“มันก็เหมือนแกแหละไอ่ตังค์ ผู้ชายมีเป็นร้อยเป็นพัน แกก็ไม่ชอบ ดันไปชอบผู้ชายที่เขาไม่สนใจตัวเองซักกะนิด รักบ้าบออะไรเป็นสิบๆ ปี”
“-..-”
“ไง...อึ้งล่ะสิ เข้าตัว ฮ่า ฮ่า”
“ไปไม่เป็นเลยดิไอ่ตังค์ ฮ่า ฮ่า”
“แหม...ทีเล่นงานฉันนี่ทำมาเป็นแท็กทีมกันนะแกสองคนเนี่ย เมื่อกี้กัดกันจะตาย”
“ฉันกับไอ่นนท์ไม่เคยคิดที่จะลงไม้ลงมือกันสักครั้งเลยนะโว้ย...ถึงแม้จะเขม่นกันก็เถอะ มันก็แค่เรื่องผู้หญิง แต่เรื่องอื่นฉันกับมันก็ยังเป็นเพื่อนรักกันนะ แกมันกระต่ายตื่นตูมไปเอง”
“หมาเลยฉัน พวกแกนี่มันคบไม่ได้จริงๆ เลวทั้งคู่”
“แต่พวกฉันไม่เจ้าชู้แบบพี่วิชญ์แกนะโว้ยตังค์”
“-..-”
“นั่นสิ...พวกฉันมันเป็นคนรักเดียว ไม่ได้หลายรักอย่างพี่วิชญ์ของแก คบสาวแต่ละคนไม่ซ้ำหน้า เปย์หนัก จัดหนัก สาวล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด”
“แต่ฉันเชื่อว่า...ถ้าพวกแกรวยแบบพี่วิชญ์ พวกแกก็คงต้องทำเหมือนกันแหละ”
“ฉันไม่ทำแน่นอน...ถึงแม้ฉันไม่ได้รวยนะ แต่เวลาฉันคบกับนาตาลีฉันก็ไม่เคยที่จะให้เธอซื้อของ หรือแม้กระทั่งกินข้าว ก็ไม่เคยให้เธอออกเลยสักครั้งเลยนะโว้ย”
“ใช่...จริงอย่างที่ไอ่พีร์พูด พวกฉันมันเป็นพวกรักจริงโว้ย...แกต้องหาผู้ชายแบบฉันสองคนนี่ตังค์”
“จะไปหาที่ไหนวะ...ผู้ชายดีๆ แกสองคน...คนใดคนหนึ่งเลิกกับคุณนาตาลี แล้วมาคบกับฉันสิ ฉันจะได้ลืมพี่วิชญ์ได้”
“หึยย์ ไอ่ตังค์...ฉันเห็นแกยันไส้ที่มันขดอยู่ข้างในของแกแล้ว...จะให้ฉันเอาแกมาเป็นแฟนเนี่ยนะ...ขอบายว่ะ...ไม่ใช่แกไม่สวยนะตังค์ แกน่ะสวยมากๆ สวยจนผู้ชายเขาไม่กล้าแตะ แม้แต่ฉันเองยังอดชมแกไม่ได้เลย แต่เพราะแกคือเพื่อนฉันไปแล้ว...เออ...ถ้าเป็นไอ่นนท์ว่าไปอย่าง แกกับมันพึ่งมาสนิทตอนเรียน”
“โห...ไอ่พีร์ แกจะกำจัดฉันออกจากคุณนาตาลีล่ะสิ ถึงยัดเยียดให้ฉันไปคบกับไอ่ตังค์อ่ะ”
“เปล่า! ฉันแค่แนะนำไอ่ตังค์ไง แกเป็นเพื่อนกับไอ่ตังค์มาแค่เจ็ดปีเอง แต่ดูฉันสิคบกับมันมาถ้าไม่นับแรกเกิดล่ะก็เท่ากับอายุพวกฉันนี่แหละ”
“อืม...พวกแกหยุดเถียงกันเลย ฉันแค่คิดไม่ต้อง อี๋! ฉันขนาดนั้นก็ได้...ความรักของฉันมันลำบากขนาดนั้นเลยหรือวะ มีรักแล้วทุกข์ขนาดนี้เลยเหรอ...เฮ้อ!”
ตมิสาอยากจะตัดใจจากเขาให้ได้สักที แต่ยิ่งตัดมากเท่าไหร่มันก็เหมือนกลับยิ่งรักมากเท่านั้น ความรู้สึกที่มันก่อตัวมาแสนนานจะให้มันพังทลายลงทีเดียว มันก็คงจะยากมาก เธอจะทำไงได้...ในเมื่อรักแล้วก็ต้องยอมรับให้ได้แค่นั้นเอง...
………………..
ณ คลับหรูของเหล่าไฮโซ...
“นายกลับมาไม่บอกไม่กล่าวกันเลยนะวิชญ์ แอบย่องมาไม่ให้ใครรู้ กลัวพวกสาวๆ จะรุมทึ้งนายหรือไงวะ”
“เปล่า...ฉันไม่ได้แอบมา แต่ฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องไปป่าวประกาศให้ใครรู้นี่หว่า ขนาดฉันมาเงียบๆ นายยังรู้คนแรกเลยดิศ”
‘ภูวดิศ’ คือเพื่อนสนิทสมัยเรียนของเมธาวิน และยังเป็นเพื่อนในการทำธุรกิจอีกด้วย เขาและภูวดิศพึ่งจะห่างกันก็ตอนที่เขาย้ายไปอยู่ต่างประเทศเพื่อเรียนต่อและทำธุรกิจ แต่เขากับภูวดิศก็ยังติดต่อกันเป็นประจำ วันนี้ก็เช่นกัน ‘นัดสังสรรค์ฉันท์เพื่อน’
“วันนี้แพรวาไม่โทรหานายเหรอวะวิชญ์ ฉันก็นึกว่าเธอจะมากับนายซะอีก”
‘แพรวา’ คือคู่ขาอันดับหนึ่งของเมธาวินซึ่งคบกับเมธาวินนานที่สุดตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ภูวดิศยังคิดเลยว่าแพรวาคือคนที่เมธาวินจะแต่งงานด้วย แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีทีท่าว่าทั้งสองจะตกลงปลงใจกันสักที แม้เมธาวินไปอยู่อังกฤษนานห้าปี แต่แพรวาก็ยังรอเขาเช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน
“โทรตั้งแต่ฉันลงจากเครื่องแล้ว แต่ฉันก็บอกเธอไป ฉันว่างเมื่อไหร่เดี๋ยวจะเข้าไปหา”
เสียงทุ้มต่ำของเมธาวินแฝงแววทอดถอนใจอย่างเห็นได้ชัด แพรวาชอบเขามานาน เธอคือผู้หญิงคนเดียวที่คบกับเขานานที่สุด ระหว่างเธอกับเขาได้ตกลงกันไว้แล้ว ว่าจะคบกันด้วยความสัมพันธ์แบบคนรู้ใจ แต่ละคนมีอิสระที่จะไปจากกันเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ทว่าแพรวาไม่คิดที่จะอยากมีอิสระ เธอยังคงคบเขา อยู่ในที่เมธาวินขีดเส้นกั้นเอาไว้ ถึงแม้บางครั้งเธอจะแสดงความหึงหวงออกมาบ้าง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
“ฉันยังแอบคิดเลย ว่านายกับแพรวาจะต้องแต่งงานกันแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว...แต่นี่อะไรวะนายคบกันตอนอายุ 18 ตอนนี้นายอายุ 29แล้วเวลา 11 ปีที่คบกัน ฉันว่ามันสมควรแก่เวลาที่จะต้องตกลงปลงใจกันแล้วหรือเปล่าวะ”
“ฉันไม่รีบ...การแต่งงานสำหรับฉัน...มันไม่เคยอยู่ในหัวของฉันเลยดิศ...ผู้หญิงคนไหนที่คิดจะเอาฉันอยู่ได้ล่ะก็ เธอคนนั้นจะต้องเก่ง...”
“แล้วแพรวาไม่เก่งเหรอวะ ทนนายมาได้ตั้ง 11 ปี”
“อืม...ฉันก็ยอมรับนะว่าเธอเก่ง...ถ้าเธอรอฉันมาได้ตั้ง 11ปีแล้วเธอจะรอไปอีกหน่อย เธอก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“หือ...งั้นแสดงว่าถ้าแพรวาอดทนกับนายอีกสักหน่อย นายก็คงจะใจอ่อนยอมเลือกและแต่งงานกับเธองั้นสิ”
คำถามที่ภูวดิศถามเมธาวินนั้น เขาได้แอบซ่อนความในบางอย่างไว้ เขา เมธาวิน และแพรวาเป็นเพื่อนกันมานาน ภูวดิศแอบชอบแพรวามาตลอดโดยที่เมธาวินไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย มีแต่เขากับแพรวาเท่านั้นที่รู้กัน ภูวดิศเคยสารภาพรักกับแพรวาไปแล้วครั้งหนึ่งแต่คำตอบที่ได้ คือ ‘แพรรักวิชญ์นะดิศ’ มันทำให้เขาเจ็บช้ำเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เธอนั้นตัดสินใจ ถึงตอนนี้เขาเองก็แอบเป็นห่วงเธออยู่ห่างๆ
“ไม่รู้สิ ฉันยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะเวลานั้นมันยังไม่มาถึง ฉันเองยังรู้สึกดีกับการใช้ชีวิตแบบนี้ ยังไม่อยากเอาใครมารับผิดชอบ”
“...”
....................
“อืม...แกบ้าจริงๆ แหละดรีม...”รณพีร์กวาดสายตามองดวงหน้าสวยของเธออย่างจริงจัง ‘แต่เขาก็ถูกใจความบ้าของเธอนะ’ “ถ้าไม่บ้าฉันคงไม่ได้แกหรอกพีร์” “แกจะตอบฉันได้หรือยังดรีม...ว่าแกจะไม่ไปแต่งงานแล้ว” “ฉันคิดดูก่อนนะ” “แกจะคิดทำไมอีกวะดรีม...แกจะฆ่าฉันหรือไง ฉันต้องบ้าแน่ๆ ที่รอคำตอบแกแบบนี้” “ก็แล้วแกไม่คิดเหรอ ว่าเจ็ดปีที่ฉันรอน่ะ ฉันจะบ้าแค่ไหน” “มันไม่เหมือนกันดรีม...แกแอบรักฉันมาเจ็ดปี โดยที่แกไม่เคยสารภาพรักกับฉันเลย...แต่สำหรับฉันตอนนี้ ฉันบอกแกแล้ว และสารภาพแกแล้ว ว่าฉันชอบแก” “ฉันดีใจที่สุดเลยรู้มั้ยพีร์ ฉันต้องขอบคุณป๊าฉัน ที่ช่วยให้ฉันรู้ใจแกเร็วมากขึ้น” “อืม...จริง! ป๊าแกทำให้ฉันอยู่ไม่ได้...เออ...พูดถึงป๊าแก...ท่านจะยอมให้แกคบกับฉันหรือวะดรีม” “ป๊าแค่อยากได้หลาน...ถ้าแกทำหลานให้ป๊าฉันได้ ท่านคงไม่ติดใจอะไรหรอก อีกอย่างหนึ่งป๊าตามใจฉันอยู่แล้ว ฉันรักใครป๊าไม่เคยขัด” “ดรีม...” มือหนาจับร่างของเธอให้หันมาที่เขา “หือ...” ใจเธอเต้นผิดจังหวะทันที เมื่อหันมาสบตากับชายหนุ่ม ควา
“อือ...ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ” “ทำไมแกต้องตามใจพ่อกับแม่แกด้วยวะ นี่มันยุคไหนแล้วที่จะต้องมาจับคู่คลุมถุงชนแบบนี้”ในน้ำเสียงของรณพีร์เหมือนจะมีแววตําหนิแฝงอยู่ ซึ่งตัวเขาเองก็น่าจะไม่รู้ตัวเช่นกัน “ก็ไม่เชิงจับคู่หรอกนะ ป๊าไม่ได้บังคับฉันเลยพีร์ แค่ฉันไม่ขัดท่านเฉยๆ”เมวิกามองหน้าเพื่อนรักอีกครั้ง เธอรู้สึกราวกับว่ารณพีร์แปลกไปจากเดิม “แกจะบ้าเหรอวะดรีม...แกจะไปแต่งงานได้ยังไง ในเมื่อแก เอ่อ แกไม่บริสุทธิ์แล้ว แกจะไปหลอกผู้ชายคนนั้นทำไมวะ”รณพีร์เริ่มเดือดขึ้นเป็นระยะๆ อกซ้ายของเขากระตุกอย่างแรง ตั้งแต่ได้ฟังบทสนทนาสองพ่อลูกเมื่อครู่ “ผู้ชายที่ป๊าหาให้เขาก็ผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาไม่มาแคร์เรื่องนี้หรอกพีร์ และอีกอย่างฉันมีอะไรกับแกแค่ครั้งเดียว มันไม่ได้ทำให้ฉันสึกหรออะไรขนาดนั้นหรอก”เมวิกาฉงนใจกับท่าทีของรณพีร์เป็นอย่างมาก เขาจะเอาเรื่องนี้มาพูดทำไม “แล้วแกรักเขาหรือไง แกถึงจะแต่งงานกับเขา ทำไมแกไม่คิดให้มันมากกว่านี้วะดรีม แกอายุ 25 แล้วนะไม่ใช่เด็กที่จะต้องให้พ่อกับแม่ต้องคอยตัดสินใจให้แกตลอด”รณพีร์พูดอธิบายกับเธอเป็นฉากๆ เขาต้อ
“พี่เลิกกับแพรวาไปแล้ว จริงๆ พี่กับแพรวาก็ไม่ได้อยู่ในสถานะแฟนกันตั้งแต่แรกคบแล้ว ระหว่างพี่กับเขาเราคบกับแบบมีอิสระต่อกัน” “แล้วพี่แพรยอมเหรอคะ ที่พี่วิชญ์ปฏิเสธเธอแบบนี้” “เราคุยกันแล้วก่อนหน้านี้ แพรวาเข้าใจและเรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ถ้าพี่กับแพรยังฝืนคบกันต่อไป มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราสองคนดีขึ้นมา มันกลับเลวลงด้วยซ้ำ เมื่อวันหนึ่งพี่ได้รู้ใจตัวเองแล้วว่าพี่รักเขาไม่ได้ เพราะใจของพี่มันอยู่ที่ตังค์ไปแล้วนี่ไง” “พี่วิชญ์รักตังค์จริงหรือคะ...ตังค์สงสัยค่ะ เวลาผ่านมาตั้งนานพี่วิชญ์ไม่เคยสนใจตังค์เลย มาตอนนี้พี่วิชญ์กลับสนใจตังค์ มันเกิดอะไรขึ้นคะพี่วิชญ์ หรือเป็นเพราะวันนั้นที่เรามีอะไรกัน พี่วิชญ์เลยต้องแสดงความรับผิดชอบกับตังค์หรือเปล่าคะ” “อืม...เธอนี่เป็นคนชอบคิดอะไรแปลกประหลาดอยู่เรื่อยเลยนะ พี่รักเธอมานานแล้วนะตังค์ เพียงแต่พี่อาจไม่รู้ตัวเองก็เท่านั้น วันที่ตังค์เดินจากพี่มา พี่ถึงได้รู้ใจตัวเอง และตัวพี่เองต้องทำอะไรสักอย่างที่จะเหนี่ยวรั้งตังค์เอาไว้ได้”เมธาวินนึกย้อนเรื่องราววันวานที่เขาโดนตมิสาปฏิเสธ เขาคิดว่าการที่เธอมีอะไรกับเขาแ
“อ๊ะ! พะ-พี่วิชญ์”เสียงของตมิสาร้องดังขึ้นเมื่ออกอวบของเธอโดนจู่โจมอย่างหนัก มือบางเผลอขยุ้มเข้ากับกลุ่มผมดกดำของชายหนุ่มเอาไว้ ความซาบซ่านทะยานเข้าสู่กายสาวอย่างหนัก เธอไม่อาจต้านทานสัมผัสนี้ได้เลย“อุ๊บ!”ริมฝีปากบางถูกประกบ จูบอันหนักหน่วงกดย้ำมาอย่างถี่ๆ เนิ่นนานเหมือนต้องการสูบร่างกายสาวเข้าสู่กายกำยำ เมธาวินเล่นบทหนักกับเธอ รุกด้วยริมฝีปากและมือ บีบเคล้นอกอวบอย่างเต็มอารมณ์ มือหนาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างรวดเร็ว ตามด้วยกางเกง เผยให้เห็นร่างกายกำยำเปล่าเปลือย แผงอกแกร่ง กล้ามท้องเป็นลอนไร้ไขมันส่วนเกินฝ่ามือใหญ่แนบวนไปทั่วเรือนร่างของเธอ จนร่างบางสะท้านสั่น กลีบกุหลาบถูกสำรวจด้วยปลายนิ้วแกร่งที่สอดแทรกเข้าตรงกลางของช่อกุหลาบนั้น ไฟในกายของตมิสาแผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับทะเลเดือด กรีดเสียงร้องออกมาอย่างอดมิได้ เมื่อปลายนิ้วดีดเด้งเกี่ยวเข้ากับเม็ดทับทิมสีชมพู เขากระตุกข้อมือระรัวจนร่างของเธอบิดขึ้นดีดเด้งเข้าหาสัมผัสอย่างอัตโนมัติ“อ๊ะ! อ๊ะ! พะ-พี่วิชญ์ อื้อ...”เสียงเล็กครางออกมาอย่างไม่เป็นภาษา ความเสียวซ่านเข้าแทรกทั่วทั้งร่างอวบอิ่มของเธอ เล็บจากนิ้วเรียวบางจิกเข้าไปที่ไหลหนา
