหมด ‘ไม่มีใครที่จะทำหน้าที่ได้ดีเท่าตมิสาอีกแล้ว เธอถึกกว่าที่คิดมาก’ อีกอย่างนาตาลีเองก็สนิทกับตมิสาเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว เธอเอ็นดูหญิงสาวเหมือนกับลูกสาวคนหนึ่งเลยทีเดียว ไม่ว่าตมิสาจะพูดจาขยี้หัวใจเธออย่างไร แต่เธอก็ยังเอ็นดูสาวน้อยคนนี้อยู่ดี และอีกมุมหนึ่งเธอคิดว่า ถ้าเมธาวินและตมิสานั้นได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น มันก็อาจจะทำให้เมธาวินหลงรักตมิสาก็เป็นได้...
………………..
ณ คฤหาสน์หลังเดิม...
“เอกสารที่ตังค์สรุปเป็นพรีเซนเทชั่นให้พี่ดู อยู่ในแท็บเล็ตเรียบร้อยแล้วค่ะ มีทั้งประวัติบริษัท และบอร์ดผู้บริหารของบริษัทที่พี่ต้องรู้ทั้งหมดอยู่ในนี้ เพียงแค่พี่คลิกเลื่อนดูค่ะ”
ตมิสาอธิบายรายละเอียดของงาน การทำหน้าที่ CEO คนใหม่ของบริษัทโพรเกรสเอนจิเนียร์ ในตอนแรกนาตาลีเป็นผู้แบกรับ ในการบริหารเพียงลำพัง ทว่าตอนนี้นาตาลีกล่อมเมธาวินได้สำเร็จ เขารับที่จะสานต่อบริษัทของบิดาเขาที่ทิ้งไว้ให้ก่อนเสียชีวิตแล้ว...
“เธออธิบายแจงรายละเอียดให้พี่ฟังดีกว่า พี่ขี้เกียจอ่าน เอาแค่คร่าวๆ พอ...”
เมธาวินเปิดบริษัทร่วมกับเพื่อนที่อังกฤษมานานหลายปี ในระหว่างที่เรียนต่อ และอยู่สานต่อธุรกิจของตัวเองและเพื่อนจนประสบความสำเร็จ เมธาวินไม่ได้สนใจในธุรกิจของพ่อเขา แต่ที่ต้องกลับมาครั้งนี้ ก็เพราะทนการร้องขอของนาตาลี แม่เลี้ยงของเขาไม่ไหวจึงต้องกลับมารับช่วงบริหารบริษัทที่พ่อของเมธาวินก่อร่างสร้างมันมาตั้งแต่เขายังไม่เกิด
“ค่ะ...บริษัทโพรเกรสเอนจิเนียร์ เป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรม ตัวแทนจำหน่าย และการวางระบบในอุตสาหกรรม ก่อตั้งเมื่อปี...”
“ตังค์!”
“คะ?”
“เรื่องนี้พี่รู้แล้ว ไม่ต้องบอก เอาแค่รายงานแต่ละปีหรือรายไตรมาสก็พอ พี่ไม่ได้แย่ขนาดที่ไม่รู้ว่าบริษัทของพ่อตัวเองทำอะไรนะ”
เมธาวินมองใบหน้านวลเนียนไร้เครื่องสำอาง ตมิสาเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก เธอดูสวยสะพรั่ง ผิวขาวใสไร้ที่ติ ยามที่ใกล้ชิดแบบนี้กลิ่นกายของเธอเตะจมูกเขาอย่างจัง จนบางทีเขาต้องแอบสูดลมหายใจเข้าปอดไปหลายครั้งเลยทีเดียว
“งั้นพี่วิชญ์ทำไมไม่กดดูเองล่ะคะ ตังค์ก็ทำเป็นหัวข้อไว้ให้อยู่แล้ว พี่อยากดูรายงานพี่ก็กดเลื่อนดูได้นี่คะ พี่อยากรู้อะไรพี่ก็แค่ใช้นิ้วจิ้มแค่นั้นเอง จะให้ตังค์อธิบายทำไมอีกมิทราบ”
