ในกระดาษที่รั่วอวิ๋นให้มามีเขียนรายละเอียดไว้อย่างชัดเจนว่าต้องปรุงอาหารให้เจ้าพวกนี้อย่างไรส่วนวัตถุดิบก็มีครบอยู่ภายในลานนี้แล้วเย่ซิวเพียงแค่ผสมตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ก็สามารถจัดอาหารให้พวกมันได้ทันทีระหว่างที่เย่ซิวกำลังปรุงอาหารอยู่นั้น สิงโตหยกขาวทั้งแปดตัวก็นอนหมอบอยู่ห่างจากเขาไม่กี่เมตรแต่ละตัวทั้งหน้าบวม ปากแตก ตัวเขียวช้ำ สายตาที่เคยมองเขาอย่างอาฆาตตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงกับพวกตัวแสบที่ไม่เชื่อฟังแบบนี้ วิธีที่ได้ผลดีที่สุดก็แค่ซัดให้ยับสักรอบก็พอแม้ร่างกายของสิงโตหยกขาวจะนับว่าแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วก็ไม่ต่างจากจอมเวทฝึกหัดเจอกับจอมเวทระดับปรมาจารย์เมื่อกี้ยังทำเป็นกร่างใส่เขาอยู่เลยแต่หลังจากเย่ซิวโชว์พลังให้เห็นแค่เล็กน้อยแล้วซัดพวกมันไปชุดใหญ่ เจ้าตัวแสบทั้งแปดก็เชื่องสนิทไม่นาน เย่ซิวก็ปรุงอาหารเสร็จแล้วนำไปวางตรงหน้าพวกมัน “เสร็จแล้ว มากินเร็ว ๆ”สิงโตหยกขาวทั้งแปดตัวค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างระวัง จ้องมองสีหน้าเย่ซิวอย่างละเอียดก่อนจะเริ่มกินแต่ทันทีที่กัดคำแรก พวกมันทั้งหมดก็ชะงักค้างไปพร้อมกันรสชาติไม่เหมือนกับที่ผู้ดูแลหญิง
ก่อนหน้านี้รั่วอวิ๋นก็เคยกลั่นโอสถหลายชนิดให้พวกมันกินเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเทียบกับเย่ซิวไม่ได้เลยจริง ๆเย่ซิวเห็นความภักดีสะท้อนในแววตาของเจ้าสิงโตหยกขาวทั้งแปดตัว!ในใจก็อดขำไม่ได้ถ้ารั่วอวิ๋นรู้ว่าเจ้าสัตว์เลี้ยงสุดรักทั้งแปดตัวของเธอแปรใจภายในวันเดียว ไม่รู้จะโมโหจนกระอักเลือดไหมนะแค่คิดถึงภาพนั้น เย่ซิวก็รู้สึกแอบตั้งตารอขึ้นมาพอป้อนอาหารให้เจ้าพวกนี้เสร็จ เย่ซิวก็ลุกขึ้นเตรียมจะออกไปพวกมันก็กระดิกหางเดินตามหลังเขาไปอย่างว่าง่ายจนกระทั่งเห็นว่าเขาเดินจากไปไกลแล้ว พวกมันถึงได้ทิ้งตัวลงกับพื้นและหอบหายใจหนักหน่วงน่ากลัวชะมัด หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบหลุดออกมาทันทีที่เย่ซิวเดินออกมาก็เจอผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ที่เดิมเธอเคยตั้งตารอว่าจะได้เห็นเย่ซิวเดินออกมาในสภาพหน้าบวมตัวช้ำ เลือดโชกเต็มตัวดูน่าสมเพชแต่พอเห็นเย่ซิวในตอนนี้ เธอก็ชะงักไปทันที “เป็นไปได้ยังไง ทำไมนายถึงไม่มีรอยขีดข่วนเลยแม้แต่นิดเดียว”เย่ซิวเย่ซิวไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ จึงเดินจากไปทันที“ไม่จริงน่า มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด” เธอเบิกตากว้าง หน้าตาเต็มไปด้วยความงงงวยคิดได้ไม่นานเธอก็วิ่งเข้
