“นาตาลีไม่ชอบบ้านที่ไม่ใช่บ้านแบบนี้น่ะสิ เธอน่าสงสารมากนะ...อยากให้ลูกชายรัก...แต่ลูกชายก็เมินใส่เธอตลอด ใครมันจะไปอยู่ได้วะตังค์...”
รณพีร์อดสงสารคนรักของเขาไม่ได้ นาตาลีเป็นผู้หญิงที่จิตใจดี เก่ง มีความสามารถรอบด้าน บริหารบริษัทได้ด้วยตัวเองนับตั้งแต่สามีเธอเสียชีวิตลงเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ภายนอกคนอาจจะมองว่าเธอปากร้าย ดุดัน แต่ภายในของเธอนั้นอ่อนไหวมาก นาตาลีอยากให้ลูกเลี้ยงรักเธอเหมือนแม่คนหนึ่ง แต่ทว่าลูกเลี้ยงของเธอกลับไม่คิดเช่นนั้น...
“เมียแกจะแคร์ทำไมวะ...แค่สมบัติที่สามีเก่าทิ้งไว้ให้ กินสักสิบชาติก็ไม่หมด”
“แคร์ทำไมน่ะเหรอ...แกลองถามใจตัวเองบ้างสิตังค์...ว่าทำไมยังไม่ลืมพี่วิชญ์อีก รักลมๆ แล้งๆ มา 11 ปี...เคยคิดมั้ย ว่าคุณนาตาลีเองเขาก็เป็นแบบแก ต่างกันที่คุณนาตาลีรักพี่วิชญ์เหมือนลูกจริงๆ ก็เท่านั้นเอง”
“แตะไม่ได้เลยนะเมียแกเนี่ย...จิกกัดฉันตลอด...ฉันเข้าใจแล้ว...ที่ฉันยังลืมพี่วิชญ์ไม่ได้ ก็เพราะมันเป็นรักแรกของฉัน อย่างน้อยฉันก็ขอสารภาพอีกสักครั้งก่อนตายก็ยังดี”
“แต่ที่ฉันรู้มา...แกสารภาพไป 14 ครั้งแล้วในรอบ 11 ปี แกยังมีหน้าจะไปสารภาพอีกเหรอวะตังค์ หน้าตาแก หุ่นแก เป็นดารานางแบบได้สบาย สวยขนาดนี้เป็นฉัน ไม่มาจมปลักกับผู้ชายที่ไม่มีวันเป็นไปได้แบบนี้หรอก”
“แหม...ทีเมื่อกี้ว่าฉัน ต่อให้ถ่างขาแกก็ไม่แล มาตอนนี้ทำเป็นชม...แกนี่มันจริงๆ เลยนะพีร์”
“เอ๊า...ก็เมื่อกี้มันต่อหน้าไอ่ดรีมนี่หว่า ฉันไม่อยากให้คนอื่นมองแกกับฉันแบบนั้น แกคือเพื่อนฉันตั้งแต่สมัยแกยังแก้ผ้าเล่นน้ำกับฉันอยู่เลย เห็นจนหมดทุกส่วนฉันไม่พิศวาสแกหรอก”
“เออ...รู้แล้ว! ต่อไปช่วยรักษาหน้าของฉันหน่อยก็แล้วกัน แกจะไม่พิศวาสอะไรฉัน...ฉันไม่เคยว่านะโว้ย แต่อย่าหยามกันถึงขนาดถ่างขา...พูดแล้วเจ็บจี๊ดสุดๆ”
“เออ...ฉันขอโทษแกแล้วกัน ลืมไปเรื่องนี้แก Sensitive ง่าย อดีตที่จำไม่เคยลืมล่ะสิ”
“T-T”
“แล้วนี่แกจะไปรับพี่วิชญ์ที่สนามบินมั้ยตังค์ เห็นนาตาลีพูดว่า เธออยากไปรับลูกชายด้วยตัวเอง แต่ฉันดูแล้วน่าจะผิดหวังแน่ๆ เลย ฉันไม่อยากให้เธอไปเลยว่ะตังค์ กลัวเธอจะเสียใจ”
“แล้วแกไม่กลัวฉันเสียใจบ้างเหรอวะพีร์ ฉันเป็นเพื่อนแกมา 20 กว่าปี มันไม่ได้ช่วยให้แกรู้สึกบ้างเลยหรือไง”
“ฉันรู้...แกน่ะถึกขนาดไหน...แกทนได้ แต่คุณนาตาลีนี่สิ”
“ฉันไม่ไปรับหรอก...เจอกันที่นี่แหละ...ถึงแม้ฉันจะรักพี่วิชญ์มากขนาดไหน มากับสาวๆ แบบนี้ ใจฉันก็บางได้เหมือนกันนะ”
“แกแน่ใจนะ...ว่าไม่ไปรับ”
“แน่...ใครจะเอาหัวใจตัวเองไปให้คนอื่นเหยียบย่ำตลอดวะ”
ปากบอก ‘ไม่’ แต่ในใจนั้นรับคำสั่งเจ้านายมาเรียบร้อย! เธอจะได้เจอเขาแล้วสินะ‘พี่วิชญ์’ เจอกันที่สนามบินค่ะ! ^<>^
....................
สองวันต่อมา...
“อืม...”
“วิชญ์คะ ตอนนี้วิชญ์อยู่ไหนคะ แพรมารับที่สนามบิน ไม่เจอวิชญ์เลย...หรือวิชญ์จะยังไม่กลับคะ”
“ผมถึงแล้ว แต่ยังไม่สะดวกตอนนี้ ไว้วันหลังแล้วกันครับ เดี๋ยวผมจะติดต่อกลับไป”
เสียงทุ้มแหบพร่าของชายหนุ่มมีร่องรอยสะกดกลั้นอารมณ์ พยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติ ทั้งที่กิจกรรมตรงหน้ามันล่อแหลม มากก็ตาม
“แต่...” ปลายสายยังคงพยายามต่อ
“ผมบอกแล้วไงแพรวา...” น้ำเสียงของชายหนุ่มเข้มขึ้นเมื่ออีกฝ่ายมีทีท่าจะไม่ยอมลงง่ายๆ
“ค่ะ อย่าลืมโทรหาแพรนะคะวิชญ์”
“อืม”
สายถูกตัดไป กิจกรรมตรงหน้ายังคงสานต่อ เอวหนายังคงเร่งเครื่องต่อไม่ยั้ง
ตั่บ! เนื้อกระแทกเนื้อดังสนั่นภายในห้องรับแขกของคฤหาสน์หลังใหญ่!
“อ๊ะ! อ๊ะ! พี่วิชญ์ขา นีน่า เสียววว ค่ะ อูยย์ อ๊ะ!”
“อื้มมม์ โอวว์” เสียงครางอันแหบพร่าของชายหนุ่ม นามว่า ‘เมธาวิน’ หรือ ‘พี่วิชญ์’ของทุกคน ร้องลั่นราวกับกำลังไต่ขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นเจ็ดก็ไม่ปาน
“ชะ-ช่วย นีน่าด้วยค่ะ อ๊ะ! อร๊ายย์”
เพล้ง!!!!! เสียงแก้วล่วงลงสู่พื้นดังสนั่น!
“ว้ายยย” เสียงร้องของสาวนีน่าดังขึ้น เมื่อพบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนตกตะลึงดูหนังสดของเธอกับเขาอยู่
“บ้าฉิบ!!” น้ำเสียงเข้มสบถออกมาอย่างหัวเสีย
พรึบ! ร่างสูงลุกยืนเต็มความสูง ดึงกางเกงเข้าที่ หันมองหญิงสาวที่ยืนตะลึงอยู่ตรงหน้า ‘ยัยตัวแสบ! เธออีกแล้วนะ’
“เข้ามาทำไมไม่ขออนุญาตก่อน!”
เมธาวินระเบิดอารมณ์ใส่หญิงสาวทันที
“พะ-พี่วิชญ์!”
ตมิสาตื่นตะลึงจนไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกายของเธอได้...ประสบการณ์ 11 ปีที่แล้วกลับมาอีกครั้ง สถานการณ์แบบเดิม คนเดิมๆ แต่แตกต่างกันตรงสถานที่และเวลาเท่านั้นเอง
“เธอจะยืนแบบนั้นอยู่นานมั้ยตังค์ นาตาลีบอกพี่ว่าเธอจะไปรับพี่ที่สนามบิน...แต่นี่อะไร!”
“พี่วิชญ์ขา นีน่าขอตัวก่อนนะคะ”
นีน่าสาวสวยหุ่นสะบึมรีบแต่งตัว เพราะเหตุการณ์ตรงหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก...นีน่าเจอกับเมธาวินที่สนามบิน และเธอเองก็อาสา มาส่งเขาที่บ้าน แต่เพราะเธอเคยเป็นอดีตคู่ขาเก่าของเขา เลยมีเหตุการณ์เลยเถิดแบบเมื่อครู่ ‘ใครจะอดใจได้ล่ะ...เมธาวินคือหนุ่มหล่อล่ำกำยำเขย่าใจสาวๆ ขนาดนี้เขาไปอยู่อังกฤษตั้งห้าปี เป็นใครก็คงต้องคิดถึงเป็นธรรมดา’
“ว่าไงตังค์ พี่พูดไม่ได้ยินหรือไง!”
เมธาวินไม่สนใจในคำบอกของนีน่า แต่กลับระเบิดอารมณ์ใส่ตมิสาอย่างไม่เกรงใจใคร
“ได้ยินค่ะ”
ตมิสาพยายามดึงสติกลับมา ‘ความทรงจำเดิมของเธอยังไม่เคยจางหาย แต่กลับมีความทรงจำใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก…ซ้ำร้ายเขาก็ยังมาด่าเธอ’
“ได้ยินแล้วทำไมถึงไม่อธิบาย หรือขอโทษ!”
“ตังค์ลืมไปรับพี่วิชญ์ค่ะ”
เมื่อได้สติตมิสาก็ตอบกลับเขาไป ‘เธอหลงรักผู้ชายคนนี้ได้อย่างไรกัน เธอไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ’ ถ้าจะบอกว่าเพราะเขาหล่อ หน้าตาดี อันนี้ก็ต้องยอมรับเป็นอันดับต้นๆ เลยแหละ ชีวิตของเธอเจอผู้ชายหล่อมากหน้าหลายตา แต่ก็ไม่มีใครทำให้เธอถูกใจเท่ากับเขามาก่อน ทำไมเธอถึงยังลืมเขาไม่ได้สักที ทั้งที่เขาเองก็ไม่เคยจะสนใจเธอเลยสักครั้ง!
“ลืมยังงั้นเหรอ...นาตาลีคงได้รู้คราวนี้สินะ ว่าคนเก่งของเขาที่บอกว่าเก่งนักเก่งหนา ทำงานไม่เคยพลาด และจะส่งให้มาเป็นเลขาพี่...นี่อะไร! วันแรกก็พลาดซะแล้ว”
เมธาวินมองตมิสาตั้งแต่หัวจรดเท้า ถ้าเขาไม่เห็นดวงตากลมโตที่เบิกกว้างตอนที่ดูหนังสดของเขานั้น เมธาวินก็คงจะจำเธอไม่ได้เลยจริงๆ ‘เธอสวยมาก ราวกับคนละคนที่เขาเคยเจอเมื่อห้าปีที่แล้ว ก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อ และทำธุรกิจกับเพื่อนที่อังกฤษอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะบินกลับมาในวันนี้’
“อืม...แกบ้าจริงๆ แหละดรีม...”รณพีร์กวาดสายตามองดวงหน้าสวยของเธออย่างจริงจัง ‘แต่เขาก็ถูกใจความบ้าของเธอนะ’ “ถ้าไม่บ้าฉันคงไม่ได้แกหรอกพีร์” “แกจะตอบฉันได้หรือยังดรีม...ว่าแกจะไม่ไปแต่งงานแล้ว” “ฉันคิดดูก่อนนะ” “แกจะคิดทำไมอีกวะดรีม...แกจะฆ่าฉันหรือไง ฉันต้องบ้าแน่ๆ ที่รอคำตอบแกแบบนี้” “ก็แล้วแกไม่คิดเหรอ ว่าเจ็ดปีที่ฉันรอน่ะ ฉันจะบ้าแค่ไหน” “มันไม่เหมือนกันดรีม...แกแอบรักฉันมาเจ็ดปี โดยที่แกไม่เคยสารภาพรักกับฉันเลย...แต่สำหรับฉันตอนนี้ ฉันบอกแกแล้ว และสารภาพแกแล้ว ว่าฉันชอบแก” “ฉันดีใจที่สุดเลยรู้มั้ยพีร์ ฉันต้องขอบคุณป๊าฉัน ที่ช่วยให้ฉันรู้ใจแกเร็วมากขึ้น” “อืม...จริง! ป๊าแกทำให้ฉันอยู่ไม่ได้...เออ...พูดถึงป๊าแก...ท่านจะยอมให้แกคบกับฉันหรือวะดรีม” “ป๊าแค่อยากได้หลาน...ถ้าแกทำหลานให้ป๊าฉันได้ ท่านคงไม่ติดใจอะไรหรอก อีกอย่างหนึ่งป๊าตามใจฉันอยู่แล้ว ฉันรักใครป๊าไม่เคยขัด” “ดรีม...” มือหนาจับร่างของเธอให้หันมาที่เขา “หือ...” ใจเธอเต้นผิดจังหวะทันที เมื่อหันมาสบตากับชายหนุ่ม ควา
“อือ...ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ” “ทำไมแกต้องตามใจพ่อกับแม่แกด้วยวะ นี่มันยุคไหนแล้วที่จะต้องมาจับคู่คลุมถุงชนแบบนี้”ในน้ำเสียงของรณพีร์เหมือนจะมีแววตําหนิแฝงอยู่ ซึ่งตัวเขาเองก็น่าจะไม่รู้ตัวเช่นกัน “ก็ไม่เชิงจับคู่หรอกนะ ป๊าไม่ได้บังคับฉันเลยพีร์ แค่ฉันไม่ขัดท่านเฉยๆ”เมวิกามองหน้าเพื่อนรักอีกครั้ง เธอรู้สึกราวกับว่ารณพีร์แปลกไปจากเดิม “แกจะบ้าเหรอวะดรีม...แกจะไปแต่งงานได้ยังไง ในเมื่อแก เอ่อ แกไม่บริสุทธิ์แล้ว แกจะไปหลอกผู้ชายคนนั้นทำไมวะ”รณพีร์เริ่มเดือดขึ้นเป็นระยะๆ อกซ้ายของเขากระตุกอย่างแรง ตั้งแต่ได้ฟังบทสนทนาสองพ่อลูกเมื่อครู่ “ผู้ชายที่ป๊าหาให้เขาก็ผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาไม่มาแคร์เรื่องนี้หรอกพีร์ และอีกอย่างฉันมีอะไรกับแกแค่ครั้งเดียว มันไม่ได้ทำให้ฉันสึกหรออะไรขนาดนั้นหรอก”เมวิกาฉงนใจกับท่าทีของรณพีร์เป็นอย่างมาก เขาจะเอาเรื่องนี้มาพูดทำไม “แล้วแกรักเขาหรือไง แกถึงจะแต่งงานกับเขา ทำไมแกไม่คิดให้มันมากกว่านี้วะดรีม แกอายุ 25 แล้วนะไม่ใช่เด็กที่จะต้องให้พ่อกับแม่ต้องคอยตัดสินใจให้แกตลอด”รณพีร์พูดอธิบายกับเธอเป็นฉากๆ เขาต้อ
“พี่เลิกกับแพรวาไปแล้ว จริงๆ พี่กับแพรวาก็ไม่ได้อยู่ในสถานะแฟนกันตั้งแต่แรกคบแล้ว ระหว่างพี่กับเขาเราคบกับแบบมีอิสระต่อกัน” “แล้วพี่แพรยอมเหรอคะ ที่พี่วิชญ์ปฏิเสธเธอแบบนี้” “เราคุยกันแล้วก่อนหน้านี้ แพรวาเข้าใจและเรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ถ้าพี่กับแพรยังฝืนคบกันต่อไป มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราสองคนดีขึ้นมา มันกลับเลวลงด้วยซ้ำ เมื่อวันหนึ่งพี่ได้รู้ใจตัวเองแล้วว่าพี่รักเขาไม่ได้ เพราะใจของพี่มันอยู่ที่ตังค์ไปแล้วนี่ไง” “พี่วิชญ์รักตังค์จริงหรือคะ...ตังค์สงสัยค่ะ เวลาผ่านมาตั้งนานพี่วิชญ์ไม่เคยสนใจตังค์เลย มาตอนนี้พี่วิชญ์กลับสนใจตังค์ มันเกิดอะไรขึ้นคะพี่วิชญ์ หรือเป็นเพราะวันนั้นที่เรามีอะไรกัน พี่วิชญ์เลยต้องแสดงความรับผิดชอบกับตังค์หรือเปล่าคะ” “อืม...เธอนี่เป็นคนชอบคิดอะไรแปลกประหลาดอยู่เรื่อยเลยนะ พี่รักเธอมานานแล้วนะตังค์ เพียงแต่พี่อาจไม่รู้ตัวเองก็เท่านั้น วันที่ตังค์เดินจากพี่มา พี่ถึงได้รู้ใจตัวเอง และตัวพี่เองต้องทำอะไรสักอย่างที่จะเหนี่ยวรั้งตังค์เอาไว้ได้”เมธาวินนึกย้อนเรื่องราววันวานที่เขาโดนตมิสาปฏิเสธ เขาคิดว่าการที่เธอมีอะไรกับเขาแ
“อ๊ะ! พะ-พี่วิชญ์”เสียงของตมิสาร้องดังขึ้นเมื่ออกอวบของเธอโดนจู่โจมอย่างหนัก มือบางเผลอขยุ้มเข้ากับกลุ่มผมดกดำของชายหนุ่มเอาไว้ ความซาบซ่านทะยานเข้าสู่กายสาวอย่างหนัก เธอไม่อาจต้านทานสัมผัสนี้ได้เลย“อุ๊บ!”ริมฝีปากบางถูกประกบ จูบอันหนักหน่วงกดย้ำมาอย่างถี่ๆ เนิ่นนานเหมือนต้องการสูบร่างกายสาวเข้าสู่กายกำยำ เมธาวินเล่นบทหนักกับเธอ รุกด้วยริมฝีปากและมือ บีบเคล้นอกอวบอย่างเต็มอารมณ์ มือหนาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างรวดเร็ว ตามด้วยกางเกง เผยให้เห็นร่างกายกำยำเปล่าเปลือย แผงอกแกร่ง กล้ามท้องเป็นลอนไร้ไขมันส่วนเกินฝ่ามือใหญ่แนบวนไปทั่วเรือนร่างของเธอ จนร่างบางสะท้านสั่น กลีบกุหลาบถูกสำรวจด้วยปลายนิ้วแกร่งที่สอดแทรกเข้าตรงกลางของช่อกุหลาบนั้น ไฟในกายของตมิสาแผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับทะเลเดือด กรีดเสียงร้องออกมาอย่างอดมิได้ เมื่อปลายนิ้วดีดเด้งเกี่ยวเข้ากับเม็ดทับทิมสีชมพู เขากระตุกข้อมือระรัวจนร่างของเธอบิดขึ้นดีดเด้งเข้าหาสัมผัสอย่างอัตโนมัติ“อ๊ะ! อ๊ะ! พะ-พี่วิชญ์ อื้อ...”เสียงเล็กครางออกมาอย่างไม่เป็นภาษา ความเสียวซ่านเข้าแทรกทั่วทั้งร่างอวบอิ่มของเธอ เล็บจากนิ้วเรียวบางจิกเข้าไปที่ไหลหนา
“พี่วิชญ์”ตมิสาเรียกชายหนุ่ม แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้กลับจากเขาเลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอต้องก้าวเข้าไปหาเขาอย่างทันที “พี่วิชญ์!”ตมิสาชะโงกใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ เขาเพื่อสำรวจลมหายใจของอีกฝ่าย ลมหายใจยังสม่ำเสมอ ‘เขาหลับนี่’ “อ๊ะ!” ตมิสาร้องเสียงหลง เมื่อมือหนาคว้าตัวเธอจนร่างบางถลาล้มลงทับทาบบนตัวเขา “ว่าไงตังค์...”เมธาวินมองใบหน้าสวยของตมิสา ที่ยังมีอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ร่างอวบอิ่มอยู่บนตัวเขา มือบางยันอกแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเขาและเธออยู่ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน “พี่วิชญ์...ปล่อยตังค์นะ นี่พี่แกล้งตังค์เหรอคะ”ตมิสาดิ้นอยู่บนร่างหนา เพื่อให้เขาปล่อยตัวเธอ มีความร้อนบางอย่างแล่นอยู่บนตัวเธอไปทั่วร่าง หัวใจของเธอเต้นเร็วระรัว เมื่อสัมผัสแนบชิดระหว่างเธอกับเขา “ไม่ปล่อย!”อ้อมแขนแข็งแรงรัดร่างอวบอิ่มของเธอเอาไว้ “พี่วิชญ์! เราต้องไปทานข้าวนะคะ ตังค์เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ”ตมิสาพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเขา “พี่ยังไม่หิวเลยตังค์”ดวงตาคมกริบหรี่ลงต่ำจับจ้องไปที่เรียวปากอวบอิ่มเย้ายวน ร่างกำยำเริ่มมี
ณ เวลาหลังเลิกงาน (ประเทศไทย) “ดรีม” “มีไรพีร์” “ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกหน่อย แกพอจะว่างไปหาอะไรกินแถวนี้ก่อนกลับบ้านดีมั้ย”รณพีร์รวบรวมความกล้าเพื่อเอ่ยชวนเมวิกา เมื่อวันก่อนเขาเองทำเสียเรื่องเพราะแอลกอฮอล์ ทำให้โพล่งเรื่องของเธอและเขาให้ตมิสากับชานนท์ได้รู้ เมวิกาโกรธเขาเป็นอย่างมาก หลบหน้าเขาไม่ยอมที่จะสนทนากับเขาเลย จนวันนี้เขาเลยตัดสินที่จะมาดักรอเพื่อพบเธอ “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแกแล้วพีร์” “แกโกรธฉันมากเลยเหรอ...ฉันจะต้องขอโทษแกสักกี่ครั้ง แกถึงจะหายโกรธวะ” “ฉันหายโกรธแกแล้วพีร์ ฉันไม่โทษแกหรอก เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากฉันเอง ถ้าฉันไม่ขอร้องแกให้มีอะไรกับฉัน เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้...เอาเป็นว่าฉันไม่โกรธแกแล้ว สบายใจเถอะ...มีอะไรอีกไหมฉันจะกลับบ้านแล้ว” “แกพูดแบบนี้ฉันก็ไปไม่เป็นแล้วดรีม...วันนี้ฉันตั้งใจจะมาเคลียร์เรื่องแกกับฉัน...ตอนนี้ฉันจะหาเหตุผลอะไรได้อีกที่จะคุยกับแกวะ” “แล้วแกต้องการอะไรล่ะพีร์...ฉันบอกแกไปหมดแล้วนี่” “ตกลงแกต้องการแค่มีอะไรกับฉันแค่นั้นเหรอดรีม ฉันถามจริง แกต้องบ้าเบอ