공유

บทที่ 167

작가: สั่งไม่หยุด
อวี้ม่านหวาเบิกตาโพลง นางเข้าใจแล้ว “ตัวท่านเองสู้ข้าไม่ได้ ก็เลยหาคนมาสู้กับข้าแทนใช่หรือไม่?”

“ตัวท่านไม่อาจคว้าหัวใจซื่อจื่อมาครองก็เลยอิจฉาข้า หวังให้ข้าอยู่โดดเดี่ยวเหมือนตัวท่านเองใช่หรือไม่? ข้าเข้าใจแล้ว ท่านคงรู้สึกเหงาในยามราตรี ก็เลยอิจฉาที่ข้ามีท่านพี่ฟู่อยู่เคียงข้างสินะ!”

หรงจือจือตบหน้าอวี้ม่านหวาดัง “เพี้ยะ” ทำให้เสียงของอวี้ม่านหวาเงียบลง

พูดด้วยสีหน้าเย็นยะเยียบว่า “สู้เจ้าไม่ได้งั้นรึ? ข้าตบเจ้า เจ้าไม่เพียงโต้ตอบคืนไม่ได้ แต่ยังขัดขืนไม่ได้ด้วย ตัวเจ้าเป็นเพียงอนุ มีคุณสมบัติอะไรมาสู้กับข้าที่เป็นนายหญิงใหญ่? สงสัยจะเลอะเลือนสินะ!”

“ท่านพี่ฟู่ของเจ้าไม่มาอยู่กับข้า ข้ามีแต่จะยินดีด้วยซ้ำ เจ้าเก็บเขาไว้ข้างกายทุกคืนได้เลย อย่ามาทำให้ข้าสะอิดสะเอียน!”

“นอกจากนี้ หากเจ้ายังพูดถ้อยคำหยาบคายเช่นนี้ ข้าได้ยินหนึ่งรอบก็จะตบเจ้าหนึ่งรอบ!”

อวี้ม่านหวากุมหน้าตัวเอง “ผู้ใดจะไปเชื่อที่ท่านพูดกัน? ท่านกำลังหึงหวงชัดๆ!”

หรงจือจือปรายตามองไปที่ท้องของนางปราดหนึ่ง “เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ เจ้าควรดีใจที่ตัวเองกำลังตั้งท้องอยู่ ข้าจะไม่ลงมือต่อเด็ก นี่เป็นยันต์คุ้มชีวิตของเจ้า
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터

관련 챕터

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 168

    แต่ในจังหวะนี้เอง อวี้ม่านหวากลับร้องไห้เสียงดังยิ่งขึ้น “ท่านพี่ฟู่ ข้าไม่ไหวแล้ว ท้องของข้า…”ฉีจื่อฟู่หันกลับไปอุ้มอวี้ม่านหวาเขามองหรงจือจือปราดหนึ่งและพูดว่า “จือจือ ข้าจะไปตามหมอให้ม่านหวาก่อน เสร็จแล้วจะกลับมาดูเจ้า”ข้างกายจือจือมีบริวารที่ให้ความเป็นห่วงอยู่มากมาย แต่ม่านหวามีเพียงแค่เขาฉีจื่อฟู่พูดจบก็จากไปอย่างเร่งรีบเจาซีรีบประคองหรงจือจือให้ลุกขึ้น นางโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ อดด่าไม่ได้ว่า “คุณหนู ซื่อจื่อช่างสารเลวยิ่งนัก!”คุณหนูของนางถูกซื่อจื่อผลักแท้ๆ ทว่าเขากลับหันไปเป็นห่วงนังแพศยานั่นอวี้หมัวมัวปวดใจมากเช่นกันเมื่อนึกถึงว่าก่อนหน้านี้ตัวเองบอกให้คุณหนูมีทายาทสายตรงให้กับซื่อจื่อและเป็นฮูหยินโหว นางก็อยากจะตบหน้าตัวเองสำหรับคนแบบซื่อจื่อแล้ว เขาสมควรขาดลูกสิ้นหลานหลังจากกลับเข้าเรือนไปตรวจสอบก็พบว่าหรงจือจือไม่ได้มีบาดแผลร้ายแรงนัก มีเพียงบาดแผลเล็กน้อยที่บริเวณหน้าผากและมีเลือดออก เพียงแค่ใช้โอสถรักษาก็พอแล้ว ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นแต่อย่างใดเจาซีน้ำตาไหลไม่หยุด ประหนึ่งว่านางเป็นคนที่ล้มกระแทกเองอย่างไรอย่างนั้นหรงจือจือมีอาการสงบมาก “การล้มของข้าไม่สูญ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 169

    หลังจากแสดงความเคารพนับถือและความไว้วางใจต่อเฉินเยี่ยนซูแล้ว จึงค่อยประทับลงที่บัลลังก์มังกรของตัวเองนี่เป็นคำขอของอดีตฮ่องเต้ ก่อนที่ฮ่องเต้น้อยจะว่าราชกิจต้องทำแบบนี้ทุกครั้ง นอกจากนี้ เฉินเยี่ยนซูยังได้รับการละเว้นการคุกเข่าต่อหน้าประมุขเช่นกัน ฮ่องเต้น้อยยินยอมพร้อมใจต่อเรื่องนี้ มองว่าเป็นสิ่งที่สมควรแล้วทุกคนคุกเข่าแสดงความเคารพ “ถวายพระพรฝ่าบาท ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี!”ฮ่องเต้หย่งอัน “ทุกคนลุกขึ้นได้”ขันทีอาวุโสหยางพูดเสียง “หากมีธุระก็รีบกราบทูล หากไม่มีอะไรก็เลิกประชุมได้!”“ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพะย่ะค่ะ! ซื่อจื่อซิ่นหยางโหวทำร้ายบุตรสาวสายตรงของมหาราชครูหรง ทำให้แม่นางหรงได้รับบาดเจ็บ สมควรลงโทษสถานหนัก!”“ฝ่าบาท เขาเป็นขุนนางของราชสำนักแต่กลับประพฤติตนเหลวไหลเช่นนี้ ตอนแรกก็จะปลดภรรยาเอกให้เป็นอนุ ต่อมาก็ทำร้ายร่างกายหญิงสาวชนชั้นสูง ช่างไร้สาระยิ่งนัก!”“ก่อนหน้านี้สกุลฉีทำให้นายหญิงผู้เฒ่าหรงโมโหจนอกแตกตาย ทั้งยังมีหน้ามาพูดว่านายหญิงผู้เฒ่าหรงป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว แม้ท่านมหาราชครูหรงจะโมโหแต่ก็อาจโทษว่าเป็นความผิดของพวกเขาทั้งหมด ทว่าคร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 170

    มีใครไม่รู้บ้างว่า โดยปกติแล้วท่านอัครเสนาบดีจะยอมฟังแค่คำทัดทานของมหาราชครูหรงและไม่เคยโมโหใส่ส่วนคนอื่นนั้น…หึๆๆ จบไม่สวยสักคนกระนั้นจะไม่จำยอมต่อคนเช่นนี้ก็ไม่ได้อีก เป็นเพราะหลังจากที่คนผู้นี้ขึ้นมาสำเร็จราชการแทน อาณาเขตของแคว้นต้าฉีก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และแคว้นต้าฉีก็ทรงอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ฮ่องเต้หย่งอันก็ยังพูดเป็นประจำว่า “เราไม่ได้ทำอะไรเลยก็กลายเป็นจักรพรรดิที่สร้างผลงานมากกว่าปฐมฮ่องเต้”ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของอัครเสนาบดีเฉินฮ่องเต้หย่งอันตรัส “ในเมื่อไม่มีผู้ใดคัดค้าน เช่นนั้นก็ปลดซิ่นหยางโหวลงจากตำแหน่ง ลดขั้นให้เป็นสามัญชน เรียกให้เขามาคุกเข่าฟังโอวาทที่หน้าวัง ให้ประชาชนมายืนดู! ส่วนฉีจื่อฟู่…”เขาว่าจบแล้วแอบมองเฉินเยี่ยนซูปราดหนึ่งเฉินเยี่ยนซูพูดอย่างนิ่งเรียบ “ให้ฉีจื่อฟู่คำนับศีรษะไปทางภูเขาอู่หลิงที่หน้าสกุลฉี คำนับจนกว่าโลหิตจะไหลนอง เอาให้บาดเจ็บหนักกว่าแม่นางสกุลหรงสิบเท่า!”ฮ่องเต้หย่งอัน “ตกลงตามนี้! สำนักฮั่นหลินจงร่างพระราชโองการ!”ขุนนางซึ่งรับหน้าที่เขียนและตรวจสอบพระราชโองการลุกขึ้นโดยพลัน “กระหม่อมน้อมรับบัญชา!”เรื่องนี้เป็นอันจบลง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 171

    ฮ่องเต้น้อยพอใจมากที่วัน ๆ ไม่ทำอะไร แต่คุณูปการกลับมากขึ้นเรื่อย ๆ ใครเล่าอยากจะตรวจอ่านฎีกาทั้งวัน......ตอนที่พระราชโองการมาถึงจวนซิ่นหยางโหวทุกคนในจวนล้วนออกมาฟังพระราชโองการ พระราชโองการมอบให้สกุลฉี หรงจือจือไม่ใช่คนของสกุลฉีแล้ว ไม่จำเป็นต้องออกไปฟัง ต่อให้คนในราชสำนักถามหาความรับผิดชอบ ก็สามารถอธิบายให้เข้าใจได้บ้าง ดังนั้นนางจึงไม่มาคนของสกุลฉีเพียงคิดว่ามีสิ่งดี ๆ กำลังเกิดขึ้น ไหนเลยจะสนใจว่าหรงจือจือจะมาหรือไม่ แต่พอฟังเจตนารมณ์ของราชโองการจบ ก็รู้สึกราวกับท้องฟ้าถล่มลงมาแล้วนางถานถึงขนาดอยากจะไปเรือนหลันเพื่อฆ่าหรงจือจือ!ขันทีที่ถ่ายทอดพระราชโองการยังกล่าวอีกว่า “ข้าน้อยขออนุญาตตักเตือนอีกสักประโยค ตอนนี้ในจวนของท่าน มีเพียงฉีจื่อฟู่ผู้เดียวที่เป็นขุนนางขั้นหก ส่วนแม่นางหรงกลับเป็นบุตรสาวคนโตสายตรงของขุนนางระดับสูงขั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ไม่ควรล่วงเกิน ต่อไปพวกท่านยังคงอย่าล่วงเกินจะดีกว่า!”ระหว่างทางมาถ่ายทอดพระราชโองการ เขาได้พบกับเซินเฮ่อแพทย์แผนจีนกรมขุนนาง ลูกศิษย์ของท่านเสนาบดี ใต้เท้าเซินให้ตนเองมาบอกประโยคนี้ ขันทีที่ไหนจะไม่รู้ว่า ความคิดของใต้เท้าเซิน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 172

    ฉีอวิ่น “....”ขันทีน้อย “อย่าให้ใต้เท้าของสำนักฮั่นหลินต้องรอจนหงุดหงิดเลย!”ผู้ที่รับผิดชอบในการติเตียน ก็คือบัณฑิตขั้นห้าของสำนักฮั่นหลินท่านหนึ่ง หากเป็นเมื่อก่อน ตำแหน่งขุนนางแค่นี้ ย่อมไม่คู่ควรให้ซิ่นหยางโหวชายตามองด้วยซ้ำแต่ตอนนี้ฉีอวิ่นเป็นคนธรรมดาแล้ว ยังมีค่าพอให้คนอื่นรอที่ไหนกัน?เขาขานรับด้วยหน้าถอดสีเสียงหนึ่ง “ขอรับ!”ขันทีน้อยนั่นยังตักเตือนฉีจื่อฟู่อีกหนึ่งประโยคว่า “ใต้เท้าฉี อย่าลืมโขกศีรษะด้วยนะขอรับ!”พูดจบเขาก็แอบกลอกตา ปกติไปประกาศพระราชโองการที่ไม่ดีในบ้านผู้ใด ทั้งครอบครัวจะกอดกันร้องไห้ และปลอบใจซึ่งกันและกันมีเพียงสกุลฉีเท่านั้น ที่โทษซึ่งกันและกัน คิดว่าความผิดเป็นของคนรอบกาย วันนี้เขาก็ถือว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้วฉีจื่อฟู่ขานรับด้วยความหงุดหงิดแต่ก่อนฉีอวิ่นจะออกไป ยังมองฉีจื่อฟู่ด้วยความดุร้ายอีกหนึ่งครั้ง “หลังโขกศีรษะแล้วไปเกลี้ยกล่อมหรงจือจือให้ข้า แล้วบอกให้นางไปขอร้องพ่อตาเจ้าเพื่อครอบครัวเราด้วย!”ในความคิดของฉีอวิ่น ในเมื่อมหาราชครูหรงมีอิทธิพลทำให้ครอบครัวเขาถูกปลดจากตำแหน่งได้ก็สามารถมีอิทธิพลให้ครอบครัวพวกเขากลับมาสู่จุดสูงสุดได้อีก

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 173

    เขาแทบจะคิดว่า ฮ่องเต้องค์ก่อนตอนนั้นได้ขอให้ตนเองเป็นผู้สำเร็จราชการแทนจริง หรือว่าตนเองจำผิดมาเป็นเวลานานหลายปี เลยประเมินอิทธิพลของตนเองต่ำเกินไป?นางหวังกล่าว “ท่านพี่ดีทุกอย่างมาโดยตลอด ราวกับพระจันทร์ที่ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้า แล้วลูกศิษย์ก็มีมากมาย การมีอำนาจเช่นนี้ แล้วมันมีอะไรน่าแปลกหรือเจ้าคะ?”มหาราชครูหรงกลับรู้สึก เกรงว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้นเวลานี้ พ่อบ้านเข้ามารางงานพอดี “นายท่าน ใต้เท้าสวีเจ๋อเสนาธิการฝ่ายซ้ายกรมโยธาธิการขอเข้าพบขอรับ”คิดว่าสวีเจ๋อคงมาเพราะเรื่องนี้เช่นกัน มหาราชครูหรงจึงกล่าวว่า “เชิญเขาไปที่ห้องหนังสือของข้า!”นางหวังรีบกล่าว “ข้าจะไปเตรียมขนมเข้ามาด้วยตนเองนะเจ้าคะ”สวีเจ๋อเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ที่ภาคภูมิใจของมหาราชครูหรง เขาโดดเด่นมากในหมู่รุ่นน้อง และมักจะเรียกนางหวังว่าอาจารย์แม่ นางหวังจึงสนิทสนมกับเขาอย่างมากมหาราชครูหรงพยักหน้าตอนที่นางหวังเข้ามาในห้องหนังสือ ก็บังเอิญได้ยินสวีเจ๋อกับมหาราชครูหรงคุยกัน ว่าเรื่องนี้ท่านเสนาบดีเข้ามาแทรกแซงแล้วมหาราชครูฟังจนนิ่งเงียบไปเล็กน้อยแต่สวีเจ๋อกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “ท่านอาจารย์ ตอนน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 174

    นางหวังมองนางทีหนึ่ง พลางกล่าวตำหนิ “ช่างไร้ยางอายเสียจริง ข้ากับท่านพ่อเจ้าพูดคุยกัน เจ้ามาแอบฟังทำไม?”หรงเจียวเจียว “มีหนึ่งลวดลายที่ปักไม่สวยเท่าท่านแม่ จึงคิดจะมาขอให้ท่านแม่สอน ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังสักหน่อยเจ้าค่ะ”ขณะที่พูดใบหน้าของนางยิ่งแดงมากขึ้นแล้วนางแตกต่างกับหรงจือจือ หรงจือจือมักจะไม่ไปงานเลี้ยงเพราะท่านย่า แต่หรงเจียวเจียวยังคงไปกับมารดาอยู่หลายครั้งครั้งแรกที่นางเห็นอัครมหาเสนาบดีเสิ่น ก็รู้สึกว่าบนโลกไม่มีผู้ใดสง่างามและโดดเด่นไปกว่าเขาอีกแล้ว นางเก็บเขาไว้ในใจมาสองปีแล้ว ก่อนหน้านี้มารดาคิดจะหาคู่ให้นาง นางมักจะปฏิเสธอยู่เสมอนางหวังรู้ถึงความในใจของนาง แต่อัครมหาเสนาบดีเสิ่นกล่าวไว้ว่าอุทิศตนเพื่อแผ่นดิน นางจะกล้าพูดมากได้อย่างไร? กระทั่งครั้งนี้เห็นอัครมหาเสนาบดีเสิ่นมีท่าทีเป็นมิตร นางจึงเอ่ยปากกับมหาราชครูหรงมหาราชครูหรงมองหรงเจียวเจียวอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง “ในเมื่อเตรียมจะพูดคุยเรื่องแต่งงาน เจ้าก็ควรทิ้งภาพลักษณ์ที่ไร้ประโยชน์จากอดีตนั่นเสียบ้าง อย่าได้แต่งเข้าบ้านสามีแล้วยังไม่รู้ความเช่นนี้อีก มันจะทำให้สกุลหรงของพวกเราขายหน้า!”หรงเจียวเจียวกล่าว “ท่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 175

    เพียงเพราะตนเองคุกเข่านานเกินไป แต่ก็ไม่ได้สนใจพอกลับมาถึงเรือน อวี้ม่านหว่าก็หลั่งน้ำตา เมื่อเห็นหมอประจำจวนพันแผลให้เขา “ท่านพี่ฟู่ เห็นท่านเป็นเช่นนี้ ข้าปวดใจเหลือเกินเจ้าค่ะ”ฉีจื่อฟู่ได้ยินก็ซาบซึ้งใจแค่ตนเองทุกข์นิดหน่อย ม่านหวาก็หลั่งน้ำตาแล้ว แต่จือจือเล่า? นางเป็นคนทำร้ายตนเองจนกลายเป็นเช่นนี้!ท่านพ่อตำหนิที่เมื่อวานตนเองไม่ยอมไปเกลี้ยกล่อมจือจือ หากไม่ใช่เพราะไม่กล้าขัดคำสั่งบิดา เขาคงอยากจะถามว่า เมื่อเทียบกับท่าทีของพวกนางที่มีต่อเขา เขาไม่ควรอยู่ข้างกายม่านหวาหรอกหรือ?หลังหมอประจำจวนจากไป ฉีจื่อฟู่ก็นอนลง พลางกล่าวช้า ๆ ว่า “เจ้าเป็นองค์หญิง เพราะติดตามข้า ช่วงนี้กลับโดนตบตีอยู่เสมอ แถมยังไม่ได้รับความเคารพนับถืออีก ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย!”อวี้ม่านหวา “ตราบใดที่สามารถอยู่กับท่านพี่ฟู่ได้ ข้ายินดี เพียงแต่...”ฉีจื่อฟู่มองนางทีหนึ่ง ในดวงตาล้วนเต็มไปด้วยความระมัดระวัง “เพียงแต่อะไรหรือ?”จือจือรักเขาเพราะมีเงื่อนไข ว่าต้องรับประกันตำแหน่งภรรยาเอกของนาง แถมยังต้องหมุนรอบตัวนาง และทำทุกอย่างเพื่อนางก่อน มิเช่นนั้นนางก็จะสร้างความวุ่นวายให้ตนเองหรือว่าความรักที่

최신 챕터

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 338

    เสิ่นเยี่ยนซูดวงตาเย็นยะเยือก และเดินไปตรงหน้าหรงเจียวเจียวเขามองนางด้วยสายตาที่เหนือกว่า พลางถามเสียงเย็นว่า “เจ้าว่าผู้ใดเป็นคนชั้นต่ำ?”เขามักจะมีอำนาจในฐานะผู้เหนือกว่าอยู่เสมอ ทำเอาหรงเจียวเจียวตกใจสีหน้าซีดเผือด อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าและถอยหลังไปหนึ่งก้าว น้ำตาก็คลอเบ้า จนแทบจะไหลลงมาอีกครั้งนางกล่าวด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา “ข้า ข้า ข้า...”ดวงตาที่เสิ่นเยี่ยนซูมองนาง มองราวกับเป็นของที่ตายแล้ว “วันนี้ข้าจะให้เกียรติมหาราชครูหรง”“เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่สองชั่วยาม ตบหน้าหนึ่งร้อยที ก็จะสามารถลุกขึ้นได้”“หากครั้งหน้าข้าได้ยินคำพูดเช่นนี้อีก ลิ้นของเจ้าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป องครักษ์หลงสิงมีวิธีดึงลิ้นออกมามากมาย เข้าใจหรือไม่?”หรงเจียวเจียวตกใจมากจนฉี่จะราดอยู่แล้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่รู้ว่า ชายที่ตนเองชื่นชอบ มีด้านที่น่ากลัวเช่นนี้ด้วย จึงกล่าวด้วยตัวสั่นเทิ้มว่า “เข้า เข้าใจเจ้าค่ะ!”เสิ่นเยี่ยนซูหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและจากไปหรงจือจือเห็นเช่นนี้ ยังตกตะลึงอยู่เล็กน้อยแม้ท่านย่าจะเอ็นดูนาง แต่ก็ไม่ค่อยออกไปด้านนอก ดังนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรก ที่นางสัม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 337

    สายตาที่ประจบของฮูหยินหลี่ มองไปทางหรงจือจือ “จือจือ ได้ยินว่าเจ้าเป็นสตรีผู้มีพรสวรรค์เป็นเลิศอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมาตั้งนาน ไม่สู้เจ้าแต่งกวีเสียหนึ่งบท จะได้เปิดหูเปิดตาให้พวกข้าด้วย!”หรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้เตรียมตัว ให้คนอื่นแต่งดีกว่าเจ้าค่ะ”สีหน้าของฮูหยินหลี่ดูจะเก็บอาการไม่ค่อยอยู่แล้ว แต่ก็รู้ ว่าก่อนหน้านี้ตนเองประพฤติตัวไม่ดี หรงจือจือจะโกรธก็สมควร ดังนั้นจึงเดินไปตรงหน้าหรงจือจือเมื่อจับมือของนาง ขณะที่ยิ้มก็กล่าว “เจ้ามีความคิดที่ปราดเปรื่อง การแต่งบทกวีจำเป็นต้องเตรียมตัวเสียที่ใด? ตอนนี้สุ่มเขียนมาเสียหนึ่งบท คิดดูแล้วก็ดีมากแล้ว”หรงจือจือดึงมือของตนเองออกมาจากอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พูดขึ้นมาแล้ว ตอนนั้นป้าสะใภ้บอกว่า วันนี้ข้าไม่ได้รับเชิญไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ จริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ท่านเสนาบดี ทุกท่าน ขอให้เพลิดเพลินให้เต็มที่ ข้าขอตัวลาไปก่อนเจ้าค่ะ!”ขณะที่พูด หรงจือจือก็ลุกขึ้นเตรียมจะจากไปฮูหยินหลี่ตื่นตระหนกแล้ว จึงรีบกล่าว “นี่...จือจือ เข้าใจผิด! ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ป้าสะใภ้แค่เลอะเลือนไปชั่วขณะจึงพู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 336