พอเห็นว่าเย่ซิวกำลังนั่งบำเพ็ญอยู่ เธอก็แค่นเสียงใส่เบา ๆ แต่ก็ไม่ได้เข้ามารบกวน เพียงแค่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ เท่านั้นห้านาทีต่อมาเย่ซิวก็เลิกบำเพ็ญ พลังวิญญาณในร่างยิ่งแน่นและมั่นคงกว่าเดิมอีกระดับหนึ่งพออยู่ข้างนอกแบบนี้ ความเร็วในการฝึกของเขากลับเร็วขึ้นกว่าเดิมถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อีกประมาณหนึ่งเดือนก็น่าจะทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตได้แล้วเมื่อลืมตาขึ้นมาก็เจอใบหน้าที่ไม่เป็นมิตรสุด ๆ อยู่ตรงหน้า“มีอะไร?” หญิงสาวแค่นเสียงแล้วพูดว่า “อาจารย์ให้ฉันพานายออกไปเก็บสมุนไพรข้างนอกจะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง ตามฉันมาสิ”เย่ซิวลุกขึ้นพลางพยักหน้าเธอสะบัดผมแล้วหมุนตัวเดินนำหน้าไปทันทีเอวคอดกิ่วที่ส่ายไปมานั่น พอมองจากด้านหลังก็มีเสน่ห์ใช่ย่อยถ้าไม่มองหน้าก็ถือว่าดูมีความเป็นผู้หญิงอยู่พอตัวเย่ซิวเดินตามหลังเธอไปปกติแล้วศิษย์ทั่วไปถ้าจะออกนอกสำนักต้องรายงานก่อนแต่สำหรับศิษย์สายในแบบเย่ซิวนั้นไม่จำเป็น จะออกไปตอนไหนก็ย่อมได้แต่สำหรับเธอคนนี้ยังคงต้องรายงานอยู่พอมาถึงจุดหนึ่ง เธอก็ยื่นเอกสารแล้วได้รับป้ายอนุญาตออกนอกสำนักชั่วคราวมาเย่ซิวก็เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าเธอชื่ออะไรจางเสี่
ศิษย์สายในแล้วยังไง?สุดท้ายก็ต้องให้ศิษย์สายนอกแบบฉันนี่แหละมาสอนนายอยู่ดีหึ ไม่มีอะไรพิเศษสักนิดเย่ซิวก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากอยู่แล้ว และเตรียมจะเดินทางกลับแต่จู่ ๆ เขาก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่าง ก่อนจะมองลึกเข้าไปในป่า “กลิ่นนี่…ผลโลหิตมังกรสุกแล้ว!”ดวงตาเขาเป็นประกายทันทีนี่คือผลวิญญาณที่หายากมากชนิดหนึ่งสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายและเสริมความยืดหยุ่นของเส้นลมปราณได้อย่างมากก่อนหน้านี้เย่ซิวเคยได้เลือดบริสุทธิ์ของมังกรน้ำมาสองหยด ยังไม่ได้ใช้งานเลยเขาวางแผนจะกลั่นโอสถชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าโอสถจิตมังกรแต่ตัวยานี้ยังขาดสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งอยู่พอดี ซึ่งก็คือผลโลหิตมังกรไม่คิดเลยว่าจะโชคดีขนาดนี้ที่มาเจอเข้าแบบไม่ตั้งใจในเมื่อเจอแล้วจะให้ปล่อยผ่านก็ไม่ใช่เรื่อง“ผลโลหิตมังกรงั้นเหรอ” จางเสี่ยวอวี๋สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความโลภ แต่ก็รีบส่ายหัวทันที“อย่าโง่ไปหน่อยเลย สมุนไพรระดับนั้น รอบ ๆ ต้องมีอสูรร้ายเฝ้าอยู่แน่ด้วยพลังของพวกเราไม่มีทางเข้าใกล้ได้แน่นอน รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะเกิดเรื่องขึ้นมาจะตายเปล่า ๆ”ของล้ำค่าแบบนี้ใคร ๆ ก็อยากได้ แต่ก็ต้องดูด้
“ช้าหน่อย ด้านหน้าใกล้จะเข้าสู่เขตลึกของป่าแล้ว ฉันจำได้ว่าแถวนี้มีปีศาจระดับสูงอาศัยอยู่หลายตัว”จางเสี่ยวอวี๋ดูจะเริ่มเครียดเล็กน้อย เธอขยับหน้าเข้าไปใกล้หูเย่ซิวแล้วเอ่ยเบา ๆลมหายใจหอมอ่อน ๆ ทำเอาเย่ซิวรู้สึกจั๊กจี้เขาหันไปมองจนแทบจะชนกับปากของเธอเข้าให้จางเสี่ยวอวี๋รีบเอนหัวกลับทันทีพลางมองเขาด้วยสายตาเคืองสุด ๆ“หุบปากไปเลย อย่าพูดจาไม่เข้าท่าเชียว…หืม?”เย่ซิวชะงักเท้าก่อนจะหันไปทางด้านหน้า มีเสียงต่อสู้ดังมาเป็นระยะ ตามมาด้วยคลื่นพลังเวทที่รุนแรงต้นไม้ใหญ่ล้มระเนระนาดให้เห็นตลอดทางจางเสี่ยวอวี๋เผลอขยับตัวเข้าไปใกล้อกเย่ซิวโดยไม่รู้ตัวพลังที่แผ่ออกมาจากด้านหน้ามันน่าหวาดกลัวเกินไปสำหรับเธอแค่คลื่นพลังสะท้อนนิดเดียวก็อาจทำให้เธอแหลกเป็นผุยผงได้แล้วเย่ซิวอ้อมไปทางด้านข้าง เลือกจุดที่มีแนวป้องกันบางที่สุดแล้วลอบเข้าไปอย่างเงียบ ๆเขาเห็นกลุ่มคนกำลังต่อสู้อยู่กับปีศาจที่แข็งแกร่งตนหนึ่งกลุ่มคนนั้นใส่ชุดเหมือนกับศิษย์ของสำนักอวิ้นหลิงทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของสำนักผู้นำกลุ่มคือชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีหน้าตาหล่อเหลาราวหยก ท่วงท่าก็สง่างามเขายืนอยู่บ
โดยไม่มีแม้แต่คลื่นพลังเล็ดลอดออกมาถ้าไม่ใช่เพราะระดับพลังจิตของเขาเหนือกว่าทั้งคนและปีศาจพวกนี้ก็คงยากจะสังเกตเห็นได้ปีศาจระดับสูงมักมีสติปัญญาไม่ต่างจากมนุษย์ พวกมันก็รู้เหมือนกันว่าในเกมล่าเหยื่อมักมีนกขมิ้นอยู่หลังตั๊กแตนเสมอจางเสี่ยวอวี๋ก็เห็นผลโลหิตมังกรเหมือนกัน แววตาเธอเต็มไปด้วยความโลภ ก่อนจะรีบกระซิบกับเย่ซิว“ตอนนี้ยังไม่มีใครสนใจเรา รีบไปเก็บผลโลหิตมังกรกันเถอะ”เย่ซิวหันมามองเธอด้วยสายตาเหมือนมองคนโง่ “เคยได้ยินว่าหน้าอกใหญ่แล้วสมองจะเล็ก แล้วทำไมเธอหน้าอกเล็กแต่ยังโง่ได้ขนาดนี้ล่ะ”จางเสี่ยวอวี๋ของขึ้นทันที “ไอ้บ้านี่ มาว่าร่างกายคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง!”โครม!เสียงระเบิดดังสนั่นจากด้านหน้าพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนสุดเจ็บปวดแมงมุมยักษ์โดนฆ่าตาย จากนั้นหนานกงอู๋ซวงก็ควบกระบี่บินพุ่งตรงมายังต้นผลโลหิตมังกรทันทีเขาหยุดอยู่ตรงหน้ามันด้วยดวงตาเปล่งประกายรุนแรงราวกับแสงอาทิตย์เขายื่นมือหมายจะคว้าผลโลหิตมังกรเหล่านั้นแต่ก่อนที่นิ้วจะทันได้สัมผัส ความรู้สึกอันตรายรุนแรงก็พุ่งเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัวหนานกงอู๋ซวงไม่รอช้าและรีบถอยกลับทันทีแต่มันก็ช้าไปนิดเดียวเท
เย่ซิวเก็บต้นผลโลหิตมังกรมาครองได้อย่างราบรื่น ไม่มีเหตุไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้น จากนั้นเขาก็จัดการเก็บมันเข้าถุงเก็บของทันทีจางเสี่ยวอวี๋มองเขาตาเป็นมัน ก่อนจะรีบคว้าแขนเย่ซิวแล้วเขย่าแรง ๆ “เห็นกับตาตัวเองแล้วก็ต้องแบ่งฉันด้วยสิ!”เย่ซิวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำ “เธอเป็นคนดื้อจะตามมาด้วยเอง แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักอย่าง แบบนี้จะเอาส่วนแบ่งได้ยังไง?”สาวเจ้าพอเห็นของล้ำค่าเข้า ตาก็ลุกวาวอย่างกับเห็นเงิน พอเห็นว่าเย่ซิวไม่ยอมแบ่งให้ เธอก็กลอกตาไปมา ก่อนจะยิ้มแปลก ๆ แล้วเอ่ยออกมา“ถ้านายไม่แบ่งให้ฉัน ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปแฉ แล้วดูสิว่าหนานกงอู๋ซวงจะปล่อยนายไว้ไหม ถือว่าเป็นค่าปิดปากแล้วกัน”พูดจบเธอก็ยืนกอดอกมองเย่ซิวอย่างยินดีเหมือนมั่นใจว่ายังไงเขาก็ต้องยอมเย่ซิวกวาดตามองรอบ ๆ ก่อนพึมพำเบา ๆ “ที่นี่ก็เหมาะจะทำลายศพแบบไร้ร่องรอยดีเหมือนกันนะ”จางเสี่ยวอวี๋หน้าเปลี่ยนสีทันที “นายอย่าคิดทำอะไรบ้า ๆ เชียวนะ”เย่ซิวกำลังจะพูด แต่จู่ ๆ เขาก็เอื้อมมือข้างหนึ่งคว้าเอวของจางเสี่ยวอวี๋ไว้ ส่วนอีกข้างก็ปิดปากเธอ แล้วรีบถอยหลังไปอย่างรวดเร็วขณะที่เพิ่งถอยไปได้ไม่กี่ก้าว คลื่นพลังอันมหาศาลก็ถ
จางเสี่ยวอวี๋ตบหน้าอกตัวเองแรง ๆ อย่างโล่งอก “เมื่อกี้น่ากลัวชะมัด ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ท่านเจ้าสำนักก็ยังมาที่นี่ด้วยตัวเอง แถมเก่งกว่าที่เล่าลือกันอีก”เย่ซิวเงียบและไม่พูดอะไรตอนนี้เขารู้สึกว่าจำเป็นต้องรีบเพิ่มพลังให้ตัวเองโดยเร็วที่สุดหากต้องเผชิญหน้ากับคนที่อยู่ระดับระดับปฐมญาณ การจะต่อต้านได้ อย่างน้อยต้องไปให้ถึงระดับถอดจิตก่อนจนกระทั่งใกล้จะถึงสำนักอวิ้นหลิง เย่ซิวถึงค่อยปลดพลังสมบัติเวทมนตร์ที่พรางตัวอยู่แต่แล้วเขาก็ยื่นมือมาคว้าคอของจางเสี่ยวอวี๋ทันทีจิตสังหารเย็นเยียบแผ่ซ่านออกมาจนเธอรู้สึกเหมือนเลือดในร่างจะหยุดไหลจางเสี่ยวอวี๋ตัวแข็งทื่อพลางมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก“สาบานด้วยเลือดซะ ไม่งั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป”แม้ดูตามเหตุผลแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่น่าจะเอาเรื่องวันนี้ไปแพร่งพรายแต่เพื่อความปลอดภัย เย่ซิวก็ยังอยากให้เธอสาบานเลือดไว้ก่อนจางเสี่ยวอวี๋พยักหน้าอย่างยากลำบากเย่ซิวจึงค่อย ๆ ปล่อยมือจากเธอเธอไออยู่พักใหญ่ พอหายใจกลับมาได้ก็เริ่มมองเย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวหลังจากสูดหายใจลึกหลายครั้ง เธอก็ยกสามนิ้วขึ้นต่อหน้
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน