“พี่ชายที่แสนดีของหนู ปล่อยผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ไปเถอะนะคะ ครั้งหน้าจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ”เมื่อเห็นชูตงขอร้องอย่างจริงใจ เย่ซิวจึงยอมปล่อยเธอไปในที่สุดเธอรีบคว้าผ้าห่มมาพันตัวก่อนจะขดตัวอยู่ที่มุมเตียงด้วยใบหน้าที่ดูเศร้าสลดน่าสงสาร แต่กลับเพิ่มเสน่ห์เย้ายวนขึ้นอีกระดับเย่ซิวถึงกับนิ้วชี้กระตุก เลือดลมพลุ่งพล่านเสียงกระซิบในจิตใจคอยเร่งเร้าให้เขารีบคว้าผู้หญิงตรงหน้ามาครอบครองสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเสน่ห์ของชูตงน่ากลัวเพียงใดแม้แต่เย่ซิวที่มีจิตใจมั่นคงยังต้องรู้สึกหวั่นไหวตอนนี้ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อชูตงเห็นสายตาดุร้ายดั่งสัตว์ป่าของเขา แม้จะหวาดกลัวในใจ แต่ลึก ๆ กลับรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย‘ผู้ชายคนนี้หลงเสน่ห์ของฉันเข้าแล้ว’แต่ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา สีหน้าของชูตงก็เปลี่ยนไป ใจเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก‘ฉันคิดแบบนี้ไปได้ยังไง ฉันเกลียดเขาจะตาย มันต้องเป็นภาพลวงตาแน่ ๆ’เธอพยายามปลอบใจตัวเองราวกับสะกดจิตตัวเองเย่ซิวหลับตาลง ก่อนจะสูดหายใจลึกหลายครั้งเพื่อระงับความปรารถนาในใจในขณะเดียวกัน ภาพของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงน้ำแข็งก็ผุดขึ้นมาในสมองขอ
เสี่ยวเหม่ยตกใจ และพูดอย่างรวดเร็วว่า "เปล่า เรากำลังคุยกันว่าคุณสองคนจะอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่"“ไร้สาระ ใครจะอยากอยู่กับคนเลวคนนี้ล่ะ” จู่ ๆ ชูตงก็หน้าแดงขึ้นมา“งั้นเหรอ?” เสี่ยวเหม่ยมองเธอด้วยสายตาที่คลุมเครือมากพร้อมรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้า“แน่นอนอยู่แล้ว”ชูตงเบี่ยงสายตาไปอย่างร้อนตัว ขายาวทั้งสองข้างก้าวไปทางห้องนั่งเล่นแล้วเปิดทีวีเพื่อบรรเทาความกระอักกระอ่วน“สวัสดีทุกคน ผมอากิตะ อิจิโร่จากประเทศอ่ายเหรินครับ”ทันทีที่เปิดทีวี ชายคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาดุร้ายและเสียงหยาบกร้านก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ดึงดูดความสนใจของเย่ซิวได้ยินเพียงชายคนนั้นพูดขึ้นว่า "ผมเป็นหัวหน้าของโรงฝึกเคนโด้จากประเทศอ่ายเหริน การมาเยือนหลงเถิงในครั้งนี้ก็ไม่มีความหมายอื่นใด เพียงแต่ได้ยินมาว่าที่นี่คือต้นกำเนิดของวิทยายุทธ์ดังนั้นผมจึงอยากจะแลกเปลี่ยนความรู้กับยอดฝีมือทุกท่านเสียหน่อยอย่างไรก็ตาม มีจุดหนึ่งที่ผมไม่เห็นด้วยต้นกำเนิดของวิชายุทธ์ควรเป็นประเทศอ่ายเหรินของเราถึงจะถูกเพราะมันถูกถ่ายทอดจากประเทศอ่ายเหรินมายังประเทศหลงเถิงเมื่อสามพันกว่าปีก่อนบนเส้นทางวรยุทธ์ ประเทศอ่ายเหรินควรจะ
เย่ซิวจะยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ต่อไปเมื่อเย่ซิวมาถึงห้องทำงานของเขา เขาก็เปิดประตูและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสาวออฟฟิสกำลังก้มลงไปทำความสะอาดโต๊ะของตัวเองเธอมีรูปร่างที่ดีมาก เสื้อผ้าของเธอก็รัดแน่นเมื่อเธอโน้มตัวลงมา ทำให้เกิดส่วนโค้งที่น่าดึงดูดใจอย่างยิ่งเมื่อเธอได้ยินเสียงเปิดประตู ผู้หญิงคนนั้นก็หันกลับมาและยิ้มให้เย่ซิวเบา ๆ "สวัสดีค่ะท่านประธาน"เย่ซิวประหลาดใจเล็กน้อย "ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?"ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่ใครอื่นก็คือหลัวฮุ่ยหมิ่น ซึ่งก็เป็นอาของหลัวอีอีรอยยิ้มของหลัวฮุ่ยหมิ่นไม่เปลี่ยนแปลง "ตอนนี้ฉันเป็นเลขาของคุณแล้ว คุณจะออกคำสั่งอะไรกับฉันก็ได้"ในคำพูดแฝงไว้ด้วยคำใบ้ที่เร้าใจ“เลขาเหรอ? ใครเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้?”“ประธานเซี่ยสัมภาษณ์ฉันเป็นการส่วนตัว เธอบอกว่าคุณต้องการเลขาอยู่ข้าง ๆ หนึ่งคน”เย่ซิวเดินไปที่ที่นั่งของเขาแล้วนั่งลง "ด้วยสถานะและความสามารถของคุณ การเป็นเลขาของผมจะเสียดายความสามารถเกินไปหน่อย"“จะเป็นไปได้ยังไงกันคะ” หลัวฮุ่ยหมิ่นหัวเราะเบา ๆ "มีคนนับไม่ถ้วนที่ชิงกันเพื่อให้ได้เข้ามาที่นี่อย่างหัวหกก้นขวิด รวมทั้งตัวฉัน
สุดท้ายเขาก็เหยียบหน้าอีกฝ่ายด้วยเท้า แล้วยกนิ้วกลางไปที่กล้องตัวหนึ่ง“อ่อน ๆ ๆ อ่อนแอเกินไปแล้วจริง ๆ ยังไม่ทันจะได้อุ่นเครื่องก็ถูกฉันล้มแล้ว ยังจะมีใครขึ้นมาสู้กับฉันอีกไหม!”ทันทีที่วิดีโอนี้ถูกปล่อยออกมา ก็ยิ่งทำให้เกิดความโกลาหลปั่นป่วนชาวเน็ตจำนวนมากรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งและ ต่างพากันทิ้งข้อความประณามไว้ด้านล่าง“จอมยุทธ์ของประเทศอ่ายเหรินทำเกินไปแล้วจริง ๆ”“นี่เป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนชี้แนะกันเฉย ๆ แท้ ๆ ถึงกับลงมือกะให้ตาย มิหนำซ้ำยังทำให้มือและเท้าของเขาพิการอีกด้วย”“ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือการใช้เท้าเหยียบหน้าของเขา นี่เป็นการตบหน้าคนทั้งประเทศเราชัด ๆ”……สื่อหลายแห่งยังวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นกันอย่างดุเดือดมากแต่คนจากประเทศอ่ายเหรินกลุ่มนั้นไม่แยแสเรื่องนี้แม้แต่น้อยยิ่งพูดมาอย่างหยิ่งยโสว่า "ถ้าพวกคุณเอาชนะเราไม่ได้จริง ๆ ก็สามารถส่งกองทัพมาปราบพวกเราได้นะ!"คำพูดนี้เรียกได้ว่าหยิ่งอย่างถึงที่สุดแต่ประเทศหลงเถิงย่อมไม่สามารถทำเช่นนี้ในฐานะมหาอำนาจ ถ้าแม้แต่ความอดกลั้นแค่นี้ยังไม่มี จะต้องถูกหัวเราะเยาะอย่างแน่นอนยิ่งจะถูกประเทศศัตรูใส่ร้าย
