“สรุปนาตาลีให้เธอมาทำหน้าที่อะไร ไหนลองทวนให้พี่ฟังหน่อยซิตังค์”
เมธาวินยังคงยียวนกวนอารมณ์ของเธอต่อ ภาพจำที่เขามักจะจำติดตาเสมอๆ คือ หญิงสาวสวยน่ารักอ่อนหวานมาสารภาพรักเขาพร้อมกับช่อดอกไม้ หรือไม่ก็จะเป็นขนมช็อกโกแลตรูปหัวใจ ตมิสาในตอนนั้นเธอสดใสน่ารักสมวัย แต่เขาไม่เคยมองเธอในฐานะอื่นเลย นอกจากน้องสาวที่แสนดีของเขาเท่านั้น...
“ตำแหน่งเลขาค่ะ...”
ตมิสาสะบัดหน้าสวยใส่เขาด้วยความหมั่นไส้ เธอพยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้วนะ ‘ความรักจะทำให้เธออดทนนะตังค์ เธอรักตาวิชญ์เธอก็จะมองข้ามทุกอย่างในตัวเขาไปได้ เชื่อฉันสิ’ คำพูดของแม่เลี้ยงเขายังดังกึกก้องอยู่ในหัวของเธอ พร่ำกรอกใส่หูเธอตลอดเวลา ตมิสาคือเครื่องมือชนิดหนึ่งของนาตาลี ซึ่งเธอเองก็รับรู้สิ่งนี้เป็นอย่างดี แต่ทำไมเธอก็ยังทนได้อีกก็ไม่รู้...
“งั้นเธอก็ควรทำหน้าที่ตัวเองซะ”
เมธาวินยังคงจ้องมองดวงหน้าสวยต่อ ด้วยท่าทีอย่างสบายอารมณ์ตรงโซฟาตัวเดิม ตัวที่เกิดเหตุการณ์หนังสดตามที่ตมิสาได้กล่าวเอาไว้ ซึ่งมันทำให้เธอขวัญกระเจิงอีกครั้ง ในรอบ 11 ปี...
ณ คอนโดของตมิสา เวลาเลิกงาน...
“ตอนนี้มันก็เป็นโอกาสของแกแล้วนี่ตังค์ ทำไมแกไม่สารภาพรักกับพี่วิชญ์ไปเลยล่ะ ไหนแกบอกจะลองสารภาพรักกับ พี่วิชญ์อีกสักครั้งก่อนตาย”
“นั่นสิ...จริงอย่างที่ไอ่พีร์มันพูดนะ แกจะได้ไม่ต้องค้างคาใจถึงเรื่องนี้อีก แต่ถ้าฉันเป็นแกนะ เจอแบบเมื่อวานฉันก็ถอนใจไปแล้วว่ะตังค์”
“ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้นแหละ แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่แน่ใจแล้วว่ะ ใจของฉันมันเริ่มบางลงทุกวันแล้ว เจอหนังสดตั้งสองครั้ง สติฉันไม่แตกก็บุญแล้ว”
ตมิสาพูดพลางยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจีบมองเพื่อนทั้งสองคนของเธอ วันนี้มีนัดปาร์ตี้ฉันท์เพื่อนกันที่คอนโดของตมิสาหลังเลิกงานยามเย็น
“แกก็ลองอีกสักครั้งสิ...เผื่อพี่วิชญ์อาจจะปิ้งแกก็ได้ แกสวยออกอย่างนี้นิสัยเจ้าชู้อย่างพี่วิชญ์คงได้หวั่นไหวกับแกบ้างแหละตังค์”
“แต่แกไม่สงสารไอ่ตังค์มันเหรอวะพีร์ แกคิดดูนะโว้ย ถ้า พี่วิชญ์เขาจะชอบไอ่ตังค์นะ ฉันว่าเขาคงชอบมันไปนานแล้วว่ะ”
“แต่ถ้ามันไม่ลอง...มันก็จะพร่ำเพ้อฝันบ้าฝันบออย่างนี้ตลอดไปนะโว้ย...นี่ก็พึ่งจะได้ไปเจอหนังสดตอนใหม่มาอีก มันคงไม่เอาไปฝันจนแก่ตายเลยหรือไง”
“พวกแกไม่ต้องเถียงกันหรอก...ความคิดฉันตอนนี้นะมีอยู่สองทาง คือ หนึ่งฉันเดินหน้าสารภาพรักพี่วิชญ์ สองเลิกคิดเลิกฝันและหาผู้ชายคนใหม่มาดามใจฉัน”
“ดามใจ...นี่แกอกหักแล้วเหรอวะตังค์ ทั้งที่แกกับพี่วิชญ์ยังไม่ได้คบกันเลยนะ แกเมาหรือเปล่าเนี่ย”
“มันก็เหมือนกันแหละ...แอบรักก็เท่ากับมีความรัก แกจะมาย้ำให้ฉันเจ็บใจทำไมวะนนท์”
ทั้งที่ตมิสาพยายามตัดใจนับร้อยครั้งพันครั้ง แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้ รักในวัยเด็กของเธอเกิดขึ้นเพราะ เมื่อก่อนพ่อของเธอเคยทำงานให้กับคุณนนท์กานต์พ่อของเมธาวิน ซึ่งพ่อเธอเป็นลูกน้องคนสนิทเลยก็ว่าได้ ทำให้คุณนนท์กานต์ชักชวนพ่อของเธอให้มาอยู่ด้วยกัน เธอเติบโตมาพร้อมกับเขา มองเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีมาตลอด ทั้งที่ตมิสาเองก็มีพี่ชายอยู่แล้ว...แต่เมื่อคุณนนท์กานต์เสียชีวิตลง ตอนนั้นเธออายุ 18 ปีพอดี พ่อของเธอก็ย้ายครอบครัวไปลงหลักปักฐานอยู่ที่กาญจนบุรี ทำสวนผลไม้บนพื้นที่นับร้อยไร่ โดยมีพี่ชายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้กับพ่อของเธอ แต่เธอก็ยังเรียนอยู่ที่กรุงเทพไม่ได้ย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านตามพ่อของเธอไป
“ฉันล่ะนับถือแกจริงๆ เลยว่ะตังค์ แกรักทั้งๆ ที่ไม่เคยมีหวัง...แถมยังเฝ้ารักภักดีกับพี่วิชญ์ แกมันสุดยอดหญิงถึกแห่งปี”
รณพีร์เป็นเพื่อนกับตมิสาตั้งแต่แรกเกิดเลยก็ว่าได้ เพราะครอบครัวของเขาเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด และพ่อเขากับพ่อของตมิสาเป็นเพื่อนรักกัน ด้วยเหตุนี้เขากับตมิสาจึงโตมาด้วยกัน และสนิทกันอย่างไม่ต้องสงสัย
“แต่ตอนนี้ฉันคงเป็นหญิงถึกไม่ไหวแล้วแหละพีร์ แกดูสิพี่วิชญ์ไปอยู่เมืองนอกตั้งห้าปี ฉันแชทไปหาพี่เขาตลอด เขาเปิดอ่านและโต้ตอบฉันไม่กี่ครั้งเอง และหนำซ้ำเมื่อวานฉันก็ต้องมาเจอไอ่หนังสดเขากับผู้หญิงอื่นอีก...”
จะว่าไปแล้วเมธาวินก็ไม่เคยมองเธอเป็นอื่นเลย นอกจากน้องสาว ที่คอยตามพี่ชายตลอด วันเกิด วันวาเลนไทน์ ทุกเทศกาลเธอจะต้องมีของขวัญให้เขาทุกครั้ง แต่ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เขาจะมอบของตอบกลับเธอมา ช็อกโกแลตสักชิ้นยังไม่มี!
“อืม...แกก็ควรถอยออกมาได้แล้วนะตังค์ ถึงแม้ฉันจะไม่ได้เป็นเพื่อนมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเห็นช่วงนั้นของแก แต่ฉันลองคิดดูแล้วนะ มันเป็นไปได้ยาก...เหมือนคู่ฉันกับไอ่พีร์แหละ”
ชานนท์นั้นพึ่งเข้ามาสนิทกับตมิสาและรณพีร์ตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย พอเรียนจบก็ยังทำงานที่เดียวกัน
“คู่เหรอ...แบบแกกับไอ่พีร์...มันไม่ใช่รักสามเศร้าเหรอวะ จริงๆ ฉันก็งงกับความสัมพันธ์แบบสามผัวเมียของแกกับไอ่พีร์มากเลยนะ สรุปพวกแกตกลงกันยังไงวะ วันคู่วันคี่ หรือยังไงแบ่งกันกี่วันฉันสับสนไปหมดแล้ว”
“จริงๆ มันยังไม่ลงตัวหรอก พวกฉันยังทะเลาะกันอยู่”
“อ่าว...แล้วแกทำไม ไม่ให้คุณนาตาลีเขาตัดสินใจวะ เลือกไปเลยว่าจะเอาใคร”
“เธอเลือกไม่ได้น่ะสิ ถ้าเลือกคนใดคนหนึ่งแล้ว พวกฉันคงไม่ต้องมาทะเลาะกันแบบนี้หรอกตังค์”
