Share

บทที่ 7

Author: สาลี่แช่แข็ง
ทั้งสี่คนยืนอยู่ด้วยกัน

อาจเป็นเพราะจี้อวิ๋นโจวโดดเด่นเกินไป จึงดึงดูดสายตาของผู้คนที่มามุงดูอยู่ไม่น้อย

ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่ถูกมอง ตอนที่สายตากวาดผ่านเจิ้งซินหราน สาวน้อยมองจี้อวิ๋นโจวด้วยสีหน้านับถือ ท่าทางอุ่นใจกว่าฉันมากนัก

ฉันรู้ดี นั่นคือความเชื่อมั่นที่เกิดจากการถูกปกป้อง

“พี่อวิ๋นโจวบอกว่าใกล้ถึงเวลามื้อเที่ยงแล้ว” ปลายเสียงเธอขึ้นสูง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กสาว “อยากชวนฉันไปกินข้าวที่โรงอาหารของโรงพยาบาลสักมื้อ”

เหลียงฮ่าวเหมี่ยวมองฉันด้วยความสงสัยครั้งหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองเจิ้งซินหรานที่ยืนข้างจี้อวิ๋นโจว แล้วพูดว่า “หมอจี้ ไม่แนะนำหน่อยเหรอ?”

จี้อวิ๋นโจวพูดอย่างกระชับ “ซินหราน รุ่นน้องที่วิทยาลัยการแพทย์”

เจิ้งซินหรานกระพริบตาคล้ายลูกกวาง มองไปที่บัตรพนักงานด้านหน้าของเหลียงฮ่าวเหมี่ยวแล้วพูดว่า “สวัสดีค่ะคุณหมอเหลียง ยินดีที่ได้รู้จัก ฝากตัวด้วยนะคะ”

เหลียงฮ่าวเหมี่ยวพยักหน้าพลางยิ้มอย่างเก้อเขิน สายตาก็หยุดที่ใบหน้าฉันเป็นระยะ ๆ ความรู้สึกเห็นใจแทบจะไหลทะลักออกมาจากดวงตาเลยทีเดียว

“รุ่นพี่ กินข้าวด้วยกันไหมคะ?” เจิ้งซินหรานมองฉันอย่างจริงใจ แล้วก็มองจี้อวิ๋นโจวพลางพูด “เดี๋ยวคืนนี้พี่อวิ๋นโจวจะพาฉันไปทำความคุ้นเคยกับทั้งโรงพยาบาลจิงเสีย รุ่นพี่ก็ไปด้วยกันได้นะคะ”

ความเคารพในดวงตาของเธอไม่มีการปิดบัง แต่ความนับถือนี้กลับแอบแทงใจฉันอย่างเงียบ ๆ

พวกเขาเพิ่งรู้จักกันแค่เดือนเดียวเอง ส่วนฉันในฐานะภรรยา คอยวนเวียนดูแลจี้อวิ๋นโจวมาตลอดสามปีเต็ม เขากลับไม่เคยให้ฉันก้าวเข้าไปในแผนกศัลยกรรมประสาทแม้แต่ครั้งเดียว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำความคุ้นเคยกับทั้งโรงพยาบาลจิงเสียเลย

“ไม่ต้องหรอก” ฉันปฏิเสธอย่างเด็ดขาด มองจี้อวิ๋นโจวแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “อีกอย่าง สถานการณ์ของโรงพยาบาลจิงเสีย ฉันรู้ละเอียดถี่ถ้วนตั้งนานแล้ว”

พูดจบก็หมุนตัวจากไป

แน่นอนว่าคำพูดนี้ไม่ได้พูดเกินจริง เพราะในช่วงสามปีที่ผ่านมา นอกจากมหาวิทยาลัยกับบ้านหลังนั้นแล้ว สถานที่ที่ฉันไปบ่อยที่สุดก็คือโรงพยาบาลจิงเสีย

ช่วงที่ฉันคลุกคลีกับเขามากที่สุด ฉันแทบจะมาโรงพยาบาลวันเว้นวัน รู้ดีว่าชั้นหนึ่งถึงชั้นห้าเป็นแผนกอะไรบ้าง ประตูห้องปฏิบัติการทางคลินิกและแผนกเอกซเรย์อยู่ทางซ้ายหรือทางขวา แผนกผู้ป่วยนอกกับผู้ป่วยในต้องเดินนานแค่ไหนกว่าจะถึง ลิฟต์จุดไหนคนแน่นที่สุด ฉันรู้ละเอียดถี่ถ้วนทุกอย่าง

ฉันจินตนาการไว้ว่าสักวันหนึ่ง ตอนที่จี้อวิ๋นโจวพูดถึงรายละเอียดบางอย่างกับฉันแบบลวก ๆ ฉันจะสามารถตอบโต้ได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ทำให้บรรยากาศเงียบเหงา

สิ่งที่น่าขำก็คือ ฉันมักคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องทำตัวเป็นภรรยาที่ดีอย่างไร แต่กลับลืมไปว่าการแต่งงานของฉันกับจี้อวิ๋นโจวนั้น เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนกันเท่านั้น

ที่ทางแยก เหลียงฮ่าวเหมี่ยววิ่งตามมาทันอย่างกะทันหัน

“วันฝนตกแบบนี้เรียกแท็กซี่ยาก ให้ผมไปส่งคุณไหม?”

ในมือเขาถือร่มด้ามยาวสำหรับผู้ชายไว้ แล้วกางให้คลุมศีรษะฉันอย่างเป็นธรรมชาติ อาจเพราะวิ่งมาค่อนข้างรีบ ทำให้ลมหายใจของเขาไม่เป็นจังหวะ

“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไร” เส้นทางรถไฟใต้ดินที่กลับบ้านหลังนั้น ฉันจำได้ขึ้นใจนานแล้ว

“ผลสอบข้อเขียนจะประกาศในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการตอนเช้าวันพรุ่งนี้” เหลียงฮ่าวเหมี่ยวเตือนอย่างใจเย็น “เดินทางปลอดภัยนะ”

หลังจากพูดจบ เขาก็ยัดร่มให้ฉัน จากนั้นก็หันหลังแล้วรีบเดินจากไปทันที

ฉันจ้องร่มในมือ ดวงตาก็แดงขึ้นทันที

ดูสิ แม้แต่เพื่อนที่รู้จักกันยังไม่ถึงปี ยังใส่ใจมากกว่าจี้อวิ๋นโจวเสียอีก

ฉันกางร่มกลับไปที่ห้องทดลองของมหาวิทยาลัย

คำเตือนของเหลียงฮ่าวเหมี่ยวไม่ผิดเลย เนื้อหาของการสอบข้อเขียนไม่ได้ยากมาก สิ่งที่มีผลตัดสินจริง ๆ คือการสอบสัมภาษณ์ในภายหลังต่างหาก

ฉันต้องเตรียมตัวล่วงหน้า

พอเริ่มยุ่ง ก็ยุ่งจนดึกดื่นเลยทีเดียว

เสียงสั่นของโทรศัพท์ขัดจังหวะความคิดของฉัน เป็นน็น็้ยนาอนสายเรียกเข้าจากแม่ของฉันเอง

“ที่อยู่ส่งไปที่มือถือของแกแล้ว เดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกัน”

ไม่รอให้ฉันตอบ เธอก็กดวางสายทันที

เป็นร้านอาหารส่วนตัวระดับกลางค่อนสูงแห่งหนึ่ง

ฉันจ้องที่อยู่ คิดอยู่สักครู่ แล้วออกจากบ้าน

ครึ่งชั่วโมงต่อมา พนักงานเสิร์ฟพาฉันไปยังห้องอาหารส่วนตัว คุณหลิวที่แต่งตัวอย่างดี ดึงขนตาปลอมที่เพิ่งติดใหม่เล็กน้อย แล้วพูดอย่างหงุดหงิดว่า “ส่งข้อความไปเยอะขนาดนั้นก็ไม่ตอบ ยุ่งขนาดนั้นเลยเหรอ?”

กลิ่นน้ำหอมฉุนจู่โจมเข้าจมูกฉันทันที ฉันพูดแบบไม่อ้อมค้อม “มีเรื่องอะไรด่วนขนาดนี้?”

“วันนี้ตอนไปชอปปิงฉันซื้อให้แก” คุณหลิวส่งถุงชอปปิงใบหนึ่งให้ฉัน “คืนนี้ลองใส่ดู”

ฉันรับมาด้วยความสงสัย หลังจากเหลือบมองเข้าไปก็ไม่รู้จะขำหรือจะร้องไห้ดี

เป็นชุดชั้นในเซ็กซี่สีดำหนึ่งชุด

“ผู้ชายน่ะ ต่อให้ดูสุภาพเรียบร้อยแค่ไหน ก็แพ้ทางแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ” คุณหลิวไม่ทันเห็นความอึดอัดในสายตาฉัน พูดสั่งสอนต่อ “ช่วงนี้ก็ช่วงไข่ตกไม่ใช่เหรอ? พยายามหน่อย”

ความรู้สึกอับอายพุ่งขึ้นมาจุกอก ฉันพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “แม่ หนูไม่คิดจะมีลูกแล้วล่ะค่ะ”

ทันทีที่ฉันพูดจบ ลูกชิ้นกุ้งคริสตัลที่คุณหลิวคีบค้างกลางอากาศก็ตกลงมาดังแปะ หลังจากนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เธอก็ลุกขึ้นทันที มองไปทางด้านหลังฉันอย่างยิ้มแย้ม “ลูกเขยมาแล้วเหรอ”

ฉันหันกลับไปมอง แล้วก็เห็นจี้อวิ๋นโจวยืนอยู่ข้างหลังจริง ๆ

คุณหลิวถึงกับนัดเขามาด้วยเหรอเนี่ย
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โดนเมินมาสามปี พอฉันขอหย่าเขากลับร้องไห้   บทที่ 100

    คำพูดที่มั่นใจและตรงไปตรงมานี้ของฉันทำให้สีหน้าฝ่ายบุคคลชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ถามว่า “เมื่อวานนี้ในกลุ่มสนทนาแลกเปลี่ยนของโรงพยาบาลจิงเสียปรากฎรูปถ่ายคู่ของคุณกับหมอเซี่ยแผนกวิสัญญีโรงพยาบาลซินหย่า คุณเห็นว่ายังไง?”“ในเมื่อเป็นการสัมมนา ฉันย่อมต้องแสดงความเป็นมิตรและจิตใจดีของคนโรงพยาบาลจิงเสียออกมาอยู่แล้ว ส่วนในภาพที่หมอเซี่ยที่ช่วยพยุงฉัน ก็แค่เพราะว่าตอนนั้นดาดฟ้ามันโยก เขาเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งที่ดึงฉันไว้เท่านั้นเอง”คงเป็นเพราะแววตาของฉันตรงไปตรงมาเกินไป สีหน้าของของฝ่ายบุคคลจึงไม่ได้ดูย่ำแย่เหมือนตอนที่ฉันเข้ามาก่อนหน้านี้แล้วหลังจากเงียบไปชั่วครู่ เขากล่าวกำชับว่า “คุณกลับไปทำงานก่อนเถอะ เรื่องนี้พวกเราจะตรวจสอบให้ชัดเจน”ฉันปรารถนาอย่างยิ่งก็ไม่รู้ว่าตัวเองล่วงเกินคนชั่ว ๆโดยไม่ได้ตั้งใจคนไหนเข้า ถึงกับต้องให้คนส่งจดหมายรายงานนิรนามไปยังฝ่ายบุคคลงั้นฉันจะอดทนรอฟังข่าวดีแต่สิ่งที่ทำให้ฉันคิดไม่ถึงก็คือ ตอนที่ฉันออกมาจากฝ่ายบุคคล กลับเผชิญหน้ากับเจิ้งซินหรานโดยบังเอิญสาวน้อยคงจะคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเจอฉันที่นี่ หลังจากตกตะลึงไปชั่วขณะ ก็พยักหน้าให้ฉัน เปิดปร

  • โดนเมินมาสามปี พอฉันขอหย่าเขากลับร้องไห้   บทที่ 99

    ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะตกอยู่ในศูนย์กลางความคิดเห็นของสาธารณชนอีกครั้ง และยังด้วยวิธีการแบบนี้ด้วยและเจิ้งซินหรานที่ทำให้ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า นอกจากจะพูดขอโทษฉันในกลุ่มแล้ว ภายในสี่ชั่วโมงหลังจากเกิดเรื่อง ก็ไม่ได้ติดต่อฉันอีกเลยถ้าไม่ได้บังเอิญเจอเหลียงฮ่าวเหมี่ยว ถึงตอนนี้ฉันก็คงยังไม่รู้อะไรเลยสิ่งที่ทำให้ฉันเป็นทุกข์มากกว่าเดิมก็คือ จี้อวิ๋นโจวสามีของฉัน หัวหน้าใหญ่จี้ผู้ร่วมเดินทางไปงานสัมมนาในครั้งนี้ หลังจากมองเห็นการกระทำโดยไม่ได้ตั้งใจของเจิ้งซินหราน ไม่เพียงแต่ไม่พูดแทนคุณนายจี้ที่ถูกลากเข้าไปในศูนย์กลางความคิดเห็นอย่างฉัน แต่กลับไปปกป้องเจิ้งซินหรานในทันทีอีกด้วยไม่น่าแปลกใจเลยที่สาวน้อยจนถึงตอนนี้ แม้แต่ข้อความขอโทษสักประโยคก็ไม่ส่งมาให้ฉันเพราะคิดว่านี่มันเรื่องเล็กมากหรือไง ทั้งยังมีการสนับสนุนของจี้อวิ๋นโจว เลยไม่ได้ใส่ใจสินะ?งั้นฉันล่ะ?ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่รู้ตัวอย่างสิ้นเชิง ถูกถ่ายภาพที่เรียกว่าภาพถ่ายโชคชะตา ทั้งยังถูกแบ่งปันในกลุ่มอย่างไม่มีเหตุผล หรือว่าฉันไม่ได้ถูกใส่ร้ายงั้นเหรอ?หากลงลึกจริง ๆ ถ้าฉันบอกว่าละเมิดสิทธิในการถ่ายภาพของ

  • โดนเมินมาสามปี พอฉันขอหย่าเขากลับร้องไห้   บทที่ 98

    ฉันนั่งรถไปที่สถานพักฟื้นของพ่อจะว่าไปฉันไม่ได้มาที่นี่สักพักหนึ่งแล้ว เมื่อมองผมสีดอกเลาและใบหน้าที่แก่ลงเรื่อย ๆ ของพ่อ ในใจของฉันหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆถ้าตอนนั้นเขารู้ว่างานแต่งงานที่ตัวเองก้มหัวขอร้องมาจะมีสภาพเป็นแบบนี้ คงจะต้องรู้สึกผิดและโทษตัวเองมากอย่างแน่นอนพ่อคะ บางทีพวกเราอาจจะผิดทั้งหมด ฝืนใจคนมันไม่มีความสุขหรอกค่ะตัดเล็บ ตัดผม หลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จก็พระอาทิตย์ตกดินแล้ว หลังจากห่มผ้าห่มให้พ่อเรียบร้อย ถึงได้ไปจากห้องผู้ป่วยอย่างอาลัยอาวรณ์เมื่อหันกลับมามองชายที่อยู่บนเตียงคนป่วยอีกครั้ง ฉันแอบบอกกับตัวเองว่า เสิ่นเสียนเยว่ จะต้องไม่ถูกตีจนล้มง่าย ๆ แบบนี้แน่เรื่องบางอย่างที่อยู่ในใจ ฉันขึ้นลิฟท์ตอนไหนไม่แน่ชัด จนกระทั่งเสียงทักทายอันอบอุ่นดังขึ้นใกล้ ๆ หู ฉันจึงเงยหน้าขึ้นอย่างอยากรู้ และมองเห็นใบหน้าอันคุ้นเคยของเหลียงฮ่าวเหมี่ยว“หมอเหลียงทำไมมาอยู่นี่?”“คุณจริง ๆ ด้วยหมอเสิ่น”หลังจากพูดคุยสัพเพเหระเล็กน้อย ฉันถึงรู้ว่าคุณตาของเสิ่นเสียนเยว่ก็อยู่ที่สถานพักฟื้นนี้เช่นกัน“หมอเสิ่นดูอารมณ์ไม่ค่อยดี” เหลียงฮ่าวเหมี่ยวรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของฉัน กล่าวอย่

  • โดนเมินมาสามปี พอฉันขอหย่าเขากลับร้องไห้   บทที่ 97

    จี้อวิ๋นโจวเสียอาการต่อหน้าคนหมู่มากบรรดาคนรับใช้รีบร้อนจัดการ แม่สามียื่นทิชชูให้อย่างร้อนรน ผู้ชายที่พิถีพิถันเรื่องความสะอาดมาแต่ไหนแต่ไรกำลังมองดูซุปไก่หยดสีทองไม่กี่หยดที่ปลายแขนเสื้อ แล้วไปห้องน้ำอย่างไม่พอใจแม่สามีไม่ได้พูดหัวข้อนี้อีกแล้วจริง ๆจะพูดยังไงล่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจพุ่งเป้าไปที่จี้อวิ๋นโจวเสียหน่อย แต่ถึงยังไงวิวแม่น้ำนี้เขาก็ไปดูกับเจิ้งซินหราน ว่ากันตาจริงฉันเป็นแพะรับบาปแทนเขา คนปกติควรแสดงออกสักหน่อยไม่ใช่เหรอ?แต่จี้อวิ๋นโจวไม่ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็ทำได้แค่บอกเขาเท่านั้น ครั้งนี้ฉันรับแทนเขาได้หนึ่งครั้ง แต่ไม่สามารถรับแทนทุกครั้งไป ห้านาทีต่อมา จี้อวิ๋นโจวที่เปลี่ยนเสื้อเชิ้ตใหม่ก็กลับมาที่ห้องโถงใหญ่อีกครั้ง เหลือบมองฉันพลางกล่าวว่า “เวลาจำกัด พวกเรากลับกันก่อนเถอะ”ฉันอยากได้ใจจะขาด ตอนกำลังแอบโชคดี สายตากวาดมองไปที่ดวงตาของชายคนนั้น อดไม่ได้ที่จะหนาวสั่น ดูท่าหมอจี้จะโกรธอีกแล้วฉันนั่งตรงที่นั่งคนขับออกมาจากบ้านเดิม ไม่กี่อึดใจ หลังจากเครื่องยนต์ส่งเสียงคำราม เบนซ์จีห้าร้อยที่มีพลังก็พุ่งทะยานราวกับสัตว์ร้ายร่างกายเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่สา

  • โดนเมินมาสามปี พอฉันขอหย่าเขากลับร้องไห้   บทที่ 96

    นี่กำลังตำหนิฉันงั้นเหรอแต่ฉันกับจี้อวิ๋นโจวเหมือนกันได้งั้นเหรอ?เขาลงจากเครื่องบินมีรถส่วนตัวมารับ มนุษย์เงินเดือนธรรมดาแบบฉัน ทั้งยังไม่สามารถเปิดเผยสถานะของคุณนายจี้ได้ ทำได้เพียงต่อแถวไปด้วยกันกับทุกคนเพื่อเรียกรถเท่านั้น ต้องเสียเวลาไปบ้างอยู่แล้วฉันกำลังโต้แย้งอยู่ในใจ แต่ปากกลับไม่มีเรี่ยวแรงจะพูดสักคำอาจเป็นเพราะเมื่อคืนถูกลมพัดที่บนดาดฟ้า ตอนนี้หัวสมองของฉันกำลังหนักอึ้งเมื่อเสิร์ฟอาหารแล้ว แม่สามีก็ตักซุปให้จี้อวิ๋นโจวทันที สอบถามอย่างห่วงใย แม่ก็เมตตา ลูกก็กตัญญู ส่วนฉัน ไม่แตกต่างอะไรกับอากาศเดิมทีฉันคิดว่าจะกินอาหารนี้ให้เสร็จอย่างเงียบ ๆ ทว่าในวินาทีต่อมา ปลายจมูกของฉันกลับได้กลิ่นทุเรียนที่คุ้นเคยความรู้สึกไม่สบายเกิดขึ้น ฉันอุดปาก อดไม่ได้ที่จะอ้วกออกมาสองสามครั้งเมื่อแม่สามีเห็นดังนั้นก็ตกตะลึงชั่วขณะ กล่าวอย่างกังวล “ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงอ้วกออกมาได้ล่ะ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? อยากให้หมอหวังมาดูสักหน่อยไหม?”หมอหวังเป็นหมอประจำครอบครัวของตระกูลจี้ ต้องขอบคุณการดูแลของแม่สามี ฉันเคยถูกเขาเจาะเลือดไปสองครั้งตอนสงสัยว่าท้องเพียงไม่กี่นาที ฉันก็เข้าใจความห

  • โดนเมินมาสามปี พอฉันขอหย่าเขากลับร้องไห้   บทที่ 95

    ท่าทางหันกลับมาอย่างเขินอายของเจิ้งซินหรานทำฉันกับเซี่ยจี้ไป๋ต่างสับสนไปหมดเขาเหลือบมองฉันอย่างไม่มีทางเลือก กล่าวอธิบายว่า “หมอเจิ้งเข้าใจผิดแล้ว ผมกับหมอเสิ่นกำลังคุยเรื่องงาน”เมื่อสาวน้อยได้ยินก็หันหน้ามา สายตามองไปยังเซี่ยจี้ไป๋ที่พยุงข้อมือฉันอยู่ กล่าวอย่างขี้เล่นว่า “งั้นเหรอคะ?”ฉันชักมือกลับอย่างไม่แสดงอารมณ์ หลังจากกล่าวขอบคุณแล้ว ก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “ข้อเสนอของหมอเซี่ยฉันจะพิจารณาอย่างจริงจังค่ะ”เจิ้งซินหรานเบิกตากว้าง กล่าวอย่างอยากรู้ “ข้อเสนออะไรเหรอคะ? ฉันกับพี่อวิ๋นโจวฟังได้ไหม?”เธอนิสัยร่าเริง ทั้งยังเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในหมู่พวกเรา หากเปลี่ยนเป็นปกติ ฉันคงไม่ไปสนใจอะไรกับเธอ แต่ว่าตอนนี้ ในใจของฉันกลับเกิดความรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว“ลมแรงเกินไป ฉันกลับก่อนละ”เซี่ยจี้ไป๋เดินตามทันที “ได้ ไปด้วยกัน”ก่อนเข้าห้องโดยสาร ฉันได้ยินเสียงสาวน้อยตำหนิตัวเองอย่างเลือนลาง “ฉันถามคำถามที่ไม่ควรถามหรือเปล่าคะ?”น่าจะเป็นการพูดให้จี้อวิ๋นโจวฟังแต่เหตุผลที่ฉันกลับห้องโดยสารไม่ใช่เพราะหาข้อแก้ตัว วันนี้ทั้งวันฉันรู้สึกไม่สบายนิดหน่อย ตอนนี้ความรู

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status