Share

บทที่ 9  

Author: สั่งไม่หยุด
หรงจือจือได้ยินถ้อยคำเหล่านี้แล้ว ก็มีแต่จะรู้สึกว่าน่าขัน เมื่อปีก่อนนั้นท่านย่ายังเคยท้วงว่าฉีจื่อฟู่เป็นเจ้าขี้โรค มีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงแค่ไม่กี่วันแล้ว จะให้ตนเองแต่งเข้าไปได้อย่างไร?

แต่เพราะท่านพ่อไม่ยอมให้ชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของสกุลหรง ต้องกระทบกระเทือนเพราะทิ้งสัญญาหมั้นหมาย และท่านแม่เองก็ร้องไห้โวยวายว่าหากตนเองเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นแล้ว คนนอกคงไม่มีผู้ใดกล้ามาขอหมั้นหมายกับคุณหนูคนอื่นในสกุลหรงอีกแล้ว

เพื่อวงศ์ตระกูล เพื่อบุพการีและบรรดาน้องหญิงทั้งหลายแล้ว นางจำต้องข่มความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ในใจ และเกลี้ยกล่อมให้ท่านย่ายอมให้ตนเป็นสะใภ้สกุลฉี

บัดนี้บ้านสามีข่มเหงรังแกนางเพียงนี้ ท่านแม่มิเพียงไร้ซึ่งความเป็นห่วงเป็นใยนาง กลับบอกให้นางไปผูกคอตายด้วย

ก่อนหน้านี้ความสุขชั่วชีวิตของนาง ยังไม่สำคัญเท่าพิธีสมรสของน้องหญิง บัดนี้แม้กระทั่งชีวิตของนาง ยังมิอาจยกมาเทียบเคียงกับพิธีสมรสของน้องหญิงได้อีกเหมือนเคย

บัดนี้นางกลับรู้สึกไม่คุ้มค่าเลย ที่ไม่เคยให้คุณค่าตนเอง

ภายใต้ความเหนื่อยล้า นางคร้านจะเอ่ยวาจาใดอีกแล้ว จึงพูดเพียงว่า “ท่านแม่พูดถูกทุกประการ เป็นลูกที่อกตัญญู กลับยังกล้ามีชีวิตอยู่แบบนี้ ทำให้ท่านแม่ผิดหวังแล้วจริง ๆ”

นางหวัง : “เจ้า…เจ้าพูดออกมาได้อย่างไร?”

ถ้อยคำนี้กลับสะท้อนให้มารดาอย่างนาง ดูไร้ซึ่งความเมตตาได้อย่างถึงที่สุด

หรงเจียวเจียวรีบเอ่ยขึ้นทันที “ท่านแม่ โปรดระงับโทสะเจ้าค่ะ! พี่หญิงนางก็โตมาด้วยการเลี้ยงดูของท่านย่า ไม่ให้ความเคารพท่าน นั่นก็เป็นเพราะมีท่านย่าคอยหนุนหลัง ท่านโกรธไปจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาหรือเจ้าค่ะ?”

“ท่านแม่ ท่านต้องเป็นห่วงตนเองด้วยสิเจ้าค่ะ อย่าให้ความโกรธไร้สาระนี้ทำให้ร่างกายของตัวท่านเองทรุดลงเลยเจ้าค่ะ ต่อให้พี่หญิงไม่สงสารท่าน แต่ลูกสงสารและรักท่านสุดดวงใจเจ้าค่ะ”

นางหวังจงเกลียดจงชังหรงจือจืออยู่เป็นทุนเดิม กอปรกับการยุยงบ่อยครั้งของหรงเจียวเจียวในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ทำให้ความรู้สึกเกลียดชังเหล่านั้นนับวันยิ่งทวีคูณ

นางหวังฟังจบแล้ว ก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นเยียบออกมา ถลึงตาจ้องหรงจือจือพลางตะคอกใส่ “ใช่สิ! อย่างข้าจะจัดการเจ้าไหวที่ไหน เจ้ามีนายหญิงใหญ่คอยหนุนหลังอยู่แล้วนี่ ในสายตาของเจ้าไม่เคยมีมารดาอย่างข้าคนนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว!”

หรงจือจือไม่ส่งเสียง

ในสายตาของนางไม่เคยมีมารดาอยู่มาตั้งแต่ไหนแต่ไรหรือ? ไม่ใช่เลย แต่กลับกันต่างหาก ตั้งแต่เล็กจนโต นางคิดหาหนทางนับไม่ถ้วน เพื่อจะเอาอกเอาใจทำให้ท่านแม่มีความสุข

ทว่าสายตาที่ท่านแม่มองนางกลับมีแต่ความจงเกลียดจงชัง จะบอกว่าเหมือนมองศัตรูก็มิได้เกินไปเลย

แต่ไหนแต่ไรมาไม่ว่าตนจะพูดอะไร ท่านแม่ก็ไม่เคยเชื่อ ทว่าในตอนที่น้องหญิงพูดกลับดำเป็นขาว ขยับปากพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ท่านแม่กลับเชื่ออย่างสุดหัวใจแล้ว

หลายปีที่ผ่านมานางต้องทนกล้ำกลืนกับความไม่เป็นธรรมไปแล้วไม่รู้กี่มากน้อย ถูกตบหน้าอย่างไร้เหตุผลไปไม่รู้กี่ครั้งกี่หน

จนสุดท้ายก็เป็นท่านย่าที่เข้ามาปลอบโยนนาง บอกว่าบางคนเกิดมามีวาสนากับมารดาผู้ให้กำเนิดเพียงเบาบาง เรื่องนี้จะฝืนบังคับกันก็ไม่ได้ หลังจากนางสะอึกสะอื้นร่ำไห้ในอ้อมอกของท่านย่าแล้ว จากนั้นก็ไม่พยายามเข้าใกล้ท่านแม่อีก ถึงขั้นเดินเลี่ยงท่านแม่กับน้องหญิงด้วยซ้ำไป

เพื่อไม่ให้ตนเองถูกตบหน้าอย่างไร้เหตุผลตามอำเภอใจอีก

และแม้ว่าจะออกเรือนแล้วสามปี แต่กลับมาวันนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเช่นเคย ใช่หรือที่ในสายตาของนางไม่เคยมีท่านแม่อยู่? แต่เป็นท่านแม่ต่างหากที่ไม่เคยจะยอมรับนางเลย

นางหวังเห็นว่าตนเองพูดจบแล้ว แต่หรงจือจือยังไม่ลุกขึ้นมาขอโทษทันที มิหนำซ้ำยังไม่พยายามหาคำพูดมาปลอบใจตนเองสักคำ โทสะในใจของนางบัดนี้เดือดระอุถึงขีดสุดแล้ว หมายความว่าอะไร? หรือนี่คือการยอมรับโดยปริยายแล้วว่านางไม่เคยเห็นตนเองมีความสำคัญจริง ๆ?

นางจวนจะบันดาลโทสะออกมาแล้ว

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าแว่วดังมาจากด้านนอก เป็นท่านมหาราชครูหรงที่สืบเท้ายาว ๆ เดินเข้ามา

นางหวังร้องทักทันที “ท่านพี่!”

หรงจือจือและหรงเจียวเจียวเองก็ยอบกายคารวะเช่นกัน “คารวะท่านพ่อ!”

มหาราชครูหรงบัดนี้ใกล้วัยสี่สิบแล้ว ทว่ามองไปแล้วลักษณะคล้ายคนวัยเพียงสามสิบเท่านั้น หล่อเหลาคมคายถึงที่สุด เมื่อยี่สิบปีก่อนยังได้รับยกย่องว่าเป็นบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง นางหวังเป็นพวกคลั่งไคล้รูปโฉมหน้าตาที่สุด ตั้งแต่แรกพบก็หลงรักมหาราชครูหรงจนแทบเป็นแทบตายให้ได้

ในปีนั้น นางเจียงเองก็ชมชอบมหาราชครูหรงเช่นกัน อีกฝ่ายเป็นถึงพระธิดาขององค์หญิงใหญ่อวี๋หยาง นางหวังด้วยความกลัวว่าจะเสียมหาราชครูหรงไป จึงหยิบมีดแทงอีกฝ่าย โดยไม่สนแม้กระทั่งชื่อเสียงของตนเอง

พร้อมประกาศศักดาว่าหากตนเองไม่ตาย นางเจียงก็ต้องตาย จนนางเจียงคิดว่านางคลุ้มคลั่งเสียสติไปแล้ว

อัครมหาเสนาบดีหวังที่บัดนี้ปลดเกษียณราชการไปแล้ว ทว่าเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนยังมีอิทธิพลอำนาจอย่างมากในราชสำนัก และนางหวังก็เป็นบุตรีเพียงคนเดียวของเขา ในตอนนั้นนางเจียงก็ไม่สามารถสังหารนางหวังได้ด้วย

จริงดังคำกล่าวที่ว่า ไม่กลัวโจรขโมย ก็ต้องกลัวโจรจ้องคิดถึง เมื่อได้ลองใคร่ครวญแล้วก็บอกแน่ชัดไม่ได้ว่าจะถูกนางหวังแทงเมื่อใด ดังนั้นนางเจียงจึงรีบออกเรือนกับเสนาบดีกรมพิธีการคนปัจจุบันแทน

ระหว่างชีวิตกับคู่ครองเข้าพิธีวิวาห์ สิ่งใดสำคัญกว่า นางเจียงย่อมแยกแยะได้ชัดเจน ทว่านางเจียงและนางหวังก็ไม่ลงรอยกันนานหลายปีด้วยเหตุผลประการนี้

ส่วนนางหวังที่แย่งสามีมาได้สำเร็จ ก็คอยเอาอกเอาใจมหาราชครูหรงไม่รู้หน่าย หนนี้ก็รีบรินน้ำชาส่งให้เขาพลางเอ่ยว่า “ท่านพี่ วันนี้อากาศหนาวมาก ท่านอบอุ่นร่างกายก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”

มหาราชครูหรงรับถ้วยน้ำชามาก็จิบน้ำชาหนึ่งคำ “ขอบใจฮูหยินยิ่งนัก ต้องลำบากฮูหยินแล้ว!”

เรื่องที่ฮูหยินคนนี้ของเขา ไม่สนชื่อเสียงเกียรติยศของดรุณีผู้สูงศักดิ์ หยิบมีดไปข่มขู่ผู้อื่นในตอนนั้น ทำให้มหาราชครูหรงที่ยึดถือกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดมาตลอดไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าหลังจากที่อีกฝ่ายแต่งกับตนเองแล้ว ก็คอยเอาอกเอาใจดูแลตนเองอย่างดีที่สุด ไม่รังเกียจที่ตนเองในตอนนั้นยากจนข้นแค้น และต้องสมรสกับตนเองที่มีฐานะต่ำต้อยกว่า ฉะนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองสามีภรรยา ก็นับว่าต่างฝ่ายต่างเอื้อเฟื้อให้เกียรติกันและกันอย่างดี

ในตอนนี้เองหรงเจียวเจียวก็เอ่ยปากขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านยังทราบว่าท่านแม่ต้องลำบาก ผิดกับพี่หญิง แม้แต่ใจที่จะกตัญญูยังไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว!”

“แค่นางกลับมาถึง ก็ทำให้ท่านแม่โกรธจนเจ็บปวดหัวใจแล้ว ท่านแม่พร่ำพูดพร่ำบอกเท่าใดนางก็ไม่รับฟัง ด่าแล้วด่าอีกอย่างไรนางก็ไม่สะทกสะท้าน นางเอาแต่ยกท่านย่ามาข่มขู่ท่านแม่ไม่หยุดเจ้าค่ะ!”

“นางก็แค่เห็นท่านแม่กตัญญูรู้คุณผู้อาวุโส ถึงได้กล้าขู่เข็ญท่านแม่! ท่านต้องอบรมสั่งสอนพี่หญิงบ้าง ให้ท่านแม่ได้เบาใจคลายโทสะบ้างถึงจะถูก!”

มหาราชครูหรงได้ยินดังนั้น ก็มองหรงจือจือที่กำลังยืนก้มหน้าก้มตาอยู่อีกด้านหนึ่ง “เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”

นางหวังเอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิด “ไม่ใช่แค่นั้น! นางยังบอกว่าจะไปอาละวาดก่อความวุ่นวายด้านนอกด้วย เพื่อทำลายพิธีสมรสของน้องหญิงของนาง และคุณหนูคนอื่นในสกุลหรงให้ย่อยยับด้วยเจ้าค่ะ จือจือถูกท่านแม่อบรมสั่งสอนมาตลอด จึงไม่เคยมีข้าอยู่ในใจ แต่กระนั้นย่อมให้อภัยกันได้ เพียงแต่ท่านพี่…”

ทว่าในตอนนี้ มหาราชครูหรงมองเห็นรอยฝ่ามือที่ประทับอยู่บนใบหน้าของหรงจือจือแล้ว

เขาตัดบทนางหวังทันที เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “รอยฝ่ามือบนใบหน้าเจ้ามันเรื่องอะไรกัน? หรือเจ้าเด็กสกุลฉีนั่น ยังกล้าลงไม้ลงมือกับเจ้าด้วย?”

มหาราชครูหรงยอมรับไม่ได้เด็ดขาด มิใช่การที่หรงจือจือถูกสกุลฉีตบตีทำร้าย ทว่าสิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้ คือการที่บุตรีของเขาหรงม่อชิงถูกคนนอกตบตีทำร้ายต่างหาก!

แบบนี้ใช่ตบหน้านางที่ไหน แต่กำลังตบหน้าหยามเกียรติตนเองอยู่ต่างหาก!

นางหวังได้ยินวาจานี้ ก็เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน : “คือว่า ท่านพี่…เมื่อครู่เพราะนางพูดจาต่ำช้าหยาบคาย ข้าจึงบันดาลโทสะตบสั่งสอนนางไปเจ้าค่ะ!”

ได้ยินนางหวังเอ่ยเช่นนี้ ไฟโทสะของมหาราชครูหรงค่อยสงบลงมาเล็กน้อย

กระนั้นแล้วเขาก็ยังผินศีรษะไป จ้องมองนางหวังอย่างไม่สบอารมณ์สุดขีด “เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าท่านแม่กำลังป่วย?”

“แต่ไหนแต่ไรท่านแม่ทั้งรักและเอ็นดูหลานสาวคนนี้มากที่สุด ประเดี๋ยวหากให้นางแบกรอยฝ่ามือนี้เข้าไปด้วย จะไม่ทำให้ท่านแม่เสียใจแย่หรือ แบบนี้อาการป่วยของท่านแม่จะดีขึ้นได้อย่างไร?”

“เจ้าก็อายุตั้งเท่าไรแล้ว เหตุใดถึงได้ทำอะไรสะเพร่าตลอด ไม่รู้จักสงสารท่านแม่บ้างเลยหรืออย่างไร! หรือเพราะนางคือมารดาของข้า ไม่ใช่มารดาของเจ้า?”

นางหวังทั้งอึดอัดทั้งอับอาย รีบแก้ต่างทันที “ท่านพี่ ท่านเข้าใจข้าผิดไปแล้ว เหตุใดข้าจะไม่นับถือมารดาของท่านเสมือนมารดาตนเองเจ้าคะ ข้าแค่วู่วามไปชั่วขณะเท่านั้น! ทั้งหมดเป็นเพราะจือจือพูดจาไม่รู้ความ ข้าถึงได้…เฮ้อ…”

ความจริงภายในใจนางก็กำลังโกรธแค้นมากเหมือนกัน เหตุใดยายแก่ใกล้ตายถึงไม่ชอบเจียวเจียวเด็กที่มีทั้งความร่าเริงสดใสและน่ารัก แต่กลับโปรดปราดหรงจือจือเจ้าเด็กไร้ไหวพริบไม่รู้สถานการณ์คนนั้น ทำให้ท่านพี่ต้องพาลไม่ชอบตนเองตามนายหญิงใหญ่ไปด้วย

กลับเป็นหรงจือจือที่ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้เข้าก็ร้อนใจขึ้นมา รีบถามไถ่ทันที : “ท่านพ่อ ท่านย่าเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 475

    นี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากท่านแม่ได้จริง ๆ หรือ? ไม่ว่าจะว่าอย่างไร หรงจือจือก็เป็นลูกที่ท่านแม่อุ้มท้องมาสิบเดือนจนคลอดนะ!หรงเจียวเจียวเอ่ย “แต่ว่าท่านแม่ หากท่านพ่อรู้เข้า จะดีได้อย่างไร?”หรงจือจือมองหรงซื่อเจ๋อทีหนึ่ง แล้วหัวเราะเย้ยหยันทีหนึ่ง “น้องรองพูดถูก พวกนางสนใจข้าด้วยใจจริงจริง ๆ”และไม่ได้มีความตั้งใจจะกดน้ำเสียงแต่อย่างใดนางหวังและหรงเจียวเจียวที่อยู่ด้านใน พลันเงียบเสียงไปทันใดหรงจือจือย่างเท้าเดินเข้าไปนางหวังหันกลับมาด้วยความไม่สบอารมณ์ พลางมองหรงจือจือแล้วกล่าวว่า “เจ้ามาทำไม?”หรงจือจือ “ข้ามีบางอย่างอยากจะพูดกับน้องสามเป็นการส่วนตัว แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาได้จังหวะพอดี ถึงกับทำให้ฮูหยินกับน้องสามเสียเวลาในการหารือวางแผนทำร้ายข้า”“แต่พวกท่านไม่ต้องร้อนใจไป เดี๋ยวพอข้าออกไปแล้ว พวกท่านปรึกษาหารือกันต่อก็สิ้นเรื่องแล้ว”คิดวางแผนทำร้ายคนอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ครั้นนางหวังกับหรงเจียวเจียวได้ยินถึงตรงนี้ หน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อยยิ่งอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่สาวใช้ของพวกนาง เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ไม่คิดเลยว่าจะประมาทเลินเล่อขนาดนี้ ไม่รู้จักเฝ้าอยู่ข้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 474

    ดังนั้นตอนที่นางเซี่ยบอกให้เขาพิจารณาจงเจิ้งอวี๋ดู เขาจึงปฏิเสธไปทว่าสภาพของพี่ใหญ่ในวันนี้...ในจวนแห่งนี้มีบุตรชายสายตรงเพียงพวกเขาสองคน เรื่องมีลูกหลานสืบสกุล คงหวังพึ่งได้แค่ตนแล้ว พูดตามตรง ในเรื่องนี้พี่ใหญ่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์โดยรวมเท่าตนบางทีผู้ที่รู้รสชาติแห่งความรัก ถึงได้เป็นเช่นนี้กระมังเขาเพียงโชคดี โชคดีที่ตนไม่เข้าใจความรัก!นางเซี่ยมองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า มีบุตรชายทำตามการจัดการของตนสักคนก็ดี บุตรชายคนโตคงบีบไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริง ๆ...จวนสกุลหรง หลังจากอ่านราชโองการจบคนสกุลหรงรับพระประสงค์พร้อมกัน กระทั่งหรงเจียวเจียวที่ถูกเฆี่ยน ไม่ให้คนประคองลุกขึ้นมาจากเตียงไม่ได้ และคุกเข่าร่วมฟังด้วยกันครั้นฟังจบสีหน้าของนางก็ซีดเผือดไปหมดเพียงเพราะฝ่าบาทมีพระราชโองการมา คิดว่าเรื่องที่จะสลับเกี้ยวเกรงว่าจะไม่สำเร็จแล้ว เช่นนี้จะเป็นการหลอกลวงฮ่องเต้สีหน้าของนางหวังเองก็ปั้นยากเช่นกันไหนเลยเฉินเยี่ยนซูจะสนใจความรู้สึกของพวกนางสองแม่ลูก มองไปที่หรงจือจือเท่านั้น พร้อมเอ่ยขึ้นทั้งหูที่แดงเล็กน้อย “เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะ”หรงจือจือ “

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 473

    ครั้นเฉินเยี่ยนซูเห็นนางทำเช่นนี้ และยังได้ยินคำพูดเช่นนี้ ความเย็นเยียบที่กลอกไปมาอยู่ในนัยน์ตาหงส์ ก็พลันสลายไป เป็นความกระตือรือร้นและรอยยิ้มไม่ขาดสายจากนั้นก็พลิกไปจับมือของนางด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างมาก พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างขึงขังว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ข้าจะขอให้แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินแห่งแคว้นขั้นหนึ่ง”“ฮูหยินตราตั้งขั้นหกอะไร ไม่คู่ควรกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย”ครั้นเขาพูดจบ รถม้าก็หยุดลงพอดีคนขับรถม้าเปิดประตูรถม้าออก คำพูดนี้ของเขาย่อมเข้าไปในหูของเซิ่งเฟิงที่อยู่ด้านนอกเช่นกัน เซิ่งเฟิงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วกลอกตาขาวทีหนึ่งอีกครั้งเยี่ยมไปเลย นี่ท่านเสนาบดีเหยียบขึ้นไปบนอดีตสามีของท่านหญิงแล้ว!ไหนเลยที่หรงจือจือจะไม่เข้าใจ จู่ ๆ เขาก็เอ่ยถึงฮูหยินตราตั้งขั้นหกเพื่ออะไร? วันนี้ก็เพิ่งรู้เช่นกัน ดูท่าท่านเสนาบดีที่อยู่เหนือผู้คน เย็นชาและลำพอง ไม่คิดเลยว่าจะมีความคิดเปรียบเทียบพวกนี้ด้วยนางกลั้นขำ ไม่ให้มีเสียงออกมาส่วนเฉินเยี่ยนซูมองไปนอกรถ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชืด ๆ ว่า “ราชโองการสมรส ประกาศเสียตอนนี้เถอะ”เซิ่งเฟิง “ขอรับ”...ในขณะที่คนสกุลหรงรับราชโองการน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 472

    เมื่อครู่นางเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ได้รับความหนาวเย็นเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก หลังกลับไปท่านเสนาบดีจะต้องกินน้ำขิงติดต่อกันสามวัน หนึ่งวันไม่ต่ำกว่าสามครั้ง”เฉินเยี่ยนซูยังเม้มริมฝีปากบาง ในใจกระวนกระวายไปหมดหรงจือจือ “ท่านเสนาบดี?”เขาได้สติกลับมา ในตอนนี้ถึงพยักหน้าอย่างไม่แยแส “ดื่มน้ำขิงสามวันใช่หรือไม่? ข้าจะจำเอาไว้”เห็นอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง หรงจือจือก็คิดว่าอย่างไรตนก็ควรไว้หน้าเขาสองสามส่วน ฉะนั้นครานี้นางจึงไม่ได้โพล่งหัวเราะออกมาอีกหลังเงียบอยู่ครู่สั้น ๆท่านราชเลขาธิการก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวจริง ๆ ก็ยังเอ่ยถามขึ้นว่า “นางเซี่ยยังไม่ละทิ้งความคิดชั่วร้ายเช่นเดิมหรือ?”หรงจือจือมองเขาทีหนึ่งเขารีบแสร้งทำเป็นไม่แยแส “ข้าเพียงแค่เอ่ยปากถามส่ง ๆ เท่านั้น อันที่จริง...”ทีแรกเขาอยากจะเอ่ยว่า อันที่จริงตนไม่ได้สนใจอะไร ปิดหูปิดตาหรงจือจือต่อ ซ่อนความคิดของตนทว่าเมื่อคำพูดนี้มาถึงข้างปาก ท่านราชเลขาธิการก็รู้สึกว่า หากบอกว่าตนไม่สนใจ ก็ฝืนตัวเองเกินไปจริง ๆกระทั่งดูปลอมจนเขายากจะรับไหวเล็กน้อยจึงหยุดไปทั้งดื้อ ๆหรงจือจือเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 471

    กระทั่งนางอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว อยากจะเล่าถึงความพยายามทั้งหมดของอู๋เหิงที่ทำในจวน และการต่อกรที่ทำกับตนเพื่อให้ได้แต่งงานกับหรงจือจือ ให้หรงจือจือฟังในคราวเดียว“ที่จริงหลายวันมานี้ อู๋เหิงเพื่อ...”หรงจือจือพูดขัด “พระชายาซื่อจื่อ ในเมื่อไร้วาสนา เช่นนั้นคำพูดพวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว บางทีในอนาคตข้ากับคุณชายใหญ่ อาจจะได้พบเจอกันอีก ตอนนี้รู้เยอะเกินไป เมื่อเจอกันในอนาคตอาจอึดอัดใจ”ครั้นนางเซี่ยฟังถึงตรงนี้ ในใจก็เย็นเยียบไปโดยสิ้นเชิง ไหนเลยจะไม่เข้าใจ นี่หรงจือจือไม่พิจารณาเลยแม้แต่น้อยแม้จะรู้สึกว่าตนพูดเช่นนี้จะไร้ยางอายเกินไปเล็กน้อย ทว่าเพื่อบุตรชายแล้ว นางก็ยังก้มหน้าแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่เรียกท่านแม่เลยแม้แต่น้อย? ก่อนหน้านี้แม่คิดถึงเจ้าทุกเรื่อง มักจะช่วยเจ้าพูด...”หรงจือจือถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง ทีแรกนางไม่ยอมพูดให้ชัดเจน กลับยิ่งทำให้ดูเหินห่างอย่างชัดเจน ทว่าในเมื่อนางเซี่ยคิดจะบีบให้ตอบแทนบุญคุณหรงจือจือเองก็ทำได้เพียงต้องเอ่ยว่า “พระชายาซื่อจื่อ ชายาอ๋องผู้เฒ่านางเป็นคนดีจริง ๆ แต่ขอท่านอย่าลืมว่า ข้าเป็นคนช่วยชายาอ๋องก่อน”หลายปีมานี้ชายาอ๋องดีกับตนทุกเรื่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 470

    เหอะๆ หากหรงจือจือกลายเป็นหญิงปากร้ายจริงๆ เขาจะคอยดูว่าท่านราชเลขาธิการยังจะได้อยู่อย่างสงบสุขอีกหรือไม่! ท่านราชเลขาธิการเลอะเลือนไปแล้ว แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็จะสนับสนุนหรือ?……หรงจือจือตามเฉินเยี่ยนซูออกจากวังนึกไม่ถึงว่านางเซี่ยจะยังไม่จากไป กำลังรอพวกนางอยู่นอกวังนางเซี่ยมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เอ่ยถามว่า “จือจือ ข้าขอคุยกับเจ้าได้หรือไม่?”หรงจือจือลังเลเล็กน้อย นึกถึงการดูแลที่พระชายาอ๋องเฉียนมีต่อตัวเองตลอดหลายปีมานี้ ก่อนหน้านี้นางหลงผิด พูดแนะนำให้ฉีอวี่เยียนแต่งไปอยู่บ้านพวกเขา พวกเขาก็ไม่เคยถือโทษเรื่องนี้แต่อย่างไร มิหนำซ้ำ วันนี้นางเซี่ยก็ช่วยขอความเมตตาให้กับนางด้วยเหตุนี้จึงตอบตกลงนางเห็นไปมองเฉินเยี่ยนซูที่เม้มปากเหมือนไม่สบอารมณ์ “ผมของท่านราชเลขาธิการยังแห้งไม่สนิท ด้านนอกอากาศหนาว ท่านไปรอข้าบนรถม้าก่อนเถิด”เฉินเยี่ยนซู “ได้”เขาเหมือนจะเชื่อฟังดีมาก มีเพียงเซิ่งเฟิงที่มองออกว่าเขากำลังอดทนที่จะไม่โยนนางเซี่ยออกจากแคว้นต้าฉีผู้ใดจะมองไม่ออกกันว่านางเซี่ยยังคิดที่จะโน้มน้าวอยู่?น่าเสียดาย เวลาอยู่ต่อหน้าภรรยา เขาจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นสุภาพอ่อนโยนเข้าไว้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status