“เป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้น” ฉันเดินเข้าไปกอดแด๊ดที่กำลังคุยกันกับพี่พาร์ท
“เปล่า ว่าแต่แด๊ดคะ เปลี่ยนคนอื่นไม่ได้เหรอ” คนตัวเล็กทำหน้าอ้อน
“ทำไม หนูมีเรื่องอะไรกับนิธิภัทร์” แด๊ดจ้องหน้าอย่างจับผิด
“......” คนตัวเล็กเงียบริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันมองหน้าพี่ชาย
“ไม่มีอะไรหรอกครับอา น้องคงยังไม่ชิน” พี่พาร์ทเอ่ยขึ้น และเดินเข้ามาหา
“ใช่ค่ะแด๊ด ญี่ปุ่นคงคิดมากไปกลัวเขาจะทำงานออกมาไม่ดี แต่ถ้าแด๊ดว่าโอเคหนูก็ไม่มีปัญหา”
“งั้นก็ดี เพราะงานนี้แด๊ดตั้งใจทำให้หนู งั้นแด๊ดไปก่อนมีเรื่องจะคุยกับนิธิภัทร์ก่อน”
“ค่ะ”
“พี่เชื่อว่าน้องสาวพี่รู้จักแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว” พี่พาร์ทเดินเข้ามาจับไหล่ให้กำลังใจ
“รู้ค่ะ แต่ญี่ปุ่นแค่...” มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้
“หรือเรายังรักเขาอยู่”
“ไม่ค่ะ ญี่ปุ่นไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้ว สนใจอะไรคนไม่มีใจ!”
“งั้นก็ดี พี่ไปประชุมก่อน”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” มือเล็กรีบดึงแขนพี่ชายไว้
“คืนนี้พาน้องไปเที่ยวได้ไหม พวกเราไม่ได้เที่ยวกันนานแล้วนะ” คนตัวเล็กทำหน้าอ้อน
“หนูไป! ไม่ได้ไปเที่ยวนานแล้ว หนูไป หนูไป” เป็นเธียรที่พูดแทรกขึ้น แล้วท่าทางน้องดูตื่นเต้นดีใจมาก
“งั้นก็โอเคเลย เดี๋ยวพี่ชวนโมจิ ขุนศึก ภูผา และภูพิงค์ไปด้วย ไปหลาย ๆ คนสนุกดี” แล้วฉันก็เดินไปหาเธียรแทน ต้องแบบนี้สิถึงจะเหมาะกับตำแหน่งสะใภ้ใหญ่ของตระกูลเรา
“ฉันไม่ให้ไป!” พี่พาร์ทเอ่ยเสียงแข็ง
“พี่พาร์ท!” เธียรจ้องหน้าพี่พาร์ทตาเขม็ง มือกอดอกอย่างไม่พอใจ
“หนูจะไป พี่ดูลูกด้วย นาน ๆ ที แล้วถือเป็นการฉลองที่พี่ญี่ปุ่นกลับมา อย่ามาห้าม!” เธียรเดินเข้าไปประจันหน้ากับพี่พาร์ท นี่คงไม่ทะเลาะกันเพราะฉันนะ
“ถ้าฉันไม่ไปด้วยเธอก็อย่าหวัง! จะได้ไป” พี่พาร์ทขึ้นเสียงดุ
“ใจเย็น ๆ นะคือว่า”
“งั้นพี่ก็ไปกับหนูแค่นี้ก็จบ ส่วนตัวเล็กลูกหลับแล้วเราค่อยออกจากบ้านนะคะ นะหนูอยากเที่ยวบ้าง” เธียรทำหน้าอ้อน ฉันนี่ได้แต่ยืนมองแล้วก็ยิ้ม แน่นอนพี่พาร์ทจอมเย็นชาใจอ่อนให้กับลูกอ้อนเมียไปแล้ว
“เฮ้อ...เธอนี่มันจริง ๆ แต่ไปผับเรา ถ้าไปที่อื่นไม่ได้” พี่พาร์ทหันมาพูดกับฉันแล้วเดินออกไปทันที
“แล้วเจอกันนะคะ” เธียรทำหน้าระรื่นแล้วรีบวิ่งตามพี่พาร์ท ออกไป
“เชอะ เกลียดจังพวกปากแข็ง” ฉันก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วก็ยิ้มให้กับความน่ารักขี้อ้อนของเธียร ก่อนจะโทรหาโมจิ เพราะตัวเล็กหายไปนานมาก
หน้าบริษัท...
“ช้ามาก!!!” ทันทีที่รถน้องจอดฉันก็บ่น ๆ ๆ ๆ ๆ
“ก็ขุนศึกแหละช้า ทีหลังไม่ไปรับแล้วนะ” โมจิพูดอย่างเบื่อหน่าย
“โอ๋ที่รักไม่งอนสิครับ ศึกแค่ติดสาวแป๊บเดียวเอง” ขุนศึกเดินมาโอบเอวโมจิ
“ส่วนตัวเอง มาให้กอดให้หายคิดถึงที” แล้วมันก็ทำหน้าทะเล้นเดินเข้ามากอดฉันอีกคน
“พอ ๆ ๆ หยุดไปได้แล้วหิว”
“ได้ครับได้ วันนี้สองสาวอย่างกินอะไร ป๋าศึกเลี้ยงเอง แต่ขอเดินควงอวดชาวบ้านหน่อย อยากได้อารมณ์แบบว่าสามคนผัวเมีย” ขุนศึกทำหน้าจริงจัง
“เฮ้อ...” ฉันกับน้องได้แต่ถอนหายใจมองหน้ากันอย่างเอือมระอา แต่ก็ยอมถือว่าขำ ๆ เล่นกับเขาหน่อยสนุกดี
“.......ผู้หญิงอย่างเธอมันก็เป็นแบบนี้สินะ” ...แบงค์ถึงกับกำหมัดแน่นเมื่อเดินลงมาเห็นหญิงสาวกอดหอมอยู่กับผู้ชาย
21.00 น.
ผับXXX
“ว่าไงแม่ลูกอ่อนนึกว่าจะมาไม่ได้ซะแล้ว” ฉันเดินเข้าไปกอดภูพิงค์
“ก็เกือบไม่ได้มา แต่อยู่นานไม่ได้นะกลัวสองแฝดตื่น”
“โอเคแค่มาก็ดีใจแล้ว คิดถึงมากรู้ไหม ไว้พรุ่งนี้เดี๋ยวไปหาหลาน ๆ” ฉันกอดหอมภูพิงค์ด้วยความคิดถึง
“ขอบคุณนะคะที่ยอมพาภูพิงค์มา” ฉันหันไปยิ้มให้อาไรเฟิล ที่นั่งหน้าขรึม อาเขาพยักหน้าแล้วคุยกับพาร์ท ส่วนภูผาผิดนัดไม่ยอมมา คอยดูอย่าให้เจอหน้านะ
เราทุกคนก็นั่งคุยนั่งดื่มกันตามปกติ ก่อนอาไรเฟิลจะพาภูพิงค์กลับ ก็เข้าใจแหละลูกยังเล็ก แต่ไม่เป็นไรขุนศึกกับโมจิยังอยู่ ส่วนพี่พาร์ทก็ทำเป็นหวงเมีย จะชวนไปแดนซ์ก็ไม่ยอม
“เต้นคนเดียวก็ได้” ว่าแล้วร่างบางในชุดสุดวาบหวิวก็เดินถือแก้วเหล้าไปเต้น กับกลุ่มนักดื่มคนอื่น ๆ
“จริง ๆ เลย” ...พาร์ทได้แต่มองน้องสาวแล้วส่ายหัว
“ปล่อยไปเถอะค่ะ คงจะเครียดคงอยากผ่อนคลายบ้าง” ...โมจิมองและส่งยิ้มให้พี่สาว
“อยากเต้น” ...เธียรทำหน้าอ้อนพาร์ทที่นั่งโอบเอวไว้แน่น
“หยุดคิด ไม่งั้นฉันจับเธอกระแทกตรงนี้” ...พาร์ทพูดเสียงกระซิบจ้องหน้าเมียอย่างเอาเรื่อง
“ฮึ...คนใจร้าย”
“ที่รักอยู่กับพี่พาร์ทนะ ศึกว่า” ...ขุนศึกมองไปที่พี่สาวแล้วเกิดอาการหวงเมื่อมีหนุ่ม ๆ เดินเข้ามาใกล้
“ไปเถอะ ดูพี่ด้วย” โมจิพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนขุนศึกจะรีบเดินเข้าไปหาพี่สาวทันที
“ขุนศึก มาเต้น ๆ” สองมือโอบคอน้องเมื่อเจ้าตัวแสบเดินเข้ามาหา
“หวงเหรอ” ฉันพูดยิ้ม ๆ พร้อมโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามเสียงเพลง
“ก็แน่ละดูแต่งตัว แล้วดูที่พวกนั้นมอง” ขุนศึกพูดเสียงดุ
“เขาก็แค่มอง ถือว่าทำบุญ คิดมาก”
“จริง ๆ เลย แล้วต่อไปพี่จะไปเที่ยวไหนบอกผม ผมไม่อยากให้พี่ไปคนเดียวมันอันตราย” ขุนศึกทำหน้าจริงจัง
“โอเค” ใบหน้าหวานขยับเข้าไปใกล้ และหอมแก้มน้องชายแทนคำขอบคุณ เราสองคนพี่น้องก็เต้นคลอเคลียกันอยู่แบบนั้น
โต๊ะ...
“ทางนี้ครับ” ...พาร์ทเรียกแบงค์และกลุ่มเพื่อน ที่วันนี้เขาได้นัดเลี้ยงขอบคุณและเลี้ยงต้อนรับน้องสาวไปในตัว
“…...” แบงค์พยักหน้ารับ ก่อนจะมองไปเห็นหญิงสาวในชุดน้อยชิ้น คลอเคลียนัวเนียอยู่กับผู้ชาย แล้วต้องกำหมัดแน่น
“ไอ้แบงค์ ไอ้แบงค์” สุดเขตสะกิดเพื่อน เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ
“เชิญตามสบายนะครับ เต็มที่” พาร์ทพูดเอ่ยกับทุกคน
“ครับท่านประธาน” ดนัยถึงกับยิ้มกริ่มเพราะวันนี้จะได้กินฟรี แต่เสียดายที่ไม่มีสาว ๆ มานั่งด้วย
“ไอ้แบงค์มันเป็นอะไรดื่มเอาดื่มเอาไม่พูดไม่จา” ดนัยกระซิบถามเพื่อน เมื่อเห็นเพื่อนรักเอาแต่กระดกแก้วเหล้าเข้าปาก สีหน้าท่าทางเหมือนไม่พอใจใคร
“อยากรู้ถามมันสิ” สุดเขต พูดอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันไปบอกน้อง ๆ ทุกคนที่มาด้วยกัน
“ดื่มได้เมาได้ แต่พรุ่งนี้ต้องทำงานได้!”
“วันหยุดครับพี่ ไม่เมาไม่กลับ” หนึ่งในพนักงานเอ่ยขึ้น
“5555 งั้นเต็มที่ไอ้น้อง เอาดื่ม ๆ ๆ ๆ” แล้วทุกคนก็ต่างดื่มเต้นกันอย่างสนุกสนาน มีเพียงหัวหน้าแผนกสุดหล่อที่เอาแต่นั่งจ้องใครบางคนที่ยังเต้น อยู่ท่ามกลางผู้ชาย
“ไปเข้าห้องน้ำก่อนเดี๋ยวมา”
“ศึกไปเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่ต้อง ๆ ไปรอที่โต๊ะก็ได้”
“ไหวแน่นะ ดื่มเยอะเลยนะเรา” วันนี้ขุนศึกมาแปลก
“แค่นี่เองสบายมาก” แล้วเราสองคนก็เดินกลับไปที่โต๊ะ แต่แล้วก็ต้องอารมณ์เสียเมื่อเจอใครบางคนนั่งอยู่กับพี่พาร์ท
“มาก็ดีแล้วดึกแล้ว” พี่พาร์ทเอ่ยขึ้น
“พี่พาเธียรกับโมจิกลับก่อน ญี่ปุ่นจะอยู่ต่ออีกหน่อย กำลังสนุก” ฉันหันไปพูดกับพี่ชาย โดยไม่ได้สนใจสายตาเลือดเย็นนั้นที่มองมา
“พี่กลับเถอะศึกดูแลเอง”
“ดีมากค่ะที่รัก เดี๋ยวเขามา” มือเล็กดึงน้องชายเข้าใกล้แล้วจุ๊บเบา ๆ ไปหนึ่งที ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ
“งั้นตามสบาย ไปกลับบ้าน” ...... พาร์ทดึงร่างเล็กที่เอาแต่ทำหน้ามุ่ย พร้อมน้องสาวตัวน้อยเดินออกจากผับก่อนจะขึ้นรถกลับบ้าน ส่วนขุนศึกก็ไม่ปล่อยให้เสียโอกาสรีบเดินเข้าไปหาสาว ๆ ระหว่างที่รอพี่สาว
“ขอตัว” ... แบงค์ลุกพรวดแล้วเดินออกจากตรงนั้นทันที ท่ามกลางความมึนงงของเพื่อน ที่ได้แต่มองหน้ากันแล้วเกาหัว…
“พี่แบงค์!! โอ๊ยพอแล้ว”“ญี่ปุ่นเมื่อย ถ้าพี่ทำนานกว่านี้ลูกคงได้ออกมานั่งคุยกับพี่จริง ๆ แน่!” ร่างเล็กที่หันไปจ้องคนตัวโตตาเขม็ง“......” แต่เขากลับเงียบยังคงตะบี้ตะบันกระแทกความแข็งแกร่งใส่ร่องสวาทอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นี่ขนาดท้องโต 5-6 เดือนแล้วนะ ทำไมพี่เขาถึงหื่น ขึ้นได้ทุกวันพั่บ พั่บ พั่บสองมือค้ำยันที่นอน คุกเข่าแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วนะ อีตาบ้า ไม่สงสารกันบ้างเลยหรือไง กลางวันเลี้ยงลูก กลางคืนเลี้ยงผัว เฮ้อ...เพลีย“อีกนิด พี่จะแตกแล้ว” เขาเอ่ยเสียงกระเส่าแหบแห้ง มือหนาลูบวนหน้าท้อง อีกมือบีบขยำสองเต้าอย่างเมามัน“อ๊ะ...พะ...พี่แบงค์ มะ...มันเสียวนะอย่าเล่นสิ” มันรู้สึกเสียวซ่าน ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวเมื่อมือหนาเลื่อนต่ำ ลูบวนหน้าท้องสัมผัสโหนกเนื้ออวบนูน ก่อนปลายนิ้วร้ายจะเขี่ยขยี้ติ่งเกสรเม็ดเล็กอย่างเอาแต่ใจ ริมฝีปากหนาจูบ ลากลิ้นเลียไปทั่วแผ่นหลังทำเอาฉันถึงกับอยู่ไม่สุข ร้อนรุ่มกระสันไปทั้งตัว ยิ่งเขากระแทกถี่รัวเท่าไร มันก็ยิ่งเสียวซ่านแทบจะขาดใจตายอยู่ตรงนี้ปึก ปึก“อ่า ตอดพี่ถี่แบบนี้ จะเสร็จแล้วใช่ไหม ฮื้ม!” คนตัวโตยันตัวลุกขึ้น สองมือกดสะโพกผายแน่น หมุนควงเอว
เราทุกคนได้แต่มองหน้ากันด้วยความสงสัย แต่ผู้ชายชุดดำที่เดินตามหลังเข้ามาเขาดูคุ้นตามาก......แล้วยิ่งตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาเดินตรงมาทางที่พวกเรานั่งอยู่“เพื่อนพี่” ฉันหันไปถามพี่แบงค์ ที่มองหน้าผู้ชายคนนั้นอย่างเอาเรื่อง“ไม่ใช่” เขาเอ่ยเสียงเรียบ หน้านี้คือพร้อมบวกมาก“เพื่อนเธอสองคนเปล่า” ฉันหันไปถามภูผากับน้ำอุ่น“......” ภูผาเงียบ นั่นแสดงว่าไม่ใช่“ไม่นะ อุ่นไม่มีเพื่อนผู้ชายนอกจากภูผา” น้ำอุ่นเอ่ยเสียงเบา มองหน้าภูผาอย่างกลัว ๆ“ผัว!! ไม่ใช่เพื่อน!” ภูผาพูดกระแทกเสียง แล้วยกแก้วเหล้าเข้าปาก“นิสัยนี้ไม่หายสักที เดี๋ยวเถอะฉันจะหาผัวใหม่ให้ยัยน้ำเน่า!” ฉันพูดดุภูผา มีอย่างที่ไหน แค่นี้ก็ต้องเย็นชาใส่ ต้องทำหน้าขรึม“......” ภูผาเงียบไม่สนใจที่ฉันพูด แถมยังดื่มเหล้าอย่างกับน้ำ ส่วนมือน่ะโอบเอวเมียไว้กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไงว่ามีเจ้าของแล้ว เฮ้อ...คนบ้าอะไรโคตรหึงแรง สงสารก็ยัยลูกเต่า น้ำเน่าโชคดีที่ได้คนรักจริงเป็นผัว แต่โชคร้ายที่มีผัวขี้หึง หึงแม้แต่ยุงตัวผู้! ก็ไม่เว้น“เฮ้อ...” ฉันได้แต่ถอนหายใจส่ายหัว แล้วมองผู้ชายคนนั้นอย่างครุ่นคิด“พี่ซัน!!” ใช่ ใช่แล้วฉันว่าฉันจำไม่ผิด ถึ
2 เดือนผ่านไปหลังจากที่จบเรื่องวุ่น ๆ ของยัยวิด้า และพ่อพี่แบงค์ไปได้ ทุกอย่างก็ดูสงบวิด้า สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริง แต่เธอยืนยันเสียงแข็ง ไม่ต้องการจะแต่งงานหรือให้เพื่อนพี่แบงค์รับผิดชอบอะไร พ่อเธอเองก็ไม่ติดใจอะไร แต่ก็ดูไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เขารู้จักกับลุงปืน ผู้ใหญ่เขาคุยอะไรกันบ้างฉันก็ไม่รู้ แต่ดีที่เขาพาลูกสาวกลับไปด้วย คงจะจ่ายเยอะอยู่พอสมควรเพื่อปิดข่าวฉาวในครั้งนี้ส่วนพ่อพี่แบงค์สุดท้ายต้องยอมแพ้ ไม่เหลืออะไรเมื่อคุณแอนนาหอบเงินหนีไปต่างประเทศทิ้งภาระหนี้สินมากมายไว้ให้เรื่องบริษัท ทุกคนลงความเห็นเทกโอเวอร์ซื้อหุ้นแล้วให้พี่แบงค์เป็นผู้บริหาร ตอนแรกเขาก็ไม่ยอมรับ ไม่อยากให้ใครมองว่าที่เขาได้ตำแหน่งนี้มาเพราะเป็นลูกเขยแด๊ด เป็นสามีฉันทั้งในทางพฤตินัยและนิตินัยสิ่งที่แด๊ดพูดกับพี่แบงค์ ทำให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วแดดดี้ เองก็เอ็นดูในตัวพี่เขาอยู่ไม่น้อย‘โอกาสมันไม่ได้มีให้บ่อยครั้ง ใช้ความสามารถที่มี แสดงให้ทุกคนเห็นว่าฉันเลือกคนไม่ผิด อย่าทำให้ทุกคนผิดหวัง’คำพูดนี้ของแด๊ด ทำเอาฉันดีใจจนร้องไห้ เพราะในใจคิดมาตลอดว่าที่แด๊ดยอมเพียงเพราะเห็นแก่ฉันที่รักเขา แต่จริง ๆ แล้วมันไม
“?” แล้วฉันก็ได้แต่ยืนงง ใครกันที่นอนกับยัยนี้ แล้วพี่แบงค์เขาเป็นอะไรทำไมต้องเกรี้ยวกราดขนาดนั้นด้วย?“นี่!! ทำแบบนี้กับวิด้าไม่ได้นะวิด้าไม่ยอม!!” ยัยวิด้า เอ่ยเสียงแหลมเดินตามพี่แบงค์ออกไปหมับ!!“หยุดเลยนะ” มือเล็กคว้าข้อแขนเธอไว้ทันที“ปล่อย!! ฉันจะไปคุยกับพี่แบงค์ให้รู้เรื่อง ยังไงเขาก็ต้องรับผิดชอบ!!” เธอยืนกรานเสียงแข็ง“จะไปให้พี่เขาด่าหรือไง พี่แบงค์เขาเป็นลูกผู้ชายพอ ถ้าเขาทำก็ต้องยอมรับ แต่เขาพูดชัดขนาดนี้แล้ว ไม่อายบ้างหรือไง เธอนี่มันหน้าด้าน หน้าหนากว่าผนังห้องอีกนะ ยัยบ้า!! รู้ไหมทำแบบนี้คนเสียหายคือตัวเอง ที่พูดน่ะ เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกันนะ” ฉันจ้องหน้าเธอ แต่ดูท่าสิ่งที่พูดออกไปมันคงจะไม่เข้าหูเธอเลยด้วยซ้ำ“ช่วยกรุณาไปแรดไกล ๆ ผัวฉันด้วย เธอจะไปเอากับใครก็ได้แต่ไม่ใช่ผัวฉัน! จบนะ” แล้วฉันก็เดินหนีออกจากห้องนั้นทันที ก่อนที่จะอดทนไม่ได้ ไม่อยากลงไม้ลงมือกับใครถ้าไม่ถึงที่สุด...“พี่แบงค์!” ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเดินตามพ่อของลูกไป คนบ้าอะไรเดินเร็วเป็นบ้า“......” คนตัวโตเงียบ ทำหน้าบึ้ง“พี่โกรธญี่ปุ่นเหรอ?”“เปล่า” เขาเอ่ยเสียงเย็น เย็นชาใส่แบบนี้เหรอเรียกว่า
“คุณญี่ปุ่น!” พนักงานคนหนึ่งหันมาเห็นฉัน สีหน้าท่าทางเธอดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด“ไม่มีงานทำกันเหรอ?” แค่เห็นว่าเป็นยัยวิด้า ยัยกะทกรกเน่าอารมณ์มันก็เดือดขึ้นมาทันที อยากจะเดินเข้าไปกระชากหัวแล้วจิกสักที แต่ก็ต้องข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ เพราะที่นี่คือที่ทำงาน ต้องวางตัวให้สมฐานะ“…...” ทุกคนเงียบ เอาแต่ก้มหน้าอย่างสำนึกผิด ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่“จะเป็นไปได้เหรอ ฉันได้ยินมาว่าคุณแบงค์กับคุณญี่ปุ่นเขาสองคนเป็น...” พนักงานคนหนึ่งพูดเสียงกระซิบ“ใช่ ๆ ๆ ๆ ฉันก็ได้ยินมาแบบนั้น ข่าวว่าเขามีลูกด้วยกันแล้วด้วย แต่คบกันตอนไหน?”“......” ฉันหันไปจ้องดุ ทั้งสองคนที่พูดกระซิบนินทา ก่อนสองสาวนั้นจะรีบเดินหนีไปในทันที เฮ้อ...มีแต่เรื่องให้ปวดหัว“ไม่อายหรือไง?”“.......” ยัยวิด้าเงียบ ทำหน้าไม่สนโลก ไม่สนใจที่ฉันถาม“แต่คนอย่างเธอ...ก็ไม่น่าจะมียางอาย” ฉันมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณา สภาพแบบนี้ดูก็รู้ว่าไปเอากับใครมา แต่มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ถึงได้หอบสังขารเน่า ๆ มาถึงที่นี่“พี่แบงค์ล่ะ...ได้ฉันแล้วคิดว่าจะจบง่าย ๆ แบบนี้เหรอ” เธอเอ่ยออกมาอย่างหน้าตาเฉย“ได้เธอ?” ยัยนี้ไม่จบไม่สิ้
“ฮึ...” รอยยิ้มร้ายเผยขึ้นบนใบหน้า เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรูปภาพสาวน้อยในชุดนักเรียน ม. ปลาย นามว่าญี่ปุ่น และแน่นอนถ้ามีรูปญี่ปุ่นก็แสดงว่าเธอเข้าไม่ผิดห้อง...วิด้ายังคงมองสำรวจ เพิ่มความแน่ใจให้ตัวเอง จนมั่นใจ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องนอน ที่มืดสลัว มีเพียงแสงสว่างจากข้างนอกส่องเข้ามา“พี่แบงค์” หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่วเบา ค่อย ๆ ก้าวเท้าไปยังเตียงนอน“ฮือ...ใครวะ ไหนบอกว่าจะกลับแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงงัวเงีย เพราะทั้งเหนื่อยจากงาน เพลียกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เพิ่งดื่มเข้าไป ตอนนี้เขาทั้งมึนทั้งง่วงจนประคองตัวลุกไม่ไหว“คือพอดีว่า...” เธอทำเสียงเขินอาย แต่กลับเดินตรงไปยังเตียงนอน พร้อมปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัวทีละชิ้นสองชิ้น เปลือยเปล่าก้าวเท้าขึ้นไปบนเตียงอย่างว่องไว“อะไรวะ?” ชายหนุ่ม พยายามขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้น เมื่อรู้สึกถึงร่างกายนุ่มนิ่มขยับตัวเข้าใกล้ แต่เขาเพลียเกินไป ทำได้แค่นอนนิ่ง ให้มือเล็กล้วงจับลูบไล้ไปตามร่างกาย“วิด้ารักพี่นะคะ และพร้อมจะเป็นของพี่” เสียงหวานเอ่ยขึ้น พร้อมมือเล็กนุ่ม ลูบคลำตรงส่วนนั้น ปลุกเร้า ความเป็นชายที่ค่อย ๆ ขยายใหญ่สู้มือเธอพั่บ!!“อย่าเล่นส