เย่ซิวมองดูอาวุธที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น จากนั้นแสงจากแหวนผนึกของก็ส่องสว่างขึ้น เขากวาดเอาอาวุธในบริเวณใกล้เคียงทั้งหมดไม่ว่าจะสภาพดีหรือเสียหายใส่เข้าไปในแหวนยังไงอาวุธพวกนี้ก็พอขายทำเงินได้บ้าง อย่างน้อยก็ช่วยชดเชยความเสียหายจากครั้งนี้ได้บางส่วน“อ๊าวว…”เสี่ยวปิงถอยกลับมา ก่อนที่ร่างกายหดเล็กลงจนเหมือนลูกสุนัขอีกครั้ง ทั่วตัวมันเต็มไปด้วยบาดแผลเลือดไหลไม่หยุดเพราะมันยังไม่เข้าสู่ระดับจินตานจึงไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้เต็มที่แต่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ก็ช่วยให้เย่ซิวฟื้นพลังวิญญาณกลับมาได้ครึ่งหนึ่งแล้วส่วนเสี่ยวปิงเองก็สามารถสังหารทหารแนวหน้าได้หกถึงเจ็ดร้อยคน ผลลัพธ์นี้ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้วเย่ซิวเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกงทันทีพร้อมกับปลุกพลังเปลวไฟลุกท่วมร่าง เขากำลังจะเตรียมพุ่งทะลวงแล้วเมื่อโซโลเห็นสายตาของเย่ซิว เขาก็ทั้งตกใจทั้งโมโหในเวลาเดียวกัน ก่อนจะหันไปมองเงามืดด้านหลัง “กระทิงคลั่ง คราวนี้ถึงตาแกแล้ว ต่อให้ต้องเผาผลาญยีนของแก แกก็ต้องหยุดมันให้ได้!”จากเงามืดนั้นปรากฏชายร่างยักษ์ที่ดูแข็งแกร่งเกินมนุษย์กล้ามเนื้อของเขาแน่นหนาราวกับ
“ฮ่า ๆ ๆ สมแล้วที่เป็นตัวทดลองที่ประสบความสำเร็จที่สุดในช่วงหลายปีมานี้ พลังต่อสู้แข็งแกร่งมากจริง ๆ น่าเสียดายที่มันมีชีวิตอยู่ได้แค่สามถึงห้าปีเท่านั้น” โซโลเอ่ยด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นขณะมองเย่ซิวที่ถูกขวางไว้“ไม่เล่นแล้ว จบกันเสียที!”ดวงตาของเย่ซิวเปล่งประกายเย็นเยียบ ก่อนจะฟาดกระบี่ออกไปและใช้วิชาอัดปราณกระบี่หกชั้นในทันทีกระบี่พุ่งทะลุร่างของกระบี่คลั่งอย่างจัง พร้อมทั้งทำลายกุญแจมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ข้อมือและข้อเท้าของเขาจนแหลกละเอียดร่างยักษ์ของเขาทรุดตัวลงช้า ๆ ความโกรธเกรี้ยวในดวงตาค่อย ๆ เลือนหายไปและแทนที่ด้วยความสับสนทันใดนั้น ภาพความทรงจำในอดีตพลันผุดขึ้นมาในหัวของเขา ก่อนที่น้ำตาสีเลือดจะไหลออกมาจากดวงตาเขาจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ กับพ่อแม่มีภรรยาที่เขารัก และลูกสาวตัวน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลก ครอบครัวของเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจนกระทั่งวันหนึ่งก็มีกลุ่มคนบุกเข้ามา พวกมันจับตัวเขาไป และสังหารพ่อแม่ ภรรยา และลูกสาวของเขาต่อหน้าต่อตาความเกลียดชังที่ไร้จุดสิ้นสุดพวยพุ่งออกมาจากร่างของกระทิงคลั่ง แม้แต่เย่ซิวก็อดไม่ได้ที่จะหันไปม
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ขวัญกำลังใจของพวกเขาได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงการทุ่มกำลังคนและอาวุธมากมายขนาดนี้ นอกจากจะไม่สามารถจับตัวเย่ซิวได้ แต่ผู้บัญชาการสูงสุดยังถูกสังหารอีก เรียกได้ว่าเป็นความพ่ายแพ้อย่างยับเยินเรื่องที่เหลือต่อจากนี้ก็จะง่ายขึ้นแล้วผู้อาวุโสมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่กล้าทิ้งกำลังทหารไว้ที่ชายแดนอีกต่อไปและต่อให้พวกเขากล้า ผู้อาวุโสเพียงขู่พวกเขาก็เพียงพอแล้วเช่นการพูดว่า ถ้าในบรรดาผู้นำระดับสูงของพวกแกมีคนที่จะต้านทานการลอบสังหารของเย่ซิวได้ก็จงอยู่ต่อไปเถอะเย่ซิวมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดไหน ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ทุกคนก็ได้เห็นกับตาแล้วดังนั้น วิกฤตครั้งนี้นอกจากจะถูกคลี่คลาย แต่ยังทำให้แต่ละประเทศเกรงกลัวประเทศหลงเถิงมากยิ่งขึ้นอย่างน้อยที่สุด ก่อนที่จะจัดการกับภัยแฝงที่ชื่อว่าเย่ซิวได้สำเร็จ คงไม่มีใครกล้าลงมือกับประเทศหลงเถิงง่าย ๆ แน่ เพราะผลลัพธ์ที่ตามมาคงจะร้ายแรงมาก“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” ผู้อาวุโสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสั่งลูกน้องข้างกายว่า “เอาภาพเหตุการณ์ตอนเย่ซิวต่อสู้เมื่อกี้ไปจัดเรียง แล้วเผยแพร่ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต”ลูกน้องตกใจ “จะไ
เย่ซิวไม่เคยประมาทพวกอุปกรณ์ไฮเทคเหล่านี้เลยตัวอย่างเช่นตอนนี้ เมื่อสองประเทศนั้นตั้งใจแน่วแน่ที่จะล้อมปราบเขา การล่องหนของเขาก็ไม่อาจใช้ได้อีกต่อไปเพราะพวกเขาได้ระดมอุปกรณ์ตรวจจับชีพจรชีวิตจำนวนมาก ซึ่งสามารถจับสัญญาณสิ่งมีชีวิตได้ในระยะหลายร้อยไมล์ขณะนี้พลังวิญญาณของเย่ซิวเหลืออยู่น้อยเต็มที ทำให้ไม่สามารถซ่อนตัวเองได้อย่างสมบูรณ์เมื่อเผชิญหน้ากับเรือดำน้ำหลายลำที่กำลังล้อมเข้ามา เขาไม่มีทางถอยหนีอีกต่อไปแล้วในเรือดำน้ำแต่ละลำ บรรดาผู้นำระดับสูงของทั้งสองประเทศที่รับผิดชอบการไล่ล่าเย่ซิวต่างมีรอยยิ้มอันโหดร้ายปรากฏบนใบหน้า“ดูเหมือนหมอนี่จะสูญเสียพลังไปมาก”“เขาใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว”“อีกนิดเดียวก็จะฆ่ามันได้ ถึงตอนนั้นพอพวกเรากลับไปก็ได้เลื่อนตำแหน่งกันหมด”“ไอ้เวรนี่แข็งแกร่งเกินไป ทำให้พวกเราสูญเสียอย่างหนัก แถมยังขายหน้าสุด ๆ คราวนี้ต้องระเบิดมันให้แหลกเป็นจุณ!”กระบี่ดาวตกอยู่ในมือเขาพลังวิญญาณเพียงเล็กน้อยที่เหลืออยู่ถูกส่งเข้าไปในกระบี่นั้น ทำให้จุดแสงทั้งเจ็ดบนกระบี่ส่องสว่างขึ้นทีละจุด จากนั้นมันก็เชื่อมต่อกับกลุ่มดาวหมีใหญ่ตูม! ตูม! ตูม!เสาแสงดาวขนาดมหึ
เย่ซิวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรศัพท์ของเขามีระบบระบุตำแหน่งที่ทรงพลัง ไม่นานก็รู้ตำแหน่งปัจจุบันของตัวเองทันทีตอนนี้เขาอยู่ไกลจากประเทศหลงเถิงมากแล้ว แต่กลับอยู่ไม่ไกลจากสำนักโอสถหนึ่งวันหลังจากนั้น เย่ซิวก็กลับมาถึงสำนักโอสถอีกครั้งสิ่งแรกที่เขาทำคือโทรหาผู้หญิงรอบตัวและแจ้งให้พวกเธอรู้ว่าเขาปลอดภัยดีเขากำชับให้พวกเธอใช้เวลาให้เต็มที่ในการบำเพ็ญตนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากนั้นเย่ซิวหันไปเอ่ยกับกระทิงคลั่ง “ตอนนี้นายคิดจะทำยังไงต่อ จะไปตามทางของตัวเองหรือ…”“ตุบ!”ยังพูดไม่ทันจบ กระทิงคลั่งก็คุกเข่าลงทันที พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ความแค้นของผมได้รับการชำระแล้ว ต่อจากนี้ผมขอสาบานว่าจะติดตามคุณไปจนตาย”“ดี งั้นก็ตามฉันมา”เย่ซิวพาเขากลับไปยังสำนักงานใหญ่ของสำนักโอสถเขาไม่ได้แจ้งให้หวังซวงและเฉินหลานรู้ว่าเขากลับมาเพราะต้องการแอบตรวจสอบแบบลับ ๆ ว่าสำนักโอสถมีการบริหารอย่างไรในช่วงที่เขาไม่อยู่เย่ซิวกับกระทิงคลั่งเปลี่ยนรูปลักษณ์เพื่อเดินสำรวจพื้นที่ของสำนักโอสถตอนนี้ถนนคอนกรีตและทางด่วนลาดยางถูกสร้างขึ้นแล้วอาคารทันสมัยใหม่เอี่ยมหลา
เมื่อฉีฉูฉู่เห็นเย่ซิว สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน “นายกลับมาทำไมอีก!”เธอหมุนตัวตั้งใจจะเดินหนีทันทีเพราะไม่อยากเห็นผู้ชายคนนี้แต่ความเร็วของเธอคงไม่เท่ากับความเร็วในการพูดของเย่ซิว“มานี่”ร่างกายของฉีฉูฉู่สะดุ้งหยุดกึก ถึงแม้ในใจจะต่อต้านเพียงใด แต่ร่างกายกลับเดินเข้าไปหาเย่ซิวอย่างไม่อาจควบคุมได้เธอกัดฟันแน่น ก่อนจะมองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาแค้นเคืองเย่ซิวจับปลายคางเรียบเนียนของเธอเบา ๆ “ไม่ได้เจอกันมาพักหนึ่ง ดูเหมือนพลังของคุณจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยนะ”ตอนนี้ฉีฉูฉู่เข้าใกล้ขั้นกลางของการสร้างรากฐานปราณเต็มที คงเพราะช่วงนี้เธอหลอมรวมกับยีนนาคราชมากขึ้นฉีฉูฉู่แค่นเสียงหึ ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่อยากสบตากับชายคนนี้“ไปเตรียมอาหารกับน้ำร้อนให้ผมหน่อย”ฉีฉูฉู่ก้าวขาเรียวยาวออกไปอย่างไม่เต็มใจนักเมื่อเดินเข้าไปใกล้สำนักงานใหญ่แห่งสำนักโอสถ หวังซวงกับเฉินหลานที่ได้ข่าวก็รีบมาพบทันที“ท่านอาจารย์!”“นายท่าน กลับมาโดยไม่บอกกล่าวแบบนี้เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”“เรื่องมันยาวน่ะ” เย่ซิวเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะชี้ไปที่กระทิงคลั่งด้านข้าง “นี่คือกระทิงคลั่ง ต่อจากนี้เขาจ
“นายจะทำอะไร…”ตามมาด้วยเสียงน้ำกระจายตัวดังสนั่นหลังจากบทเรียนอันแสนลึกซึ้ง ฉีฉูฉู่ก็สงบลงชั่วคราวถึงแม้สายตาที่มองเย่ซิวจะยังเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เธอก็ไม่พูดอะไรที่จะทำให้เขาโมโหอีกหลังจากที่เธอช่วยเย่ซิวสวมเสื้อผ้าเสร็จ ทั้งคู่ก็เดินออกมาข้างนอก พอดีกับที่เฉินหลานกำลังเคาะประตูและรีบวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน “นายท่าน แย่แล้วค่ะ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว”เย่ซิวนั่งลงบนโซฟานุ่ม ๆ พลางจิบไวน์แดงที่ฉีฉูฉู่ยื่นให้ ก่อนจะเอ่ยอย่างใจเย็น “ค่อย ๆ พูดก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อน”“พึ่งได้รับข่าวล่าสุดมาค่ะว่าประเทศจ้านอิงตี้และประเทศจ้างฉงตี้ร่วมมือกับประเทศบริวารออกมาตรการคว่ำบาตรครีมผิวหยกของเราพวกเขาสั่งห้ามไม่ให้เราขายครีมผิวหยกในสำนักโอสถ แถมยังแบนสินค้าเราไปทั่วโลกอีกด้วยถึงขั้นขู่ว่าใครก็ตามที่กล้าซื้อสินค้าของเราจะถูกขึ้นบัญชีดำในการลอบสังหารค่ะ”สีหน้าของเย่ซิวไม่เปลี่ยนไปเลย เพราะเขาคาดการณ์เรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว“ไม่ต้องห่วง ผลิตต่อไปตามปกติ พวกนั้นคว่ำบาตรเราไม่ได้หรอก”เรื่องนี้เขาไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เพราะยังไงฝั่งประเทศหลงเถิงจะช่วยจัดการให้อยู่ดีไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ป
“เมื่อวานนี้กษัตริย์เสด็จมาด้วยพระองค์เองและบอกเล่าถึงผลงานที่พระองค์ได้ทำเมื่อไม่กี่วันก่อนอีกทั้งเรายังทราบมาว่าพระองค์ได้ระงับอาวุธที่ตั้งใจจะขายให้กับสำนักโอสถไว้อีกด้วยคุณก็น่าจะเดาได้ว่าพระองค์จะรายงานเรื่องสำนักโอสถไปยังประเทศจ้านอิงตี้และประเทศจ้านฉงตี้แน่นอนแต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก พระองค์ยังไม่มีโอกาสทำเช่นนั้น เพราะเราได้จับกุมพระองค์ไว้แล้ว”ข่าวที่กษัตริย์ของประเทศปิงจือได้รับ คือเย่ซิวอาศัยความเร็วหลบหนีจากการปิดล้อมของกองทัพห้าล้านนายแต่สถานการณ์ที่แท้จริงนั้นคือเย่ซิวต่อสู้ฝ่ากองทัพจนเปิดเส้นทางหนีออกมาเองประเทศที่เข้าร่วมสงครามเหล่านั้นไม่มีทางเปิดเผยความจริง เพราะไม่ใช่เท่ากับเป็นการตบหน้าตนเองเหรอหากกษัตริย์ของประเทศปิงจือรู้ว่าเย่ซิวแข็งแกร่งเพียงนี้ พระองค์คงไม่กล้าเล่นลูกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้"หลังจากที่คำพูดนี้จบลง เย่ซิวก็ถึงกับชะงักไป มองไปที่สองพี่น้องแล้วพูดว่า “อย่าบอกผมนะว่าพวกคุณชอบผมเข้าแล้ว?”แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะเคยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก แต่เย่ซิวก็ไม่คิดว่าสองสาวจะทรยศประเทศของตัวเองเพื่อตนหนานกงอวี่ผู้เป็นน้องสาวยิ้มขื่นและพูดว่า
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