“พี่พาร์ท!!!!!!!!” ฉันร้องอย่างดีใจและวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายด้วยความคิดถึง
“คิดถึงจังค่ะ” และแน่นอน ไม่ได้เจอกันนานมันต้องหอมแก้มซ้ายขวา ให้หายคิดถึงเสียหน่อย
“ญี่ปุ่น!” พี่พาร์ทเอ่ยเสียงดุ มือดันหัวน้องออกจากตัว
“ก็ญี่ปุ่นคิดถึง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ขอกอดหน่อย” คนตัวเล็กไม่ยอมพยายามจะกอดพี่ชาย แต่คนพี่กลับเอาแต่ผลักไส
“โอ้ ลืมไป” แล้วตามันไปสะดุดกับใครบางคนที่ยืนทำหน้านิ่ง
“โอเค ไม่กอดแล้วก็ได้ ไม่คิดมากใช่ไหมเธียร” ฉันหันไปยิ้มให้น้อง
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นหนูตบ!” เธียรทำหน้าจริงจัง
“นี่พี่เอง พี่ญี่ปุ่นไง” ฉันทำหน้าอ้อน
“ฮึ...หนูล้อเล่น กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ คิดถึงจัง” ร่างบางโผเข้ากอดฉันทันที
“เมื่อวาน พี่ก็คิดถึงเราแล้วน้องพลอยเป็นไงบ้าง เห็นโมจิบอกตัวจริงน้องน่าฟัดมาก”
“อยู่กับคุณแม่ค่ะ พอดีวันนี้หนูมาเรียนรู้งานกับพี่พาร์ท” เธียรหันไปยิ้มให้พี่พาร์ทที่ยืนนิ่งมือล้วงกระเป๋า คนอะไรขี้เก๊กไม่เลิก มีดีแค่หล่ออย่างที่เธียรว่าจริง ๆ พี่ชายฉัน
“เข้าไปข้างใน อารออยู่” พี่พาร์ทพูดเสียงตึง ๆ แล้วคว้ามือดึงเมียเดินกลับเข้าไปในห้อง
“เขาเป็นอะไร” ฉันหันไปถามโมจิ
“......” ตัวเล็กส่ายหัวแล้วจูงมือพี่สาวเข้าไปในห้อง แต่ทว่า...พอก้าวขาเข้าไปในห้องเท่านั้นแหละ จากที่ยิ้ม ๆ ต้องอารมณ์เสียทันที เขามาทำอะไรที่นี่
“ญี่ปุ่น มาลูกนั่งตรงนี้” แดดดี้เรียกให้ฉันไปนั่งใกล้แล้วมันตรงข้ามกับที่ ที่พี่แบงค์นั่ง และถ้าจำไม่ผิดผู้ชายที่นั่งข้าง ๆ เขาคือผู้ชายที่เข้าหาเมื่อคืน ถึงมันจะมืดแต่ก็พอจำได้ และผู้ชายคนนั้นเห็นหน้าฉันเขาก็หน้าซีดลงทันที แสดงว่าเขาก็จำได้เหมือนกัน
แต่คนที่นั่งนิ่งคือพี่แบงค์ เขาดูไม่ตกใจดูเฉย ๆ แต่ก็ดีเหมือนกัน ยังไงก็ไม่ได้สนใจอะไรเขาแล้วนิ ก็แค่ธาตุอากาศ แต่ก็คงจะเป็นอากาศที่เป็นพิษ เห็นหน้าขรึม ๆ แล้วหงุดหงิด เฮ้อ...
“นี่ นิธิภัทร์ เขาเป็นวิศวกรและเป็นหัวหน้าแผนกดูแลเครื่องกลทุกเครื่องในโรงงาน” แดดดี้เอ่ยขึ้น
“สวัสดีครับ” เขาเอ่ยทักทาย
“ค่ะ!” ก็เชิดใส่ไปสิคะ สนใจอะไร
“แดดดี้โมจิขอตัวไปข้างนอกนะคะ โมจิจะไปหาอะไรกิน” น้องเดินมากระซิบแด๊ด
“.....” แด๊ดพยักหน้า และเอามือลูบหัวน้อง ก่อนโมจิจะเดินออกไป
“ตัวเล็ก ของพี่ด้วย”
“ได้ค่ะ แต่รอนานหน่อยนะ โมจิจะไปรับขุนศึกด้วย” ฉันยักคิ้วให้น้อง ก่อนจะหันกลับมาสนใจที่แด๊ดพูด
“ทุกคนคงจะรู้แล้วใช่ไหมว่าที่เรียกมาวันนี้คืออะไร” แด๊ดมองหน้าพี่แบงค์
“ครับ” เขาพยักหน้า ก่อนเลขาพี่พาร์ทจะเอาเอกสารมาแจก เหมือนทุกคนจะรู้เรื่องทุกอย่างยกเว้นฉัน แดดดี้จะทำอะไรของเขากันนะ
“คือตอนนี้ลูกสาวผม ณิชาภัทร โชติฐิติเมธานนท์ เรียนจบออกแบบดิไซเนอร์มา และผมกับผู้บริหารคนอื่น ๆ” แด๊ดหันไปมองพี่พาร์ทที่ไม่พูดอะไร แค่พยักหน้ารับให้แด๊ดพูดต่อ
“ได้ตกลงว่าเราจะเปิดโรงงานผลิตเสื้อผ้าแฟชั่น ควบคู่กับเครื่องเพชร แต่อย่างที่รู้ ๆ ว่าทุกคนยังใหม่กับเรื่องนี้ และนี่คือแบบแผนทั้งหมดที่ผมจัดทำขึ้น” ทุกคนเปิดเอกสารตรงหน้าดูรวมถึงฉัน ในนั้นมันมีแผนธุรกิจซึ่งแด๊ดเขาได้วางกลไกการตลาดไว้เป็นอย่างดี และถ้าเดาไม่ผิดแดดดี้เขาสร้างโรงงานให้ฉันผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ตัวเอง เพราะเงินทุนทุกบาทแด๊ดเป็นคนจ่ายเอง!
“แต่สิ่งที่ผมขาดตอนนี้คือเครื่องกล และผมอยากให้คุณ มารับผิดชอบตรงนี้ คุณนิธิภัทร์ รวมถึงลูกน้องของคุณทุกคน” แด๊ดจ้องหน้าพี่แบงค์ที่ยังใช้ความคิดอยู่กับเอกสารตรงหน้า
“ว่าไง” แด๊ดเดินเข้าไปใกล้เขา
“ครับ ผมไม่มีปัญหา” แต่เขากลับมองมาที่ฉัน และแน่นอนฉันไม่สนใจ อยากมองก็มองไปสิ ว่าแต่แด๊ดเขาเอาจริงเหรอ ทำไมแด๊ดถึงน่ารักแบบนี้ นี่มันคือความฝันของฉันเลยนะ
“กูว่ากูจำได้แล้ว” ...ดนัยพูดเสียงกระซิบ
“.....” แบงค์นั่งเงียบ
“น้องคนที่บอกชอบมึง สมัยเรียนกูจำได้แล้ว ตอนนั้นว่าสวยแซ่บแล้ว ตอนนี้แม่งโคตรแซ่บ ว่าแต่ทำไมเขาดูไม่สนใจมึงเหมือนเมื่อก่อน” ...ดนัยทำหน้าครุ่นคิด พูดกระซิบเพื่อน ระหว่างที่กันต์ชี้แจงรายละเอียดต่าง ๆ
“......” แต่เขาก็ต้องเงียบเมื่อเจอสายตาเลือดเย็นคู่นั้นของเพื่อนจ้องหน้า