“เออ...ถามจริงๆ แล้วพวกแกเคยแบบ...กันสามคนมั้ย”
“ยังไงของแกแบบ...สามคน”
“ไอ่ตังค์มันหมายถึงมีอะไรกันทีเดียวสามคนไงไอ่นนท์”
“ไม่เคยอ่ะ...แค่เห็นหน้าไอ่พีร์เวลาอยู่กับคุณนาตาลี ฉันก็อยากจะตะบันหน้ามันแล้ว”
“แกถามฉันหรือยังไอ่นนท์ ว่าฉันอยากจะทำกับแกกลับบ้างมั้ย”
“อ่าว...แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงวะไอ่พีร์”
“ก็หมายความหยั่งที่พูดแหละ ไม่น่าโง่ที่จะแปลไม่ออกนี่”
“อ่าว...ไอ่นนท์”
“โอ้ย! พวกแกหยุดกัดกันได้แล้ว แกสองคนนี่มันยิ่งกว่าฉันอีกนะ ทำเป็นสอนฉันอยู่นั่นแหละ ไม่รู้จักสอนตัวเองมั่ง สาวๆ มีออกเยอะแยะ หน้าตาแกสองคนก็ระดับดาราฮอลลีวูดทั้งคู่ แค่กระดิกนิ้วสาวๆ ก็มาแล้ว...นี่อะไรมาหลงรักผู้หญิงวัย 45!”
“อืม...แกบ้าจริงๆ แหละดรีม...”รณพีร์กวาดสายตามองดวงหน้าสวยของเธออย่างจริงจัง ‘แต่เขาก็ถูกใจความบ้าของเธอนะ’ “ถ้าไม่บ้าฉันคงไม่ได้แกหรอกพีร์” “แกจะตอบฉันได้หรือยังดรีม...ว่าแกจะไม่ไปแต่งงานแล้ว” “ฉันคิดดูก่อนนะ” “แกจะคิดทำไมอีกวะดรีม...แกจะฆ่าฉันหรือไง ฉันต้องบ้าแน่ๆ ที่รอคำตอบแกแบบนี้” “ก็แล้วแกไม่คิดเหรอ ว่าเจ็ดปีที่ฉันรอน่ะ ฉันจะบ้าแค่ไหน” “มันไม่เหมือนกันดรีม...แกแอบรักฉันมาเจ็ดปี โดยที่แกไม่เคยสารภาพรักกับฉันเลย...แต่สำหรับฉันตอนนี้ ฉันบอกแกแล้ว และสารภาพแกแล้ว ว่าฉันชอบแก” “ฉันดีใจที่สุดเลยรู้มั้ยพีร์ ฉันต้องขอบคุณป๊าฉัน ที่ช่วยให้ฉันรู้ใจแกเร็วมากขึ้น” “อืม...จริง! ป๊าแกทำให้ฉันอยู่ไม่ได้...เออ...พูดถึงป๊าแก...ท่านจะยอมให้แกคบกับฉันหรือวะดรีม” “ป๊าแค่อยากได้หลาน...ถ้าแกทำหลานให้ป๊าฉันได้ ท่านคงไม่ติดใจอะไรหรอก อีกอย่างหนึ่งป๊าตามใจฉันอยู่แล้ว ฉันรักใครป๊าไม่เคยขัด” “ดรีม...” มือหนาจับร่างของเธอให้หันมาที่เขา “หือ...” ใจเธอเต้นผิดจังหวะทันที เมื่อหันมาสบตากับชายหนุ่ม ควา
“อือ...ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ” “ทำไมแกต้องตามใจพ่อกับแม่แกด้วยวะ นี่มันยุคไหนแล้วที่จะต้องมาจับคู่คลุมถุงชนแบบนี้”ในน้ำเสียงของรณพีร์เหมือนจะมีแววตําหนิแฝงอยู่ ซึ่งตัวเขาเองก็น่าจะไม่รู้ตัวเช่นกัน “ก็ไม่เชิงจับคู่หรอกนะ ป๊าไม่ได้บังคับฉันเลยพีร์ แค่ฉันไม่ขัดท่านเฉยๆ”เมวิกามองหน้าเพื่อนรักอีกครั้ง เธอรู้สึกราวกับว่ารณพีร์แปลกไปจากเดิม “แกจะบ้าเหรอวะดรีม...แกจะไปแต่งงานได้ยังไง ในเมื่อแก เอ่อ แกไม่บริสุทธิ์แล้ว แกจะไปหลอกผู้ชายคนนั้นทำไมวะ”รณพีร์เริ่มเดือดขึ้นเป็นระยะๆ อกซ้ายของเขากระตุกอย่างแรง ตั้งแต่ได้ฟังบทสนทนาสองพ่อลูกเมื่อครู่ “ผู้ชายที่ป๊าหาให้เขาก็ผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาไม่มาแคร์เรื่องนี้หรอกพีร์ และอีกอย่างฉันมีอะไรกับแกแค่ครั้งเดียว มันไม่ได้ทำให้ฉันสึกหรออะไรขนาดนั้นหรอก”เมวิกาฉงนใจกับท่าทีของรณพีร์เป็นอย่างมาก เขาจะเอาเรื่องนี้มาพูดทำไม “แล้วแกรักเขาหรือไง แกถึงจะแต่งงานกับเขา ทำไมแกไม่คิดให้มันมากกว่านี้วะดรีม แกอายุ 25 แล้วนะไม่ใช่เด็กที่จะต้องให้พ่อกับแม่ต้องคอยตัดสินใจให้แกตลอด”รณพีร์พูดอธิบายกับเธอเป็นฉากๆ เขาต้อ
“พี่เลิกกับแพรวาไปแล้ว จริงๆ พี่กับแพรวาก็ไม่ได้อยู่ในสถานะแฟนกันตั้งแต่แรกคบแล้ว ระหว่างพี่กับเขาเราคบกับแบบมีอิสระต่อกัน” “แล้วพี่แพรยอมเหรอคะ ที่พี่วิชญ์ปฏิเสธเธอแบบนี้” “เราคุยกันแล้วก่อนหน้านี้ แพรวาเข้าใจและเรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ถ้าพี่กับแพรยังฝืนคบกันต่อไป มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราสองคนดีขึ้นมา มันกลับเลวลงด้วยซ้ำ เมื่อวันหนึ่งพี่ได้รู้ใจตัวเองแล้วว่าพี่รักเขาไม่ได้ เพราะใจของพี่มันอยู่ที่ตังค์ไปแล้วนี่ไง” “พี่วิชญ์รักตังค์จริงหรือคะ...ตังค์สงสัยค่ะ เวลาผ่านมาตั้งนานพี่วิชญ์ไม่เคยสนใจตังค์เลย มาตอนนี้พี่วิชญ์กลับสนใจตังค์ มันเกิดอะไรขึ้นคะพี่วิชญ์ หรือเป็นเพราะวันนั้นที่เรามีอะไรกัน พี่วิชญ์เลยต้องแสดงความรับผิดชอบกับตังค์หรือเปล่าคะ” “อืม...เธอนี่เป็นคนชอบคิดอะไรแปลกประหลาดอยู่เรื่อยเลยนะ พี่รักเธอมานานแล้วนะตังค์ เพียงแต่พี่อาจไม่รู้ตัวเองก็เท่านั้น วันที่ตังค์เดินจากพี่มา พี่ถึงได้รู้ใจตัวเอง และตัวพี่เองต้องทำอะไรสักอย่างที่จะเหนี่ยวรั้งตังค์เอาไว้ได้”เมธาวินนึกย้อนเรื่องราววันวานที่เขาโดนตมิสาปฏิเสธ เขาคิดว่าการที่เธอมีอะไรกับเขาแ
“อ๊ะ! พะ-พี่วิชญ์”เสียงของตมิสาร้องดังขึ้นเมื่ออกอวบของเธอโดนจู่โจมอย่างหนัก มือบางเผลอขยุ้มเข้ากับกลุ่มผมดกดำของชายหนุ่มเอาไว้ ความซาบซ่านทะยานเข้าสู่กายสาวอย่างหนัก เธอไม่อาจต้านทานสัมผัสนี้ได้เลย“อุ๊บ!”ริมฝีปากบางถูกประกบ จูบอันหนักหน่วงกดย้ำมาอย่างถี่ๆ เนิ่นนานเหมือนต้องการสูบร่างกายสาวเข้าสู่กายกำยำ เมธาวินเล่นบทหนักกับเธอ รุกด้วยริมฝีปากและมือ บีบเคล้นอกอวบอย่างเต็มอารมณ์ มือหนาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างรวดเร็ว ตามด้วยกางเกง เผยให้เห็นร่างกายกำยำเปล่าเปลือย แผงอกแกร่ง กล้ามท้องเป็นลอนไร้ไขมันส่วนเกินฝ่ามือใหญ่แนบวนไปทั่วเรือนร่างของเธอ จนร่างบางสะท้านสั่น กลีบกุหลาบถูกสำรวจด้วยปลายนิ้วแกร่งที่สอดแทรกเข้าตรงกลางของช่อกุหลาบนั้น ไฟในกายของตมิสาแผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับทะเลเดือด กรีดเสียงร้องออกมาอย่างอดมิได้ เมื่อปลายนิ้วดีดเด้งเกี่ยวเข้ากับเม็ดทับทิมสีชมพู เขากระตุกข้อมือระรัวจนร่างของเธอบิดขึ้นดีดเด้งเข้าหาสัมผัสอย่างอัตโนมัติ“อ๊ะ! อ๊ะ! พะ-พี่วิชญ์ อื้อ...”เสียงเล็กครางออกมาอย่างไม่เป็นภาษา ความเสียวซ่านเข้าแทรกทั่วทั้งร่างอวบอิ่มของเธอ เล็บจากนิ้วเรียวบางจิกเข้าไปที่ไหลหนา
“พี่วิชญ์”ตมิสาเรียกชายหนุ่ม แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้กลับจากเขาเลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอต้องก้าวเข้าไปหาเขาอย่างทันที “พี่วิชญ์!”ตมิสาชะโงกใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ เขาเพื่อสำรวจลมหายใจของอีกฝ่าย ลมหายใจยังสม่ำเสมอ ‘เขาหลับนี่’ “อ๊ะ!” ตมิสาร้องเสียงหลง เมื่อมือหนาคว้าตัวเธอจนร่างบางถลาล้มลงทับทาบบนตัวเขา “ว่าไงตังค์...”เมธาวินมองใบหน้าสวยของตมิสา ที่ยังมีอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ร่างอวบอิ่มอยู่บนตัวเขา มือบางยันอกแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเขาและเธออยู่ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน “พี่วิชญ์...ปล่อยตังค์นะ นี่พี่แกล้งตังค์เหรอคะ”ตมิสาดิ้นอยู่บนร่างหนา เพื่อให้เขาปล่อยตัวเธอ มีความร้อนบางอย่างแล่นอยู่บนตัวเธอไปทั่วร่าง หัวใจของเธอเต้นเร็วระรัว เมื่อสัมผัสแนบชิดระหว่างเธอกับเขา “ไม่ปล่อย!”อ้อมแขนแข็งแรงรัดร่างอวบอิ่มของเธอเอาไว้ “พี่วิชญ์! เราต้องไปทานข้าวนะคะ ตังค์เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ”ตมิสาพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเขา “พี่ยังไม่หิวเลยตังค์”ดวงตาคมกริบหรี่ลงต่ำจับจ้องไปที่เรียวปากอวบอิ่มเย้ายวน ร่างกำยำเริ่มมี
ณ เวลาหลังเลิกงาน (ประเทศไทย) “ดรีม” “มีไรพีร์” “ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกหน่อย แกพอจะว่างไปหาอะไรกินแถวนี้ก่อนกลับบ้านดีมั้ย”รณพีร์รวบรวมความกล้าเพื่อเอ่ยชวนเมวิกา เมื่อวันก่อนเขาเองทำเสียเรื่องเพราะแอลกอฮอล์ ทำให้โพล่งเรื่องของเธอและเขาให้ตมิสากับชานนท์ได้รู้ เมวิกาโกรธเขาเป็นอย่างมาก หลบหน้าเขาไม่ยอมที่จะสนทนากับเขาเลย จนวันนี้เขาเลยตัดสินที่จะมาดักรอเพื่อพบเธอ “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแกแล้วพีร์” “แกโกรธฉันมากเลยเหรอ...ฉันจะต้องขอโทษแกสักกี่ครั้ง แกถึงจะหายโกรธวะ” “ฉันหายโกรธแกแล้วพีร์ ฉันไม่โทษแกหรอก เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากฉันเอง ถ้าฉันไม่ขอร้องแกให้มีอะไรกับฉัน เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้...เอาเป็นว่าฉันไม่โกรธแกแล้ว สบายใจเถอะ...มีอะไรอีกไหมฉันจะกลับบ้านแล้ว” “แกพูดแบบนี้ฉันก็ไปไม่เป็นแล้วดรีม...วันนี้ฉันตั้งใจจะมาเคลียร์เรื่องแกกับฉัน...ตอนนี้ฉันจะหาเหตุผลอะไรได้อีกที่จะคุยกับแกวะ” “แล้วแกต้องการอะไรล่ะพีร์...ฉันบอกแกไปหมดแล้วนี่” “ตกลงแกต้องการแค่มีอะไรกับฉันแค่นั้นเหรอดรีม ฉันถามจริง แกต้องบ้าเบอ