"วิวครับ เขาไปแล้ว" เด็กน้อยเดินเข้ามาในมุมใต้โต๊ะห้องครัวที่ผู้เป็นแม่แอบมาหลบร้องไห้อยู่ พอเจ้าหล่อนรู้ว่าตัวเองพลาดแล้วที่แอบได้ไม่เนียนก็ถึงกับรีบปาดน้ำตากลัวลูกเห็น
"อึก ทำไมวินยังไม่นอนอีกครับมันดึกมากแล้วนะ" เธอบ่นลูกเสียงสั่น
"วินไม่หลับหรอกครับถ้าวิวเป็นแบบนี้"
มือน้อยประคองใบหน้าผู้เป็นแม่ให้หันมาสบตากับเขา ใครบอกว่าวินไม่รู้เรื่องอะไร วินฉลาดและเก่งมากจริง ๆ จนเธอไม่สามารถโกหกวินได้เลย เธอมักจะแพ้ทางให้ลูกชายคนนี้เสมอ ตอนนี้ก็เช่นกัน...
"วิวขอโทษนะ อึก ขอโทษที่ทำให้วินเป็นห่วง"
เธอรู้สึกผิดจริง ๆ ทั้งโมโหตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองต่อหน้าลูกได้ หากเป็นเรื่องอื่นคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลย แต่เพราะเป็นเรื่องเขาเธอถึงได้อ่อนไหวขนาดนี้ แม้จะพยายามเข้มแข็งแค่ไหนแต่เธอก็ยังได้แค่พยายามเท่านั้น เธอไม่ได้เข้มแข็งเลยสักนิด
"ไม่ ๆ ครับ วิวไม่ต้องขอโทษครับ โอ๋ ๆ อย่าร้องนะครับคนสวยของวิน" ประโยคปลอบโยนของลูกน้อยยิ่งทำให้เธอแทบจะร้องไห้หนักกว่าเดิม เวลามีคนโอ๋เธอยิ่งดูอ่อนแอเข้าไปใหญ่ ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้กันนะ
"วิน ฮึก~"
"ต่อไปวินจะไม่ให้คุณลุงเข้าใกล้แม่อีกแล้ว ไม่ให้ใกล้วินด้วย เขาทำแม่วิวร้องไห้วินไม่ชอบเลย" เด็กน้อยเพียงแค่แค้นใจแทนผู้เป็นแม่ แต่เด็กก็คือเด็ก เขาไม่ผิดอะไรเลย ยิ่งไม่ควรเลยสักนิดที่ต้องมาอยู่ตรงกลางระหว่างอารมณ์ของผู้ใหญ่สองคน
"......"
วิวถึงกับหยุดร้องและนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง เธอโกรธเขาก็จริง แต่ควรจะเห็นแก่ตัวโกหกลูกเพียงเพราะเรื่องบาดหมางของเธอและเขางั้นเหรอ? หรือเธอควรบอกความจริงเรื่องพ่อของวินให้เขาได้รับรู้ดีหรือไม่? ทุกอย่างมันตีรวนไปหมด เธอคิดไม่ตกกับเรื่องนี้ หากจะให้หนีก็คงไม่รู้ว่าควรหนีไปที่ใดถึงจะดี
"วินครับ แม่ไม่ร้องแล้วก็ได้ แต่แม่ขอถามวินหน่อยได้ไหมครับ?"
"ครับถามวินได้เลย วินจะตอบแม่วิวทุกอย่างเลย" วินน้อยเอ่ยอย่างใสซื่อ เวลาปกติคงเรียกชื่อเล่นติดปาก แต่ตอนนี้เรียกแม่ทุกคำเพียงเพราะอยากทำทุกวิถีทางให้ผู้เป็นแม่รู้สึกดีขึ้น
"วินยังอยากรู้ว่าพ่อเป็นใครอยู่ไหมครับ?"
เธอกลืนก้อนสะอื้นและถามลูกชายด้วยแววตาจริงจัง พร้อมกับรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ หากลูกเธอตอบมาแบบไหน เธอยินดีทำตามนั้นไม่เห็นแก่ตัวเด็ดขาด
"อยากครับ"
ท้ายสุดแล้วไม่มีลูกคนไหนไม่ต้องการพ่อ เพียงเพราะความไม่รู้ว่าการมีอยู่กับไม่มีอยู่นั้นมีดีมีเสียต่างกันอย่างไร แต่สำหรับลูกชายของเธอที่อายุเพียงเท่านี้ก็ย่อมโหยหาคำว่าครอบครัวที่อบอุ่น พ่อกับแม่อย่างที่ใคร ๆ เขามีกัน
"แม่จะบอกความจริงให้นะครับ พ่อวินก็คือคนที่เรียกว่าลุงโซ่นั่นแหละ"
เธอยอมบอกความจริงกับลูก ไม่ใช่ใจอ่อนสงสารไอ้คนที่เธอไม่ยอมให้เข้าบ้านนั่น เธอเพียงสงสารลูก อย่างน้อยเขาก็ควรจะได้รู้ ในอนาคตเธอก็คงต้องพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจว่าเพราะอะไรพ่อกับแม่ถึงไปต่อกันไม่ได้ แต่อาจจะต้องให้วินโตกว่านี้เสียหน่อย
"จริงเหรอครับ เป็นเขาเหรอ?"
ตอนแรกวินดูอึ้งจนตาโต แต่ไม่นานกลับมีรอยยิ้มน้อย ๆ ผุดขึ้นตรงมุมปากเล็ก เขารู้สึกชื่นชอบและชื่นชมลุงสุดหล่อคนนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ ทั้งความสุขุมสุภาพ ให้ความรู้สึกปลอดภัยจนเด็กน้อยอยากอยู่ใกล้เพียงเเรกเห็น หรือเป็นเพราะสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่บางครั้งอาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เด็กน้อยดีใจมาก แต่ก็ยังเป็นห่วงแม่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนที่ขึ้นชื่อว่า 'พ่อ' ต้องเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ร้องไห้อย่างแน่นอน
"ครับ" เธอพยักหน้าตอบรับอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
"แต่พ่อทำแม่ร้องไห้"
วินเอ่ยเสียงเบาจนเธอต้องรวบตัวมากอดไว้ในทันที พร้อมกับรีบอธิบาย ก่อนที่เด็กน้อยจะเข้าใจเป็นอื่นและทุกข์ใจ เธอยอมกลืนก้อนความเจ็บนี้ไว้คนเดียว ดีกว่าต้องทนเห็นคนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิตต้องมาเจ็บปวดกับเรื่องที่เขาไม่ผิด
"พ่อกับแม่แค่มีเรื่องไม่เข้าใจกันนิดหน่อย ตอนนี้เลยต้องแยกกันก่อน แต่สำหรับวินแล้ววินเป็นลูก เขาก็เป็นพ่อ"
แม้จะเป็นพ่อที่ไม่เคยทำตัวเหมือนพ่อเลยก็ตามเถอะ...
"งั้นวินก็คุยกับพ่อได้ เจอพ่อได้ใช่ไหมครับ"
"ได้สิครับ เดี๋ยวแม่ขอตกลงกับเขาก่อนนะ วันนี้เราไปนอนดีกว่าดึกมากแล้ว"
เธอรีบเปลี่ยนเรื่องทันที เพราะนี่เป็นเวลาดึกมากแล้วหากยืดเยื้อเวลามากไปจะไม่มีผลดีกับวิน เขายังเด็กควรพักผ่อนให้เต็มที่ไม่มีสิ่งใดรบกวนเขา ยกเว้นเสียแต่...
"พ่ออยู่นอกบ้าน"
ในจังหวะที่กำลังจะพาลูกเข้านอนชั้นบน สายตาก็ดันมองผ่านกระจกใสซึ่งเธอลืมปิดผ้าม่านเสียเอง บ้านที่เธอเช่าอยู่เป็นทาวน์เฮาส์สองชั้นหลังเดี่ยว พอมองออกไปไฟถนนก็จะส่องให้เห็นคนที่ทำตัวผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่หน้าบ้าน
"ไหนวินบอกเขากลับไปแล้วไงครับ?"
"วินเห็นออกไปแล้วรอบหนึ่งนะครับ แม่จะเปิดประตูให้พ่อเข้ามาไหมครับ? ยุงไม่กันพ่อแย่เหรอ?" เด็กน้อยท่าทางดูเป็นห่วงพ่ออยู่เหมือนกัน วินจะใส่ใจเรื่องความเท่าเทียมอยู่เสมอ ปฏิบัติกับแม่อย่างไรก็คงอยากทำกับพ่อแบบนั้นบ้าง
"เดี๋ยวแม่ไปบอกให้เขากลับไปนอนเองครับ วินขึ้นไปรอนะ ไม่ต้องห่วงแม่นะครับแม่จัดการได้" เธอบอกลูกชายด้วยท่าทีใจเย็น ดั่งคนใจดีที่แค้นสุมอก
"ไม่ร้องไห้แน่นะครับ" วินถามซ้ำเพื่อความมั่นใจ
"ไม่ครับ รอบนี้จะคุยกับพ่อด้วยเหตุผล"
คุยด้วยเหตุ ส่วนผลก็เอาไว้ทีหลัง ...
"วินหล่อไหมครับพ่อ?""อื้อหื้อ หล่อได้ครึ่งของพ่อแล้วครับ"สองพ่อลูกแต่งตัวหล่อเหลาแข็งกันไม่มีใครยอมใคร เขาที่สวมชุดสูทเรียบหรูตามแบบฉบับ ส่วนลูกชายคนเดียวซึ่งโตขึ้นก็ยิ่งหล่อได้พ่อมาเต็ม ๆวินที่ตอนนี้เริ่มโตขึ้นมาแล้ว เขาสวมชุดแบบเดียวกับพ่อเพียงต่างกันที่ขนาดไซส์ แต่ใจเขานั้นเป็นหนุ่มกว่าพ่อในเวลานี้ด้วยซ้ำ วินในวัยแปดขวบยืนเสยผมเก๊กหล่อจนพอใจ ผู้เป็นพ่อเองกลับไม่ได้ห้ามเอาแต่หัวเราะจะห้ามได้อย่างไรกันก็เขาเป็นคนสอนลูกให้ทำแบบนี้เองหากวิวของเขามาเห็นเข้าคงเกิดอาการปวดหัวเป็นแน่ เขาเคยเป็นคนจอมเนี๊ยบและเจ้าระเบียบเข้าขั้น แต่พอมีลูกมีเมียความเจ้าระเบียบนั้นกลับหายไป เหลือไว้ให้เมียเขาเป็นคนเดียวก็เพียงพอแล้ว"พอๆ ไปกันเถอะครับเดี๋ยววิวจะรอนานนะ""ครับพ่อ"วินพยักหน้ารับพร้อมกับเดินคู่กับผู้เป็นพ่ออกไปยังรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน วันนี้เป็นวันสำคัญของวิว เป็นวันที่เธอนั้นเรียนจบ ความฝันที่เธอตั้งใจนั้นเป็นจริงแล้ว เธอเคยถูกดับฝันเพียงเพราะเขาคนนี้ และเขาเองนี่แหละที่เป็นอีกหนึ่งเบื้องหลังความสำเร็จในชีวิตของเธอ
"อื้อ"เธอเพียงพยักหน้าและส่งยิ้มให้เขา นั่นก็เพียงพอกับคำตอบที่เขาต้องการแล้ว เขาไม่ขออะไรนอกจากชีวิตลูกกับวิวหลังจากนี้มีเพียงรอยยิ้มแห่งความสุขเจ้าของร่างบางซึ่งสวมเพียงชุดกระโปรงสายเดี่ยวสีขาวตัวบางแบบที่เธอนั้นชอบใส่ ท่ามกลางลมทะเลในช่วงตอนกลางคืน ทำเอาเขาอดเป็นห่วงไม่ได้จึงเอ่ยชวนเธอกลับเข้าไปยังห้องพักด้านใน"วิวหนาวไหม กลับเข้าข้างในดีกว่านะ""ไม่ค่ะ อากาศกำลังดีเลย หนูอยากอยู่ตรงนี้สักพัก "เธอหันกลับมาบอกเขา พร้อมกับเหยียดกายนอนลงมองท้องฟ้าในช่วงค่ำคืน ภาพเบื้องหน้าช่างสวยงามเหลือเกิน บรรยากาศโดยรอบให้ความเป็นส่วนตัวเอามาก ๆ คนตัวโตที่สวมเพียงเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนแบบสบาย ๆ กลับจ้องมองคนตัวเล็กตาไม่กะพริบ ก่อนจะยกยิ้มและนอนลงเบียดเข้ากับร่างของเธอ"อยากอยู่สองต่อสองก็ไม่บอก" เขาเล่นมุกกรุ่มกริ่มเรียกเสียงหัวเราะคิกคักให้กับคนตัวเล็ก"จะบ้าเหรอ อยากอยู่อะไรกันเล่า""แล้วอมยิ้มทำไม""หน้าพี่ตลกนี่"เธอก็พูดไปอย่างนั้น ความจริงแล้วเขาหล่อมากต่างหาก หล่อแบบมองแล้วอดยิ้มชื่นชมไม่ได้ สายตาชื่นช
"ฮือ ฮือ ๆ ๆ ๆ ๆ"เสียงร้องไห้ราวกับจะขาดใจเมื่อรู้ความจริงว่าลูกในท้องไม่ได้อยู่กับเธอแล้ว หัวอกคนเป็นแม่แทบสลาย ทุกการสูญเสียล้วนแต่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเสมอ เธอเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของเธอเองที่ร่างกายไม่แข็งแรงเธอทำงานหนักมานานหลายปี แม้คุณหมอจะบอกแล้วว่าที่เธอแท้งนั้นตัวเด็กเองก็ไม่แข็งแรงและไม่สมบูรณ์ ต่อให้เก็บไว้อย่างไรก็ต้องยุติการตั้งครรภ์อยู่ดี แต่เธอกลับหลีกหนีความเจ็บปวดและเสียใจไม่ได้"แม่วิวอย่าร้องนะเดี๋ยวไม่สวย ถ้าแม่วิวเเข็งเเรงน้องก็จะกลับมาอยู่กับเราแน่นอน อย่าร้องนะครับ โอ๋ๆ"แต่ทว่าความเจ็บปวดกลับถูกปลอบประโลมด้วยดวงใจอีกดวงของเธอ อ้อมกอดจากลูกชายตัวน้อยที่นอนกอดแม่บนเตียงคนไข้ด้วยกัน พร้อมกับคำพูดปลอบโยนแววตาใสซื่อนั้น ทำให้เธอพยายามหยุดร้องไห้และเพ่งมองเด็กน้อยที่เป็นลูกชายคนโตของเธอ วินเวลานี้เองก็มองแม่ด้วยดวงตาสั่นน้อย ๆ หากเป็นปกติเด็กตัวเท่านี้ควรที่จะร้องไห้งอแง ซึ่งก่อนหน้านี้วินเป็นแบบนั้นแต่พอเห็นพ่อกับแม่อ่อนแอลงพร้อมกันวินน้อยกลับเข้มเเข็ง เพราะความรักและสงสารพ่อกับแม่ แม้จะเสียใจและแอบเสียดายที่ไ
หมอและพยาบาลต่างวิ่งมาพาร่างหลับไหลเข้าห้องฉุกเฉินในทันที เขามองตามด้วยหัวใจที่เจ็บปวดราวกับถูกบีบเจ็บจนหายใจไม่ออก ขาสองข้างต่างพร้อมใจกันอ่อนแรงทรุดฮวบลงคุกเข่าอยู่กับพื้นเขาเพิ่งจะขอบคุณเทวดาฟ้าดินขอบคุณวิวที่มอบโอกาสให้เขา แต่ทำไมถึงได้ใจร้ายกับเขานัก หรือนี่เขากำลังจะต้องชดใช้ในสิ่งที่เขาเคยทำงั้นหรือ?จะโหดร้ายได้เพียงนี้เชียวหรือ? ลงโทษเขาคนเดียวไม่ได้หรือไง ทำไมถึงต้องลงกับคนที่เขารักด้วย!"ฮือ พ่อครับพ่อ"เสียงลูกชายตัวน้อยที่ร้องไห้ตาแดงโอบกอดเขาไว้ด้วยความตกใจ และเป็นห่วงแม่กับน้อง เหตุการณ์เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เด็กน้อยยังไม่สามารถรับมือกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ ที่พึ่งเดียวก็คืออ้อมกอดแข็งแกร่งและอบอุ่นของผู้เป็นพ่อ"ครับวิน"แม้จะอ่อนแรงและปวดร้าวแค่ไหน แต่เพราะคำว่าพ่อเขาต้องฝืนเข้มแข็งเพื่อโอบกอดและปกป้องลูกไว้ เขาออกแรงกอดลูกมากขึ้นสองพ่อลูกกอดกันกลมหน้าห้องฉุกเฉินที่มีเพียงประตูกั้นระหว่างเขากับเธอไว้ เขาทำได้เพียงแค่รอ รออย่างมีความหวังว่าเธอกับลูกจะปลอดภัย"แม่เป็นอะไร ฮือ แม่กับน้องเป็นอ
ทำไมเขาถึงทั้งเจ็บจี๊ด และดีใจแปลก ๆ ดีใจที่เธอยิ้มให้เขาพร้อมกับจ้องมองมาด้วยแววตายากเกินจะคาดเดา และที่ทำเขาเจ็บจี๊ดนั่นก็คือประโยคที่เธอเอ่ยใช่แล้ว หากวิวเป็นคนแบบนั้นเขาคงไม่มีโอกาสมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ วิวที่เขารักคือผู้หญิงอ่อนโยนและมองโลกในแง่ดีเสมอ เมื่อก่อนเธออาจจะดูหัวอ่อนก็จริง แต่พอมีลูกเธอกลับสู้ชีวิตและผ่านมันมาได้หากเป็นเมื่อก่อนที่ยังไม่กลับมาเจอเขาเธอก็คงจะใช้ชีวิตกับลูกตามลำพังต่อไป แต่เพราะโลกเหวี่ยงให้เขากลับมา ร้องขอเทวดาก็ไม่สนใจจะพาเขากลับออกไป ดังนั้นเธอจึงต้องเลือกระหว่างทิ้งอดีตและมีความสุขกับชีวิตปัจจุบัน หรือเลือกที่จะมีระยะห่างเช่นเดิม และจมอยู่กับอดีตที่โหดร้าย"พี่โชคดีมากเลยที่เจอวิว"ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบาแต่กลับหนักแน่น เขามันเป็นคนเลวก็จริง แต่ดันเป็นคนเลวที่โชคเข้าข้างให้มาเจอกับผู้หญิงที่เเสนดีเช่นเธอ"อื้อ โชคดีเป็นของพี่เถอะ โชคร้ายให้เป็นของหนูแล้วกัน"หญิงสาวเอ่ยทีเล่นทีจริง เธอพูดแบบนั้นแต่ใบหน้าและแววตากับปรากฏรอยยิ้มกริ่ม เขาเป็นโชคร้ายที่เธอยินดีรับอย่างเต็มใจ..."ฟังดูหดหู่จัง"
แต่ทว่าเธอกลับอารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันจนเขายังอึ้งตาโต จู่ ๆ วิวก็อารมณ์เสียและตวาดเขากลับ ก่อนที่เจ้าหล่อนจะหน้ามืดอีกครั้ง ดีที่เขาอยู่ข้างกายและประคองร่างเธอไว้ได้ทัน"วิว! วิว หนูไหวไหม? ไปหาหมอกับพี่ดีกว่านะ"คนตัวโตไม่สนว่าจะโดนเธอหงุดหงิดใส่แม้แต่น้อย แม้จะไม่รู้ว่าตัวเองนั้นผิดอะไรแต่เขาจะรับไว้เอง สิ่งเดียวที่สนใจและเป็นห่วงคือวิวกับลูก ยิ่งเห็นวิวสีหน้าดูไม่ดีแถมยังเป็นแบบนี้อีก เขาก็ยิ่งคิดหนักและอดเป็นห่วงไม่ได้"ไหว ไหว "น้ำเสียงจากที่แข็งกระด้างก่อนหน้าก็เปลี่ยนเป็นเบาลงอย่างคนอ่อนแรง เธอรู้สึกว่าร่างกายมีหลายอย่างที่แปลกไปจนเห็นได้ชัด เมื่อกี้เธอยังดี ๆ อยู่เลย สักพักก็กลายเป็นโมโหและเหนื่อยมาก จนถึงขั้นเกือบจะเป็นลม หากไม่มีเขาหน้าเธอคงได้จุ่มลงหม้อน้ำซุปแทนเจ้าขาหมูเป็นแน่"วิวเป็นอะไรเหรอครับ"วินน้อยที่วิ่งกลับมาพร้อมกับถุงขนมในมือเข้ามาเจอแม่ในสภาพอิดโรยก็ตกใจ รีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงก่อนจะวิ่งเข้าช่วยพ่อพยุงแม่ไปนั่งพัก แม้เขาจะตัวเล็กแต่ก็อยากดูแลและปกป้องแม่เช่นกัน"แม่หน้ามืดอีกแล้วครับ"