สิ้นประโยคของดลธีใบหน้าของเขาก็โน้มลงไปบดจูบกลีบปากเรียวทันที ฝ่ามือกว้างก็ลูบไล้ไปตามแผนหลังของโฉมงามล้วงเข้าไปใต้เสื้อสายเดี่ยวแต่สักพักก็เอาออกมาแต่ยังคงจูบปากเรียวเล็กเขารู้สึกว่าตอนนี้เขาเหมือนถูกรสจูบของเธอครอบงำสติแล้ว
“อึก! พี่หายใจไม่ออก..” “อื้ม พอยัง..กลับบ้านนะเดี๋ยวผมไปส่ง” ชายหนุ่มว่าพลางหยิบกระเป๋าสะพายของโฉมงามขึ้นมาสะพายแล้วช้อนตัวของเธออุ้มขึ้นก่อนจะพาไปที่รถของค็อกเทลที่มันยังคงจอดอยู่ แล้วเจ้าตัวไปไหนล่ะ? แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะก็เอากุญแจรถที่ค็อกเทลฝากเขาไว้มาปลดล็อครถแล้วเปิดประตูวางโฉมงามลงบนเบาะ “นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมได้ขับรถ ฉะนั้นรบกวนพี่อย่ากวนสมาธิของผมนะ” หลังจากเข้ามานั่งฝั่งคนขับแล้วดลธีก็หันไปบอกโฉมงามที่ตอนนี้เอนตัวพิงเบาะหลับตาอยู่ไม่รู้ว่าหลับหรือพักสายตาเพราะมือเจ้าตัวนี้ก็ช่างพยายามเลื้อยมาแตะนู่นนี่ของเขาไม่หยุด อีกอย่างเขาก็ไม่มั่นใจในการขับรถของตัวเองสักเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าขับไม่เป็นนะ ขับเป็นและรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับรถเพียงแต่เขาไม่เคยขับรถในถนนใหญ่แบบนี้ไง หลังจากสตาร์ทรถแล้วเขาก็จัดการใส่เกียร์เหยียบคันเร่งเคลื่อนตัวรถออกไปจากผับด้วยความเร็วที่ถ้าแข่งกับหอยทางคือหอยทากชนะอ่ะ “ดล พี่อยากอ่ะ…” “ห้ะ! อยาก..อยากอะไรครับ?” “อยากแบบนั้นไง มันอยากอ่ะ!” โฉมงามบอกด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า มือเล็กก็บีบเคล้นหน้าอกของตัวเองไปมา ทำให้ดลธีที่เห็นนั้นถึงกับลอบกลืนน้ำลายตัวเองเมื่อเสื้อสายเดี่ยวมันล่นลงจนก้อนเนื้อขาวๆ นั้นโผล่ออกมาครึ่งก้อนแล้ว “พี่ครับ!! ผมบอกว่าอยู่เฉยๆ ไงผมขับรถอยู่” “นายก็ขับไปสิ! นี่!!..เดี๋ยวพี่อมให้เอามั้ยเห็นในหนังโป๊เขาก็ทำกัน” “พี่พูดอะไรเนี่ย!! ถ้าพี่นั่งไม่เฉยผมจะจับพี่โยนลงไปกลางทางให้รถเหยียบนะ” ทั้งที่ตอนขึ้นรถมานั้นเหมือนเจ้าตัวเล็กนี่จะนั่งหลับไปแล้ว แต่อยู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับพูดในประโยคนั้นแหละ ประโยคที่ทำเอาดลธีเขาถึงกับใจกระตุกวูบ เเถมยังตกใจเพราะคำพูดไม่พอยังต้องมาตกใจเพราะมือเล็กที่กำลังเลื้อยมาที่เป้ากางเกงของเขาจนสุดท้ายดลธีก็ต้องจอดลงที่ริมข้างทางเพราะหากขับต่อไปและโฉมงามยังอยู่ไม่เฉยแบบนี้ได้เกิดอันตรายระหว่างทางแน่ “พี่อมให้นะ! เอามันออกมาสิ..” “พี่โฉม!! พี่นี่เมาแล้วลามกเนอะ” พูดโดยที่พยายามจับมือกับดันใบหน้าของหญิงสาวที่โน้มลงมาที่เป้ากางเกงของเขาออกจนโฉมงามต้องถอยหนีกลับมานั่งตรงๆ ที่เดิม แต่มันก็ต้องทำให้ดลธีถึงกับตาโตขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเจ้าตัวยังไม่หยุดอยู่เฉยๆ ยังมาได้ถอดเสื้อสายเดี่ยวกับเกาะอกของตัวเองออกจนเหลือแต่ก้อนเนื้อหยุ่นอวบขาวที่เด้งออกมาปรากฏแก่สายตาของเขาอีกนี่สิ “ร้อนมากเลย อยากนอนอ่า..” “พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย!!?” “พี่ร้อนไงหนุ่มน้อย! แอร์รถมันเสียหรือเปล่า..เฮ้ออ! อยากนอน..ช่วยปรับเบาะให้หน่อย” ตอนนี้เขาเชื่อเลยว่าเธอเมาแล้วไม่มีสติ ดูจากมือที่พยายามควานหาที่ปรับเบาะแล้วไม่เจอ ดลธีจึงโน้มตัวไปปรับเบาะให้แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อใบหน้าของเขาที่กำลังเงยขึ้นมานั้นชนเข้ากับดอกบัวตูมนั่นแถมลำแขนเรียวทั้งสองข้างของโฉมงามยังยกขึ้นมาคล้องคอเขาไว้อีกด้วย..ธะ เธอจะเล่นอะไรกับเขาเนี่ย! “พะ พี่..” “อื้มม! สะ เสียว..นายทำอะไรพี่จะนอนนะ” “ผมต้องถามพี่ต่างหาก!! ปล่อยหัวผมสิ อื้ออ!!” “ฉันกอดเจ้าปิ่มของฉันต่างหาก อื้ม! นุ่มจริงๆ มานอนกับแม่มาปริ่มคุง” โฉมงามบอกด้วยน้ำเสียงที่ยานคล้อยแล้วดึงศีรษะของดลธีที่เจ้าตัวนั้นคิดว่าเป็นเจ้าปริ่มคุงเเมวเหมียวสุดที่รักให้เอนตัวลงนอนบนอกเธอแถมยังกอดไว้แน่นอีกเสียด้วย “ผมหายใจไม่ออก!! ผมไม่ใช่ปริ่มคุงอะไรนั่นของพี่นะ…พี่โฉมพี่ทำของผมตื่นหมดแล้วนะ!” “อย่าเสียงดัง อ๊า..ปริ่มคุงอย่าเลียนมแม่สิมันเสียว อ้าา!!” “ผมไม่ใช่ปริ่มคุง ผมยังไม่ได้เลียเลยพี่อย่าครางสิ!!” ตอนนี้สติของดลธีนั้นมันแทบจะหลุดกระเจิงไปหมดแล้ว เขารับรู้ได้ว่าดุ้นเอ็นที่อยู่ในกางเกงของเขามันเริ่มพองขยายใหญ่มากขึ้นทุกที สักพักโฉมงามก็ปล่อยแขนออกจากศีรษะของดลธีให้เป็นอิสระแล้วพลิกตัวหันหน้ามาทางเขาที่ขยับมานั่งดีๆ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะลืมตามามองเขาด้วยสายตาที่เฉิ่มเยิ้มเหมือนอยากจะหลับแต่ก็เหมือนพยายามฝืนมันไว้ “พี่อยากมากเลยนายช่วยพี่หน่อยสิ หรือจะให้พี่ทำเอง” ถึงแม้จะเมาแต่ทว่าเรื่องแบบนี้เจ้าตัวกับเร็ว ไม่ถึงพริบตากางเกงกับกางเกงชัั้นในของโฉมงสมก็ถูกเจ้าตัวถอดมันออกท่ามกลางความตกตะลึงของดลธีที่ทำอะไรไม่ถูก เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวและคนแรกที่มาแก้ผ้าต่อหน้าเขาแถมยังมาเป็นจูบแรกของเขา! นี่มันอะไรกัน!! “พี่อยากให้นายเอามันเข้ามาในรูของพี่!” “พะ พี่..ผม อ้ะ!” หญิงสาวไม่รอช้ารีบขยับมานั่งคร่อมตักของดลธีที่นั่งตัวแข็งทื่อไว้อย่างรวดเร็ว ลำแขนทั้งสองข้างก็ยกขึ้นมาคล้องคอของชายหหนุ่มพร้อมกับที่เจ้าตัวขยับตัวไปมาช้าๆ จนช่วงล่างของเธอมันถูไถจนเสียดสีไปกับกางเกงยีนส์ที่ดุ้นเอ็นแข็งตัวอยู่ด้านใน “เสียวจัง! พี่เสียว…” “ผะ ผมก็เสียว..พะ พี่ลงไปเถอะนะ” “จะให้พี่ลงแต่นายกดเอวพี่ไว้แบบนี้นี่มันไม่สวนทางกับคำพูดไปหน่อยเหรอสุดหล่อ...”ส่วนโฉมงามหลังจากออกมาจากมหาลัยเธอก็ขับรถตรงกลับไปยังบ้านของเธอที่เดี๋ยวนี้มาบ่อยกว่าปกติแล้ว เมื่อรถจอดและถูกดับขาเรียวก้าวลงจากรถทันที“คุณกงสุลดูสิ เดี๋ยวนี้ลูกคุณเข้าบ้านบ่อยกว่าปกตินะคะ” เสียงของคุณกิ่งฉัตรดังขึ้นเมื่อเห็นบุตรสาวในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาในตัวบ้าน แต่ที่ทำให้เธอถึงกับต้องเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มแย้มเป็นตกใจก็คงเพราะแววตาที่เศร้าหมองกับแดงก่ำของบุตรสาวนี่แหละ“เป็นอะไรอีกล่ะ?”“เสียใจอ่ะ”“เสียใจเรื่องอะไร มานั่งนี่ดิ”“เจ้าคุณมันจะไปอยู่ต่างประเทศแล้วอ่ะ” โฉมงามบอกพลางเดินไปนั่งแทรกระหว่างพ่อกับแม่ของเธอ“อ้าว! ทำไมอ่ะ..” คุณกิ่งฉัตรถามด้วยด้วยความตกใจ โฉมงามจึงเล่าเรื่องของเธอที่เกี่ยวกับเจ้าคุณและดลธีให้พ่อและแม่ฟังจนระเอียดยิบ ระเอียดไปถึงแม้กระทังเรื่องแบบนั้น..“นี่แก! โอ้ยยย!..ฉันไม่รู้ด่าหรือสงสารแกดี!!” เสียงคุณกิ่งฉัตรดังขึ้นหลังจากฟังเรื่องความรักของโฉมงามจบ ทั้งสงสารและก็อยากจะด่าแต่ก็ทำได้แค่เงียบแล้วดึงโฉมงามเข้ามากอดปลอบใจ“หนูรักมันหนูไม่อยากให้มันไป แต่หนู..ก็ทิ้งดลไม่ได้”“แล้วทำไมไม่อยู่ด้วยกันล่ะ สมัยนี้โลกก็เปิดกว้างนะพ่อไม่ว่าหรอกถ้าจะอยู่ด้วยกันแล้
“รักกูก็ควรจะอยู่กับกูไม่ใช่เหรอ?”“ชีวิตคู่..คู่คือแค่สอง กูไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้วเดี๋ยวจะกลายเป็นทะเลาะกัน” เจ้าคุณพูดแล้วก็เบือนหน้าหนีโฉมงามที่มองเข้าด้วยแววตาที่แดงก่ำแต่สักพักก็ร้องไห้ออกมาอย่างฝืนมันไว้ไม่ได้ มือบางจึงเอื้อมมาจับมือเขาไว้แล้วยกมันขึ้นมาให้เช็ดน้ำตาของตัวเธอเบาๆ“กู ฮรึก!..ยินดีเลิกยุ่งกับดลนะถ้ามึงบอกว่ามึงจะอยู่กับกู”“ไม่! กูไม่ได้ต้องการให้มึงทำแบบนั้นกูไม่อยากให้มึงทำร้ายความรู้สึกของน้องเพราะกูเองก็รักน้อง”“คุณกูไม่เข้าใจมึงว่าทำไมต้องให้มันเป็นเรื่องวุ่นวายอะไรแบบนี้ แค่มึงยอมรับคำนินทาได้พวกเราก็ได้อยู่ด้วยกันสามคนอย่างมีความสุขแล้วนะ”“เพราะกูยอมรับมันไม่ได้ไง..”“มึงไม่รักกูเหรอ?”“รักสิเพราะรักมากไงถึงต้องยอมขนาดนี้”“ถ้ารักมากมึงไม่ควรยอมให้กูคบกับคนอื่นทั้งที่มึงก็รักกูสิ คุณ..” โฉมงามบอกด้วยเสียงที่สะอื้น ทำไมไม่รู้ว่าเธอไม่อยากให้เขาจากเธอไปอยู่ที่อื่น ทำไมไม่รู้เธอรู้สึกว่าตัวเองคงไม่มีความสุขหากไม่มีเขา..“กูก็ไม่รู้ว่ากูคิดอะไร กูรู้แค่ว่ากูคิดมาดีแล้วว่า..กูอยากให้มึงมีความสุขกับเจ้าดลมากกว่า”“แต่กูต้องการมึงนะ!”“แต่มึงก็ต้องการเจ้าดล”“แม
หลายวันต่อมาหลังจากวันนั้นที่ดลธีเข้าไปดูแลโฉมงามที่บ้าน คุณกิ่งฉัตรก็ไม่ได้พูดจาแรงใส่เขาอีก แต่ก็ใช่ว่าจะพูดดีนะ..ก็แบบฉบับคุณกิ่งฉัตรเขาแหละ ส่วนตอนนี้โฉมงามนั่งอยู่ในมหาลัยที่บริเวณโต๊ะม้าหินอ่อนกับเพื่อนร่วมห้องของเธออีกหลายคน“หน้าบึ้งตึงแบบนี้มีอะไรพูดกับพวกกูได้นะ ถึงจะไม่สนิทเหมือนกับซีแต่ก็ไม่ปากโทรโข่งหรอก” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าของโฉมงามดูเคร่งเครียดเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจอะไรสักอย่าง“ช่วงนี้เห็นเจ้าคุณบ้างมั้ย?” โฉมงามจึงเอ่ยถามหาชายหนุ่มที่เธอไม่ได้เจอมาหลายวันแล้ว ใช่! ตั้งแต่เธอไม่สบายวันนั้นเธอก็ไม่ได้เจอเจ้าคุณอีกเลยแถมทักไปโทรไปเจ้าตัวก็ไม่ตอบ นี่ขนาดไม่ได้รักเท่าเจ้าดลนะยังรู้สึกหวิวๆ รู้สึกคิดถึงยังไงไม่รู้..“ไม่ยักจะรู้ว่าเมียกูจะคิดถึงกูขนาดนี้นะเนี่ย!” และยังไม่ทันที่เพื่อนร่วมห้องของโฉมงามจะเอ่ยอะไรร่างสูงในชุดนักศึกษาก็เดินมานั่งข้างโฉมงาม จุ๊บ! แถมยังจุ๊บเข้าที่แก้มเนียนขาวของคนตัวเล็กอีกด้วย“วู้วว! มาถึงก็หวานเลยนะ..ว่าแต่คบกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอไม่เห็นรู้ข่าวเลย”“คบกันนานแล้ว ขอยืมตัวหน่อยนะ” เจ้าคุณตอบแล้วก็ดึงมือของโฉมงามให้ลุกกออกมา
บ้านคุณโฉมใช้เวลาไปชั่วโมงกว่าดลธีมาถึงบ้านโฉมงามและรีบถามแม่บ้านเพื่อหาห้องของโฉมงามจนได้ขึ้นมาหาหญิงสาวที่ตอนี้ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอน ที่มาช้าเพราะไม่รู้จักไง..รู้แค่ว่าอยู่แถวไหนแต่ไม่รู้ว่าหลังไหนจึงถามคนแถวนั้นไปเรื่อยๆ กว่าจะมาถึงก็เลยใช้เวลานานไปหน่อยชายหนุ่มก็นั่งมองหญิงสาวตัวเล็กที่ยังคงมีใบหน้าที่แดงกับเหงื่อที่ยังคงผุดขึ้นมาอยู่นั้นด้วยความสงสาร มือหนาเอื้อมหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่แม่บ้านเพิ่งยกมาให้นั้นขึ้นมาเช็ดหน้าให้คนตัวเล็กอย่างเบามือเพราะกลัวเจ้าตัวจะตื่น“อืมมม..”แต่เมื่อผ้าที่ชุบน้ำจนเย็นนั้นมาโดนแก้ม ร่างเล็กก็ลืมตาตื่นทันที“พี่ครับ ปวดหัวมั้ย..ตัวร้อนมากเลย” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงเมื่อคนตัวเล็กลืมตาขึ้นมาแล้ว เธอจึงส่ายหน้าให้เบาๆ แล้วก็พยายามจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งแต่ดลธีกลับผลักให้นอนลงตามเดิม“อย่าเพิ่งลุกสิตัวยังร้อนอยู่เลยนะ”“คิดถึง..อยากกอดแต่กลัวนายติดไข้”“กอดได้ครับ” ดลธีว่าพลางโน้มตัวไปกอดเธอที่ยังคงนอนอยู่โฉมงามจึงกอดตอบไม่ถึงห้านาทีก็ผล่ะออกเพราะกลัวเจ้าดลน้อยจะมาติดไข้พลอยให้ไม่สบายไปด้วย“มาได้ไง?”“ก็แม่พี่ไปบอกผมไง”“หื
