“ไม่แกล้งกันนะคะ”
ณัฐนิชาอดอมยิ้มในความน่ารักของลูกเธอทั้งสองๆไม่ได้แต่ก็ต้องกลั้นยิ้มไว้ทำเสียงแข็งพร้อมหันไปทางใยไหมลูกสาวจอมแก่นของเธอว่าห้ามแกล้งกัน
เมื่อคนเป็นแม่สั่งห้ามแกล้งเด็กหญิงก็พักมือลงแต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังคงมีอยู่บนใบหน้าเธอเชื่อฟังคนเป็นแม่ว่าไม่ให้แกล้งน้องแต่เธอก็ยังอมยิ้มอยู่เพราะไม่ได้กลัวอาการทำเป็นดุของคนเป็นแม่เลยสักนิด
“หยดนี้ของใบหม่อน...หยดนี้ของใยไหม...ทำยังไงต่อคะ”
ณัฐนิชาหยิบฟองน้ำถูตัวของเด็กๆขึ้นมาพร้อมหยดน้ำยาอาบน้ำของเด็กไปที่ฟองน้ำแล้วส่งให้ลูกของเธอทั้งสองเมื่อสองแสบรับไปแล้วหญิงสาวก็ถามถึงว่าขั้นตอนต่อไปกับเจ้าก้อนทั้งสองต้องทำอย่างไรต่อเพื่อฝึกให้ลูกๆของเธอได้ช่วยเหลือตัวเองเป็น
“ถูแขน/กับถูขา”
“ถูตัวด้วยนะคะ”
ทั้งสองแสบตอบคนเป็นแม่ด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วเฉกเช่นนี้เป็นประจำทุกวันอีกคนตอบถูแขนอีกคนตอบถูขาแล้วเธอเองก็จะเป็นคนบอกว่าให้ถูตัวด้วยเธอสอนให้เด็กๆอาบน้ำขัดตัวเองอย่างนี้มาตั้งแต่ลูกของเธอได้ประมาณขวบครึ่งและลูกๆของเธอก็เชื่อฟังและทำตามได้อย่างดีเป็นที่ปลื้มใจของเธอมาก
“นมได้แล้วค่ะ..ขวดนี้ของใครคะ”
“หม่อนคร้าบ”
“ขวดนี้ของใครเอ่ย”
“ไหมค่า”
“นอนดื่มนมแล้วห้ามซนนะคะเดี๋ยวคุณแม่ขอตัวอาบน้ำแปปเดียวค่ะ”
หลังจากที่อาบน้ำให้เจ้าสองแสบเสร็จเรียบร้อยแล้วขั้นตอนต่อไปก็คือพาเจ้าสองแสบมาดื่มนมแล้วก็ได้เวลาของเธอที่จะต้องจัดการตัวเองต่อก็คือการอาบน้ำเพราะหลังจากที่อาบน้ำให้เจ้าสองแสบเสร็จทีไรตัวของเธอก็จะเปียกชื้นอยู่ทุกทีไปด้วยความซนของซนของลูกๆเธอนั่นเอง
“สองแสบลูกหมูของน้าแป๋ม...มาให้น้าฟัดหน่อยเร็ว”
“อิ..คริๆ..ฮ่าๆๆๆๆ/ฮ่าๆๆ”
ช่วงบ่ายของวันณัฐนิชากำลังนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับไอเดียตกแต่งบ้านต่างๆแบบเพลินๆโดยมีเจ้าสองแสบจอมป่วนวิ่งเล่นกันอยู่ใกล้เธอก็ต้องเงยหน้าขึ้นเบนความสนใจหนังสือไปสนใจเสียงแหลมๆของเพื่อนสาวเธอที่เข้ามาในบ้านอย่างหน้าชื่นตาบานพร้อมกอดรัดฟัดเหวี่ยงลูกๆของเธออย่างหมั่นเขี้ยวทำเอาเจ้าสองแสบหัวเราะกันคิกคัก
“ฉันกำลังจะส่งเมลให้แกพอดี...จะมาทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะ”
หลังจากที่เด็กๆหันไปสนใจกับขนมและของเล่นที่ป๋อมแป๋มซื้อมาให้ณัฐนิชาก็มีโอกาสได้นั่งคุยกับป๋อมแป๋มเธอกำลังจะส่งงานให้เพื่อนเธออยู่พอดีไม่คิดว่าเพื่อนจะแวะมาหากะทันหัน
“ฉันมาทำธุระแถวนี้พอดีก็เลยซื้อขนมกับของเล่นมาฝากเจ้าสองแสบซะหน่อย...ว่าแต่แกจะส่งเมลให้ฉันงานเสร็จแล้วเหรอทำไมไวจังล่ะ”
ป๋อมแป๋มเธอมาทำธุระใกล้ๆกับหมู่บ้านของณัฐนิชาเลยถือโอกาสมาหาหลานๆของเธอด้วยหญิงสาวแปลกใจนิดหน่อยที่ได้ยินเพื่อนเธอพูดว่าจะส่งงานให้เพราะครั้งนี้มันเสร็จไวกว่าทุกครั้ง
“ฉันเร่งให้เสร็จเพื่อที่จะได้เงินจากแกเร็วๆไงฉันจะพาลูกไปเที่ยวทะเลอยากพาเด็กๆได้เปิดหูเปิดตาบ้าง”
ญัฐนิชามองหน้าเพื่อนสาวที่กำลังทำหน้าสงสัยด้วยรอยยิ้มพร้อมบอกถึงเหตุผลที่ต้องเร่งให้งานเสร็จเร็ว
“ฉันว่าจะคุยเรื่องนี้กับแกอยู่พอดีไหนๆก็มาแล้ว...พอดีว่าคนที่เค้าจ้างให้บริษัทฉันออกแบบที่แกพึ่งทำเสร็จเค้ามีบ้านอีกหลังที่ภูเก็ตน่าจะบนเกาะส่วนตัวของเค้าและเค้าก็อยากให้ทางเราไปเห็นงานด้วยตัวเองเลยจะออกค่าเดินทางกับที่พักให้เราไปดูงานเองแล้วงานนี้ฉันก็ว่าจะส่งให้แกทำเพราะน่าจะได้เงินก้อนที่มากกว่างานนี้หลายเท่าก็เลยจะมาบอกกแกให้เตรียมตัวไปกับฉันส่วนเด็กๆแกก็เอาไปด้วยถือว่าไปเที่ยวในตัว”
ป๋อมแป๋มเห็นว่าเพื่อนเธออยากจะพาลูกๆไปเที่ยวทะเลพอดีก็นึกขึ้นได้ว่าได้คุยกับลูกค้าเอาไว้ว่าจะบินไปดูงานแล้วที่นั่นก็ติดทะเลเลยถือโอกาสนี้ให้ณัฐนิชาได้ไปทำงานด้วยและพาหลานๆของเธอไปเที่ยวเสียทีเดียวเลยเพราะครั้งนี้ที่อยู่ที่กินแถมค่าเดินทางลูกค้าคนนี้เป็นคนออกให้หมดอีกต่างหาก
“เอาลูกฉันไปด้วยเกรงใจลูกค้าแย่เลย”
ณัฐนิชามีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัดใจจริงมันก็ดีถ้าเธอได้ทำงานและเที่ยวไปในตัวด้วยแต่เธอก็กลัวว่าลูกค้าจะมองไม่ดีว่าเอาลูกไปด้วยในขณะที่ไปทำงาน
“ฉันว่าเค้าคงไม่ว่าอะไรหรอก...ฉันว่าลูกค้าเราคนนี้เค้าใจดีอยู่นะจากที่ฉันเคยคุยกับเค้าเมื่อสามปีก่อนและก็ติดต่อเรื่องงานกันเรื่อยมา”
ป๋อมแป๋มรู้จักลูกค้าคนนี้ดีว่ามีนิสัยเป็นอย่างไรเพราะติดต่อกันมาหลายงานแล้วอีกอย่างเธอก็คิดว่าหลานๆของเธอคงจะดูแลไม่ยากเท่าไรเพราะเด็กทั้งสองถึงจะดูซนๆแต่ก็เชื่อฟังคำพูดของผู้ใหญ่
“เค้าเคยเป็นลูกค้าเก่าเราเหรอแก”
ณัฐนิชาก็พึ่งรู้วันนี้ว่าลูกค้าคนนี้เคยเป็นลูกค้าเก่าเพราะปกติเธอได้งานมาก็ไม่เคยถามถึงลูกค้าที่จ้างเท่าไรเมื่อทำเสร็จแล้วส่งกับรับเงินเท่านั้นเพราะงานทุกอย่างเธอส่งผ่านกับป๋อมแป๋มทั้งหมดไม่ได้ดิวกับลูกค้าโดยตรงเหมือนเมื่อก่อนที่ยังทำงานประจำ
“ใช่สิ..ตอนนั้นไงที่แกยังเป็นพนักงานประจำกับฉันอยู่..ที่เราออกแบบตกแต่งภายในบ้านจัดสรรค์ให้กับเค้าแต่แกน่าจะยังไม่เคยเจอเพราะตอนนั้นแกติดธุระเลยไม่ได้ดิวงานกับเค้าพร้อมฉัน...ลูกค้าเราคนนี้น่าจะชอบฝีมือของบริษัทเรามากนะลงทุนจ้างทีมซะไกลเลย”
ป๋อมแป๋มพยักหน้าตอบหญิงสาวรู้ว่าเพื่อนเธอน่าจะยังไม่เคยเจอลูกค้าคนนี้ถ้าจำไม่ผิดเพราะตอนนั้นที่เธอเจอกับลูกค้าเมื่อสามปีที่แล้วตอนนั้นญัฐนิชาก็ติดธุระมาดิวงานพร้อมเธอไม่ได้เลยไม่ได้เจอกัน ป๋อมแป๋มแอบปลื้มลูกค้าคนนี้อยู่มากที่เขาอยู่ไกลแค่ไหนก็ยังมาจ้างบริษัทของเธอทำงานและพร้อมจ่ายไม่อั้นด้วย
“อ๋อ...อืม..”
เมื่อณัฐนิชาได้ยินเพื่อนของเธอพูดถึงเรื่องเมื่อสามปีก่อนเธอแทบจะสะอึกเพราะเธอไม่อยากจะคิดถึงมันอีกน่ะสิเพราะงานนั้นเองที่ทำให้เธอต้องเจอกับเรื่องที่มันไม่น่าเกิด
คฤหาสน์เพตราพิทักษ์ณัฐนิชาตื่นแต่เช้าเพราะวันนี้ถึงจะเป็นวันปิดเทอมของลูกๆเธอแต่เด็กๆก็มีเรียนพิเศษที่ทั้งสองอยากจะเรียนโดยใยไหมนั้นชอบที่จะเรียนบัลเล่ต์ส่วนใบหม่อนนั้นชอบดนตรีเป็นพิเศษเลยเลือกที่จะเรียนดนตรีทั้งหญิงสาวและสามีไม่เคยที่จะบังคับลูกๆของเธอว่าให้เรียนอะไรแต่จะให้เรียนสิ่งที่ลูกๆของเธอเลือกเองและพร้อมสนับสนุนเท่านั้น“คุณเมฆคะเดี๋ยวนิส่งใยไหมกับใบหม่อนเรียบร้อยแล้วจะเข้าไปซื้อของต่อกับคุณแม่ฝากดูแม็คกับมาร์คด้วยนะคะวันนี้นิน่าจะรอรับเด็กๆกลับด้วยเลย...จุ้บ..นิจะรีบไปรีบมานะคะ”วันนี้ณัฐนิชาต้องไปส่งเจ้าสองแฝดวัยห้าขวบกว่าแต่เช้าเพราะวันนี้เธอจะต้องไปเลือกซื้อของเข้าบ้านกับมัทนาต่อตามประสามแม่สามีกับลูกสะใภ้หญิงสาวเห็นว่าวันนี้เป็นวันหยุดของสามีเธอเลยวานให้สามีเธอดูแลลูกๆอีกสองคนเสียเลยก่อนจะก้มลงมาจูบแก้มของเมฆาที่นอนหลับอุตุอยู่บนที่นอนที่ตอนนี้สามีของเธอยังไม่อยากตื่นก็เพราะเมื่อวานมีประชุมที่บริษัทและกลับบ้านมาจนดึก“คร้าบ...”เมฆาตอบรับปากคนเป็นภรรยาทั้งที่ตาก็ยังจะลืมไม่ขึ้นวันนี้เขาต้องรับหน้าที่ดูแลลูกชายวัยสองขวบกับสี่เดือนเองแล้วล่ะสิแต่พ่อลูกอ่อนที่ผ่านการเลี้ยง
สองเดือนต่อมางานแต่งของเมฆาและณัฐนิชาจัดขึ้นที่เกาะอย่างเรียบง่ายแต่หรูหราให้สมเกียรติถึงแขกในงานจะไม่ได้เยอะมากแต่ก็เป็นคนสำคัญทั้งนั้นและงานแต่งงานครั้งนี้ก็จะเป็นการเปิดเจ้าสองแสบว่าเป็นทายาทคนสำคัญในตระกูลอีกด้วย“ยินดีด้วยนะแกวันนี้แกสวยสุดๆไปเลย”ป๋อมแป๋มเดินเข้างานมาสวมกอดณัฐนิชาด้วยความยินดีด้วยจากใจที่เห็นเพื่อนมีครอบครัวอย่างสมบูรณ์เสียทีวันนี้ณัฐนิชาดูสวยแปลกตาไปมากจนเธอนั้นอดชมไม่ได้เลยจริงๆ“จ้า...เอ...แล้วนี่ทำไมถึงควงมากับคุณเวได้ล่ะ”ณัฐนิชาสังเกตเห็นว่าป๋อมแป๋มนั้นเดินจับมือมากับธาดาจึงต้องถามแกมหยอกเล็กน้อยว่าตกลงสองคนเป็นอะไรกันแน่“อืมม...ก็ตั้งแต่คืนนั้น”ป๋อมแป๋มตอบเพื่อนสาวเธอด้วยท่าทีเขินอายแม้คำพูดจะดูน้อยแต่เมื่อมองตากันก็รู้ใจว่ากำลังคิดอะไรอยู่“หา...จริงดิ...ต้องขอบคุณคุณเวนะที่ดึงแกลงมาจากคานได้เสียที”ณัฐนิชาถึงกับยกมือปิดปากไม่คิดว่าการขอร้องให้ธาดาอยู่เป็นเพื่อนเพื่อนของเธอคืนนั้นจะทำให้ป๋อมแป๋มที่หวงคานนักหนายอมลงจากคานได้“ยินดีด้วยนะคะคุณเมฆ”ป๋อมแป๋มเห็นเมฆาเดินมากับใครอีกคนที่เธอก็พอจะรู้จักอยู่บ้างตามข่าวพร้อมทั้งกล่าวยินดีกับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
“ฮึก...คุณเว”คำพูดจี้ใจหญิงสาวที่ออกจากปากธาดาทำให้เธอโผเข้ากอดเขาปล่อยโฮอย่างที่ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัวน้อยคนนักที่จะพูดกับเธอและห่วงใยความรู้สึกของเธอแบบนี้ปกติแล้วคนอย่างเธอจะร้องให้กับณัฐนิชาเพียงคนเดียวเท่านั้นแต่ตอนนี้ชายหนุ่มทำให้เธอรู้สึกว่าเธอสบายใจที่จะทำตามเสียงหัวใจตัวเองในเวลาที่อยู่กับเขาเมื่อตอนที่ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะก็มีธาดานี่แหละที่เป็นเพื่อนคุยทั้งยังให้คำปรึกษาเรื่องงานกับเธอตลอดจนหญิงสาวค่อนข้างแปลกใจว่าชายหนุ่มนั้นดูจะเก่งเกินบอดี้การ์ดธรรมดาไปเสียมากทั้งเชิงวิชาการและการต่อสู้หรือทักษะอื่นๆไม่ได้น้อยหน้าใครเลยธาดาคงจะเป็นผู้ชายคนที่สองละมั้งที่เธอไว้ใจกับเขาที่จะพูดคุยรองจากคนเป็นพ่อของเธอธาดาไม่ได้พูดอะไรยังคงกอดปลอบเธอกลับและรอให้หญิงสาวปล่อยโฮออกมาให้เต็มที่ไม่นานเธอก็หยุดร้องให้ลงเขาจึงทิ้งรถของเขาไว้ที่นี่และกลับไปส่งเธอที่บ้านบ้านธีธารา“เวโทรมามีอะไรหรือเปล่า”เมฆาเห็นหญิงสาวคุยกับธาดาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่นานสองนานจนเขาต้องกลายเป็นคนเสียมารยาทถามหญิงสาวเรื่องที่คุยโทรศัพท์ด้วยความสงสัย“คือพอดีมีปัญหานิดหน่อยค่ะ...”ณัฐนิชาเล่าสถานการณ์ทั้งหมดให้กับชา
“ฉันว่าเวอาจจะอยากใช้ชีวิตแบบนี้อีกสักพักก็ได้...เรื่องแผลใจฉันว่าคงหายดีแล้วหละ”เมฆาเห็นว่าเรื่องแผลใจของธาดานั้นน่าจะหายไปนานแล้วเขาเห็นว่าธาดาอาจจะมีความสุขกับการอยู่แบบนี้มากกว่าส่วนเรื่องอยากจะกลับไปทำงานของตัวเองเมื่อไรเขาเองก็ไปบังคับธาดาไม่ได้เพราะไม่ได้อยากบังคับใจใคร“นี่ภรรยาฉันนิชา”เมฆาถือโอกาสแนะนำหญิงสาวให้ธาวินได้รู้จักตอนที่เธอเดินออกมาพอดี“นิครับนี่ธาวินพี่ชายของเว”“ผมวินยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนิชา”“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ...ตามสบายเลยนะคะเดี๋ยวนิขอตัวจัดการงานบ้านก่อน”ตอนนี้ณัฐนิชาอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนที่เป็นแม่บ้านเต็มตัวเมื่อทักทายกับชายหนุ่มเรียบร้อยแล้วเธอเองก็ไม่ได้อยากกวนเวลาของผู้ชายที่เขาจะคุยกันเลยขอปลีกตัวออกไปทำงานบ้านของเธอต่อ“นายหาแม่บ้านสักคนก็ดีนะคุณนิเป็นถึงภรรยานักธุรกิจยังทำงานบ้านเองอีกหรือไง”ธาวินแอบตะขิดตะขวงในใจอยู่เล็กๆที่หญิงสาวเป็นภรรยาของเพื่อนเขาที่เป็นถึงระดับนักธุรกิจใหญ่โตที่ดูแลกิจการหลายอย่างต้องมาทำงานบ้านเอง“เมียฉันเค้าไม่อยากได้เองไม่ใช่ฉันไม่เคยเสนอ...ฉันไม่อยากขัด...เออแล้วอีกสามเดือนฉันจะแต่งงานไปงานฉันด้วยล่ะ”เมฆา
ครู่ต่อมาหลังจากที่ทานอาหารอิ่มแล้วเจ้าแฝดตัวกลมทั้งสองก็ไปเล่นกันต่อโดยคนเป็นย่าปล่อยให้เล่นเพื่อย่อยอาหารเพราะอีกสักพักเธอก็จะพาหลานๆอาบน้ำทานนมนอนกลางวันแล้วตอนนี้บนโต๊ะอาหารก็เหลือแต่คนโตที่นั่งอยู่ด้วยกันพลางพูดคุยกันตามประสาครอบครัว“ผมว่าจะจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุดดีไหมครับคุณแม่”“ก็ดีจะตระกูลเราคนค่อนข้างนับหน้าถือตาดีเลยถือเป็นการเปิดตัวทายาทของลูกในวันนั้นเลย”“พ่อก็เห็นด้วยนะอะไรๆมันจะได้อยู่ถูกที่ถูกทางเสียที”“ครับ”เมฆาคิดว่าในตอนนี้เรื่องราวมันก็เป็นไปในทิศทางที่ดีแล้วตอนนี้เขาก็อยากจะจัดงานแต่งประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเขานั้นมีลูกมีครอบครัวแล้วและถือเป็นการให้เกียรติหญิงสาวกับลูกๆด้วยทั้งมัทนาและธำมรงค์ก็เห็นดีเห็นงามด้วยว่าควรจะจัดงานแต่งมาให้เร็วที่สุดเพราะไม่อย่างนั้นคนที่เสียหายก็จะเป็นณัฐนิชาเพราะพวกเขารู้ว่าหากเมฆาใช้ชีวิตอยู่กับหญิงสาวไปเรื่อยๆแบบนี้คงไม่วายเป็นข่าวเสียๆหายๆเป็นแน่“พี่นิทานน้อยจังเลยค่ะ...ไม่สบายหรือเปล่าคะเหมือนหวานสังเกตเห็นพี่นิเพลียๆตั้งแต่เข้ามาแล้วเมื่อคืนทำงานดึกเหรอคะ”ตอนนี้ทุกคนก็ท่าทางจะอิ่มกันหมดแล้วรินทร์ธารามองไปยังจานข้าวของพี่ส
30 นาทีต่อมา“เด็กๆ”“คุณพ่อขา/คุณแม่คร้าบบ”เมฆาเดินเข้าบ้านพักพ่อกับแม่ของเขาพร้อมกับณัฐนิชาเมื่อเห็นพ่อกับแม่ของเขานั่งเล่นอยู่กับเจ้าสองแสบที่สนามหญ้าหน้าบ้านก็รีบเดินเข้าไปหาทันทีเจ้าสองแสบเมื่อเห็นคนเป็นพ่อกับแม่มาหาก็รีบสิ่งเข้าไปโผกอดเป็นภาพสี่คนพ่อแม่ลูกที่ดูอบอุ่นต่อสายตาคนที่เห็นอย่างมาก“หายดีแล้วเหรอตาเมฆ”“ครับเมื่อเช้าพึ่งไปตัดไหมมาแล้วก็แวะมาที่นี่เลยครับคิดถึงเจ้าสองแสบแย่แล้ว”มัทนาถามไถ่อาการของลูกชายเธอด้วยรอยยิ้มเพราะตอนนี้หน้าตาของลูกชายเธอสดใสขึ้นมากคงเป็นเพราะมีคนดูแลดีอย่างที่สามีเธอบอกจริงๆนั่นแหละ“โอย..โอ้ยย..มัน.ร้อนน..นะคุณ”วายุแทบคายข้าวต้มออกจากปากเพราะรินทร์ธาราเล่นไม่ยอมเป่าให้มันเย็นก่อนที่จะป้อนเข้าปากของเขา“ก็ฉันบอกให้คุณทานเองก็ไม่อยากจะทานมืออีกข้างก็ยังใช้การได้อยู่นี่นา”รินทร์ธารานั่งหน้าเซ็งชายหนุ่มตื่นสายยังไม่พอยังชอบบังคับให้เธอป้อนข้าวอยู่ทุกวันอีกทั้งที่มืออีกข้างก็ใช้ได้“นั่นเสียงเอะอะอะไรกันเหรอคะคุณมัท”ณัฐนิชาที่กำลังกอดหอมเล่นกับลูกเธออยู่ที่หน้าบ้านจู่ๆก็ได้ยินเสียงโวยวายจากในบ้านออกมาเธอพอจะจำได้ว่าเสียงนั่นน่าจะมีเสียงของน้อง