    แม้หรงจือจือเห็นท่าทางของเซิ่งเฟิง ล้วนยังต้องหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดมุมปากไว้เล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าเสิ่นเยี่ยนซูไปหาคนที่มีอารมณ์ขันเช่นนี้มาจากที่ใดช่างน่าสนุกยิ่งนัก!เดิมทีหรงเจียวเจียวไม่สบายใจ ยังถูกเซิ่งเฟิงก่อเรื่องเช่นนี้อีก ก็เกิดความคิดอยากตายขึ้นมาจริง ๆ แล้ว “ข้า ข้า...”คิดว่าวันนี้ชื่อเสียงของตนเองคงเสียหายเป็นแน่ นางจึงตัดสินใจทุ่มสุดตัวไปเลย!ขณะมองหรงจือจืออย่างดุร้ายก็กล่าวว่า “หรงจือจือ เจ้าตั้งใจขโมยงานแต่งของข้าใช่หรือไม่? เจ้าก็แค่ไม่อยากให้ข้ามีชีวิตที่ดี เจ้า...”หรงจือจือยังไม่ทันได้เอ่ยปากเสิ่นเยี่ยนซูก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไร้สาระ! เดิมทีก็เป็นของของนาง เหตุใดต้องพูดถึงการขโมยด้วย? เจ้าไม่ลองดูใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องเจ้า และคิดดูอีกทีว่าควรจะพูดจาไร้สาระต่อไปหรือไม่”เพียงคำพูดเดียว ก็ทำให้หรงเจียวเจียวสั่นสะเทือนแล้วจากสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนซู นางมองออก ว่าเขาไม่ได้กำลังล้อเล่นกับนาง หากตนเองโวยวายต่อไป มีหวังโดนตบหน้าจริง ๆ แน่เห็นนางสงบลงได้เสียทีฮูหยินหนิงกั๋วกงก็ยิ้มพลางกล่าว “ครั้งก่อนข้าไปงานเลี้ยงของสกุลฉี เห็นสกุลฉีวุ่นวายไปหมด แม่นา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 335

    เขาเอ่ยเน้นย้ำทีละคำอย่างชัดเจน “คุณหนูสามหรง เจ้าฟังให้ดี ก่อนหน้าวันนี้ แม้แต่หน้าตาของเจ้าเป็นเช่นไรข้าก็ยังไม่รู้ชัด ไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งเจ้าเป็นชายาเลยแม้แต่น้อย”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ที่ข้าต้องการสู่ขอ ก็คือพี่สาวของเจ้ามาโดยตลอด หากเจ้ายังไม่เชื่อ ก็ลองกลับไปสอบถามบิดาของเจ้าดูเถิด”หรงเจียวเจียวส่ายศีรษะไปมา ไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้นางยังคงคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าหาใช่ความจริงไม่ แต่เป็นเพียงฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น นางยิ่งร่ำไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม “ไม่จริง เป็นไปได้อย่างไร... เป็นไปไม่ได้...”ในชั่วขณะนั้นเอง บ่าวรับใช้ของจวนตระกูลหลี่ ก็ได้พาเหวินหมัวมัวเข้ามาด้านในพอเหวินหมัวมัวเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ก็รู้ได้ทันทีว่าคงเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแล้วเป็นแน่เฉินเยี่ยนซูเหลือบมองเหวินหมัวมัวแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ดูท่าแล้ว เจ้าคงมาเพื่อจะบอกคุณหนูสามของเจ้ากระมัง ว่าแท้จริงแล้วผู้ที่ข้าต้องการหมั้นหมายด้วยคือผู้ใดกันแน่?”เมื่อท่านอัครมหาเสนาบดีเอ่ยถาม มีหรือที่เหวินหมัวมัวจะกล้าไม่ตอบ? นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าซีดขา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 334

    ครานี้ ทุกผู้คนต่างตกตะลึงงัน สายตาตำหนิหลายคู่พลันจับจ้องไปยังฮูหยินหลี่อะไรกัน! ในเมื่อไม่ได้หมั้นหมาย แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาหลอกลวงพวกเรา? เช่นนั้นเมื่อครู่พวกเราก็ประจบเอาใจนางเสียเปล่าไปตั้งนานนะสิ?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่พวกเราต้องสรรหาคำเยินยอหรงเจียวเจียวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเมื่อครู่นั้น มันต้องสิ้นเปลืองความคิดอ่านไปมากเพียงใด? สมองแทบจะระเบิดอยู่แล้ว!ฮูหยินหลี่เองก็ตกตะลึงงันไปเช่นกัน ตามเหตุผลแล้ว นาวหวังไม่น่าจะวิปลาสถึงขั้นกุเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้! เมื่อเห็นสายตาตำหนิของผู้คนจับจ้องมา นางจึงพยายามอธิบายอย่างตะกุกตะกัก “ไม่... ไม่ใช่! ข้า... เจียวเจียว นี่มันเรื่องอันใดกันแน่!”หรงเจียวเจียวมองไปยังเฉินเยี่ยนซู ด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ “ท่านอัครมหาเสนาบดี! ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้! ท่านเห็นข้าโกรธจนเอ่ยปากขอถอนหมั้น ท่านไม่คิดจะง้อก็แล้วไปเถิด แต่ยังจะกล่าวปดว่าไม่เคยมาสู่ขอข้าอีกอย่างนั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ประกอบกับเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของหรงเจียวเจียว ผู้คนก็เริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมาอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความกังขาจับจ้องสลับไปมาระหว่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 333

    หรงเจียวเจียวชะงักไปครู่หนึ่ง “อ๊ะ?”จ้าวหมัวมัวกล่าวว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดีคงต้องการจะแสดงอำนาจความเป็นสามี ทั้งยังต้องการจะดูท่าทีคุณหนูด้วยว่าจะยอมอ่อนข้อให้เขาหรือไม่ อย่างไรเสีย ฐานะฮูหยินของราชเลขาธิการผู้ทรงเกียรติ จะเป็นเพียงสตรีที่เอาแต่ใจตน พอเขาขุ่นเคืองก็เอาแต่ร้องขออภัยไปเสียทุกเรื่องไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”หรงเจียวเจียวมีสีหน้าลังเล “เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”จ้าวหมัวมัวกล่าว “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ต้องเป็นเช่นนี้เป็นแน่! คุณหนู ท่านต้องรู้จักแสดงความอ่อนแอบ้าง คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งและทรงอำนาจเช่นท่านอัครมหาเสนาบดี หรือจะยอมลดตัวลงมาง้อคุณหนูได้เล่าเจ้าคะ?”หากไม่เช่นนั้นแล้ว จะอธิบายได้อย่างไรว่าเหตุใดท่านอัครมหาเสนาบดีจึงจงใจสร้างความลำบากให้คู่หมั้นของตนต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้เล่า?เมื่อสองนายบ่าวปรึกษาหารือกันเสร็จสิ้นในที่สุดหรงเจียวเจียวก็รวบรวมความกล้าได้ นางรอจนกระทั่งบัณฑิตผู้หนึ่งแต่งบทกวีเสร็จสิ้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดี... ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ท่านจะโปรดให้ข้าลุกขึ้นได้หรือไม่เจ้าคะ เจียวเจียวปวดเข่าเหลือเกิน พื้นก็ทั้งเย็นทั้งแข็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 332

    ทุกคนย่อมเห็นแผ่นหลังของหรงเจียวเจียวที่กำลังหันหลังจากไป และพอจะเดาได้ว่านางกำลังแสดงความเอาแต่ใจออกมาบรรดาสตรีที่สนิทสนมกับหรงเจียวเจียวต่างแอบตำหนิอัครมหาอัครมหาเสนาบดีเฉินอยู่ในใจ ว่าช่างไม่รู้จักถนอมบุปผาเทิดทูนหยกล้ำค่าเอาเสียเลย เหตุใดจึงไม่รู้จักไว้หน้าคู่หมั้นของตนเองเช่นนี้?เฉินเยี่ยนซูสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของหรงเจียวเจียวอยู่แล้ว จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หยุดอยู่ตรงนั้น!”ฝีเท้าของหรงเจียวเจียวพลันชะงัก นางคิดในใจ ในที่สุดเขาก็เรียกข้าแล้ว หรือว่าในใจเขายังคงเป็นห่วงข้าอยู่?นางแค่นเสียงหึเบาๆ แล้วหันไปมองเฉินเยี่ยนซู “ในใจของท่าน ไม่ใช่มีเพียงแต่พี่สาวของข้าหรอกหรือ? แล้วจะมารั้งข้าไว้อีกด้วยเหตุใด?”กล่าวจบ นางก็เช็ดน้ำตาพลางหันเสี้ยวหน้าอย่างดื้อรั้นให้เฉินเยี่ยนซูมองนางเชื่อว่าเมื่อเขาเห็นหยาดน้ำตาบนใบหน้าของนาง จะต้องสำนึกได้แน่ว่าตนเองทำผิดไปแล้ว นางเคยส่องกระจกพิจารณาดูตนเองยามร้องไห้อย่างละเอียดแล้ว รู้อยู่แก่ใจว่าท่าทางเช่นนี้จะยิ่งขับเน้นความงดงามแววตาของเฉินเยี่ยนซูเย็นชา “ในใจของข้ามีผู้ใดอยู่ ถึงตาเจ้ามาสอดปากวิจารณ์ด้วยหรือ?”หรงเจียวเจียวฟั

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 331

    ถึงจะอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ แต่เมื่อนางทำผิด หากเฉินเยี่ยนซูไม่เอ่ยอนุญาต นางก็ไม่อาจนั่งได้เมื่อได้รับอนุญาตให้นั่งจากเฉินเยี่ยนซู หลี่เซียงเหยากลับยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ นางรู้สึกราวกับว่าพี่เขยสาม ผู้นี้กำลังตบหน้านางอย่างแรง แล้วค่อยยื่นขนมหวานปลอบใจ ทว่าการตบหน้านี้ช่างหนักหน่วงเหลือเกินนางร่ำไห้ออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อระคนน้อยใจ “ขอบคุณท่านอัครมหาเสนาบดีเจ้าค่ะ!”เมื่อครู่หรงเจียวเจียว ไม่ได้ออกหน้าช่วยนาง ตอนนี้จึงรีบเข้ามากล่าวกลบเกลื่อน “เหยาเหยา เห็นหรือไม่ ท่านอัครมหาเสนาบดียังคงให้ความสำคัญกับเจ้านะ ถึงได้อนุญาตให้เจ้าอยู่ในงานเลี้ยงแต่งบทกวีต่อ!”เฉินเยี่ยนซูเอ่ย “ย่อมต้องให้ความสำคัญ”หรงเจียวเจียวพลันยิ้มออก นางคิดว่าอย่างไรเสียท่านอัครมหาเสนาบดีก็ต้องไว้หน้านางบ้าง แต่คาดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนซู จะเอ่ยประโยคถัดมาว่า “หากนางจากไปแล้ว ไม่มีนางอยู่ที่นี่เป็นข้อเปรียบเทียบ ผู้ใดจะรู้เล่าว่าจุดจบของการลบหลู่ท่านหญิงเป็นเช่นไร?”ทุกคน “…”เหล่าสตรีที่เมื่อครู่ร่วมวงนินทาหรงจือจือ ตอนนี้ต่างรู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ!ส่วนหรงเจียวเจียวยิ่งหน้าเขียวคล้ำ นางเข้าใจในท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 330

    วันนี้หรงจือจือถึงได้รู้ว่า อันที่จริงเฉินเยี่ยนซูคนผู้นี้ใจดำอำมหิตเป็นอย่างมาก บางทีก่อนหน้านี้ที่เขาไม่รู้จักเจียวเจียวอาจเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้ที่บิดเบือนความหมายของหรงเจียวเจียว เขาต้องจงใจเป็นแน่สายตาของทุกคนเองก็ตกไปที่ตัวหรงจือจือที่พวกเขากระแหนะกระแหนอยู่นานสองนานนี่...เหตุใดท่านเสนาบดีจัดการเรื่อง ไม่ให้หน้าหรงเจียวเจียวแม้แต่น้อยก็ช่างมันเถอะ ยังจะถามความเห็นของหรงจือจืออีก? นี่หากไม่รู้ ยังคิดว่าคู่ที่ดูตัวหมั้นหมายกัน เป็นหรงจือจือจริง ๆ เสียอีก!หรงจือจือทำทีท่าไม่เกี่ยวกับตน ตอบกลับชืด ๆ ว่า “เรื่องนี้ท่านเสนาบดีตัดสินใจก็พอเจ้าค่ะ”เฉินเยี่ยนซูพยักหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่หรงเจียวเจียว “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะถูกตบปากไปด้วย?”จากสายตาของเขา หรงเจียวเจียวมองออกว่า เขาพูดจริง และไม่ได้ล้อเล่นกับตน สีหน้าของนางก็ยิ่งซีดเผือดเข้าไปอีกนางรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ข้า...ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นเจ้าค่ะ!”หลี่เซียงเหยามองพี่หญิงสามของตนอย่างยากจะเชื่อทีหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะตนช่วยนางพูด ก็คงไม่ตกมาอยู่ในขั้นนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยากแยแสตนเฉินเยี่ยนซูกวาดสา

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status