ตอนที่ 3
ข้ายินดีแต่งกับเจ้า
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน
กู้ซืออันเดินทางไปทำการค้าที่นอกเมืองสามวันกลับมาถึงจวนกลับถูกผู้เป็นมารดาเรียกพบในทันทีที่เหยียบเข้าประตูจวน
“ท่านแม่เรียกพบลูกมีเรื่องใดหรือขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นทันทีหลังจากที่เขาทำความเคารพมารดาของตนเสร็จและนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องโถงเรียบร้อยแล้ว
“สามวันก่อนมีคนมาทวงสัญญาแต่งงานที่สกุลกู้เรา”
“ข้าไม่เคยได้ยินว่าสกุลกู้เราเคยทำสัญญาแต่งงานเอาไว้ด้วย” เขาเอ่ยอย่างไม่เชื่อหู นึกคิดไว้ในใจว่าอาจจะเป็นเรื่องที่มารดาของเขากุขึ้นมาเป็นอุบายก็เท่านั้น
“เจ้าไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลก สัญญานี้ทำเอาไว้นานกว่าสิบปีแม่กับบิดาเจ้าก็เกือบจะลืมไปแล้วเช่นกัน ตอนนั้นเพราะบุญคุณช่วยชีวิตของบิดาเจ้าเอาไว้จึงได้มีสัญญานี้ขึ้น….” กู้ฮูหยินเล่าเรื่องราวในอดีตให้บุตรชายของนางฟังทั้งหมด
“ยามนี้ผู้มีคุณช่วยชีวิตจากไปแล้ว เหลือเพียงหลานสาวของเขาเพียงคนเดียว เด็กสาวผู้นี้ดูใสซื่อน่าเอ็นดูนักนางอุตส่าห์มาถึงสกุลกู้เพื่อทวงถามสัญญาเก่าก่อน”
“ท่านแม่กล่าวมามากมายเช่นนี้ แท้จริงก็คือต้องการให้ข้าแต่งงานกับสตรีผู้นั้นสินะขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามออกมาเสียงเรียบ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้จุดประสงค์ของมารดาว่าที่แท้จริงแล้วนางต้องการสิ่งใดกันแน่
“เจ้าเป็นบุตรชายคนโตของสกุลกู้ให้เจ้าแต่งกับนางก็ยิ่งแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสกุลกู้เรายึดมั่นในคำสัญญาแค่ไหน มิใช่เพียงผู้มีคุณล่วงลับไปแล้วสัญญาก็ไม่อาจยึดถือเอาไว้ดังเดิมได้อีก” กู้ฮูหยินกล่าวต่อ “อีกอย่างลูกก็ควรจะแต่งงานได้แล้ว ข้างนอกข่าวลือเกี่ยวกับเจ้าฟังเข้าทีเสียที่ไหนกัน”
“ข่าวลือไร้สาระเช่นนั้นข้าหาได้ใส่ใจไม่”
“มารดาเช่นข้าไม่ใส่ใจไม่ได้” นางกลัวว่าจะไม่ใช่เพียงข่าวลืออีกต่อไป ในอนาคตหากกลายเป็นจริงขึ้นมานางย่อมไม่อาจรับได้แน่ อย่างไรนางก็ต้องให้งานแต่งนี้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด “มื้อเย็นที่จวนวันนี้อย่างไรที่โต๊ะอาหารต้องมีเจ้าร่วมด้วยข้าจะแนะนำคู่หมั้นให้เจ้ารู้จัก เสียดายเจ้ากลับมาช้าไปนางออกไปเที่ยวเล่นนอกจวนแล้วไม่เช่นนั้นข้าจะให้คนไปเรียกนางมาเจอเจ้าเสียเดี๋ยวนี้เลย”
“ท่านแม่ต่อให้ท่านบอกว่านางคือคู่หมั้นของข้า ต่อให้เจอกันถ้าข้าไม่อยากแต่งกับนางต่อให้เป็นสัญญาเก่าก่อนท่านก็ไม่อาจบีบบังคับข้าได้ มากน้อยเพียงใดมอบเงินมอบที่ดินให้นางเป็นการตอบแทนในกาลก่อนก็คงเพียงพอแล้วกระมัง”
เอ่ยจบเขาก็คำนับมารดาตนอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินจากมาในทันที ท่ามกลางเสียงไล่หลังของมารดาที่ดังตามาให้ได้ยิน
“รั้นไม่เข้าเรื่องสัญญาแต่งงานนี้อย่างไรก็ไม่อาจบิดพลิ้วได้!!!”
กลับมาสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน
ยามนี้กู้ซืออันนั่งอยู่บนรถม้าสกุลกู้พร้อมกับคู่หมั้นของตน ซึ่งเขาก็เพิ่งรู้ว่าสตรีตัวน้อยที่ตนได้พบที่เพิงน้ำชาเมื่อหลายวันก่อนจะคือคู่หมั้นที่มาทวงถามสัญญาแต่งงานถึงจวนที่ท่านแม่เอ่ยถึง
“ที่แท้ก็เป็นเจ้าเองที่มาทวงสัญญาแต่งงานถึงจวน” เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในรถม้าที่แม้ภายนอกจะมีฝนตกลงมาบางเบาไม่ขาดสายแต่ก็ไม่อาจทำให้เสียงของเขาฟังดูเบาลงหรือไม่ชัดเจนเลย
“ดูเกินตัวไปมากใช่หรือไม่ ความจริงข้าก็รู้ตัวเองดีอยู่ว่าเป็นเพียงสตรีบ้านป่าจะไปเหมาะสมกับคุณชายได้อย่างไร แต่ข้าก็มาเพราะคำสั่งเสียสุดท้ายเลี่ยงไม่ได้น่ะ” หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ “ข้าเคยบอกกับท่านป้ากู้ไปแล้วอย่างชัดเจนว่าหากต้องการยกเลิกสัญญาเก่าก่อนข้าก็ยินดี”
“ท่านแม่เองก็บอกกับข้าอย่างชัดเจนเช่นกันว่าสัญญาเก่าก่อนจะไม่อาจยกเลิกได้อย่างแน่นอน”
“.....” เจ้าของใบหน้าเล็กได้ฟังก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นข้าจะไปพูดกับท่านลุงท่านป้าอีกครั้งดีหรือไม่ รอบนี้ยกเรื่องไม่เหมาะสมกันอย่างถึงที่สุดและทุกด้านของพวกเราให้พวกท่านฟังว่าแตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน[1]”
“มารดาข้าหากเป็นเรื่องที่นางต้องการแล้วย่อมไม่มานั่งสนใจอยู่ว่าแตงจะหวานหรือไม่หวาน” ใบหน้าของเขาและน้ำเสียงเรียบเฉยเมื่อกล่าว
“คุณชายกู้ไม่ว่ารูปสมบัติทรัพย์สมบัติของท่าน ข้าล้วนไม่อาจเทียบหากรู้ก่อนหน้าว่าเป็นท่านและสกุลกู้ที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองข้าย่อมไม่กล้ามาแสดงตัวทวงสัญญาอะไรนั่นแน่” นางเอ่ยอย่างจริงใจ
“เช่นนี้ดีหรือไม่ หากว่าท่านให้เงินข้าสักเล็กน้อยเอาไว้ใช้ตั้งตัว ข้ายินดีที่จะจากไปอย่างเงียบๆ สัญญาเก่าก่อนไม่ถือว่านับเป็นอะไรอีก ไม่ถือว่ามีสิ่งใดติดค้างกัน”
“หากทำอย่างที่เจ้าว่ามา เจ้าจะไปที่ไหนมีเรื่องที่อยากทำอยู่ก่อนแล้วหรือ” เขาเอ่ยถามนาง หญิงสาวผู้นี้ตั้งแต่แรกก็ไม่ได้มีท่าทีต้องการฝืนหรือหลงใหลในทรัพย์สินของสกุลกู้เลย หากตั้งแต่แรกใจจริงนางหมายจะมาตกถังข้าวสารย่อมต้องยื่นกรานที่จะต้องตบแต่งเข้าจวนมาให้ได้ มิใช่หวังเพียงเงินเล็กน้อยซึ่งคล้ายว่านางจะคิดเอาไว้ในใจอยู่แล้วว่าจะจากไป
“ท่านปู่ไม่อยากให้ข้ากลับไปอยู่บนเขาอีก ข้าอาจจะเดินทางไปที่เมืองใกล้ๆ แล้วหาอะไรทำเลี้ยงชีพกระมัง” คำตอบของนางช่างใสซื่อนัก สตรีผู้นี้ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกและเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นสตรีก็มีเพียงความหวังดีจากใจจริงมอบให้มาเสมอแถมไม่หวังสิ่งตอบแทน
“ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่ว่าพวกเราจะแต่งงานกันไม่ได้”
“คุณชายใหญ่จะแต่งงานกับข้าหรือ?” นางถามอย่างไม่เชื่อหู
“อย่างไรในสักวันข้าก็ต้องแต่งงานกับสตรีสักคน แต่งงานเร็วหน่อยตามความต้องการของท่านแม่ให้จบๆ ไปเสียก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร”
ตอนนี้ในสายตาของเขา สตรีตัวน้อยนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในฐานะภรรยาของเขา อย่างน้อยๆ นางก็ใสซื่อและไม่น่ารำคาญเท่าสตรีอื่นและที่สำคัญไม่มีความโลภในแววตาสุกสกาวไร้ซึ่งมารยาซึ่งนับว่าหาได้ยากยิ่ง “แต่มีเรื่องหนึ่งที่เจ้าต้องรู้ ที่จริงเหตุผลสำคัญที่ท่านแม่ของข้านางอยากให้พวกเราแต่งงานกันนั้นไม่ใช่เพราะว่านางอยากยึดหมั้นต่อคำมั่นสัญญาแต่อย่างไร แต่เป็นเพราะว่าตอนนี้ทั่วทั้งเมืองต้าไห่นี้ต่างก็ลือกันไปทั่วว่าข้าเป็นบุรุษตัดแขนเสื้อ[2] หากเจ้ารับได้ข้าก็ยินดีแต่งงานกับเจ้า”
“ข้าย่อมยินดีอยู่แล้ว” อย่างน้อยเขาก็กล้าจะบอกความจริงกับนาง ที่แท้คุณชายใหญ่กู้ก็น่าสงสารถึงขนาดนี้
เขาเป็นในสิ่งที่ตนเองอย่างเป็นไม่ได้ ซ้ำยังถูกทางบ้านกดดันให้ต้องแต่งงานกับสตรีบ้านป่าเช่นนางซึ่งไม่มีอะไรดีเลยเพื่อปกป้องชื่อเสียงของสกุล หลิงฉงหลงรู้สึกสงสารบุรุษโฉมสะคราญผู้นี้มากจนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปกุมมือของเขาเอาไว้อย่างต้องการปลอบโยน
“ข่าวลือพวกนั้นต่อไปเจ้าไม่ต้องไปใส่ใจอีก พอพวกเราแต่งงานกันแล้วใครกล้าลือเรื่องเจ้าในทางไม่ดีอีกข้าจะตีคนพวกนั้นให้เจ้าเอง”
ท่าทางและน้ำเสียงขึงขันของนางทำเอากู้ซืออันนึกเอะใจอยู่เล็กน้อย หรือว่าสตรีผู้นี้อาจเข้าใจอันใดผิดไปหรือไม่จึงแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดออกไปประจวบเหมาะกับรถม้ามาถึงสกุลกู้พอดีจึงพากันเข้าจวนไปพบท่านแม่เพื่อแจ้งข่าวดี
แน่นอนว่าเมื่อกู้ฮูหยินได้ฟังว่าบุตรชายของนางยอมแต่งงานแต่โดยดีแล้วก็เก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่ นางสั่งการให้คนตามแม่สื่อ ซื้อของเตรียมงานมงคล รวมไปถึงหาวันไปดูฤกษ์มงคลอย่างกระตือรืนเป็นอย่างมาก ทั่วทั้งจวนชุลมุนวุ่นวายนับตั้งแต่วันนี้และคงจะยาวไปถึงวันมงคลที่กำลังจะมาถึงอย่างแน่นอน
[1] "แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน" หมายถึง การบังคับหรือฝืนใจผู้อื่นให้ทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ ย่อมไม่เกิดผลดีหรือความสุขได้ เปรียบได้กับการเด็ดแตงโมทั้งๆ ที่ยังไม่สุกเต็มที่ ก็ย่อมไม่มีรสชาติหวานอร่อย
[2] ต้วนซิ่ว (断袖)” แปลว่า “ตัดแขนเสื้อ” เป็นสำนวนที่ใช้เรียก “ชายรักชาย”
ตอนพิเศษ : ข่าวดีครั้งใหม่เรือนใหญ่สกุลกู้ในยามเช้าอากาศปลอดโปร่ง แสงแดดอุ่นสาดต้องใบไม้เขียวชอุ่ม ด้านในเรือนหรู หลิงฉงหลงนั่งพิงหมอนอิงอยู่บนตั่ง ดวงหน้าอิ่มเอิบแฝงรอยแดงระเรื่อเพราะอาการแพ้ท้อง มือบอบบางลูบหน้าท้องแบนราบที่เพิ่งเริ่มมีกำลังจะมีชีวิตใหม่เติบโตอยู่ในนั้นกู้ซืออันก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเปี่ยมยิ้ม ดวงตาคมดุที่ปกติแฝงความเข้มงวดกลับอ่อนโยนอย่างที่สุดยามทอดมองภรรยา“วันนี้อาการดีขึ้นบ้างหรือไม่ เจ้ายังกินข้าวเช้าได้น้อยนัก ข้าห่วง”“ข้าเพียงเวียนศีรษะเล็กน้อย…ไม่เป็นอะไรหรอกท่านพี่”หลิงฉงหลงเอ่ยเสียงแผ่วแต่แววตาเต็มไปด้วยความสุข นางก้มมองหน้าท้องตนเองพลางยกยิ้มอ่อนหวาน“ครั้งนี้ ข้ามั่นใจว่าเจ้าตัวเล็กจะเป็นสตรีน้อยแน่ ๆ”กู้ซืออันหัวเราะเบา ๆ มือใหญ่ลูบเส้นผมนางอย่างเอ็นดู“จะเป็นบุตรชายหรือบุตรสาวก็ล้วนเป็นสายเลือดของเรา ข้าไม่ปรารถนาอื่นใดนอกจากให้เจ้าแข็งแรงทั้งแม่ทั้งลูก”ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ ดังใกล้เข้ามา เด็กชายวัยห้าขวบผู้เป็นบุตรคนโตวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น“ท่านแม่! นี่จริงหรือไม่ ข้าจะมีน้องจริง ๆ หรือ!?”หลิงฉงหลงยกยิ้มพลางอ้าแขนรับลูกชายเข้ามากอด“จร
ตอนพิเศษ : ความฝันที่ไม่อยากฝันยามราตรีเงียบสงัด แสงจันทร์ลอดเข้ามาผ่านหน้าต่างบานเล็ก กู้ซืออันนอนหลับตาพริ้มเคียงข้างภรรยาอย่างที่เคยทุกคืน แต่คืนนี้…กลับต่างออกไปภายในความฝัน เขาพบว่าตนเองยืนอยู่ในเรือนว่างเปล่า ทุกสิ่งที่เคยอบอุ่นกลับเย็นเยียบไร้ผู้คน เสียงหัวเราะที่คุ้นหูหายไปจนหมดสิ้น เขาเดินไปทั่วทั้งเรือนแต่กลับไม่พบเงาของนางแม้แต่น้อยแล้วภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า — หลิงฉงหลงยืนอยู่กลางลาน แต่ใบหน้างดงามกลับเย็นชา แววตาไร้แววอ่อนโยนที่เคยมีให้เขา“ซืออัน…ข้ามิได้รักท่านอีกต่อไปแล้ว”หัวใจของเขาราวกับถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ มือใหญ่เอื้อมไปคว้าแต่กลับว่างเปล่า ร่างของนางถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเลือนหายไปกับหมอกจาง“ฉงหลง! อย่าไป… อย่าทิ้งข้า!” เสียงตะโกนของเขาแตกพร่า สะท้อนก้องไปทั่วความว่างเปล่าความหนาวเหน็บบีบรัดจนหายใจไม่ออก ความหวาดกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนถาโถมเข้ามาในใจชายผู้ไม่เคยยอมแพ้แก่สิ่งใดกู้ซืออันสะดุ้งตื่นในยามดึก เหงื่อเม็ดโตผุดเต็มหน้าผาก หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอก เขาหันไปมองคนข้างกายทันทีหลิงฉงหลงยังคงนอนหลับสนิท แสงจันทร์อาบไล้เรือนร่างบอบบางในอ้อมผ้า
ตอนที่ 36เพื่อนางข้าไม่เกี่ยงหากต้องโหดเหี้ยมหนี้ที่นายอำเภอฉางต้องชดใช้ถูกเรียกเก็บเป็นก้อนๆ เพราะอีกฝ่ายมีหนี้สิ้นมากหลายแห่ง แน่นอนว่าเงินเพียงเล็กน้อยไม่ได้สำคัญถึงกับที่กู้ซืออันจะรอไม่ได้ มีลูกหนี้เป็นนายอำเภอถือเป็นการดีเสียอีก อีกทั้งอำนาจและเส้นสายของนายอำเภอฉางตั้งหากที่พอจะสำคัญในสายตากู้ซืออันอยู่บ้างเรื่องของฉางกู๋เขาให้คนตามดูจนแน่ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายออกไปจากเมืองต้าไห่แล้วจริงๆ อีกทั้งเหมือนจะลงใต้เพื่อเดินทางไปที่บ้านเดิมของสกุลฉาง แม้ฉางกู๋จะยอมจากไปแต่โดยดีทว่ากู้ซืออันย่อมไม่อาจวางใจได้ว่าในอนาคตคนผู้นี้จะคิดหวนกลับมาทำร้ายฮูหยินตัวน้อยของตนอีกหรือไม่แน่นอนว่าเขาย่อมต้องลงมือก่อนที่จะนั่งรออีกฝ่ายที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาแก่แค้นหรือไม่และจะใช้วิธีการใดและเวลาใดเพราะฉะนั้นในคืนหนึ่งกู้ซืออันจึงมีคำสั่งการหนึ่งให้จางจงคนสนิทไปทำนั่นก็คือหามือดีสักหายคนไปจัดการหันแขนหักขาฉางกู๋ผู้นั้นซะ โดยให้ทำให้เหมือนว่าเป็นฝีมือของพวกโจรที่ต้องการปล้นชิงทรัพย์คนที่คิดร้ายกับฮูหยินของเขา แม้ชายหนุ่มจะไม่คิดเอาชีวิตแต่ก็ไม่คิดให้คนผู้นั้นอยู่ครบสามสิบสองส่วนในร่างกายอยู่แล้ว“อย่าให้เห
ตอนที่ 35ทำผิดก็ต้องชดใช้คืนนั้น หลังจากขับไล่ฉางกู๋ออกไปแล้ว นายอำเภอฉางมิอาจข่มตาหลับได้ทั้งคืน ความคิดถึงชื่อเสียงและเกียรติยศของตระกูลฉางวนเวียนอยู่ไม่หยุดสุดท้ายเมื่อฟ้าเริ่มสว่าง เขาจึงตัดสินใจพาตัวเองไปยัง จวนสกุลกู้ ด้วยท่าทีที่ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาที่หน้าจวน คนใช้ของสกุลกู้ต่างประหลาดใจที่เห็น ขุนนางผู้ทรงอำนาจแห่งเมืองนี้ ยอมก้าวลงจากเกี้ยวด้วยตนเอง แถมยังไม่แสดงอำนาจข่มใด ๆ ดั่งเคย หากแต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังเมื่อกู้ซืออันก้าวออกมาต้อนรับ เขาเห็นชัดว่านายอำเภอฉางโค้งคำนับลึก แววตาที่เคยเชิดชูศักดิ์ศรีบัดนี้เต็มไปด้วยการยอมอ่อนข้อ“คุณชายกู้… ข้ามาครานี้เพื่อกล่าวคำขออภัยต่อท่านและฮูหยินโดยตรง เรื่องที่หลานโง่เขลาของข้าได้ก่อไว้ ข้าขอยอมรับผิดทั้งหมด”เสียงของเขาหนักแน่น แต่ฟังออกชัดเจนว่าฝืนกล้ำกลืนความอับอายเอาไว้เต็มที่กู้ซืออันยกยิ้มจาง ๆ ไม่ได้แสดงความโกรธเคืองหรือรีบร้อนตอบรับ เพียงเอ่ยช้า ๆ ราวกับให้ถ้อยคำของอีกฝ่ายก้องสะท้อนอยู่ในโถง “นายอำเภอฉาง…ถ้อยคำนี้ ข้าเฝ้ารอมาเนิ่นนานแล้ว”ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งจวน ทุกคนจับตามองการเผชิญหน้าของสองตระกูลอย่างระทึ
ตอนที่ 34 เริ่มลงมือ หลายวันต่อมา ในเรือนของนายอำเภอฉาง บรรยากาศกลับไม่ สงบดังเดิมเสียงฮูหยินใหญ่ตวาดลั่นออกมาจากห้องโถง “ท่านไปเล่นการ พนันอีกแล้วใช่หรือไม่! ข้าถึงได้ยินข่าวว่ามีเจ้ามือจากนอกเมืองมาตามทวง หนี้ถึงหน้าประตูเรือน!”นายอำเภอฉางขมวดคิ้ว หน้าดำแดงเพราะทั้งโกรธและอับอาย “พวกนั้นมันใส่ความข้า! ข้ามีหน้าที่การงานทั้งตำแหน่ง ใครจะกล้าออกมาเอาเรื่องกับข้าอย่างเปิดเผยเล่า”“แต่คนทั้งเมืองเขาเริ่มซุบซิบนินทาแล้วว่า นายอำเภอฉางเป็นหนี้ บ่อนจนหัวโต หากเรื่องนี้ลามไปถึงผู้ตรวจการ เจ้าคิดหรือว่าตำแหน่งของ เจ้าจะมั่นคง!”คำพูดนั้นทำให้เขาหน้าซีดลงเล็กน้อย แม้จะพยายามข่มอารมณ์ แต่เหงื่อเย็นก็ผุดขึ้นตรงขมับในขณะเดียวกัน คนสนิทของเขารีบเข้ามารายงานเบา ๆ“ท่านนายอำเภอ…มีข่าวว่ามีคนลือกันว่า ท่านรับสินบนจากพ่อค้าหลายราย ทั้งยังเกี่ยวพันกับการลักลอบสมุนไพรต้องห้าม”นายอำเภอฉางสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกกว้าง “เรื่องนี้…ใครเป็นคนปล่อย!”คนสนิทก้มศีรษะต่ำ “ข้าน้อยยังไม่รู้แน่ชัด เพียงแต่ได้ยินว่าข่าวลือเริ่มแพร่ไปตามโรงเตี๊ยมกับตลาด คนพูดกันหนาหูนัก…”เขากำหมัดแน่น กัดฟันกรอด “เป็นใคร…เป็นใ
ตอนที่ 33 เฝ้ารอโอกาส กว่าที่หลิงฉงหลงจะตั้งตัวตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ก็กินเวลาไปกว่าสามวันเต็มๆ แล้ว กู้ซืออันยังไม่ยอมให้นางออกไปดูที่ร้านฮวาเซียงด้วยตนเอง นางรู้ดีว่าชายหนุ่มเป็นห่วงกลัวว่านางไปเห็นด้วยตาตนเองแล้วจะเกิดอารมณ์อ่อนไหวอีกแต่ถึงอย่างนั้นแม้นางไม่ได้ไปด้วยตัวเองแต่ก็ต้องเรียกสวีมี่อิงผู้ดูแลร้านเข้ามารายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเพลิงที่เผาไหม้มี่อิงรายงานกับนางว่าทุกอย่างในส่วนของร้านและที่เก็บของภายในร้านที่เก็บสินค้าเอาไว้เป็นส่วนใหญ่นั้นถูกเผาจนเหลือเพียงแค่เศษซาก ทุกอย่างเสียหายจนหมดสิ้น รายการความเสียหายเล่มหนึ่งถูกยื่นมาพร้อมกับการรายงานให้ฟัง แน่นอนว่าหญิงสาวรับรายงานนี้เอาไว้ด้วยใจที่สั่น หากไม่ติดว่ามีผู้เป็นสามีคอยกุมมือให้กำลังใจอยู่ทุกขณะหญิงสาวก็คงไม่อาจกลั้นน้ำตาหรือความอ่อนไหวนี้เอาไว้ได้อีกโชคดีที่ส่วนของบ้านเล็กๆ ของนางที่ถนนหมายเลขสิบสามไม่ได้รับความเสียหายไปด้วย เพราะกำแพงกั้นระหว่างกันนั้นค่อนข้างจะแน่นหนาแข็งแรงอีกทั้งไม่มีหลังคาหรือส่วนใดของเรือนที่ยื่นใกล้ชิดกันจนเพลิงจะสามารถลุกลามมาถึงได้หลิงฉงหลงอดคิดไม่ได้หากนางต้องสูญเสียบ้านหลั