เธอกล่าวขอบคุณ จากนั้นบิดเอวเซ็กซี่แล้วเดินเข้าไปข้างในนั้นถ้าเย่ซิวมองเธอ เขาก็จะเห็นตั้งแต่แวบแรกว่าลัวฮุ่ยหมิ่นไม่ได้นำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนด้วยเมื่อเข้าไปในห้องนอน หลัวฮุ่ยหมิ่นก็ปิดประตูแล้วถอดเสื้อชั้นนอกของตัวเองออกเสื้อผ้าชุดนี้ของเธอมีลูกเล่นซ่อนอยู่ มันคือชุดที่ใส่ได้สองด้านด้านนี้เป็นชุดเดรสสีดำดูสง่างาม ส่วนอีกด้านเป็นกระโปรงสั้นสีขาวพร้อมด้วยดีไซน์เก๋ ๆ หลายอันพลิกเสื้อผ้ากลับด้านแล้ว อารมณ์ก็จะเปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากที่สวมใส่จากเลขาสาวผู้สง่างาม พริบตาต่อมาเธอก็กลายเป็นสาวสวยหุ่นร้อนแรงแม้ว่าตอนนีั้เธอจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่เมื่อพิจารณาจากอายุของเธอก็เหมือนแต่งงานแล้วอย่างไรอย่างนั้นหลังจากส่องกระจก หลัวฮุ่ยหมิ่นก็เดินออกไปอย่างพึงพอใจมากในเวลานี้เย่ซิวได้ตรวจสอบข้อมูลเสร็จแล้วเมื่อมองขึ้นไป ก็เห็นหลัวฮุ่ยหมิ่นเดินออกมากระโปรงสั้นนั้นโชว์หุ่นสุดร้อนแรงของเธอขาเรียวยาวคู่หนึ่ง แต่ก็มีเนื้อนวลทว่าไม่อ้วนมาก กำลังพอดี ดูแล้วนุ่มเด้งและขาวมากเมื่อเห็นสายตาของเย่ซิวที่เพ่งความสนใจมา หลัวฮุ่ยหมิ่นก็หมุนตัวเป็นวงกลม กระโปรงของเธอปลิวว่อนดังที่ทุกคนก็ทราบก
คนที่เคาะประตูอยู่ด้านนอกคือหัวหน้าแผนกคนหนึ่ง อายุราวสี่สิบกว่าและมีหัวล้านหลังจากได้รับอนุญาตจากเย่ซิว เขาก็ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป“ประธานครับ มีข่าวเกี่ยวกับสมุนไพรที่คุณกำลังมองหาแล้วครับ”เย่ซิวโน้มตัวไปข้างหน้า "บอกฉันมาเร็วว่ามันอยู่ที่ไหน"พักนี้การระงับพลังของตัวเองไว้นั้นทำให้เขาลำบากมาก ถ้าสามารถทะลวงระดับไปได้เร็วยิ่งขึ้น เขาก็จะสามารถฝึกฝนได้อย่างไร้ขีดจำกัด แล้วเร่งการบำเพ็ญตน ให้ความแข็งแกร่งพุ่งสูงขึ้นได้รวดเร็วอีกครั้ง“มันอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขาแห่งหนึ่งครับ คนของเราสอบถามและได้รู้มาจากปากของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเธอบอกว่าเธอเคยเห็นพืชที่คล้ายกันนี้บนภูเขาแต่เนื่องจากไม่มีใครเข้าไปในภูเขานั้นมาเป็นเวลานานแล้ว ว่ากันว่าข้างในมีทั้งงูพิษและสัตว์ร้ายมากมายข้างในนั้น จึงไม่มีใครกล้าเยื้องย่างเข้าไป”หลัวฮุ่ยหมิ่นซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ สงบลงแล้วหลังจากความตื่นตระหนกในตอนแรกเธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองเห็นคางของเย่ซิวทันใดนั้น เธอก็นึกถึงวิดีโอที่ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นกดเล่นตอนที่อีกฝ่ายสอนเธอ ฉากนั้นก็เหมือนกับตอนนี้ทุกประการหัวใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อ
ดวงตาของหลัวฮุ่ยหมิ่นสว่างจ้า "จริงเหรอ? คุณจะหลอกกันไม่ได้นะ"เมื่อเธอทำตัวออดอ้อน พลังทำลายของมันนับว่ามหาศาลมากเย่ซิวยิ้มและพยักหน้า“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะ”หลัวฮุ่ยหมิ่นรู้ว่าไม่ควรจะทำตัวติดกับเย่ซิวมากเกินไป มิฉะนั้นความสดใหม่จะหายไปหลังจากนั้นในเวลาไม่นานหนึ่งชั่วโมงต่อมา ชายวัยกลางคนก็มาที่ห้องทำงานของเย่ซิวอีกครั้ง และบอกว่าทุกอย่างพร้อมแล้วเย่ซิวลุกขึ้นและออกไป มาที่โรงรถแล้วโทรหาชูตง“ทำไมคุณถึงโทรหาฉันในเวลาทำงานล่ะ”โทนเสียงของชูตงนั้นแข็งทื่อมากแต่เย่ซิวสามารถบอกได้ว่าผู้หญิงคนนี้จงใจ ไม่แน่ในขณะนี้เธออาจจะลั้นลาอยู่ในใจก็ได้“มาที่โรงรถชั้นใต้ดินแล้วออกไปทํางานนอกสถานที่กับผม”“ฉันไม่ไป วันมะรืนนี้ก็จะสอบแล้ว ฉันงานยุ่งมาก”“ค่าทํางานนอกสถานที่คือห้าหมื่นบาทต่อวัน” เย่ซิวเสนอ โยนไพ่ตายออกไปโดยตรง“รับทราบค่ะท่านประธาน กรุณารอสักครู่นะคะ ฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”ทัศนคติของชูตงเปลี่ยนไปในทันที หลังจากวางสาย เธอก็รีบเก็บข้าวของและวิ่งไปหาเซี่ยซิ่วซิ่วเพื่อแจ้งให้เธอทราบเดิมทียังคิดว่าเซี่ยซิ่วซิ่วจะโกรธ คิดไม่ถึงเธอแค่พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร สีหน้านั
กลิ่นอายความเป็นชายตีมากระทบใบหน้า หัวใจของชูตงเต้นรัวราวกับมีลูกกวางวิ่งเข้าชน มือทั้งสองข้างกอดอกไว้แน่น เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า “คุณ คุณ คุณ...คุณจะทำอะไร รีบ ๆ ไปเลย ถ้าถูกคนเห็นเข้า จบเห่แน่”เธอไม่คิดว่าเย่ซิวจะใจกล้าถึงขนาดนี้จริง ๆ ถึงกับกระโจนจากเบาะคนขับมายังเบาะฝั่งข้างคนขับแบบนี้เธอมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก ถ้ามีคนมาเห็นฉากนี้จริง ๆ ได้แย่แน่ ต่อให้ตัวเองมีปากขึ้นเต็มตัวก็ไม่สามารถอธิบายอย่างชัดเจนได้แล้วเย่ซิวมองเธออย่างครอบงำ "ดังนั้นคุณจะรับมันไว้หรือไม่ยอมรับ ถ้าไม่ยอมรับ ผมจะจัดการคุณในรถตอนนี้เลย"“ฉันรับ ฉันรับแล้วโอเคหรือยังล่ะ” ชูตงใกล้จะร้องไห้แล้ว ผู้ชายคนนี้เผด็จการอย่างวิปริตจริง ๆ เขาข่มขู่คนแบบนี้ได้ยังไงจากนั้นเย่ซิวก็ถอยห่างจากเธอ กลับไปนั่งยังตำแหน่งเดิมแล้วพูดกับเธอว่า “คุณจำเป็นต้องสวมจี้หยกนี้ไว้ตลอดเวลา เข้าใจที่พูดไหม?"ชูตงสวมจี้หยกไว้บนคอขาวราวหิมะของเธอ กลอกตาแล้วพูดกับเขาด้วยความโกรธ "รู้แล้ว รู้แล้ว"แต่ในใจกลับหวานหยด เปี่ยมไปด้วยสิ่งที่เรียกว่าความสุขผู้หญิงทุกคนชอบผู้ชายที่ครอบงำและชอบถูกครอบงำ เธอเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นชูจ
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน