เวลา 21:23 น.
ตอนนี้สองสาวกับสองหนุ่มได้มาถึงที่ผับแล้ว โดยที่โฉมงามนั้นมากับซีซ่าส่วนดลธีนั้นให้ค็อกเทลไปรับ เพราะเขาปฏิเสธที่จะให้โฉมงามไปรับ “ทำไมนายกลัวพี่รู้จักบ้านนายแล้วจะไปข่มขืนนายหรือไง” โฉมงามเอ่ยขึ้นหลังจากเข้ามาหามมี่นั่งและสั่งเครื่องดื่มแล้ว ทั้งที่อุตส่าห์ตั้งใจจะไปรับไปดูบ้านไว้สักหน่อยเผื่อวันไหนคิดถึงจะได้ไปหาแต่กลับโดนปฏิเสธซะงั้นคนสวยเซ็ง! “เปล่าครับ” “เปล่าแล้วทำไมล่ะ?” “มันบอกว่าพี่รุกมัหนักเกินไปมันเขิน” เป็นค็อกเทลที่เอ่ยบอกกับหญิงสาวตัวเล็กในชุดเสื้อสายเดี่ยวสีขาวกับกางเกงขาสั้นที่เอาแต่นั่งมองชายหนุ่มข้างกายไม่เลิก นี่ไง..ก็เพราะรุกทั้งทางสายตาทางการกระทำแบบนี้ไงใครไม่เขินก็บ้าแล้ว “อ้าวโฉม มาเที่ยวผับเหรอ?” “มาเข้าวัดมั้งถามแปลกนะ” ร่างบางหันไปตอบคำถามของชายหนุ่มลูกครึ่งที่เดินถือแก้วเหล้าเข้ามาทักทาย ทั้งที่ตรงนี้มันก็คือในผับแต่ยังจะถามว่ามาเที่ยวในผับ เหอะ!! “พี่ก็แค่แซวเล่นน่ะ แล้วนี่..อ้อมีเด็กนั่งด้วยแล้วสินะ” ” ใช่ค่ะ! ก็เหมือนกับพี่ที่มีเด็กควงอยู่ในอ้อมอกนั่นแหละ” ซีซ่าว่าพลางหันไปมองค้อนใส่ชายหนุ่มที่เป็นรุ่นพี่ในมหาลัยชื่อว่าแมทธิว ที่จริงพวกเธอไม่ค่อย ไม่สิ..ไม่ชอบเขาสักเท่าไหร่หรอกเพราะอะไรเหรอ ก็คงเพราะชอบทำตัวอวดรวย ขี้เก๊ก มั่นอกมั่นใจในตัวเองมากจนเกินไปนี่แหละมั้ง “แหมน้องซีก็พูดซะ เอ๊ะว่าแต่หมอนี่หน้าคุ้นๆ นะเหมือนแฟนรุ่นน้องพี่เลย!” “หมายถึงใครคะ!?” “นี่ไง..อืม ชื่อดลปะนายอ่ะ” แมทธิวตอบแล้วชี้นิ้วไปที่ดลธีที่ยิ้มแห้งๆ ให้ทุกคนที่มองมาที่เขาโดยเฉพาะโฉมงามที่จ้องเขาด้วยสายตาที่ประมาณว่าจริงเหรอ “แหมน้องโฉม พี่ว่าเราก็น่าจะรู้จักแฟนมันนะ” “ใครคือแฟนนายเหรอ?” ทำไมรู้สึกเหมือนอกหักตั้งแต่ยังไม่ได้รักเลยนะ หญิงสาวก็ได้แต่เอียงคอรอฟังคำตอบของชายหนุ่มข้างกายที่เอาแต่อ้ำอึ้งอยู่แบบนั้น “ก็ลูกหว้าไงแฟนมัน คบกันมาจะสองปีแล้วมั้ง” ยังคงเป็นแมทธิวที่ตอบคำถามของโฉมงาม แน่นอนว่าคำตอบนั้นก็ทำเอาเธอกับซีซ่าถึงกับรู้สึกอึ้งจะทำไมล่ะก็ยัยนั่นมันเป็นอริกับเธอไง แล้วแบบนี้..เอาแล้วสิยัยโฉมนี่เธอไปหลงรักผัวเขาเข้าแล้วไง!! “จริงเหรอ?” “เอ่อ ครับ..” “ฮ่าๆ น้องโฉมกับน้องซีไม่รู้จริงดิ ระวังจะมีปัญหากันอีกนะพี่ขอตัวไปมั่วสาวก่อน” แล้วแมทธิวก็เดินออกไปพร้อมกับสาวในอ้อมอก เหลือเพียงสองสาวกับสองหนุ่มที่เอาแต่นั่งมองหน้ากันสลับไปมาเหมือนไม่รู้จะทำตัวกันยังไงต่อเมื่อหนุ่มหล่อในนี้มีแฟนแล้วคนหนึ่ง “แล้วคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหนเทลบอกว่านายเพิ่งเข้ามาในกรุงเทพ?” “บ้านพี่หว้าอยู่ติดกับบ้านผมครับ ที่จริงคบกันนานแล้วพ่อแม่ก็รู้ แต่พี่หว้าพึ่งเข้ามากรุงเทพเมื่อไม่กี่ปีนี่ครับ” ดลธีหันไปตอบคำถามของซีซ่า ที่จริงเขาก็พยายามที่จะบอกกับโฉมงามแล้วว่าเขามีแฟนแล้ว แต่เธอกับไม่เว้นให้เขาได้พูดเลยนี่แหละ “อ่อ อดเลยดิโฉมเอ้ย” “อย่ามาซ้ำเติมขอร้อง” ริมฝีปากหยักบางเอ่ยบอกพร้อมกับมือเรียวยกแก้วเหล้าที่ค็อกเทลชงไว้ให้ขึ้นมาดื่มจนหมดแล้วก็ชงเพิ่มเองอีกแก้วก่อนจะกระดกมันจนหมด จนทุกคนต้องอ้าปากค้างไม่คิดว่าเจ้าตัวจะดื่มมันรวดเดียวสองแก้วเพรียวๆ แบบนี้ติดกัน “พี่ครับ เดี๋ยวเมานะ” “ดื่มเหล้ามันก็ต้องเมาสิ ไม่เมาละจะดื่มมันทำไม” ตอบพลางส่ายหัวตัวเองเบาๆ เมื่อความเมาเริ่มเข้ามาครอบครองสติของเธอแล้ว ร่างเล็กก็ลุกขึ้นยืนแล้วเต้นไปตามจังหวะเพลงแด๊นซ์ที่ดังกระหึ่มในผับ ด้วยความที่ชุดเป็นส่ายเดี่ยวเอวลอยสีขาวกับกางเกงขาสั้น พอโฉมงามเธอลุกขึ้นยืนชูมือขึ้นเพื่อร่อนเอวไปตามจังหวะเพลงมันก็ทำเสื้อเอวลอยนั่นเลิ่กขึ้นจนเห็นเกาะอก ทำให้ชายหนุ่มที่ได้เห็นต่างก็หันมาจ้องมองอย่างให้ความสนใจในรูปร่างที่ดูยั่วยวนของโฉมงาม “นี่นาย เพื่อนพี่นี่เซ็กซี่ชะมากเลยว่ามั้ย?” ซีซ่าหันไปถามดลธีที่เอาแต่นั่งมองโฉมงามแล้วหันไปส่งสายตาค้อนควับให้เหล่าผู้ชายพวกนั้นที่ยังคงเอาจ้องมองไม่เลิ่ก “พี่นั่งลงเถอะมันโป๊” “อื้อ อย่ามายุ่ง!! เพลงมันมากเลย โย่วๆ วู้วว!” นอกจากจะไม่สนใจในประโยคของดลธีแล้ว โฉมงามยังใช้ยางมัดผมที่ข้อมือรวมผมตัวเองขึ้นจนเห็นลำคอขาวผ่อง ทำให้มันยิ่งดูเซ็กซี่เพิ่มเข้าไปอีกชายหนุ่มจึงหันไปมองหาตัวช่วยอย่างสองคนนั้นแต่ก็ต้องอ้าปากค้างอีกครั้งเมื่อเห็นทั้งคู่กำลังนั่งจูบปากกันอยู่ “พี่ครับ! นั่งลงเถอะนะคนมองไปหมดแล้ว” “อย่ามายุ่ง!! เพลงกำลังมันส์เลย..วู้ว! โอ้เย้~” “มองอะไรกันครับ!!” เหมือนเขาจะทนไม่ไหวกับที่พวกผู้ชายนั่นมาจ้องมองคนตัวเล็กที่ยังยืนเต้นอยู่ตรงหน้าเขาจึงเอ่ยถามไปด้วยน้ำเสียงห้วนๆ แต่ดูเหมือนพวกผู้ชายนั่นจะไม่ได้สนใจในประโยคของดลธีเลย หนำซ้ำยังเลียปากตัวเองเหมือนกวนเขาด้วย “นายหึงฉันใช่มั้ยล้า คิกคิก!! หน้าแดงหมดแล้วนั่นโกรธใช่มั้ย?” “พี่นั่งลงได้แล้ว!! เมามากแล้วนะ!!” ว่าแล้วเขาก็ดึงมือของโฉมงามให้นั่งลง พรึ่บ!! ทว่าเจ้าตัวเล็กกลับนั่งลงบนตักของเขาแถมยังยกแขนขึ้นมาคล้องคอเขาไว้อีกด้วย อื้ม..กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ กับกลิ่นเหล้านี่มันช่าง… “นายรู้มั้ยว่าพี่ตกหลุมรักนายตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลยนะ..” “พี่เมามากแล้ว นี่เทลอ้าวไปไหนกันวะ!!?” เมื่อจะเรียกหาเพื่อนหนุ่มเพื่อให้ช่วยก็พบว่าตรงนั้นไม่มีร่างของซีซ่ากับค็อกเทลแล้ว เขาจึงต้องจับประคองใบหนาเรียวที่ซุกอยู่บริเวณซอกคอของเขานั้นออกมา “แต่นายอ่ะ นายมีแฟนแล้ว..จายร้ายมาก” “พี่โฉมพี่นั่งเฉยๆ สิ เดี๋ยวผม..” เสียงของเขาหายไปในทันทีเมื่อถูกกลีบปากบางกระจับนั้นครอบครอง จูบแรกของเขา..รสจูบนี่มันทำไมถึงหอมหวานขนาดนี้ นี่เธอกำลังทำให้อารมณ์ของเขาแตกกระเจิงนะ! “ปากนายหวานจัง พี่อยากชิมอีก” “พอได้แล้ว เดี๋ยวผมพาพี่กลับบ้านนะ” “ไม่!! พี่ไม่กลับจนกว่านายจะเป็นคนจูบพี่ก่อน” “พี่เมามากแล้วนะพี่โฉม” “จูบพี่หน่อยสิ จุ๊บๆ” ริมฝีปากเปียกชื้นก็พยายามจะโน้มหน้าเข้าไปหาชายหนุ่มที่ก็พยายามเอนหน้าหนีจนท้ายทอยเขาติดกับโต๊ะ ดวงตากลมที่เฉิ่มเยิ้มนั้นก็จ้องมองมาที่เขาก่อนจะบดขยี้ที่ริมฝีปากหนาอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง “อื้มมม อ้า..อย่าเพิ่งสิ” “ผมจะโกรธแล้วนะถ้าพี่ยังไม่หยุด” ดลธีรีบผล่ะจูบออกแล้วบอกด้วยน้ำเสียงแข็งๆ จนโฉมงามถึงกับหน้าอ่อนลง เธอก็พยายามลงจากตักของเขาแล้วประคองตัวเองให้ยืนในสภาพที่โอนเอนไปมาเหมือนต้นไม้ที่โดนลมพายุพัด “ถ้านายไม่จูบพี่ไปให้ผู้ชายคนอื่นจูบก็ได้” “พี่โฉม นี่พี่..ก็ได้ๆ ผมจะจูบพี่เอง” ดลธีรีบคว้ามือของโฉมงามที่ไปคว้ามือของผู้ชายที่กำลังจะเดินผ่านไปไว้ เขาจึงหันไปส่ายหน้าให้ผู้ชายคนนั้นเชิงบอกว่าจูบเธอไม่ได้ผู้ชายคนนั้นจึงเดินไป “จริงนะ นายต้องจูบพี่นะ..จูบนานๆ นะ” “ผม..” “นายต้องจูบพี่จนกว่าพี่จะพอใจนะ” “ครับ ผมจะจูบพี่จนกว่าพี่จะพอใจ”ส่วนโฉมงามหลังจากออกมาจากมหาลัยเธอก็ขับรถตรงกลับไปยังบ้านของเธอที่เดี๋ยวนี้มาบ่อยกว่าปกติแล้ว เมื่อรถจอดและถูกดับขาเรียวก้าวลงจากรถทันที“คุณกงสุลดูสิ เดี๋ยวนี้ลูกคุณเข้าบ้านบ่อยกว่าปกตินะคะ” เสียงของคุณกิ่งฉัตรดังขึ้นเมื่อเห็นบุตรสาวในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาในตัวบ้าน แต่ที่ทำให้เธอถึงกับต้องเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มแย้มเป็นตกใจก็คงเพราะแววตาที่เศร้าหมองกับแดงก่ำของบุตรสาวนี่แหละ“เป็นอะไรอีกล่ะ?”“เสียใจอ่ะ”“เสียใจเรื่องอะไร มานั่งนี่ดิ”“เจ้าคุณมันจะไปอยู่ต่างประเทศแล้วอ่ะ” โฉมงามบอกพลางเดินไปนั่งแทรกระหว่างพ่อกับแม่ของเธอ“อ้าว! ทำไมอ่ะ..” คุณกิ่งฉัตรถามด้วยด้วยความตกใจ โฉมงามจึงเล่าเรื่องของเธอที่เกี่ยวกับเจ้าคุณและดลธีให้พ่อและแม่ฟังจนระเอียดยิบ ระเอียดไปถึงแม้กระทังเรื่องแบบนั้น..“นี่แก! โอ้ยยย!..ฉันไม่รู้ด่าหรือสงสารแกดี!!” เสียงคุณกิ่งฉัตรดังขึ้นหลังจากฟังเรื่องความรักของโฉมงามจบ ทั้งสงสารและก็อยากจะด่าแต่ก็ทำได้แค่เงียบแล้วดึงโฉมงามเข้ามากอดปลอบใจ“หนูรักมันหนูไม่อยากให้มันไป แต่หนู..ก็ทิ้งดลไม่ได้”“แล้วทำไมไม่อยู่ด้วยกันล่ะ สมัยนี้โลกก็เปิดกว้างนะพ่อไม่ว่าหรอกถ้าจะอยู่ด้วยกันแล้
“รักกูก็ควรจะอยู่กับกูไม่ใช่เหรอ?”“ชีวิตคู่..คู่คือแค่สอง กูไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้วเดี๋ยวจะกลายเป็นทะเลาะกัน” เจ้าคุณพูดแล้วก็เบือนหน้าหนีโฉมงามที่มองเข้าด้วยแววตาที่แดงก่ำแต่สักพักก็ร้องไห้ออกมาอย่างฝืนมันไว้ไม่ได้ มือบางจึงเอื้อมมาจับมือเขาไว้แล้วยกมันขึ้นมาให้เช็ดน้ำตาของตัวเธอเบาๆ“กู ฮรึก!..ยินดีเลิกยุ่งกับดลนะถ้ามึงบอกว่ามึงจะอยู่กับกู”“ไม่! กูไม่ได้ต้องการให้มึงทำแบบนั้นกูไม่อยากให้มึงทำร้ายความรู้สึกของน้องเพราะกูเองก็รักน้อง”“คุณกูไม่เข้าใจมึงว่าทำไมต้องให้มันเป็นเรื่องวุ่นวายอะไรแบบนี้ แค่มึงยอมรับคำนินทาได้พวกเราก็ได้อยู่ด้วยกันสามคนอย่างมีความสุขแล้วนะ”“เพราะกูยอมรับมันไม่ได้ไง..”“มึงไม่รักกูเหรอ?”“รักสิเพราะรักมากไงถึงต้องยอมขนาดนี้”“ถ้ารักมากมึงไม่ควรยอมให้กูคบกับคนอื่นทั้งที่มึงก็รักกูสิ คุณ..” โฉมงามบอกด้วยเสียงที่สะอื้น ทำไมไม่รู้ว่าเธอไม่อยากให้เขาจากเธอไปอยู่ที่อื่น ทำไมไม่รู้เธอรู้สึกว่าตัวเองคงไม่มีความสุขหากไม่มีเขา..“กูก็ไม่รู้ว่ากูคิดอะไร กูรู้แค่ว่ากูคิดมาดีแล้วว่า..กูอยากให้มึงมีความสุขกับเจ้าดลมากกว่า”“แต่กูต้องการมึงนะ!”“แต่มึงก็ต้องการเจ้าดล”“แม
หลายวันต่อมาหลังจากวันนั้นที่ดลธีเข้าไปดูแลโฉมงามที่บ้าน คุณกิ่งฉัตรก็ไม่ได้พูดจาแรงใส่เขาอีก แต่ก็ใช่ว่าจะพูดดีนะ..ก็แบบฉบับคุณกิ่งฉัตรเขาแหละ ส่วนตอนนี้โฉมงามนั่งอยู่ในมหาลัยที่บริเวณโต๊ะม้าหินอ่อนกับเพื่อนร่วมห้องของเธออีกหลายคน“หน้าบึ้งตึงแบบนี้มีอะไรพูดกับพวกกูได้นะ ถึงจะไม่สนิทเหมือนกับซีแต่ก็ไม่ปากโทรโข่งหรอก” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าของโฉมงามดูเคร่งเครียดเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจอะไรสักอย่าง“ช่วงนี้เห็นเจ้าคุณบ้างมั้ย?” โฉมงามจึงเอ่ยถามหาชายหนุ่มที่เธอไม่ได้เจอมาหลายวันแล้ว ใช่! ตั้งแต่เธอไม่สบายวันนั้นเธอก็ไม่ได้เจอเจ้าคุณอีกเลยแถมทักไปโทรไปเจ้าตัวก็ไม่ตอบ นี่ขนาดไม่ได้รักเท่าเจ้าดลนะยังรู้สึกหวิวๆ รู้สึกคิดถึงยังไงไม่รู้..“ไม่ยักจะรู้ว่าเมียกูจะคิดถึงกูขนาดนี้นะเนี่ย!” และยังไม่ทันที่เพื่อนร่วมห้องของโฉมงามจะเอ่ยอะไรร่างสูงในชุดนักศึกษาก็เดินมานั่งข้างโฉมงาม จุ๊บ! แถมยังจุ๊บเข้าที่แก้มเนียนขาวของคนตัวเล็กอีกด้วย“วู้วว! มาถึงก็หวานเลยนะ..ว่าแต่คบกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอไม่เห็นรู้ข่าวเลย”“คบกันนานแล้ว ขอยืมตัวหน่อยนะ” เจ้าคุณตอบแล้วก็ดึงมือของโฉมงามให้ลุกกออกมา
บ้านคุณโฉมใช้เวลาไปชั่วโมงกว่าดลธีมาถึงบ้านโฉมงามและรีบถามแม่บ้านเพื่อหาห้องของโฉมงามจนได้ขึ้นมาหาหญิงสาวที่ตอนี้ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอน ที่มาช้าเพราะไม่รู้จักไง..รู้แค่ว่าอยู่แถวไหนแต่ไม่รู้ว่าหลังไหนจึงถามคนแถวนั้นไปเรื่อยๆ กว่าจะมาถึงก็เลยใช้เวลานานไปหน่อยชายหนุ่มก็นั่งมองหญิงสาวตัวเล็กที่ยังคงมีใบหน้าที่แดงกับเหงื่อที่ยังคงผุดขึ้นมาอยู่นั้นด้วยความสงสาร มือหนาเอื้อมหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่แม่บ้านเพิ่งยกมาให้นั้นขึ้นมาเช็ดหน้าให้คนตัวเล็กอย่างเบามือเพราะกลัวเจ้าตัวจะตื่น“อืมมม..”แต่เมื่อผ้าที่ชุบน้ำจนเย็นนั้นมาโดนแก้ม ร่างเล็กก็ลืมตาตื่นทันที“พี่ครับ ปวดหัวมั้ย..ตัวร้อนมากเลย” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงเมื่อคนตัวเล็กลืมตาขึ้นมาแล้ว เธอจึงส่ายหน้าให้เบาๆ แล้วก็พยายามจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งแต่ดลธีกลับผลักให้นอนลงตามเดิม“อย่าเพิ่งลุกสิตัวยังร้อนอยู่เลยนะ”“คิดถึง..อยากกอดแต่กลัวนายติดไข้”“กอดได้ครับ” ดลธีว่าพลางโน้มตัวไปกอดเธอที่ยังคงนอนอยู่โฉมงามจึงกอดตอบไม่ถึงห้านาทีก็ผล่ะออกเพราะกลัวเจ้าดลน้อยจะมาติดไข้พลอยให้ไม่สบายไปด้วย“มาได้ไง?”“ก็แม่พี่ไปบอกผมไง”“หื
กลับมาที่มหาลัยหลังจากเรียนคาบแรกเสร็จก็มีเวลาพักอีกหนึ่งชั่วโมงพื่อรอเข้าเรียนในคาบสุดท้าย ดลธีก็แยกมานั่งพักบนโต๊ะมาหินอ่านใต้ต้นไม้หน้าตึกเรียนในรายวิชาต่อไป“ดล…”“พี่หว้า? ..” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกหญิงสาวตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ขาเรียวก็ก้าวมานั่งลงตรงหน้าของดลธีทันทีที่เห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าเรียกชื่อตนเอง“ไม่ได้เจอกันนานพี่คิดว่าจะลืมชื่อพี่ไปแล้วซะอีก”“ผมไม่ลืมหรอกครับ..”“ทำไมพี่ถึงรู้สึกดีใจกับประโยคนี้ของนายนะ” ลูกหว้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูดีใจกับปีะโยคของ ดลธีปรายตามองเธออยู่ครู่เดียวก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่น“พี่มีอะไรกับผมหรือเปล่า?”“นายยังไม่ลืมพี่จริงๆ เหรอ?”“ใช่ครับ”“แล้วเรา..”“ผมสมองไม่ได้เสื่อมที่จะจำไม่ได้ว่าคนตรงหน้าผมคือลูกหว้า ไม่ใช่แค่พี่ที่ผมจำได้เพื่อนพี่หรือคนอื่นๆ ที่ผมรู้จักผมก็จำได้” น้ำเสียงที่เรียบนิ่งเอ่ยบอกอย่างหน้าตาย สายตาคมกริบยังคองจ้องมองลูกหว้าอย่างสายตาจนเธอต้องเป็นฝ่ายหลบ เพราะมันไม่ใช่สายตาที่รักใคร่เหมือนเมื่อก่อนแต่มันเป็นสายตาที่ดูดุดันน่ากลัว“อ้อ นะ..นั่นสินะ”“แมทธิว ผู้ชายคนนั้นสินะที่เป็นพ่อของเด็กในท้อง..แต่จะว่าไปถ้าผมเป็นเขาผมก
หลายอาทิตย์ต่อมาวันแห่งการเริ่นต้นเรียนในรั้วมหาลัยอาทิตย์ที่สองนั้นช่างสดใสสำหรับหนุ่มมหาลัยปีหนึ่งอย่างเจ้าดลซะจริงๆ หลังจากแต่งตัวเสร็จชายหนุ่มก็วิ่งลงมาจากบนห้องนอนตรงไปยังในครัวที่มียายกระเช้ากำลังวุ่นอยู่กับการทำข้าวกล่องให้เขา“เอ็งนี่นะ! แม่เอ็งก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวให้ค่าข้าวเอ็งจะห่อไปทำไมไม่อายเขาหรือไง?” เสียงยายกระเช้าบ่นขณะที่กำลังปิดฝากล่องข้าวหลังจากห่อเสร็จให้หลานชาย ที่บ่นไม่ใช่ว่าขี้เกียจทำแต่เธอกลัวว่าหลานชายจะอายเขาที่อยู่ถึงมหาลัยแล้วแต่ยังห่อข้าวไปกินนี่สิ“ถ้าผมอายผมจะให้ยายห่อให้เหรอครับ”“ยอกย้อนอีก เอ้าเสร็จแล้ว..แล้วก็มานั่งกินข้าวซะ”“ยายนี่เกรี้ยวกราดจริงๆ”“เอ็งแล้วก็หัดทำตัวให้มันดูโตให้มันดูเอาตัวรอดให้ยายได้เห็นบ้าง ยายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ยังมิวายที่จะบ่นหลานชายที่เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว ดลธีก็ได้แต่ส่ายหน้าให้ความขี้บ่นของยายกระเช้า แล้วก็จัดการกับอาหารตรงหน้าไปเรื่อยๆ เพราะยังเหลือเวลาเข้าเรียนอีกเยอะ“ยายครับรู้แล้วใช่มั้ยที่ผมคบกับพี่โฉม”“รู้สิก็เอ็งบอกยาย”“อ่อครับ เธอน่ารักนะผมชอบเธอจริงๆ”“เฮ้อ!อ เรื่องความรักยายก็ไม่อยากจะไปยุ่งแต่เอ็งรักใคร