ชีคฟาฎิลตัดปัญหา เขาหยิบบัตรหนึ่งที่คล้ายบัตรประชาชนของคนไทยส่งให้อนัญญา หล่อนรับมันมาดูรายละเอียดบนบัตรที่ระบุไว้ ชื่อและนามสกุลตรงกับที่ยศวินบอก ใบหน้าติดอยู่ในบัตรก็ตรงกัน
“ของปลอมรึเปล่าเนี่ย” ความไม่พอใจระบายบนใบหน้าชีคฟาฎิล เขาเริ่มหงุดหงิดกับความรอบคอบของอนัญญา
“ของจริงสิ คนอย่างฉันไม่เคยใช้ของปลอม ไม่มีอะไรปลอม เธอเลิกไม่ไว้ใจฉันได้แล้ว ฉันอยากคุยเรื่องอานัสกับอานีสมากกว่ามาให้เธอจับผิดนะ” ฟาฎิลเริ่มไม่พอใจ
“คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้ บัตรประชาชนเอย ใบขับขี่เอย หรือบัตรอะไรก็แล้วแต่ สมัยนี้ปลอมง่ายจะตายไป อีกอย่างนะ ฉันก็ไม่เคยเห็นบัตรประชาชนประเทศคุณด้วย ฉันก็ต้องรอบคอบสิ” อนัญญาโต้กลับ ส่งบัตรประชาชนของประเทศซาเมียร์คืนให้เจ้าของ “เข้าไปได้แค่สามคน คุณ ท่านชีคและคุณอิลฮัม ส่วนคนอื่นรอข้างนอก”
อนัญญายอมให้คนแปลกหน้าเข้าไปในบ้าน ไม่ใช่ว่าไม่กลัวแต่อยากรู้เรื่องจดหมายฉบับนั้นมากกว่า อีกทั้งตอนนี้ก็ยังไม่ค่ำมืด เกิดเหตุด่วนเหตุร้ายอะไร ตะโกนขอความช่วยเหลือก็ได้ อนัญญาหมุนตัวเปิดประตูบ้าน ก่อนก้าวเดินเข้าไปในบ้านพร้อมสามหนุ่ม
“เริ่มเรื่องเลยนะครับ” ยศวินเริ่มเรื่อง ก่อนหยิบหลักฐานเด็ดส่งให้อนัญญา “นี่คือจดหมายที่คุณส้มเขียนถึงท่านชีคครับ”
อนัญญามองจดหมายจ่าหน้าซองถึงชีคฟาฎิล มุมซ้ายมือด้านบนระบุชื่ออภิญญา น้องสาวของตนพร้อมที่อยู่ หล่อนหยิบจดหมายในซองคลี่อ่าน แม้ว่าตัวอักษรจะเป็นภาษาอังกฤษ แต่หล่อนก็รู้ว่าเป็นลายมือของน้องสาว
มืออนัญญาที่จับจดหมายค่อนข้างสั่น เมื่อได้อ่านเนื้อความในจดหมายที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ใครคือพ่อของอานัสและอานีส หล่อนคงไม่เชื่อไม่ได้ว่า ชีคฟาฎิลโกหกเรื่องนี้ เพราะในจดหมายบอกเหตุผลที่อภิญญาตั้งครรภ์ ซึ่งตรงกับที่น้องสาวบอกตนไม่มีผิด ตอนนี้หล่อนเริ่มหวั่นใจมากกว่ากลัวคนแปลกหน้า การมาของชีคฟาฎิลครั้งนี้คือมาพิสูจน์ว่า อานัสกับอานีสคือลูกชายของเขาจริงหรือไม่
ถ้าไม่จริงก็ดีไป แต่ถ้าจริงล่ะ เขาจะพาสองหลานรักกลับประเทศซาเมียร์หรือไม่
ไม่...หล่อนไม่ยอมให้เขาพรากหลานไปจากตนแน่นอน
“ฉันมาที่นี่เพราะอยากพิสูจน์ว่า อานัสกับอานีสเป็นลูกชายของฉันหรือเปล่า” ฟาฎิลพูดขึ้น “ถ้าใช่ ฉันจะพาลูกชายของฉันกลับซาเมียร์”
“ไม่!” อนัญญาวางจดหมายลงบนเบาะข้างตัวลุกขึ้นยืน หล่อนพูดเสียงดังฟังชัด มองหน้าฟาฎิลเขม็ง ไม่มีความเกรงกลัวเลยสักนิด เป็นสายตาแข็งกระด้างที่ไม่เคยมีใครมองท่านชีคมาก่อน เพราะทุกคนมีแต่นอบน้อม ให้เกียรติและกริ่งเกรง “ฉันไม่ยอมให้มีการตรวจดีเอ็นเอ อานัสกับอานีสไม่มีวันไปไหนกับใครทั้งนั้น ถ้าคุณพรากหลานฉันไปล่ะก็ ฉันจะชกหน้าคุณให้หายหล่อเลยคอยดู”
อนัญญาชูกำปั้นข่มขู่พร้อมคำพูด ท่าทางเอาจริงของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ฟาฎิลไม่พอใจ แต่ก็อดขำไม่ได้เพราะคนอย่างหล่อนน่ะหรือจะชกหน้าเขาได้ อนัญญาทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น ไม่มีทางที่จะทำสำเร็จ อิลฮัมยิ้มนึกในใจว่า งานนี้เพื่อนรักเจอมวยถูกคู่เสียแล้ว ยังไม่ทันที่จะมีใครเอ่ยคำใด เสียงของเด็กสองคนที่ตะโกนเข้ามาในบ้านเรียกความสนใจให้ทุกคนในบ้านหันมอง
“แม่ฮะแย่แล้วฮะ” อานัสไม่ได้สนใจมองใคร เด็กชายวิ่งมาหาคนเป็นป้าที่เรียกว่าแม่
“มีอะไรลูก”
“ลุงโด่งลากป้านิวไปบ้านฮะ ทั้งตบทั้งตีป้านิวฮะ”
อนัญญารีบวิ่งออกไปจากบ้านทันที ท่ามกลางความงุนงงของชายหนุ่มทั้งสาม ฟาฎิลมองหน้าสองฝาแฝดที่ยืนมองเขาตาแป๋วนิ่ง แต่ความรีบร้อนของอนัญญาทำให้เขาไม่มีเวลาพิจารณามองเด็กทั้งสอง อยากรู้ว่าหล่อนวิ่งไปไหน ฟาฎิลรีบวิ่งตามอนัญญาออกไปจากบ้าน โดยมีอิลฮัมกับยศวินวิ่งตามไป
จุดหมายปลายทางของอนัญญาคือบ้านของคำรณที่อยู่ห่างออกไปราวสองร้อยเมตร อนัญญาวิ่งสี่คูณร้อยเพื่อไปให้ถึงบ้านคำรณเร็วที่สุด และเมื่อไปถึงก็พบว่า คำรณกำลังตบหน้าจรรยาแล้วผลักให้ล้มไปนอนบนพื้น ตามด้วยเท้าที่กระแทกไปตามร่างกายของจรรยา
“อีนิว วันนี้มึงตายคาตีนกูแน่...อักๆ”
“ไอ้เหี้ยโด่ง มึงทำเพื่อนกูเหรอ” อนัญญาเห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้มีหรือจะทนไหว หล่อนก้าวเข้าไปในบ้าน เข้าไปกระแทกเท้าตรงลำตัวคำรณจนถอยร่นไปหลายก้าว
“มึงอย่าเสือกเรื่องของผัวเมีย มึงออกไปจากบ้านกูเลยนะ ไม่งั้นได้กินตีนกูแน่” คำรณขู่
“มึงนั่นแหละได้กินตีนกู ร่างกายมึงคงต้องการเบตาดีนกับสำลีมากแน่ๆ ได้เลยวันนี้กูจัดให้มึงงามๆ” อนัญญาไม่พูดเปล่า ถลาไปหาคำรณอย่างไม่เกรงกลัว หล่อนชกเข้าที่หน้าคำรณไปหนึ่งครั้ง คำรณตั้งท่าสวนกลับแต่ก็โดนชกซ้ำไปอีกหนึ่งครั้ง ฝ่าเท้าอนัญญาก็มากระแทกไปตรงท้องคำรณ
ชีคฟาฎิลมองอนัญญาเตะต่อยผู้ชายรูปร่างสูงกว่าเล็กน้อยด้วยความทึ่ง เขาไม่คิดว่าป้าของหลานจะเก่งกาจเช่นนี้ เห็นแล้วประทับใจในความห้าวไม่กลัวใคร แม้ว่าอนัญญาเป็นต่อชายคนนั้น แต่เขาก็ไม่อาจทนเห็นอนัญญาต่อสู้กับใครได้ ชีคหนุ่มเดินเข้าไปในบ้าน จับหัวไหล่อนัญญาแล้วดึงเข้าหาตัว ก่อนปล่อยหมัดหนักๆ อัดลงไปกึ่งปากกึ่งจมูกคำรณ คนถูกชกหน้าสลบเหมือนกลางอากาศ หมัดเดียวจอด
ภายในบ้านมีร่างสตรีคนหนึ่งค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าบวมช้ำ ตรงมุมปากมีเลือดไหลซึมออกมา อิลฮัมเดาว่าผู้หญิงคนนี้ถูกชายหนุ่มที่กำลังถูกอนัญญาอัดหน้าทำร้ายแน่นอน ด้วยเหตุใดมิทราบได้เขาเดินเข้าประคองร่างหญิงสาวคนนั้น
Chapter 46 ต่างรู้กันว่า สุจิตราเป็นหนึ่งในทีมบอดี้การ์ดของอิลฮัม จึงไม่มีใครรู้ในความสัมพันธ์ลึกๆ ระหว่างอิลฮัมกับสุจิตรา จะมีคนรู้ก็แค่คนในบ้านและทีมบอดี้การ์ด ซึ่งแน่นอนว่า ไม่มีใครรู้ความลับนี้ แม้แต่จรรยาก็คิดว่า สุจิตราเป็นอดีตลูกน้องที่ย้ายไปอยู่กับบาดียะ เพื่อดูแลระหว่างตั้งครรภ์ “ได้ครับ ผมจะหาของขวัญให้มัซนีย์”อิลฮัมไหลไปตามน้ำ เอ่ยเสียงเรียบทว่าในใจกลับเดือดพล่านเมื่อได้ยินว่า มีชายหนุ่มมาจีบสุจิตรา เขาต้องใช้ความพยายามอย่างหนักไม่ให้ความไม่พอใจออกมาทางสีหน้าหรือแววตา อิลฮัมเก็บมันไว้อย่างมิดชิด การสนทนาหยุดลงชั่วขณะเมื่อโมฮัมหมัดกับสุจิตราเดินถือถาดใส่ขนมเค้กมาวางไว้บนโต๊ะ โมฮัมหมัดหยิบจานเค้กส่งให้ญาติอีกสองคนและส่งอีกจานให้อัฟฮัม สุจิตราหยิบจานเค้กส่งให้ฮานีฟา จรรยาที่ส่งยิ้มให้และส่งให้อิลฮัมเป็นคนสุดท้าย ขณะที่ส่งจานขนมเค้กให้อิลฮัม เขามองหน้าสุจิตราและนั่นทำให้หล่อนใจสั่น ความเข้มแข็งที่ตนเองตั้งมั่นไว้ในจิตใจสั่นคลอนจะว่าไปความเข้มแข็งของสุจิตรานั้น เหมือนจะค่อยๆ ทลายลงทีละนิดเมื่อได้เห็นหน้าอิลฮัม อีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ ความเสียใจ ทั
Chapter 45“ค่ะ พี่จะเข้มแข็งค่ะ”“งั้นลงไปกันค่ะ” สุจิตราสูดลมหายใจแรงๆ เข้าไปในปอด ราวกับให้กำลังใจตัวเอง ก่อนก้าวเท้าลงจากรถ ยืนมองประตูบ้านด้วยใจไหวหวั่น “ไปค่ะพี่มัซนีย์”บาดียะยิ้มให้สุจิตรา กุมมืออีกฝ่ายแล้วพากันเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่อันคุ้นเคย โดยมีคนขับรถถือถุงใบใหญ่สองใบเดินตามไปด้วยภายในห้องโถงใหญ่ของบ้านที่ตกแต่งอย่างหรูหราสมกับฐานะเจ้าของ ชุดโซฟารับแขกชุดใหญ่ที่มีโซฟาสี่ตัว เป็นตัวยาวที่นั่งได้ราวสามถึงสี่คนสองตัว และนั่งได้สองคนอีกสองตัว อัฟฮัมกับฮานีฟานั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน โดยมีสาวสวยนามว่าจรรยานั่งข้างฮานีฟา โซฟาตัวเล็กอีกสองตัวถูกจับจองด้วยญาติของอัฟฮัมที่มาเยี่ยมเยียนตัวละหนึ่งคน ส่วนโซฟาอีกตัวที่หันหลังให้กับประตูบ้านมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ลูกชายเจ้าของบ้านนั่งอยู่คู่กับญาติผู้พี่นามว่า โมฮัมหมัดรอยยิ้มของอัฟฮัม ฮานีฟาและจรรยาที่ระบายเต็มใบหน้า และทั้งสามมองไปยังประตูบ้าน ราวกับส่งยิ้มให้คนที่กำลังเดินเข้ามา อิลฮัมที่สังเกตเห็นอยู่จึงหันไปมองทางด้านหลังด้วยความอยากรู้ว่า ทั้งสามยิ้มให้ใครโอ้...อิลฮัมครางในใจและอึ้งเมื่อเห็นสุจิตราเดินคู่มากับบาดี-ยะ เหตุผลขอ
Chapter 44 หลังจากตกลงกันได้ สุจิตราเก็บเสื้อผ้าไปอยู่บ้านบาดียะที่ยอมรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และยอมรับมูฮัมหมัดในฐานะลูกเขย แม้ว่าจะไม่เต็มใจนัก แต่ในเมื่อลูกสาวรักและเรื่องเลยเถิดมาถึงป่านนี้ อีกทั้งมูฮัมหมัดก็ไม่คิดเกาะบาดียะกินอย่างที่เข้าใจ เขาขยันทำงาน หาเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย จาเหม็ดที่รักลูกไม่อยากให้ลูกลำบาก จึงให้มูฮัมหมัดเข้ามาดูแลกิจการเครื่องเพชรของตน ให้เงินเดือนและส่วนแบ่งรายได้ให้สิบเปอร์เซ็นต์ หน้าที่หลักของสุจิตราคือดูแลบาดียะที่เกิดอาการแพ้อย่างหนัก นอกจากคลื่นไส้ยังมีอาการวิงเวียนศีรษะและหน้ามืดบ่อยๆ สุจิตราแทบจะไม่ห่างบาดียะเลย ดูแลดีประหนึ่งน้องสาว การที่สุจิตรามาอยู่บ้านบาดียะ หล่อนได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเจ้าของบ้านที่ให้ความเมตตา แม้ว่าจะต่างศาสนาแต่ก็อยู่ร่วมกันได้ บาดียะซื้อชุดแบรนด์หรูให้สุจิตราเกือบยี่สิบชุด ไม่รวมเครื่องประดับอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นต่างหู สร้อยคอและนาฬิกา รวมถึงกระเป๋าราคาหลักแสนให้อีกสองใบ ไม่เพียงแค่นั้นยังขัดสีฉวีวรรณให้ดูเปล่งปลั่งมากขึ้น ดูมีออร่าสาวไฮโซ ทำราวกับว่ากำลังชุบตัวสุจิตราเป็นคนใหม่
Chapter 43สามเดือนต่อมา อนัญญา อานัสกับอานีสเดินทางมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในประเทศซาเมียร์ ประเทศที่อนัญญารู้จักแค่ชื่อ แต่ไม่เคยมาย่ำเยือน พอมาเห็นหล่อนยอมรับว่าตื่นเต้นและทึ่งในสถาปัตยกรรมอันสวยงามและเก่าแก่ โดยเฉพาะวังของฟาฎิลที่มีความยิ่งใหญ่สวยงามมาก เพราะทำจากหินอ่อนทั้งหมด เนื้อที่ก็ใช่ย่อยกว้างขวางถึงห้าสิบไร่ มีสนามหญ้าให้อานัสและอานีสวิ่งเล่น รวมถึงสระว่ายน้ำ สนามเทนนิส สนามบาสเกตบอล ยังไม่หมดยังมีสนามแข่งรถทางด้านข้างของวังอีกด้วย อนัญญากับสองหลานชายได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น นูรีนมารดาของฟาฎิลที่เคยเจอกันแล้วตอนที่นางไปดูหน้าหลานรักที่เมืองไทย นางรู้สึกถูกชะตาและนับถือความแข็งแกร่งของอนัญญาหลังจากรู้ว่า หล่อนดูแลทั้งอภิญญาและหลานชายพร้อมกัน ด้วยการไม่เลือกงาน ขอเพียงเป็นงานสุจริต นูรีนยินดีมากที่อนัญญาก้าวเข้ามาอยู่ในวัง ในฐานะลูกสะใภ้ คนมาอยู่ใหม่นอกจากจะปรับตัวเรื่องเวลาและสถานที่แล้ว ทั้งสามยังต้องเรียนรู้เรื่องภาษาและศาสนา รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งสามป้าหลานก็ค่อยๆ ปรับตัว เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ตอนนี้อนัญญาพูดคุยภาษาถิ่น
Chapter 42 “ยังเจ็บอยู่ไหมคนดี” เขาถามชิดเรียวปากอิ่ม จูบซ้ำๆ ขบเม้มกลีบปากล่างเธอเบาๆ “ว่าไงครับ ยังเจ็บอยู่ไหม”“ไม่เท่าไหร่ค่ะ...แต่อึดอัด” อนัญญาตอบตามตรง มองหน้าชายหนุ่มที่ตนรักด้วยเก้อเขิน“ของฉันมันใหญ่ก็งี้แหละ อึดอัดเป็นเรื่องปกติ” ฟาฎิลยอตัวเอง “แต่รับรองว่า เราจะมีความสุขไปด้วยกัน” ชีคหนุ่มขยับสะโพกอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะต้องการให้อนัญญาคุ้นชินกับความแปลกใหม่ ปรารถนาให้หล่อนซึมซับความสุขเข้าสู่หัวใจ เขาเคลื่อนไหวนุ่มนวลช้าๆ เนิบๆ ต่างกับกิจกรรมทางเพศกับหญิงอื่นที่จะดุเดือดตามประสบการณ์ของคู่นอนคนนั้น ทว่ากับอนัญญา หล่อนคือความบริสุทธิ์ที่เขาอยากให้ซึมซับความมหัศจรรย์ทางเพศ ต้องการให้เธอประทับใจและเก็บไว้ในกล่องความทรงจำ“อา...ท่านชีค” ความเจ็บปวดค่อยๆ ลดเลือน ความกระสันซ่านจากฤทธิ์พิศวาสเข้าครอบงำ หัวใจสาวกำลังโบกโบยบินไปกับทำนองรักทำนองสวาทที่เขากำลังขับกล่อม“โอ้...วิเศษจัง...ลัยลาฮ์”“ท่านชีค...อา...อืม” บทเพลงรักของเขาเปลี่ยนไป จากช้าเริ่มขยับจังหวะเร็วขึ้น เมื่อเขาเร่งความเร็วเสียงครางกระเส่าของอนัญญาดังไม่ขาดปาก ประสานกับเอกบุรุษที่ทะยานเข้าใส่ไม่หยุด ความเสียวซ่า
Chapter 41อนัญญาไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกคล้ายคนคลั่ง ยิ่งเขาขยับนิ้วเร่งจังหวะ หล่อนยิ่งเสียวกระสัน ร้องครางระบายความร้อนที่สุมในทรวง เพราะตอนนี้ความร้อนมันเพิ่มทุกขณะจิต เพิ่มทุกองศายามเขาขยับนิ้วเข้าและออก“กลิ่นโชยมา หอมยั่วเหลือเกิน” เหมือนเป็นแรงกระตุ้น แรงผลักดันที่ทำให้ฟาฎิลอยากเลื่อนหน้าไปเชยชมความหอมพรรณพฤกษาที่ส่งกลิ่นเย้ายั่วอารมณ์ กลิ่นสาปสาวที่มาพร้อมกับกลิ่นเสน่หา เมื่อสองกลิ่นมารวมกันเปรียบเสมือนหัวน้ำหมอชั้นดี ที่ชายได้ใดสูดดมเข้าไป ร่างกายจะเกิดความร้อนรุ่ม เพลิงพิศวาสถูกปลุกระดมลุกพรึบทันใด แล้วเขาก็ไม่อดทนกับความต้องการของตนเอง ใบหน้าคมเข้มเลื่อนต่ำลงไปยังดอกกุหลาบช่องามที่ตอนนี้เป็นอิสระจากนิ้วมือใหญ่ แต่ก็เพียงแค่ช่วงไม่กี่วินาที ปากและลิ้นของเขาก็ทำงานแทนที่“ท่านชีค...อา...ท่านชีค” อนัญญาไม่ทันตั้งตัว เธอไม่คิดว่าเขาจะหุนหันเลื่อนใบหน้าไปยังจุดนั้น แล้วเวลานี้เขาเริ่มสำรวจดอกไม้งามดั่งภุมรินลิ้มเกสรหวานฉ่ำ จูบไปทั่วดอกผกา ลิ้นสากใหญ่แทรกไปตามกลางกลีบดอกตวัดลิ้นไปมา ก่อนพบเจออัญมณีสีสวยที่ขึ้นรูปอวดตัว แน่นอนว่าเขาต้องจัดการมันด้วยปาก ดูดและเม้ม “อา...ท่านชีค...อ