“พี่วิชญ์”ตมิสาเรียกชายหนุ่ม แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้กลับจากเขาเลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอต้องก้าวเข้าไปหาเขาอย่างทันที “พี่วิชญ์!”ตมิสาชะโงกใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ เขาเพื่อสำรวจลมหายใจของอีกฝ่าย ลมหายใจยังสม่ำเสมอ ‘เขาหลับนี่’ “อ๊ะ!” ตมิสาร้องเสียงหลง เมื่อมือหนาคว้าตัวเธอจนร่างบางถลาล้มลงทับทาบบนตัวเขา “ว่าไงตังค์...”เมธาวินมองใบหน้าสวยของตมิสา ที่ยังมีอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ร่างอวบอิ่มอยู่บนตัวเขา มือบางยันอกแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเขาและเธออยู่ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน “พี่วิชญ์...ปล่อยตังค์นะ นี่พี่แกล้งตังค์เหรอคะ”ตมิสาดิ้นอยู่บนร่างหนา เพื่อให้เขาปล่อยตัวเธอ มีความร้อนบางอย่างแล่นอยู่บนตัวเธอไปทั่วร่าง หัวใจของเธอเต้นเร็วระรัว เมื่อสัมผัสแนบชิดระหว่างเธอกับเขา “ไม่ปล่อย!”อ้อมแขนแข็งแรงรัดร่างอวบอิ่มของเธอเอาไว้ “พี่วิชญ์! เราต้องไปทานข้าวนะคะ ตังค์เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ”ตมิสาพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเขา “พี่ยังไม่หิวเลยตังค์”ดวงตาคมกริบหรี่ลงต่ำจับจ้องไปที่เรียวปากอวบอิ่มเย้ายวน ร่างกำยำเริ่มมี
ณ เวลาหลังเลิกงาน (ประเทศไทย) “ดรีม” “มีไรพีร์” “ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกหน่อย แกพอจะว่างไปหาอะไรกินแถวนี้ก่อนกลับบ้านดีมั้ย”รณพีร์รวบรวมความกล้าเพื่อเอ่ยชวนเมวิกา เมื่อวันก่อนเขาเองทำเสียเรื่องเพราะแอลกอฮอล์ ทำให้โพล่งเรื่องของเธอและเขาให้ตมิสากับชานนท์ได้รู้ เมวิกาโกรธเขาเป็นอย่างมาก หลบหน้าเขาไม่ยอมที่จะสนทนากับเขาเลย จนวันนี้เขาเลยตัดสินที่จะมาดักรอเพื่อพบเธอ “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแกแล้วพีร์” “แกโกรธฉันมากเลยเหรอ...ฉันจะต้องขอโทษแกสักกี่ครั้ง แกถึงจะหายโกรธวะ” “ฉันหายโกรธแกแล้วพีร์ ฉันไม่โทษแกหรอก เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากฉันเอง ถ้าฉันไม่ขอร้องแกให้มีอะไรกับฉัน เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้...เอาเป็นว่าฉันไม่โกรธแกแล้ว สบายใจเถอะ...มีอะไรอีกไหมฉันจะกลับบ้านแล้ว” “แกพูดแบบนี้ฉันก็ไปไม่เป็นแล้วดรีม...วันนี้ฉันตั้งใจจะมาเคลียร์เรื่องแกกับฉัน...ตอนนี้ฉันจะหาเหตุผลอะไรได้อีกที่จะคุยกับแกวะ” “แล้วแกต้องการอะไรล่ะพีร์...ฉันบอกแกไปหมดแล้วนี่” “ตกลงแกต้องการแค่มีอะไรกับฉันแค่นั้นเหรอดรีม ฉันถามจริง แกต้องบ้าเบอ