กลับมาที่มหาลัยหลังจากเรียนคาบแรกเสร็จก็มีเวลาพักอีกหนึ่งชั่วโมงพื่อรอเข้าเรียนในคาบสุดท้าย ดลธีก็แยกมานั่งพักบนโต๊ะมาหินอ่านใต้ต้นไม้หน้าตึกเรียนในรายวิชาต่อไป“ดล…”“พี่หว้า? ..” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกหญิงสาวตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ขาเรียวก็ก้าวมานั่งลงตรงหน้าของดลธีทันทีที่เห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าเรียกชื่อตนเอง“ไม่ได้เจอกันนานพี่คิดว่าจะลืมชื่อพี่ไปแล้วซะอีก”“ผมไม่ลืมหรอกครับ..”“ทำไมพี่ถึงรู้สึกดีใจกับประโยคนี้ของนายนะ” ลูกหว้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูดีใจกับปีะโยคของ ดลธีปรายตามองเธออยู่ครู่เดียวก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่น“พี่มีอะไรกับผมหรือเปล่า?”“นายยังไม่ลืมพี่จริงๆ เหรอ?”“ใช่ครับ”“แล้วเรา..”“ผมสมองไม่ได้เสื่อมที่จะจำไม่ได้ว่าคนตรงหน้าผมคือลูกหว้า ไม่ใช่แค่พี่ที่ผมจำได้เพื่อนพี่หรือคนอื่นๆ ที่ผมรู้จักผมก็จำได้” น้ำเสียงที่เรียบนิ่งเอ่ยบอกอย่างหน้าตาย สายตาคมกริบยังคองจ้องมองลูกหว้าอย่างสายตาจนเธอต้องเป็นฝ่ายหลบ เพราะมันไม่ใช่สายตาที่รักใคร่เหมือนเมื่อก่อนแต่มันเป็นสายตาที่ดูดุดันน่ากลัว“อ้อ นะ..นั่นสินะ”“แมทธิว ผู้ชายคนนั้นสินะที่เป็นพ่อของเด็กในท้อง..แต่จะว่าไปถ้าผมเป็นเขาผมก
หลายอาทิตย์ต่อมาวันแห่งการเริ่นต้นเรียนในรั้วมหาลัยอาทิตย์ที่สองนั้นช่างสดใสสำหรับหนุ่มมหาลัยปีหนึ่งอย่างเจ้าดลซะจริงๆ หลังจากแต่งตัวเสร็จชายหนุ่มก็วิ่งลงมาจากบนห้องนอนตรงไปยังในครัวที่มียายกระเช้ากำลังวุ่นอยู่กับการทำข้าวกล่องให้เขา“เอ็งนี่นะ! แม่เอ็งก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวให้ค่าข้าวเอ็งจะห่อไปทำไมไม่อายเขาหรือไง?” เสียงยายกระเช้าบ่นขณะที่กำลังปิดฝากล่องข้าวหลังจากห่อเสร็จให้หลานชาย ที่บ่นไม่ใช่ว่าขี้เกียจทำแต่เธอกลัวว่าหลานชายจะอายเขาที่อยู่ถึงมหาลัยแล้วแต่ยังห่อข้าวไปกินนี่สิ“ถ้าผมอายผมจะให้ยายห่อให้เหรอครับ”“ยอกย้อนอีก เอ้าเสร็จแล้ว..แล้วก็มานั่งกินข้าวซะ”“ยายนี่เกรี้ยวกราดจริงๆ”“เอ็งแล้วก็หัดทำตัวให้มันดูโตให้มันดูเอาตัวรอดให้ยายได้เห็นบ้าง ยายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ยังมิวายที่จะบ่นหลานชายที่เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว ดลธีก็ได้แต่ส่ายหน้าให้ความขี้บ่นของยายกระเช้า แล้วก็จัดการกับอาหารตรงหน้าไปเรื่อยๆ เพราะยังเหลือเวลาเข้าเรียนอีกเยอะ“ยายครับรู้แล้วใช่มั้ยที่ผมคบกับพี่โฉม”“รู้สิก็เอ็งบอกยาย”“อ่อครับ เธอน่ารักนะผมชอบเธอจริงๆ”“เฮ้อ!อ เรื่องความรักยายก็ไม่อยากจะไปยุ่งแต่เอ็งรักใคร