“ทุกคนเข้าใจแล้วใช่ไหม พาร์ทเสร็จแล้วถ้าไม่ได้ไปไหนอาขอคุยด้วย” แด๊ดหันไปมองพี่พาร์ทที่กำลังดูเอกสาร
“ครับอา แต่ต้องคุยตอนนี้เพราะอีก 1 ชั่วโมงผมมีประชุม”
“งั้นก็ไปตอนนี้เลย ส่วนคุณผมฝากบอกรายละเอียดเรื่องเครื่องจักรที่เราคุยกันก่อนหน้านี้กับลูกสาวผมด้วย ส่วนลูก ถ้าอยากได้อะไรก็บอกคุณนิธิภัทร์ ไว้แด๊ดคุยงานกับพี่เสร็จเดี๋ยวมาหา” แล้วแด๊ดก็เดินออกไปทันที
“จดทันใช่ไหม” พี่พาร์ทหันไปถามเมีย
“ไม่ทันเลย” เธียรทำหน้าบึ้ง
“เธอนี่มันจริง ๆ เก็บของ” พี่พาร์ทถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายแล้วเดินออกไป เธียรก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ยเก็บของแล้วเดินตามออกไป แต่แอบเห็นนะว่าพี่พาร์ทยืนรอเมียที่หน้าห้อง แล้วมีจูบปลอบกันด้วย เก๊กจริง ๆ เลยพี่ชายฉัน
“มองอะไรคะ ไม่เคยเห็นคนสวยเหรอ แล้วยังอยากจีบอยู่ไหม” ฉันหันไปจ้องหน้าเพื่อนพี่แบงค์ที่เอาแต่มอง
“มะ...ไม่กล้าครับ แค่จะกินเหล้ายังให้เพื่อนเลี้ยง ผมคงไม่มีปัญญา กูไปก่อนนะแบงค์” แล้วเขาก็เดินออกไปทันที และในห้องก็เหลือแค่เราสองคน พร้อมความเงียบจนวังเวง
“อยากรู้อะไร” เขาเอ่ยเสียงแข็ง
“แล้วมีอะไรจะพูดล่ะ พูดมาสิ” ฉันพูดอย่างไม่ได้สนใจ เปิดเอกสารทำความเข้าใจในส่วนที่ยังไม่เข้าใจ
ตึก ตึก ตึก
“มันจะมีเครื่องสองแบบ เครื่องแรกใช้กับผ้าทอโรงงาน และเครื่องที่สองใช้กับผ้าทอมือ กลไกการทำงานสองเครื่องนี้จะคล้าย ๆ กัน แต่จะต่างกันตรงที่เครื่องที่สองจะทำงานช้ากว่าใช้กับงานทอมือ ส่วนเรื่องเย็บปัก ผมขอเสนอให้ใช้แรงงานคน เพราะจะมีความละเอียดกว่า” เขาพูดและเดินเข้ามาใกล้ ฉันก็ไม่ได้อะไร ก็ฟัง ๆ ไปแต่ที่เขาพูดมันก็มีเหตุผล ซึ่งก็เป็นความคิดที่ใช้ได้เลย
“แล้วตรงส่วนนี้ล่ะ เขาทำกันยังไง แล้วถ้าจะไปดูด้วยตัวเองต้องไปที่ไหน” แต่สิ่งที่ฉันสนใจคือภาพที่เขาแต่งชุดชาวเขากำลังทอผ้า และผ้ามันก็ดูสวยมาก
“นี่!! ว่าไงไม่ได้ยินที่ถามเหรอ”
“อึก” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อเงยหน้าขึ้นกำลังจะถามเขา แต่เขากลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แล้วปากเรามันก็ประกบกันพอดี
เพียะ!!!
“ไอ้บ้า!” มือเล็กตบหน้าเขาอย่างแรง ก่อนจะลุกหนีเดินออกจากห้อง
หมับ!!
“ฮื่อ!! ปะ...” แต่มือหนากลับคว้าข้อมือเล็กไว้ ร่างเล็กถูกกระชากดึงเข้าไปกอด ก่อนเขาจะประกบปากจูบอีกครั้งอย่างแรง
“ฮื่อ” สองมือดันแผงอกแกร่ง ทั้งทุบทั้งตี แต่ยิ่งฉันดิ้นทุบตีเขาแรงเท่าไร เขายิ่งบดจูบขยี้ริมฝีปากอย่างหนักหน่วงจนมันเจ็บไปทั่วทั้งบริเวณ!
“ปล่อยนะเจ็บ” คนตัวเล็กหยุดนิ่ง เอ่ยเสียงเบาก่อนเขาจะหยุดและค่อย ๆ ผละปากออก
“ถ้าตบฉันจูบ!” เขาพูดขู่เมื่อมือเล็กง้างมือกำลังจะตบ
“ไม่ได้ขู่ หรือจะลองดูก็ได้”
พรึบ!
ร่างเล็กถูกดึงเข้าไปกอดอีกครั้ง ไม่ได้ฉันจะยอมเขาไม่ได้ เดี๋ยวเขาจะคิดว่ายังมีใจให้เขาอยู่
“ถ้าพี่จูบอีก ญี่ปุ่นจะถือว่าพี่รักญี่ปุ่น เอ๊ะไม่สิพี่ต้องรักแล้วแหละถึงได้เจอหน้าแล้วจูบเอา ๆ เพิ่งจะกลับมาถึงเมื่อวาน ทำไมคะคิดถึงเหรอ” มือเล็กลูบวนที่หน้าอก พูดเสียงออดอ้อน ทำท่าทางยั่วยวน
“อย่าเงียบสิคะ บอกแล้วไงว่าอยากจูบก็บอกดี ๆ เนี่ยเห็นไหมปากเลอะหมดแล้ว” นิ้วเรียวเขี่ยเกลี่ยริมฝีปากหนา ที่เลอะไปมา พร้อมกัดปากยั่วยวน
“อย่ามาทำตัวทุเรศกับฉันแบบนี้!”
พรึบ!!
ร่างเล็กถูกผลักอย่างแรง
“ฮึ...” ฉันได้แต่ส่ายหัวมองหน้าเขา แล้วเดินเข้าไปหา พร้อมใช้มือลูบไล้ใบหน้าหล่อ ๆ
“ทำตัวทุเรศแต่ก็มีคนอยากจูบ มันดีออก” ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง ตรงไปยังห้องทำงานพี่พาร์ททันที โดยที่ไม่หันกลับไปมองไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย...
“พี่แบงค์!! โอ๊ยพอแล้ว”“ญี่ปุ่นเมื่อย ถ้าพี่ทำนานกว่านี้ลูกคงได้ออกมานั่งคุยกับพี่จริง ๆ แน่!” ร่างเล็กที่หันไปจ้องคนตัวโตตาเขม็ง“......” แต่เขากลับเงียบยังคงตะบี้ตะบันกระแทกความแข็งแกร่งใส่ร่องสวาทอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นี่ขนาดท้องโต 5-6 เดือนแล้วนะ ทำไมพี่เขาถึงหื่น ขึ้นได้ทุกวันพั่บ พั่บ พั่บสองมือค้ำยันที่นอน คุกเข่าแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วนะ อีตาบ้า ไม่สงสารกันบ้างเลยหรือไง กลางวันเลี้ยงลูก กลางคืนเลี้ยงผัว เฮ้อ...เพลีย“อีกนิด พี่จะแตกแล้ว” เขาเอ่ยเสียงกระเส่าแหบแห้ง มือหนาลูบวนหน้าท้อง อีกมือบีบขยำสองเต้าอย่างเมามัน“อ๊ะ...พะ...พี่แบงค์ มะ...มันเสียวนะอย่าเล่นสิ” มันรู้สึกเสียวซ่าน ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวเมื่อมือหนาเลื่อนต่ำ ลูบวนหน้าท้องสัมผัสโหนกเนื้ออวบนูน ก่อนปลายนิ้วร้ายจะเขี่ยขยี้ติ่งเกสรเม็ดเล็กอย่างเอาแต่ใจ ริมฝีปากหนาจูบ ลากลิ้นเลียไปทั่วแผ่นหลังทำเอาฉันถึงกับอยู่ไม่สุข ร้อนรุ่มกระสันไปทั้งตัว ยิ่งเขากระแทกถี่รัวเท่าไร มันก็ยิ่งเสียวซ่านแทบจะขาดใจตายอยู่ตรงนี้ปึก ปึก“อ่า ตอดพี่ถี่แบบนี้ จะเสร็จแล้วใช่ไหม ฮื้ม!” คนตัวโตยันตัวลุกขึ้น สองมือกดสะโพกผายแน่น หมุนควงเอว
เราทุกคนได้แต่มองหน้ากันด้วยความสงสัย แต่ผู้ชายชุดดำที่เดินตามหลังเข้ามาเขาดูคุ้นตามาก......แล้วยิ่งตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาเดินตรงมาทางที่พวกเรานั่งอยู่“เพื่อนพี่” ฉันหันไปถามพี่แบงค์ ที่มองหน้าผู้ชายคนนั้นอย่างเอาเรื่อง“ไม่ใช่” เขาเอ่ยเสียงเรียบ หน้านี้คือพร้อมบวกมาก“เพื่อนเธอสองคนเปล่า” ฉันหันไปถามภูผากับน้ำอุ่น“......” ภูผาเงียบ นั่นแสดงว่าไม่ใช่“ไม่นะ อุ่นไม่มีเพื่อนผู้ชายนอกจากภูผา” น้ำอุ่นเอ่ยเสียงเบา มองหน้าภูผาอย่างกลัว ๆ“ผัว!! ไม่ใช่เพื่อน!” ภูผาพูดกระแทกเสียง แล้วยกแก้วเหล้าเข้าปาก“นิสัยนี้ไม่หายสักที เดี๋ยวเถอะฉันจะหาผัวใหม่ให้ยัยน้ำเน่า!” ฉันพูดดุภูผา มีอย่างที่ไหน แค่นี้ก็ต้องเย็นชาใส่ ต้องทำหน้าขรึม“......” ภูผาเงียบไม่สนใจที่ฉันพูด แถมยังดื่มเหล้าอย่างกับน้ำ ส่วนมือน่ะโอบเอวเมียไว้กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไงว่ามีเจ้าของแล้ว เฮ้อ...คนบ้าอะไรโคตรหึงแรง สงสารก็ยัยลูกเต่า น้ำเน่าโชคดีที่ได้คนรักจริงเป็นผัว แต่โชคร้ายที่มีผัวขี้หึง หึงแม้แต่ยุงตัวผู้! ก็ไม่เว้น“เฮ้อ...” ฉันได้แต่ถอนหายใจส่ายหัว แล้วมองผู้ชายคนนั้นอย่างครุ่นคิด“พี่ซัน!!” ใช่ ใช่แล้วฉันว่าฉันจำไม่ผิด ถึ
2 เดือนผ่านไปหลังจากที่จบเรื่องวุ่น ๆ ของยัยวิด้า และพ่อพี่แบงค์ไปได้ ทุกอย่างก็ดูสงบวิด้า สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริง แต่เธอยืนยันเสียงแข็ง ไม่ต้องการจะแต่งงานหรือให้เพื่อนพี่แบงค์รับผิดชอบอะไร พ่อเธอเองก็ไม่ติดใจอะไร แต่ก็ดูไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เขารู้จักกับลุงปืน ผู้ใหญ่เขาคุยอะไรกันบ้างฉันก็ไม่รู้ แต่ดีที่เขาพาลูกสาวกลับไปด้วย คงจะจ่ายเยอะอยู่พอสมควรเพื่อปิดข่าวฉาวในครั้งนี้ส่วนพ่อพี่แบงค์สุดท้ายต้องยอมแพ้ ไม่เหลืออะไรเมื่อคุณแอนนาหอบเงินหนีไปต่างประเทศทิ้งภาระหนี้สินมากมายไว้ให้เรื่องบริษัท ทุกคนลงความเห็นเทกโอเวอร์ซื้อหุ้นแล้วให้พี่แบงค์เป็นผู้บริหาร ตอนแรกเขาก็ไม่ยอมรับ ไม่อยากให้ใครมองว่าที่เขาได้ตำแหน่งนี้มาเพราะเป็นลูกเขยแด๊ด เป็นสามีฉันทั้งในทางพฤตินัยและนิตินัยสิ่งที่แด๊ดพูดกับพี่แบงค์ ทำให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วแดดดี้ เองก็เอ็นดูในตัวพี่เขาอยู่ไม่น้อย‘โอกาสมันไม่ได้มีให้บ่อยครั้ง ใช้ความสามารถที่มี แสดงให้ทุกคนเห็นว่าฉันเลือกคนไม่ผิด อย่าทำให้ทุกคนผิดหวัง’คำพูดนี้ของแด๊ด ทำเอาฉันดีใจจนร้องไห้ เพราะในใจคิดมาตลอดว่าที่แด๊ดยอมเพียงเพราะเห็นแก่ฉันที่รักเขา แต่จริง ๆ แล้วมันไม
“?” แล้วฉันก็ได้แต่ยืนงง ใครกันที่นอนกับยัยนี้ แล้วพี่แบงค์เขาเป็นอะไรทำไมต้องเกรี้ยวกราดขนาดนั้นด้วย?“นี่!! ทำแบบนี้กับวิด้าไม่ได้นะวิด้าไม่ยอม!!” ยัยวิด้า เอ่ยเสียงแหลมเดินตามพี่แบงค์ออกไปหมับ!!“หยุดเลยนะ” มือเล็กคว้าข้อแขนเธอไว้ทันที“ปล่อย!! ฉันจะไปคุยกับพี่แบงค์ให้รู้เรื่อง ยังไงเขาก็ต้องรับผิดชอบ!!” เธอยืนกรานเสียงแข็ง“จะไปให้พี่เขาด่าหรือไง พี่แบงค์เขาเป็นลูกผู้ชายพอ ถ้าเขาทำก็ต้องยอมรับ แต่เขาพูดชัดขนาดนี้แล้ว ไม่อายบ้างหรือไง เธอนี่มันหน้าด้าน หน้าหนากว่าผนังห้องอีกนะ ยัยบ้า!! รู้ไหมทำแบบนี้คนเสียหายคือตัวเอง ที่พูดน่ะ เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกันนะ” ฉันจ้องหน้าเธอ แต่ดูท่าสิ่งที่พูดออกไปมันคงจะไม่เข้าหูเธอเลยด้วยซ้ำ“ช่วยกรุณาไปแรดไกล ๆ ผัวฉันด้วย เธอจะไปเอากับใครก็ได้แต่ไม่ใช่ผัวฉัน! จบนะ” แล้วฉันก็เดินหนีออกจากห้องนั้นทันที ก่อนที่จะอดทนไม่ได้ ไม่อยากลงไม้ลงมือกับใครถ้าไม่ถึงที่สุด...“พี่แบงค์!” ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเดินตามพ่อของลูกไป คนบ้าอะไรเดินเร็วเป็นบ้า“......” คนตัวโตเงียบ ทำหน้าบึ้ง“พี่โกรธญี่ปุ่นเหรอ?”“เปล่า” เขาเอ่ยเสียงเย็น เย็นชาใส่แบบนี้เหรอเรียกว่า
“คุณญี่ปุ่น!” พนักงานคนหนึ่งหันมาเห็นฉัน สีหน้าท่าทางเธอดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด“ไม่มีงานทำกันเหรอ?” แค่เห็นว่าเป็นยัยวิด้า ยัยกะทกรกเน่าอารมณ์มันก็เดือดขึ้นมาทันที อยากจะเดินเข้าไปกระชากหัวแล้วจิกสักที แต่ก็ต้องข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ เพราะที่นี่คือที่ทำงาน ต้องวางตัวให้สมฐานะ“…...” ทุกคนเงียบ เอาแต่ก้มหน้าอย่างสำนึกผิด ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่“จะเป็นไปได้เหรอ ฉันได้ยินมาว่าคุณแบงค์กับคุณญี่ปุ่นเขาสองคนเป็น...” พนักงานคนหนึ่งพูดเสียงกระซิบ“ใช่ ๆ ๆ ๆ ฉันก็ได้ยินมาแบบนั้น ข่าวว่าเขามีลูกด้วยกันแล้วด้วย แต่คบกันตอนไหน?”“......” ฉันหันไปจ้องดุ ทั้งสองคนที่พูดกระซิบนินทา ก่อนสองสาวนั้นจะรีบเดินหนีไปในทันที เฮ้อ...มีแต่เรื่องให้ปวดหัว“ไม่อายหรือไง?”“.......” ยัยวิด้าเงียบ ทำหน้าไม่สนโลก ไม่สนใจที่ฉันถาม“แต่คนอย่างเธอ...ก็ไม่น่าจะมียางอาย” ฉันมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณา สภาพแบบนี้ดูก็รู้ว่าไปเอากับใครมา แต่มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ถึงได้หอบสังขารเน่า ๆ มาถึงที่นี่“พี่แบงค์ล่ะ...ได้ฉันแล้วคิดว่าจะจบง่าย ๆ แบบนี้เหรอ” เธอเอ่ยออกมาอย่างหน้าตาเฉย“ได้เธอ?” ยัยนี้ไม่จบไม่สิ้
“ฮึ...” รอยยิ้มร้ายเผยขึ้นบนใบหน้า เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรูปภาพสาวน้อยในชุดนักเรียน ม. ปลาย นามว่าญี่ปุ่น และแน่นอนถ้ามีรูปญี่ปุ่นก็แสดงว่าเธอเข้าไม่ผิดห้อง...วิด้ายังคงมองสำรวจ เพิ่มความแน่ใจให้ตัวเอง จนมั่นใจ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องนอน ที่มืดสลัว มีเพียงแสงสว่างจากข้างนอกส่องเข้ามา“พี่แบงค์” หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่วเบา ค่อย ๆ ก้าวเท้าไปยังเตียงนอน“ฮือ...ใครวะ ไหนบอกว่าจะกลับแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงงัวเงีย เพราะทั้งเหนื่อยจากงาน เพลียกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เพิ่งดื่มเข้าไป ตอนนี้เขาทั้งมึนทั้งง่วงจนประคองตัวลุกไม่ไหว“คือพอดีว่า...” เธอทำเสียงเขินอาย แต่กลับเดินตรงไปยังเตียงนอน พร้อมปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัวทีละชิ้นสองชิ้น เปลือยเปล่าก้าวเท้าขึ้นไปบนเตียงอย่างว่องไว“อะไรวะ?” ชายหนุ่ม พยายามขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้น เมื่อรู้สึกถึงร่างกายนุ่มนิ่มขยับตัวเข้าใกล้ แต่เขาเพลียเกินไป ทำได้แค่นอนนิ่ง ให้มือเล็กล้วงจับลูบไล้ไปตามร่างกาย“วิด้ารักพี่นะคะ และพร้อมจะเป็นของพี่” เสียงหวานเอ่ยขึ้น พร้อมมือเล็กนุ่ม ลูบคลำตรงส่วนนั้น ปลุกเร้า ความเป็นชายที่ค่อย ๆ ขยายใหญ่สู้มือเธอพั่บ!!“อย่าเล่นส