ตมิสากำลังนับหนึ่งถึงร้อย สกัดกั้นความโกรธเอาไว้ไม่ให้ระเบิดใส่เขา หนังสดเมื่อวานมันรบกวนจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก แทบจะกระอักเลือดตายเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างในจิตใจเธอเริ่มลดน้อยลงไปทุกที
“อืม...แกบ้าจริงๆ แหละดรีม...”รณพีร์กวาดสายตามองดวงหน้าสวยของเธออย่างจริงจัง ‘แต่เขาก็ถูกใจความบ้าของเธอนะ’ “ถ้าไม่บ้าฉันคงไม่ได้แกหรอกพีร์” “แกจะตอบฉันได้หรือยังดรีม...ว่าแกจะไม่ไปแต่งงานแล้ว” “ฉันคิดดูก่อนนะ” “แกจะคิดทำไมอีกวะดรีม...แกจะฆ่าฉันหรือไง ฉันต้องบ้าแน่ๆ ที่รอคำตอบแกแบบนี้” “ก็แล้วแกไม่คิดเหรอ ว่าเจ็ดปีที่ฉันรอน่ะ ฉันจะบ้าแค่ไหน” “มันไม่เหมือนกันดรีม...แกแอบรักฉันมาเจ็ดปี โดยที่แกไม่เคยสารภาพรักกับฉันเลย...แต่สำหรับฉันตอนนี้ ฉันบอกแกแล้ว และสารภาพแกแล้ว ว่าฉันชอบแก” “ฉันดีใจที่สุดเลยรู้มั้ยพีร์ ฉันต้องขอบคุณป๊าฉัน ที่ช่วยให้ฉันรู้ใจแกเร็วมากขึ้น” “อืม...จริง! ป๊าแกทำให้ฉันอยู่ไม่ได้...เออ...พูดถึงป๊าแก...ท่านจะยอมให้แกคบกับฉันหรือวะดรีม” “ป๊าแค่อยากได้หลาน...ถ้าแกทำหลานให้ป๊าฉันได้ ท่านคงไม่ติดใจอะไรหรอก อีกอย่างหนึ่งป๊าตามใจฉันอยู่แล้ว ฉันรักใครป๊าไม่เคยขัด” “ดรีม...” มือหนาจับร่างของเธอให้หันมาที่เขา “หือ...” ใจเธอเต้นผิดจังหวะทันที เมื่อหันมาสบตากับชายหนุ่ม ควา
“อือ...ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ” “ทำไมแกต้องตามใจพ่อกับแม่แกด้วยวะ นี่มันยุคไหนแล้วที่จะต้องมาจับคู่คลุมถุงชนแบบนี้”ในน้ำเสียงของรณพีร์เหมือนจะมีแววตําหนิแฝงอยู่ ซึ่งตัวเขาเองก็น่าจะไม่รู้ตัวเช่นกัน “ก็ไม่เชิงจับคู่หรอกนะ ป๊าไม่ได้บังคับฉันเลยพีร์ แค่ฉันไม่ขัดท่านเฉยๆ”เมวิกามองหน้าเพื่อนรักอีกครั้ง เธอรู้สึกราวกับว่ารณพีร์แปลกไปจากเดิม “แกจะบ้าเหรอวะดรีม...แกจะไปแต่งงานได้ยังไง ในเมื่อแก เอ่อ แกไม่บริสุทธิ์แล้ว แกจะไปหลอกผู้ชายคนนั้นทำไมวะ”รณพีร์เริ่มเดือดขึ้นเป็นระยะๆ อกซ้ายของเขากระตุกอย่างแรง ตั้งแต่ได้ฟังบทสนทนาสองพ่อลูกเมื่อครู่ “ผู้ชายที่ป๊าหาให้เขาก็ผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาไม่มาแคร์เรื่องนี้หรอกพีร์ และอีกอย่างฉันมีอะไรกับแกแค่ครั้งเดียว มันไม่ได้ทำให้ฉันสึกหรออะไรขนาดนั้นหรอก”เมวิกาฉงนใจกับท่าทีของรณพีร์เป็นอย่างมาก เขาจะเอาเรื่องนี้มาพูดทำไม “แล้วแกรักเขาหรือไง แกถึงจะแต่งงานกับเขา ทำไมแกไม่คิดให้มันมากกว่านี้วะดรีม แกอายุ 25 แล้วนะไม่ใช่เด็กที่จะต้องให้พ่อกับแม่ต้องคอยตัดสินใจให้แกตลอด”รณพีร์พูดอธิบายกับเธอเป็นฉากๆ เขาต้อ
“พี่เลิกกับแพรวาไปแล้ว จริงๆ พี่กับแพรวาก็ไม่ได้อยู่ในสถานะแฟนกันตั้งแต่แรกคบแล้ว ระหว่างพี่กับเขาเราคบกับแบบมีอิสระต่อกัน” “แล้วพี่แพรยอมเหรอคะ ที่พี่วิชญ์ปฏิเสธเธอแบบนี้” “เราคุยกันแล้วก่อนหน้านี้ แพรวาเข้าใจและเรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ถ้าพี่กับแพรยังฝืนคบกันต่อไป มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราสองคนดีขึ้นมา มันกลับเลวลงด้วยซ้ำ เมื่อวันหนึ่งพี่ได้รู้ใจตัวเองแล้วว่าพี่รักเขาไม่ได้ เพราะใจของพี่มันอยู่ที่ตังค์ไปแล้วนี่ไง” “พี่วิชญ์รักตังค์จริงหรือคะ...ตังค์สงสัยค่ะ เวลาผ่านมาตั้งนานพี่วิชญ์ไม่เคยสนใจตังค์เลย มาตอนนี้พี่วิชญ์กลับสนใจตังค์ มันเกิดอะไรขึ้นคะพี่วิชญ์ หรือเป็นเพราะวันนั้นที่เรามีอะไรกัน พี่วิชญ์เลยต้องแสดงความรับผิดชอบกับตังค์หรือเปล่าคะ” “อืม...เธอนี่เป็นคนชอบคิดอะไรแปลกประหลาดอยู่เรื่อยเลยนะ พี่รักเธอมานานแล้วนะตังค์ เพียงแต่พี่อาจไม่รู้ตัวเองก็เท่านั้น วันที่ตังค์เดินจากพี่มา พี่ถึงได้รู้ใจตัวเอง และตัวพี่เองต้องทำอะไรสักอย่างที่จะเหนี่ยวรั้งตังค์เอาไว้ได้”เมธาวินนึกย้อนเรื่องราววันวานที่เขาโดนตมิสาปฏิเสธ เขาคิดว่าการที่เธอมีอะไรกับเขาแ
“อ๊ะ! พะ-พี่วิชญ์”เสียงของตมิสาร้องดังขึ้นเมื่ออกอวบของเธอโดนจู่โจมอย่างหนัก มือบางเผลอขยุ้มเข้ากับกลุ่มผมดกดำของชายหนุ่มเอาไว้ ความซาบซ่านทะยานเข้าสู่กายสาวอย่างหนัก เธอไม่อาจต้านทานสัมผัสนี้ได้เลย“อุ๊บ!”ริมฝีปากบางถูกประกบ จูบอันหนักหน่วงกดย้ำมาอย่างถี่ๆ เนิ่นนานเหมือนต้องการสูบร่างกายสาวเข้าสู่กายกำยำ เมธาวินเล่นบทหนักกับเธอ รุกด้วยริมฝีปากและมือ บีบเคล้นอกอวบอย่างเต็มอารมณ์ มือหนาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างรวดเร็ว ตามด้วยกางเกง เผยให้เห็นร่างกายกำยำเปล่าเปลือย แผงอกแกร่ง กล้ามท้องเป็นลอนไร้ไขมันส่วนเกินฝ่ามือใหญ่แนบวนไปทั่วเรือนร่างของเธอ จนร่างบางสะท้านสั่น กลีบกุหลาบถูกสำรวจด้วยปลายนิ้วแกร่งที่สอดแทรกเข้าตรงกลางของช่อกุหลาบนั้น ไฟในกายของตมิสาแผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับทะเลเดือด กรีดเสียงร้องออกมาอย่างอดมิได้ เมื่อปลายนิ้วดีดเด้งเกี่ยวเข้ากับเม็ดทับทิมสีชมพู เขากระตุกข้อมือระรัวจนร่างของเธอบิดขึ้นดีดเด้งเข้าหาสัมผัสอย่างอัตโนมัติ“อ๊ะ! อ๊ะ! พะ-พี่วิชญ์ อื้อ...”เสียงเล็กครางออกมาอย่างไม่เป็นภาษา ความเสียวซ่านเข้าแทรกทั่วทั้งร่างอวบอิ่มของเธอ เล็บจากนิ้วเรียวบางจิกเข้าไปที่ไหลหนา
“พี่วิชญ์”ตมิสาเรียกชายหนุ่ม แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้กลับจากเขาเลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอต้องก้าวเข้าไปหาเขาอย่างทันที “พี่วิชญ์!”ตมิสาชะโงกใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ เขาเพื่อสำรวจลมหายใจของอีกฝ่าย ลมหายใจยังสม่ำเสมอ ‘เขาหลับนี่’ “อ๊ะ!” ตมิสาร้องเสียงหลง เมื่อมือหนาคว้าตัวเธอจนร่างบางถลาล้มลงทับทาบบนตัวเขา “ว่าไงตังค์...”เมธาวินมองใบหน้าสวยของตมิสา ที่ยังมีอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ร่างอวบอิ่มอยู่บนตัวเขา มือบางยันอกแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเขาและเธออยู่ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน “พี่วิชญ์...ปล่อยตังค์นะ นี่พี่แกล้งตังค์เหรอคะ”ตมิสาดิ้นอยู่บนร่างหนา เพื่อให้เขาปล่อยตัวเธอ มีความร้อนบางอย่างแล่นอยู่บนตัวเธอไปทั่วร่าง หัวใจของเธอเต้นเร็วระรัว เมื่อสัมผัสแนบชิดระหว่างเธอกับเขา “ไม่ปล่อย!”อ้อมแขนแข็งแรงรัดร่างอวบอิ่มของเธอเอาไว้ “พี่วิชญ์! เราต้องไปทานข้าวนะคะ ตังค์เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ”ตมิสาพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเขา “พี่ยังไม่หิวเลยตังค์”ดวงตาคมกริบหรี่ลงต่ำจับจ้องไปที่เรียวปากอวบอิ่มเย้ายวน ร่างกำยำเริ่มมี
ณ เวลาหลังเลิกงาน (ประเทศไทย) “ดรีม” “มีไรพีร์” “ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกหน่อย แกพอจะว่างไปหาอะไรกินแถวนี้ก่อนกลับบ้านดีมั้ย”รณพีร์รวบรวมความกล้าเพื่อเอ่ยชวนเมวิกา เมื่อวันก่อนเขาเองทำเสียเรื่องเพราะแอลกอฮอล์ ทำให้โพล่งเรื่องของเธอและเขาให้ตมิสากับชานนท์ได้รู้ เมวิกาโกรธเขาเป็นอย่างมาก หลบหน้าเขาไม่ยอมที่จะสนทนากับเขาเลย จนวันนี้เขาเลยตัดสินที่จะมาดักรอเพื่อพบเธอ “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแกแล้วพีร์” “แกโกรธฉันมากเลยเหรอ...ฉันจะต้องขอโทษแกสักกี่ครั้ง แกถึงจะหายโกรธวะ” “ฉันหายโกรธแกแล้วพีร์ ฉันไม่โทษแกหรอก เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากฉันเอง ถ้าฉันไม่ขอร้องแกให้มีอะไรกับฉัน เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้...เอาเป็นว่าฉันไม่โกรธแกแล้ว สบายใจเถอะ...มีอะไรอีกไหมฉันจะกลับบ้านแล้ว” “แกพูดแบบนี้ฉันก็ไปไม่เป็นแล้วดรีม...วันนี้ฉันตั้งใจจะมาเคลียร์เรื่องแกกับฉัน...ตอนนี้ฉันจะหาเหตุผลอะไรได้อีกที่จะคุยกับแกวะ” “แล้วแกต้องการอะไรล่ะพีร์...ฉันบอกแกไปหมดแล้วนี่” “ตกลงแกต้องการแค่มีอะไรกับฉันแค่นั้นเหรอดรีม ฉันถามจริง แกต้องบ้าเบอ