เย่ซิวเดินไปหาผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ก่อนจะถามคำถามเดิม“ผมชื่อหวังจื้อเผิง จากสำนักอู่สิง ผมผิดไปแล้ว ขอท่านประมุขโปรดเมตตาปล่อยผมไปเถอะครับ”แม้เขาจะอายุมากแล้ว แต่กลับร้องไห้โฮออกมาอย่างน่าสงสาร จิตใจของเขาถูกความโหดเหี้ยมและพลังอันน่าสะพรึงกลัวของเย่ซิวทำลายจนสิ้นเย่ซิวเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “หลายปีก่อน แกก็เคยแสดงความจงรักภักดีต่าง ๆ นานา แต่สุดท้ายก็หักหลังอยู่ดีที่ผ่านมาแกก็เสพสุขมากพอแล้วนี่ ไปสำนึกผิดต่อท่านอาจารย์เถอะ”ปัง!เย่ซิวใช้ฝ่ามือเพียงข้างเดียวปลิดชีวิตเขาในทันทีคนที่เหลืออยู่ต่างสติกระเจิดกระเจิง พวกเขาลุกขึ้นวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจสิ่งใด ต่างพุ่งตรงไปที่ประตูและหน้าต่างเย่ซิวยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขายกนิ้วขึ้นแล้วดีดเบา ๆฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!พลังดาบสายหนึ่งพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว ทะลุผ่านร่างของพวกเขาทันทีเหล่าผู้ทรยศทั้งเจ็ดไม่มีใครหนีรอด เย่ซิวสังหารพวกเขาทั้งหมด ส่วนลูกหลานของพวกเขา เย่ซิวเพียงทำลายวรยุทธแต่ไม่ได้สังหารไม่ใช่เพราะเขาใจดี แต่เป็นเพราะเขายังต้องเก็บคนพวกนี้ไว้เพื่อให้โอนทรัพย์สินต่าง ๆ มาให้เขาทุกสิ่งที่พวกเขามีในวันนี้ แต่เดิมเป็
“อ๊ะ!”ฟางฉิงเสวี่ยร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ เย่ซิวก็ดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความตื่นตระหนกเธอรับรู้แล้วว่าเย่ซิวกำลังจะทำอะไรต่อไปร่างกายของเธอเกร็งจนเธอกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงใด ๆ ออกมาเธอเพิ่งเจอเย่ซิวเพียงสองครั้งเท่านั้น จึงไม่มีทางเกิดความรู้สึกลึกซึ้งหรือรักใคร่ได้แน่นอนในใจของเธอมีแต่ความต่อต้าน เธอเคยฝันว่าครั้งแรกของเธอจะเป็นกับคนที่เธอรักสุดหัวใจเท่านั้นแต่เธอเองก็ไม่กล้าแสดงออก เพราะหากทำเช่นนั้น อาจต้องเผชิญกับหายนะที่เธอไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เย่ซิวไม่สนใจว่าเธอจะยินยอมหรือไม่ เขาใกล้จะทะลวงสู่ขั้นกลางของช่วงสร้างพื้นฐานแล้วเพราะช่วงนี้หลิ่วเมิ่งอิ๋นไม่สะดวก ฟางฉิงเสวี่ยจึงกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเย่ซิวไม่ได้คิดจะรับฟางฉิงเสวี่ยมาเป็นของตัวเอง เขามองเธอเป็นเพียงเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมายเท่านั้นฉึก!คงไม่ต้องอธิบายเหตุการณ์ต่อจากนี้แล้วสองชั่วโมงต่อมา เย่ซิวก็เดินออกมาจากห้อง การทะลวงสู่ขั้นกลางของช่วงสร้างพื้นฐานสำเร็จแล้ว พลังวิญญาณของเขาตอนนี้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวแต่การข้ามจากขั้นกลางไปสู่ขั้นสูงนั้น ต้อง
