ตอนที่ 2
มีวาสนาต่อกัน
มื้อเย็นวันนี้นางถูกเชิญให้ไปร่วมโต๊ะกับท่านป้าและท่านลุงกู้ซึ่งเพิ่งกับมากจากข้างนอก ท่านลุงกู้เมื่อได้พบนางก็เอ่ยต้อนรับเป็นอย่างดีไม่ได้มีท่าทีรังเกียจหรือไม่ต้อนรับแต่อย่างไร แม้ภายนอกท่านลุงจะดูนิ่งเงียบเข้าถึงยากแต่ก็เอ่ยกับนางอย่างใจดีเช่นเดียวกันกับท่านป้า
ท่านป้าเล่าว่านางมีบุตรชายสองคน คนโตที่จะให้แต่งกับนางมีนามว่า กู้ซืออัน ซึ่งในเวลานี้รับหน้าที่ดูแลการค้าแทบจะทั้งหมดแทนท่านลุงผู้เป็นบิดา ส่วนบุตรชายอีกคนหนึ่งอายุเท่ากันกับนางตอนนี้ศึกษาอยู่ที่สำนักศึกษาจึงไม่ค่อยจะกลับมาที่จวนนัก
วันนี้กู้ซืออันออกไปทำงานที่ต่างเมืองพอดีนางกับเขาจึงยังไม่ได้พบกันเสียที ท่านป้าบอกว่าหากกู้ซืออันกลับมาแล้วก็จะเร่งให้ทั้งคู่ได้พบกันในทันที เมื่อได้ยินเช่นนั้นฉงหลงเองก็ได้แต่ยิ้มรับ อย่างไรนางก็ต้องปล่อยให้ท่านป้าจัดการเรื่องทั้งหมดอยู่ดี
ฟ้าเริ่มมืดแล้วนางถึงได้ขอตัวกลับเรือนพักชั่วคราวของตน โดยมีสาวใช้ผู้หนึ่งคอยติดตามอยู่ไม่ห่างกาย
อาจินคือสาวใช้ที่ท่านป้ามอบให้คอยติดตามนางนับตั้งแต่วันนี้ ท่านป้ากล่าวว่าอย่างไรนางก็ต้องมีสาวใช้ติดตามดูแลสักคนอย่างน้อยๆ ก็สามารถช่วยเหลือนางได้ในเวลาจำเป็นหรือต้องการเรียกใช้คนจะได้มีคนของตนเองในเรือนให้สามารถเรียกใช้ได้สะดวก
นางไม่อาจปฏิเสธความหวังดีจึงได้รับคนเอาไว้ข้างกายก่อน แล้วก็เป็นอย่างที่ท่านป้าว่าอาจินจัดแจงความเรียบร้อยในเรือนพักให้นางได้จริง ไม่ว่าฉงหลงขยับตัวไปไหนหรือแค่ปรายตามองสิ่งใดอาจินราวกับรู้ใจไปเสียหมด
“คุณหนูอยากได้ของว่างมื้อดึกหรือไม่ บ่าวจะไปนำมาให้เจ้าค่ะ”
“ดีนัก ข้าหิวอยู่นิดหน่อยจริงๆนั่นแหละ”
“เช่นนั้นคุณหนูรอสักครู่นะเจ้าคะ บ่าวจะรีบไปนำของว่างมาให้”
อาจินเอ่ยจบก็ออกจากห้องไปด้วยฝีเท้าเบาราวกับเดินอยู่บนอากาศจนฉงหลงอดที่จะนึกชมนางในใจไม่ได้ สาวใช้ผู้นี้ถูกฝึกฝนมาอย่างดีจริงๆ สมแล้วที่เป็นคนของสกุลกู้ผู้มั่งคั่งร่ำรวยไม่ธรรมดาแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าสกุลกู้ร่ำรวยถึงขั้นไหน ทว่าดูจากพื้นที่ของจวนและการตกแต่งที่หรูหราประณีตก็พอจะรู้ได้ว่าสกุลกู้นั้นย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
แต่งเข้าสกุลกู้ในภายหน้าอย่างน้อยก็วางใจได้ว่านางจะได้กินอิ่มนอนอุ่นทุกคืนล่ะนะ
คืนแรกในสกุลกู้ผ่านไปได้ด้วยดีแถมนางยังฝันอีกด้วยว่าท่านปู่มาส่งนางที่หน้าจวนสกุลกู้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเปี่ยมสุข
สามวันมาแล้วที่นางมาพักอยู่ที่สกุลกู้แต้ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของกู้ซืออันหรือคุณชายใหญ่สกุลกู้ซึ่งนางจะต้องแต่งงานด้วย ท่านป้ากล่าวว่าเขาไปทำงานยังไม่กลับเมืองทว่านางกับคิดว่าอาจเป็นเพราเขาล่วงรู้ว่ามีคู่หมั้นบ้านนอกมาทวงสัญญาแต่งงานรออยู่ที่จวนจึงตั้งใจไม่กลับมาเสียมากกว่า
หรือว่านางควรตามหาตัวเขาแล้วทำข้อตกลงกันดี เงินแลกกับสัญญาหมั้นหมายแต่งงานฉงหลงเองก็ถือว่านางไม่ขัดข้อง หากในที่สุดได้พบกันนางก็มีแอบคิดเอาไว้ว่าอาจจะยื่นของเสนอนนี้แก่เขาดูสักครั้ง แต่ก็ต้องรอดูสถานะการณ์ก่อนว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด
ช่วงสายของวันนางให้อาจินพาไปเดินชมความครึกครื้นของถนนในเมือง ประจวบเหมาะกับพบร้านบะหมี่ข้างทางเมื่อเดินเที่ยวได้พอประมาณแล้วนางจึงแวะพักขากินบะหมี่สักถ้วย
“เถ้าแถ่ขอบะหมี่หมูตุ๋นสองชาม” ฉงหลงเอ่ยสั่ง
“ได้เลยแม่นางนั่งรอก่อน”
หลังจากสั่งบะหมี่แล้วหญิงสาวก็นั่งลงที่โต๊ะที่ว่างอยู่รอให้เถ้าแก่นำบะหมี่ที่สั่งมาให้
“คุณหนูใกล้ๆ มีร้านผลไม้เชื่อมชื่อดัง ท่านอยากซื้อมาชิมหน่อยหรือไม่เจ้าคะ”
“ซื้อกลับไปฝากท่านป้าด้วยก็น่าจะดี” อย่างน้อยนางก็น่าจะซื้อของฝากติดมือกลับไปให้ท่านป้าเสียสักหน่อยเพื่อเป็นการขอบคุณที่มอบเงินให้นางได้ออกมาเดินเล่นถุงใหญ่
“เช่นนั้นข้าน้อยจะไปซื้อมาให้คุณหนูรออยู่ที่นี่นะเจ้าคะ บ่าวไปไม่นานเท่านั้น”
“อยู่กินบะหมี่ก่อนค่อยไปดีหรือไม่”
“บ่าวไปซื้อแล้วค่อยกลับมากินจะดีกว่าเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นของอาจจะขายหมดก่อน”
“เอาอย่างนั้นก็ได้”
“บ่าวไปครู่เดียวจะรีบกลับมาเจ้าค่ะ คุณหนูรอบ่าวที่นี่นะเจ้าคะ”
“อาจินไปเถอะ ข้าจะรออยู่ที่นี่ไม่ไปไหนหรอก”
“เถ้าแก่บะหมี่โต๊ะข้าทำมาชามเดียวก่อนนะ” นางเอ่ยกับเถ้าแก่ร้านบะหมี่
“ได้เลยแม่นาง”
คล้อยหลังอาจินไปไม่นานจู่ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอีกครั้ง โชคดีที่ก่อนหน้านี้ลูกค้ากลุ่มใหญ่พากันออกไปแล้วแล้วในร้านเวลานี้จึงเหลือเพียงนางและลูกค้าอื่นๆ อีกไม่กี่คน
เถ้าแก่ร้านบะหมี่ถือโอกาสนำบะหมี่มาส่งและเอ่ยสนทนากับลูกค้าของเขาด้วย “แม่นางเจ้าคนต่างถิ่นใช่หรือไม่ ข้าเปิดร้านบะหมี่ที่นี่มานานเพิ่งเคยเห็นแม่นาง”
“ข้าเพิ่งมาจากนอกเมือง” นางเอ่บตอบพร้อมกับก้มลงจัดการบะหมี่ในชามของตน
“มาเยี่ยมญาติกระมัง” เถ้าแก่ร้านถามต่อ ยามนี้ฝนตกลูกค้าในร้านก็ได้รับบะหมี่ครบหมดตามที่สั่งแล้ว เถ้าแก่ร้านเช่นเขาจึงมีเวลาว่างสนทนากับลูกค้าใหม่ของตน
“มาแต่งงานต่างหาก”
“ที่แท้แม่นางก็กำลังจะมีเรื่องมงคล...ยินดีด้วยๆ” เถ้าแก่ร้านเอ่ยประจวบเหมาะกับที่เพิ่งมีลูกค้าลุยฝนเข้ามาใหม่เถ้าแก่จึงหันไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้น
ผู้มาใหม่เดินผ่านนางซึ่งนั่งหันหลังอยู่ นางยังไม่ทันมองให้ดีว่าผู้มาใหม่เป็นใครแต่กับถูกกลิ่นกายของเขาดึงดูดอีกครั้ง เพียงได้กลิ่นหอมนี้ฉงหลงก็รู้ได้ทันทีเลยว่าผู้ที่เพิ่งเดินผ่านไปเมื่อครู่ย่อมเป็นผู้เดียวกับที่นางพบที่เพิงน้ำชานอกเมืองอย่างแน่นอน
“พี่สาวที่แท้เป็นท่านจริงด้วย” เสียงหวานดังขึ้นอย่างดีใจ เป็นพี่สาวคนเดิมไม่ผิดแน่ ไม่ว่าหมวกผ้าคลุมหรือเสื้อคลุมตัวใหญ่ยังคงเหมือนเดิมต่างแค่สีผ้าเพียงเท่านั้น
นางหันมองสำรวจไปด้านนอกก็ไม่เห็นว่าผู้ติดตามของพี่สาวจะตามมาด้วย จึงได้ตัดสินใจย้ายตัวเองไปนั่งฝั่งตรงข้ามของพี่สาวคนงามอย่างถือวิสาสะ “ข้าว่าแล้วพวกเราสองคนต้องมีวาสนาต่อกัน”
“พวกเราบังเอิญเจอกันเป็นครั้งที่สองแล้ว ข้าเพิ่งจะเข้าเมืองมายังไม่มีสหายสักคนไม่สู้พวกเราคบหากันเป็นสหายดีหรือไม่” นางเสนออย่างไม่ขาดปาก “พี่สาวเหตุใดเจอท่านฝนต้องตกลงมาตลอดท่านเองก็มักจะเปียกไปทั้งตัว โชคดีที่วันนี้ข้ามีผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่ติดมาด้วยพี่สาวท่านใช้เช็ดเนื้อตัวก่อนเถอะ”
“ทุกครั้งที่พบกันเจ้าก็มักยื่นผ้าให้ข้าเสมอ แม่นางมีน้ำใจแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยตอบกลับไปในที่สุด ก่อนจะยื่นมือไปรับผ้าเช็ดหน้าของหญิงสาวเอาไว้ด้วยมือเรียวของตน
ด้านหญิงสาวเมื่อได้ยินเสียงของเขาก็ชะงักนิ่งไปในทันที เสียงทุ่มต่ำราวกับเสียงของบุรุษดังขึ้นจากฝั่งของพี่สาวคนงามอย่างแน่นอน พลั้นฉงหลงเกิดความสงสารพี่สาวตรงหน้าขึ้นมาในทันที หรือเป็นเพราะนางมีเสียงทุ้มต่ำคล้ายบุรุษจึงได้ไม่กล้าพูดออกมาต่อหน้าผู้อื่นนัก
นี่เรียกได้ว่าสวรรค์อิจฉาหญิงงามหรือไม่จึงดลบันดาลให้เกิดเรื่องเช่นนี้ได้ นางเกือบจะเอ่ยปลอบใจออกไปแล้วแต่กับต้องกลืนถ้อยคำปลอบโยนทั้งหมดที่คิดจะเอ่ยลงท้องไปให้หมด เมื่อต่อมาจู่ๆ พี่สาวก็ถอดหมวกคลุมใบหน้าออก
รูปโฉมงดงามชวนตื่นตะลึงปรากฏตรงหน้าของนางในเวลาต่อมา
“ให้ตายเถอะพี่สาวท่านคือโฉมสะคราญผู้งดงามที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาในชีวิต” ชื่นชมใบหน้างามได้อย่างเคลิบเคลิ้มได้ไม่เท่าไหร่ก็เป็นอันต้องขมวดคิ้วยุ่งอีกครั้งหนึ่ง เพราะเมื่อนางกวาดสายตามองลงมาถึงช่วงลำคอระหงแล้วกับพบเจอสิ่งแปลกปลอมหนึ่งอีกทั้งยังเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง
ลูกกระเดือกงั้นเหรอ...พี่สาวคนงามจะมีลูกกระเดือกเด่นชัดที่ช่วงลำคอระหงได้อย่างไร มิใช่มีเพียงบุรุษหรอกหรือที่จะเป็นเช่นนั้น
“พี่สาวหรือว่าท่านไม่ใช่พี่สาว?”
ยังไม่ทันทีนางจะได้คำตอบจากผู้ที่อยู่เบื้องหน้าซึ่งนางเรียกขานแทนตัวตนว่าพี่สาวอยู่บ่อยครั้ง อาจินก็กลับมาถึงร้านพอดีพร้อมกับในมือยังถือร่มคันใหญ่มาด้วย
“คารวะคุณชายใหญ่เจ้าค่ะ” กลายเป็นว่าสาวใช้อาจินเป็นผู้ไขข้อสงสัยทั้งหมดของนางลงในทันทีที่มาถึงด้วยการเอ่ยเพียงประโยคเดียวเท่านั้น
ที่แท้เขาตั้งแต่แรกไม่ใช่พี่สาวคนงามอะไรทั้งสิ้น อีกทั้งเขายังเป็นคุณชายใหญ่สกุลกู้ซึ่งจะกลายเป็นสามีของนางในอนาคตหากไม่มีอันใดผิดพลาดอีกด้วย
ตอนพิเศษ : ข่าวดีครั้งใหม่เรือนใหญ่สกุลกู้ในยามเช้าอากาศปลอดโปร่ง แสงแดดอุ่นสาดต้องใบไม้เขียวชอุ่ม ด้านในเรือนหรู หลิงฉงหลงนั่งพิงหมอนอิงอยู่บนตั่ง ดวงหน้าอิ่มเอิบแฝงรอยแดงระเรื่อเพราะอาการแพ้ท้อง มือบอบบางลูบหน้าท้องแบนราบที่เพิ่งเริ่มมีกำลังจะมีชีวิตใหม่เติบโตอยู่ในนั้นกู้ซืออันก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเปี่ยมยิ้ม ดวงตาคมดุที่ปกติแฝงความเข้มงวดกลับอ่อนโยนอย่างที่สุดยามทอดมองภรรยา“วันนี้อาการดีขึ้นบ้างหรือไม่ เจ้ายังกินข้าวเช้าได้น้อยนัก ข้าห่วง”“ข้าเพียงเวียนศีรษะเล็กน้อย…ไม่เป็นอะไรหรอกท่านพี่”หลิงฉงหลงเอ่ยเสียงแผ่วแต่แววตาเต็มไปด้วยความสุข นางก้มมองหน้าท้องตนเองพลางยกยิ้มอ่อนหวาน“ครั้งนี้ ข้ามั่นใจว่าเจ้าตัวเล็กจะเป็นสตรีน้อยแน่ ๆ”กู้ซืออันหัวเราะเบา ๆ มือใหญ่ลูบเส้นผมนางอย่างเอ็นดู“จะเป็นบุตรชายหรือบุตรสาวก็ล้วนเป็นสายเลือดของเรา ข้าไม่ปรารถนาอื่นใดนอกจากให้เจ้าแข็งแรงทั้งแม่ทั้งลูก”ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ ดังใกล้เข้ามา เด็กชายวัยห้าขวบผู้เป็นบุตรคนโตวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น“ท่านแม่! นี่จริงหรือไม่ ข้าจะมีน้องจริง ๆ หรือ!?”หลิงฉงหลงยกยิ้มพลางอ้าแขนรับลูกชายเข้ามากอด“จร
ตอนพิเศษ : ความฝันที่ไม่อยากฝันยามราตรีเงียบสงัด แสงจันทร์ลอดเข้ามาผ่านหน้าต่างบานเล็ก กู้ซืออันนอนหลับตาพริ้มเคียงข้างภรรยาอย่างที่เคยทุกคืน แต่คืนนี้…กลับต่างออกไปภายในความฝัน เขาพบว่าตนเองยืนอยู่ในเรือนว่างเปล่า ทุกสิ่งที่เคยอบอุ่นกลับเย็นเยียบไร้ผู้คน เสียงหัวเราะที่คุ้นหูหายไปจนหมดสิ้น เขาเดินไปทั่วทั้งเรือนแต่กลับไม่พบเงาของนางแม้แต่น้อยแล้วภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า — หลิงฉงหลงยืนอยู่กลางลาน แต่ใบหน้างดงามกลับเย็นชา แววตาไร้แววอ่อนโยนที่เคยมีให้เขา“ซืออัน…ข้ามิได้รักท่านอีกต่อไปแล้ว”หัวใจของเขาราวกับถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ มือใหญ่เอื้อมไปคว้าแต่กลับว่างเปล่า ร่างของนางถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเลือนหายไปกับหมอกจาง“ฉงหลง! อย่าไป… อย่าทิ้งข้า!” เสียงตะโกนของเขาแตกพร่า สะท้อนก้องไปทั่วความว่างเปล่าความหนาวเหน็บบีบรัดจนหายใจไม่ออก ความหวาดกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนถาโถมเข้ามาในใจชายผู้ไม่เคยยอมแพ้แก่สิ่งใดกู้ซืออันสะดุ้งตื่นในยามดึก เหงื่อเม็ดโตผุดเต็มหน้าผาก หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอก เขาหันไปมองคนข้างกายทันทีหลิงฉงหลงยังคงนอนหลับสนิท แสงจันทร์อาบไล้เรือนร่างบอบบางในอ้อมผ้า
ตอนที่ 36เพื่อนางข้าไม่เกี่ยงหากต้องโหดเหี้ยมหนี้ที่นายอำเภอฉางต้องชดใช้ถูกเรียกเก็บเป็นก้อนๆ เพราะอีกฝ่ายมีหนี้สิ้นมากหลายแห่ง แน่นอนว่าเงินเพียงเล็กน้อยไม่ได้สำคัญถึงกับที่กู้ซืออันจะรอไม่ได้ มีลูกหนี้เป็นนายอำเภอถือเป็นการดีเสียอีก อีกทั้งอำนาจและเส้นสายของนายอำเภอฉางตั้งหากที่พอจะสำคัญในสายตากู้ซืออันอยู่บ้างเรื่องของฉางกู๋เขาให้คนตามดูจนแน่ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายออกไปจากเมืองต้าไห่แล้วจริงๆ อีกทั้งเหมือนจะลงใต้เพื่อเดินทางไปที่บ้านเดิมของสกุลฉาง แม้ฉางกู๋จะยอมจากไปแต่โดยดีทว่ากู้ซืออันย่อมไม่อาจวางใจได้ว่าในอนาคตคนผู้นี้จะคิดหวนกลับมาทำร้ายฮูหยินตัวน้อยของตนอีกหรือไม่แน่นอนว่าเขาย่อมต้องลงมือก่อนที่จะนั่งรออีกฝ่ายที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาแก่แค้นหรือไม่และจะใช้วิธีการใดและเวลาใดเพราะฉะนั้นในคืนหนึ่งกู้ซืออันจึงมีคำสั่งการหนึ่งให้จางจงคนสนิทไปทำนั่นก็คือหามือดีสักหายคนไปจัดการหันแขนหักขาฉางกู๋ผู้นั้นซะ โดยให้ทำให้เหมือนว่าเป็นฝีมือของพวกโจรที่ต้องการปล้นชิงทรัพย์คนที่คิดร้ายกับฮูหยินของเขา แม้ชายหนุ่มจะไม่คิดเอาชีวิตแต่ก็ไม่คิดให้คนผู้นั้นอยู่ครบสามสิบสองส่วนในร่างกายอยู่แล้ว“อย่าให้เห
ตอนที่ 35ทำผิดก็ต้องชดใช้คืนนั้น หลังจากขับไล่ฉางกู๋ออกไปแล้ว นายอำเภอฉางมิอาจข่มตาหลับได้ทั้งคืน ความคิดถึงชื่อเสียงและเกียรติยศของตระกูลฉางวนเวียนอยู่ไม่หยุดสุดท้ายเมื่อฟ้าเริ่มสว่าง เขาจึงตัดสินใจพาตัวเองไปยัง จวนสกุลกู้ ด้วยท่าทีที่ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาที่หน้าจวน คนใช้ของสกุลกู้ต่างประหลาดใจที่เห็น ขุนนางผู้ทรงอำนาจแห่งเมืองนี้ ยอมก้าวลงจากเกี้ยวด้วยตนเอง แถมยังไม่แสดงอำนาจข่มใด ๆ ดั่งเคย หากแต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังเมื่อกู้ซืออันก้าวออกมาต้อนรับ เขาเห็นชัดว่านายอำเภอฉางโค้งคำนับลึก แววตาที่เคยเชิดชูศักดิ์ศรีบัดนี้เต็มไปด้วยการยอมอ่อนข้อ“คุณชายกู้… ข้ามาครานี้เพื่อกล่าวคำขออภัยต่อท่านและฮูหยินโดยตรง เรื่องที่หลานโง่เขลาของข้าได้ก่อไว้ ข้าขอยอมรับผิดทั้งหมด”เสียงของเขาหนักแน่น แต่ฟังออกชัดเจนว่าฝืนกล้ำกลืนความอับอายเอาไว้เต็มที่กู้ซืออันยกยิ้มจาง ๆ ไม่ได้แสดงความโกรธเคืองหรือรีบร้อนตอบรับ เพียงเอ่ยช้า ๆ ราวกับให้ถ้อยคำของอีกฝ่ายก้องสะท้อนอยู่ในโถง “นายอำเภอฉาง…ถ้อยคำนี้ ข้าเฝ้ารอมาเนิ่นนานแล้ว”ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งจวน ทุกคนจับตามองการเผชิญหน้าของสองตระกูลอย่างระทึ
ตอนที่ 34 เริ่มลงมือ หลายวันต่อมา ในเรือนของนายอำเภอฉาง บรรยากาศกลับไม่ สงบดังเดิมเสียงฮูหยินใหญ่ตวาดลั่นออกมาจากห้องโถง “ท่านไปเล่นการ พนันอีกแล้วใช่หรือไม่! ข้าถึงได้ยินข่าวว่ามีเจ้ามือจากนอกเมืองมาตามทวง หนี้ถึงหน้าประตูเรือน!”นายอำเภอฉางขมวดคิ้ว หน้าดำแดงเพราะทั้งโกรธและอับอาย “พวกนั้นมันใส่ความข้า! ข้ามีหน้าที่การงานทั้งตำแหน่ง ใครจะกล้าออกมาเอาเรื่องกับข้าอย่างเปิดเผยเล่า”“แต่คนทั้งเมืองเขาเริ่มซุบซิบนินทาแล้วว่า นายอำเภอฉางเป็นหนี้ บ่อนจนหัวโต หากเรื่องนี้ลามไปถึงผู้ตรวจการ เจ้าคิดหรือว่าตำแหน่งของ เจ้าจะมั่นคง!”คำพูดนั้นทำให้เขาหน้าซีดลงเล็กน้อย แม้จะพยายามข่มอารมณ์ แต่เหงื่อเย็นก็ผุดขึ้นตรงขมับในขณะเดียวกัน คนสนิทของเขารีบเข้ามารายงานเบา ๆ“ท่านนายอำเภอ…มีข่าวว่ามีคนลือกันว่า ท่านรับสินบนจากพ่อค้าหลายราย ทั้งยังเกี่ยวพันกับการลักลอบสมุนไพรต้องห้าม”นายอำเภอฉางสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกกว้าง “เรื่องนี้…ใครเป็นคนปล่อย!”คนสนิทก้มศีรษะต่ำ “ข้าน้อยยังไม่รู้แน่ชัด เพียงแต่ได้ยินว่าข่าวลือเริ่มแพร่ไปตามโรงเตี๊ยมกับตลาด คนพูดกันหนาหูนัก…”เขากำหมัดแน่น กัดฟันกรอด “เป็นใคร…เป็นใ
ตอนที่ 33 เฝ้ารอโอกาส กว่าที่หลิงฉงหลงจะตั้งตัวตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ก็กินเวลาไปกว่าสามวันเต็มๆ แล้ว กู้ซืออันยังไม่ยอมให้นางออกไปดูที่ร้านฮวาเซียงด้วยตนเอง นางรู้ดีว่าชายหนุ่มเป็นห่วงกลัวว่านางไปเห็นด้วยตาตนเองแล้วจะเกิดอารมณ์อ่อนไหวอีกแต่ถึงอย่างนั้นแม้นางไม่ได้ไปด้วยตัวเองแต่ก็ต้องเรียกสวีมี่อิงผู้ดูแลร้านเข้ามารายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเพลิงที่เผาไหม้มี่อิงรายงานกับนางว่าทุกอย่างในส่วนของร้านและที่เก็บของภายในร้านที่เก็บสินค้าเอาไว้เป็นส่วนใหญ่นั้นถูกเผาจนเหลือเพียงแค่เศษซาก ทุกอย่างเสียหายจนหมดสิ้น รายการความเสียหายเล่มหนึ่งถูกยื่นมาพร้อมกับการรายงานให้ฟัง แน่นอนว่าหญิงสาวรับรายงานนี้เอาไว้ด้วยใจที่สั่น หากไม่ติดว่ามีผู้เป็นสามีคอยกุมมือให้กำลังใจอยู่ทุกขณะหญิงสาวก็คงไม่อาจกลั้นน้ำตาหรือความอ่อนไหวนี้เอาไว้ได้อีกโชคดีที่ส่วนของบ้านเล็กๆ ของนางที่ถนนหมายเลขสิบสามไม่ได้รับความเสียหายไปด้วย เพราะกำแพงกั้นระหว่างกันนั้นค่อนข้างจะแน่นหนาแข็งแรงอีกทั้งไม่มีหลังคาหรือส่วนใดของเรือนที่ยื่นใกล้ชิดกันจนเพลิงจะสามารถลุกลามมาถึงได้หลิงฉงหลงอดคิดไม่ได้หากนางต้องสูญเสียบ้านหลั