“เสี่ยวหยิงถูกจับตัวไปแล้ว!” น้ำเสียงของน่าหลันเยียนหรานเต็มไปด้วยความร้อนรนเย่ซิวถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”“ฉันอยู่ที่บ้าน บอดี้การ์ดที่คุณส่งมาก็ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ” “รอผมก่อน ผมจะไปเดี๋ยวนี้” เย่ซิววางสายก่อนจะรีบมุ่งตรงไปยังบ้านของน่าหลันเยียนหรานทันทีเขาใช้วิชาล่องหนและวิชาสายลมอ่อนในการเดินทางเพื่อประหยัดเวลา จากระยะทางที่ปกติจะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง แต่ครั้งนี้เย่ซิวใช้เวลาเพียงเจ็ดถึงแปดนาทีก็ไปถึงแล้วเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้น เขาก็เห็นน่าหลันเยียนหรานนั่งหมดเรี่ยวแรงอยู่บนโซฟา และในห้องก็มีร่องรอยของการต่อสู้อีกด้วยพอเห็นเย่ซิว เธอก็รีบลุกขึ้นทันทีด้วยดวงตาแดงก่ำ “ขอโทษนะคะ ที่ฉันปกป้องเธอไว้ไม่ได้”เย่ซิวมีสีหน้าเคร่งเครียด “คนที่จับตัวเสี่ยวหยิงไปเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แล้วมีกี่คน?”“เป็นผู้หญิงสองคน ดูแข็งแกร่งมาก” น่าหลันเยียนหรานตอบอย่างรวดเร็ว“พวกเธอมีพลังที่แข็งแกร่งมาก ตอนที่เสี่ยวหยิงถูกจับตัวไป เธอพยายามขัดขืน แต่ก็โดนตบจนสลบ ฟันหลุดไปหลายซี่ และเลือดกบปากไปหมด”เย่ซิวมองดูพื้น และเห็นรอยเลือดกองหนึ่ง รวมทั้งฟันที่ร่วงอยู่หลายซี่เข
เด็กหนุ่มจับสังเกตเห็นความหวาดกลัวในดวงตาของเธอได้ จึงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ที่แท้นางสารเลวอย่างเธอก็รู้จักกลัวเหมือนกันนี่ ถ้าอย่างนั้นให้ฉันทำให้เธอสำนึกว่าฉันเก่งแค่ไหน!”เขาปลดเข็มขัดออกก่อนจะโยนไปด้านข้างน้ำตาของจวงเสี่ยวหยิงไหลออกมาเป็นสายเลือดเธอถูกกดไว้จนไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อยความสิ้นหวังแผ่ซ่านเต็มหัวใจ เด็กหนุ่มลากเก้าอี้มาวางตรงหน้าเธอ จากนั้นก็ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ “เธอปากแข็งมากนักไม่ใช่เหรอ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะเริ่มจากปากเธอนี่แหละ! แหกปากเธอออก!”บอดี้การ์ดหญิงสองคนช่วยกันง้างปากจวงเสี่ยวหยิงสีหน้าของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่งและความสะใจ เขาเพลิดเพลินกับการบังคับข่มขู่ผู้อื่น โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นความเจ็บปวดและความสิ้นหวังของอีกฝ่ายปัง!ก่อนที่จวงเสี่ยวหยิงจะถูกย่ำยี ประตูเหล็กก็ถูกเตะออกอย่างแรงเด็กหนุ่มหยุดชะงัก ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวซึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างดุร้าย “แกเป็นใคร!”สายตาของเย่ซิวจับจ้องไปยังจวงเสี่ยวหยิง ซึ่งในขณะนี้ไม่เหลือสภาพเค้าเดิมอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะมีความอดทนมากแค่ไหน แต่ในตอนนี้ความโกรธของเขาก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุดเข
เย่ซิวใช้แรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่งั้นเด็กหนุ่มคงถูกเหวี่ยงจนกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว ด้วยความที่เขาควบคุมพลังได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง แต่ไม่ถึงกับตายเด็กหนุ่มผู้เติบโตมาในครอบครัวที่ตามใจมาตั้งแต่เด็ก น้ำเปล่าที่เขาดื่มทุกวันก็มีราคาเป็นห้าพันบาทต่อขวด เขาจะเคยเจอใครที่ทำตัวเช่นนี้กับเขาได้ยังไง? ดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำ ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร แกตายแน่! ฉันจะฆ่าล้างโคตรครอบครัวแกให้หมด!”เย่ซิวไม่สนใจคำขู่ของเด็กหนุ่ม เขาหันไปวางมือทั้งสองข้างบนแก้มของจวงเสี่ยวหยิงจากนั้นจึงเริ่มใช้พลังฟื้นฟูรักษามือทั้งสองข้างของเขาปล่อยพลังนุ่มนวลออกมา บาดแผลของจวงเสี่ยวหยิงเริ่มหายไปอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่าผ่านไปเพียงสองนาที ทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพปกติ แม้แต่ฟันที่หลุดออกมาก็กลับมางอกใหม่อีกครั้ง“พี่ ฉันนึกว่าจะไม่ได้เจอพี่อีกแล้ว” จวงเสี่ยวหยิงโผเข้ากอดเย่ซิวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือที่เต็มไปด้วยความโล่งใจและเศร้าสลดเย่ซิวลูบหัวเธอเบา ๆ ก่อนจะกระซิบ “ไม่เป็นไร ฉันสัญญาว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”
บอดี้การ์ดฝีมือดีนับสิบต่างล้มลงอย่างราบคาบเด็กหนุ่มที่ถูกเย่ซิวจับไว้อยู่ในมือถึงกับตกใจจนฉี่ราดกางเกง จวงเสี่ยวหยิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจและดูถูกฉึก!เย่ซิวปล่อยพลังดาบออกไปตัดประตูหน้าคฤหาสน์ขาดเป็นสองส่วน เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นทันที โดรนลาดตระเวนหลายตัวบนท้องฟ้าเริ่มส่งเสียงเตือนว่า ‘มีศัตรูบุกรุก’ด้านใต้ตัวโดรนติดตั้งหน้าไม้จำนวนนับไม่ถ้วน มันเล็งเป้าไปที่เย่ซิวและปล่อยลูกธนูนับพันออกมาอย่างดุเดือดไม่เพียงเท่านั้น เหล่าผู้คุ้มกันจำนวนมากต่างกรูกันออกมาจากภายในตัวบ้านหวังจะฆ่าเย่ซิว แต่สำหรับเขาในตอนนี้ มนุษย์ธรรมดาไม่ว่าจะมีมากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย“ไสหัวไป!”เสียงตวาดของเย่ซิวดังสนั่น คลื่นพลังที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกไปในทันที ไม่ว่าจะเป็นเหล่ายอดฝีมือที่กรูเข้ามา ธนูที่กำลังยิงออกไป หรือแม้กระทั่งโดรนที่บินอยู่ ต่างถูกทำลายลงจนสิ้นในพริบตาภาพที่เห็นทำให้เด็กหนุ่มหน้าซีดขาวด้วยความหวาดกลัวและสำนึกผิดในใจเขาหันไปจ้องมองจวงเสี่ยวหยิงด้วยความโกรธทำไมเธอไม่บอกฉันว่ามีพี่ชายที่เก่งขนาดนี้เล่า!ถ้าเขารู้เรื่องนี
ฉีตังกั๋วจ้องเย่ซิวด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะหัวเราะออกมา “ไม่เป็นไร ฉันมีหลานตั้งหลายสิบคน ถึงแม้ว่าฉันจะรักคนนี้มากที่สุด แต่ถ้าแกอยากจะฆ่าก็เชิญเลย แต่อย่าคิดว่าแกจะอวดดีไปได้อีกนานแล้วกัน เย่ซิว อีกไม่นานวันดี ๆ ของแกจะจบลง”พูดจบ เขาก็ตัดการเชื่อมต่อวิดีโอไปเด็กหนุ่มที่กำลังสิ้นหวังร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจ เขาไม่อยากเชื่อว่าปู่ที่รักเขามากที่สุดจะทอดทิ้งเขาในยามวิกฤตเช่นนี้“ได้โปรด อย่าฆ่าผมเลย ผมผิดไปแล้ว ผมสำนึกผิดแล้วจริง ๆ”ในความสิ้นหวัง เด็กหนุ่มทำได้เพียงอ้อนวอนขอชีวิตจากเย่ซิว เขาร้องไห้ฟูมฟาย เพราะครอบครัวของเขามีฐานะร่ำรวย เขายังอยากมีชีวิตเพื่อเสพสุขต่อไปและไม่อยากตายไปทั้งแบบนี้“ชาติหน้าแกอย่าได้เกิดมาเป็นคนอีกเลย แกมันไม่คู่ควร!”เย่ซิวจบชีวิตของเด็กหนุ่มลง ก่อนจะหันไปมองจวงเสี่ยวหยิงที่ยังคงนิ่งเงียบ “นี่ก็นับว่าเป็นการแก้แค้นได้ส่วนหนึ่งแล้ว ส่วนไอ้เฒ่าฉีตังกั๋วนั่น ฉันจะจัดการมันในไม่ช้านี้”จวงเสี่ยวหยิงพยักหน้าแรง ๆ ใบหน้ากลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง “ขอบคุณค่ะพี่ แต่ตอนนี้ฉันอยากจะอาบน้ำก่อน ตัวสกปรกมาก”“โอเค งั้นก็อาบน้ำที่นี่เลย ฉันเองก็ต้องล้างคร
ไม่นานนัก ใบหน้าของจวงเสี่ยวหยิงก็เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อจากไอน้ำ ดูน่ารักน่าเอ็นดูเธอหันไปมองเย่ซิว “พี่คะ เราอยู่ที่นี่ต่ออีกนิดได้ไหมคะ?”“ไม่มีปัญหา” เย่ซิวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม “ตราบใดที่ไม่มีขีปนาวุธนับสิบลูกยิงมาที่นี่ มีฉันอยู่ก็ไม่มีใครทำอะไรเธอได้”ถ้าเป็นคนอื่นพูด จวงเสี่ยวหยิงคงคิดว่าเขาแค่ขี้โม้ แต่กับเย่ซิวนั้นไม่เหมือนกัน เธอรู้ถึงความแข็งแกร่งของผู้ชายคนนี้ดี“แล้วที่โรงเรียน เธอเข้ากับเพื่อน ๆ ได้ดีรึเปล่า?” เย่ซิวถามจวงเสี่ยวหยิงยิ้มฝืน ๆ “ก็พอได้ค่ะ”เย่ซิวพยักหน้ารับรู้โดยไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม “แช่น้ำพุร้อนต่อเถอะ”จวงเสี่ยวหยิงตอบรับก่อนจะหลับตาลง ปล่อยตัวไปกับความอบอุ่นของน้ำพุร้อน รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งร่างกายครึ่งชั่วโมงผ่านไป เย่ซิวลืมตาขึ้น ความเย็นเยียบฉายผ่านแววตา “มีคนมาให้ฉันจัดการอีกแล้ว”เขาลุกขึ้นยืนและบอกกับจวงเสี่ยวหยิง “เอาล่ะ ลุกขึ้นมาเถอะ”“โอเคค่ะ…”จวงเสี่ยวหยิงลุกขึ้น แต่จู่ ๆ เธอก็ร้องออกมา ก่อนจะเสียหลักลื่นลงไปในน้ำเย่ซิวรีบพุ่งเข้ามาประคองเธอไว้ “เป็นอะไรหรือเปล่า?”จวงเสี่ยวหยิงส่ายหน้า
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน