Share

บทที่ 347

Author: สั่งไม่หยุด
เดิมทีนางก็ทรมานมากพออยู่แล้วที่ท่านพ่อไม่ให้กินเนื้อสัตว์ในช่วงไว้ทุกข์ ทว่าตอนนี้กลับแย่ยิ่งกว่านั้น นางไม่เพียงต้องคุกเข่าอยู่ที่นี่ แม้กระทั่งรังนกก็ยังอดกินไปด้วย

นางหวังอยากกินผักใบเขียวอยู่แบบนี้ที่ใดกัน?

นางลูบใบหน้าของบุตรสาวตัวเองด้วยความสงสาร “บุตรสาวผู้น่าสงสารของข้า ผอมซูบหมดแล้ว! หากไม่ใช่เพราะหรงจือจือ พวกเราสองแม่ลูกมีหรือจะตกอยู่ในสภาพน่าอนาถแบบนี้?”

“ข้าพูดมาตั้งนานแล้วว่าดวงของนางข่มข้า แต่นางกลับไม่ยอมรับ! บัดนี้นางทำให้ข้าถูกลงโทษด้วยการคุกเข่าอย่างโจ่งแจ้ง ตอนนี้ยังจะมีหน้ามาพูดอะไรได้อีกกัน?”

หรงเจียวเจียวพูดทั้งน้ำตา “เป็นเพราะลูกไม่ได้เรื่องเอง ไม่เป็นที่ชื่นชอบของท่านพ่อ มิเช่นนั้นท่านแม่คงไม่ถูกลงโทษไปด้วย…”

นางหวังพูดด้วยความชิงชัง “จะโทษเจ้าได้อย่างไร? ต้องโทษหรงจือจือต่างหาก ไม่รู้ว่าไปเรียนรู้กลอุบายมารยาสาไถมาจากที่ใด ถึงได้ล่อลวงราชเลขาธิการเฉินได้”

“เจ้าเป็นคนบริสุทธิ์และน่ารัก จะไปมีความสามารถต่ำช้าแบบนั้นได้อย่างไร? เจ้าจะสู้นางไม่ได้ก็ไม่แปลก!”

“แต่ในเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ รอให้พวกเราออกไปแล้ว แม่จะหาคู่ดูตัวให้เจ้าใหม่ ราชเลขาธิการ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 348

    หรงเจียวเจียวเห็นหรงซื่อเจ๋อมั่นใจขนาดนี้ก็ยังลังเลอยู่เล็กน้อยหรงซื่อเจ๋อวางกล่องอาหารในมือลงและเอ่ยปาก “ข้ารู้ว่าหลายวันมานี้พวกท่านลำบากมามาก ข้าจึงตั้งใจไปซื้อขนมมาฝากโดยเฉพาะ ในนี้ยังมีรังนกที่เป็นของโปรดของน้องหญิงด้วย”“พวกท่านรีบกินเถิด ประเดี๋ยวกินเสร็จแล้วข้ายังต้องนำกล่องอาหารกลับไปด้วย มิเช่นนั้นอาจจะถูกท่านพ่อจับได้”หรงเจียวเจียวน้ำลายไหล ที่ผ่านมานางไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะมีให้กินเป็นปกติ แต่เมื่อถูกสั่งห้ามไม่ให้กิน นางกลับนึกถึงรสชาติที่เคยกินอยู่ตลอดเวลานางยกอาหารออกมากินคำโตทันทีตอนแรกนางหวังยังลังเลอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเห็นบุตรสาวกินอย่างเอร็ดอร่อยก็กินตามแต่นางไม่ลืมที่จะกำชับหรงซื่อเจ๋อ “ต่อไปเจ้าอย่าได้มาที่นี่อีก หากท่านพ่อของเจ้ารู้เข้า เจ้าเองก็จะถูกลงโทษไปด้วย ช่วงนี้เขาไม่ค่อยพอใจเจ้านัก แผลที่หลังเจ้าก็ยังไม่หายดี”หรงซื่อเจ๋อพยักหน้า “ลูกเข้าใจขอรับ”นางหวังถามต่อ “เจ้ากับคุณหนูสกุลอวิ๋นเป็นอย่างไรบ้าง? ถึงแม้ฐานะครอบครัวนางจะต่ำกว่าพวกเรามาก แต่บรรดาพี่ชายของนางล้วนแต่ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะพี่ชายคนโตที่ได้เข้าสำนักฮั่นหลินแล้ว ได้ยินว่าฮ่องเต้ทรงให้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 1  

    เพื่อขอโอสถวิเศษช่วยชีวิตให้ผู้เป็นสามี หรงจือจือคุกเข่ามาแล้วทั้งสิ้นสามพันขั้นบันได ทว่าผู้เป็นสามีกลับลดขั้นนางจากภรรยาเอกเป็นอนุ เพื่อองค์หญิงจากแคว้นที่สิ้นเอกราช มิหนำซ้ำยังบอกว่านี่คือวาสนาของนาง! หลังจากนางหย่าขาดกับสามีแล้ว ก็สมรสกับท่านสมุหราชเลขาธิการผู้ยิ่งใหญ่ มีอิทธิพลกว้างใหญ่ไปทั่วแผ่นดิน กลางดึก ท่านสมุหราชเลขาธิการกับนางต่างพลอดรักดื่มด่ำลึกซึ้งบนผ้าห่มคู่รัก โดยที่มีสามีเก่าคุกเข่าอยู่นอกประตู ขอบตาแดงก่ำ ใบหน้าขาวซีดดุจกระดาษ —— ในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะ ผู้คนต่างหัวเราะเริงร่าครึกครื้นมีความสุข ทว่าในใจของหรงจือจือกลับรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องอื่นใด แต่เป็นเพราะสามีของตนที่ไม่ได้พบหน้ากันนานสามปี บัดนี้แม้นั่งอยู่ข้างกายนาง แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร เอาแต่หลบสายตาของตนเองอยู่ตลอด ไม่กล้าสบตากับตนเองโดยตรงเลยสักครั้ง คล้ายกับว่าเผลอทำเรื่องอะไรที่รู้สึกผิดกับตนเองเข้าแล้วอย่างไรอย่างนั้น สิ่งนี้ทำให้หรงจือจือรู้สึกหนักใจเล็กน้อย ยามนั้นเอง ชายาผู้เฒ่าอ๋องเฉียนมองหรงจือจือ แล้วยิ้มพลางเอ่ยว่า “ข้าว่า ใต้หล้านี้ไม่มีสตรีใดจะทรงคุณธรรมมากไปก

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 2  

    ความจริงหนนี้นางถานเองก็รู้สึกว่า บุตรชายของตนทำเกินไปหน่อย เพราะก่อนหน้านี้คนทั้งตระกูลฉีไม่เคยมีผู้ใดได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่ายกับองค์หญิงท่านนั้นมาก่อน แล้วหรงจือจือจะเป็นฝ่ายขอเป็นอนุภรรยาด้วยตนเองได้อย่างไร? ทว่าบุตรชายกำลังต้องโทษหลอกลวงเบื้องสูง เอ่ยวาจาเหล่านี้ออกมาต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท หากหรงจือจือไม่ยอมรับ แม้ฝ่าบาทจะมิได้ตัดสินโทษสถานหนักกับจื่อฟู่ แต่ก็เกรงว่าจวนซิ่นหยางโหว จะสูญเสียความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ไป นางจึงหันขวับมองไปทางหรงจือจือทันที คว้ามือของนางไว้พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “จือจือ เจ้าเคยเอ่ยเรื่องนี้กับข้ามาก่อนแล้วมิใช่หรือ ถึงแม้เจ้าจะไม่เต็มใจ แต่เพื่อจื่อฟู่แล้ว ก็จำใจต้องยอมรับ” “เจ้าก็เป็นคนมีเมตตาและคุณธรรมเช่นนี้มาตลอด เจ้าวางใจเถิด หลังจากนี้แม้เจ้าจะเป็นอนุ แต่สิ่งใดก็ตามที่เจ้าพึงมีในยามนี้ แม้จะไม่ให้เจ้าต้องขาดแม้เพียงสักอย่าง!” นางถานออกแรงบีบไปที่มือเล็กน้อย นี่เป็นการเตือนหรงจือจือว่า จงให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวม จงเห็นแก่จวนโหวเป็นสำคัญ หรงจือจือฟังวาจาของนางถานจบแล้ว ยิ่งไม่อยากเชื่อหูตนเอง สุขภาพของนางถานไม่สู้ดีนัก และร่างกายมักจะอ่อ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 3  

    ฮ่องเต้น้อยขมวดคิ้ว สายตาที่มองไปยังครอบครัวซิ่นหยางโหว ไม่อ่อนโยนและใกล้ชิดเหมือนอย่างตอนเริ่มงานเลี้ยงแล้ว ทว่าซิ่นหยางโหวไม่รอให้โอรสสวรรค์เปล่งวาจา ก็มองไปยังหรงจือจือ พลางเกลี้ยกล่อม “ลูกสะใภ้เอ๋ย บิดาของเจ้าสั่งสอนบุตรีได้ดีมาตลอด หากเขารู้เรื่องนี้ คิดว่าเขาเองก็คงจะขอให้เจ้าคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเช่นกัน!” หรงจือจือซึ่งนัยน์ตาสะท้อนรอยยิ้มดูแคลน ตอบกลับอย่างไม่เร่งรีบแต่ก็ไม่เนิบนาบ “ท่านพ่อสามี ท่านพ่อสอนให้ข้าคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม แต่ไม่เคยสอนให้ข้าเป็นอนุ!” สิ้นเสียงนี้ นางคุกเข่าลงกับพื้นทันทีพร้อมเอ่ยว่า “ฝ่าบาทเพคะ หากต้องเป็นอนุ หม่อมฉันไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด ชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของสกุลหรงเรา จะพังทลายลงในมือของหม่อมฉันมิได้เป็นอันขาด ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นธรรม! เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมแล้ว หรงจือจือยินดีหย่าขาด สกุลหรงเราขอตัดขาดสัมพันธ์สมรสกับจวนซิ่นหยางโหวนับแต่บัดนี้เพคะ!” พอกันที แค่สามปี นางยอมแพ้ให้ก็ได้! ถึงอย่างไรพวกเขาสองคนก็ยังมิได้ร่วมเรือนหอ ตั้งแต่เยาว์วัยท่านย่าเคยสอนนางไว้ว่า ชีวิตมนุษย์ก็เหมือนหมากรุกบนกระดาน ลูกหลานสกุลหรงต

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 4  

    หรงจือจือได้ยินมาถึงตรงนี้ นัยน์ตาพลันฉายประกายดูแคลนออกมา วันนี้ใครกันแน่ที่ทำให้สกุลหรงและจวนโหวต้องอับอายขายหน้า ดูเหมือนแม่สามีของตนเองคนนี้ จะไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย ฉีจื่อฟู่ได้ยินคำพูดของนางถาน ใบหน้าพลันฉายประกายลังเลขึ้นมาหนึ่งส่วน “อากาศเย็นถึงเพียงนี้…” เจาซีเอ่ยขึ้นทันควัน “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ฮูหยิน ซื่อจื่อ อากาศเย็นเพียงนี้ จะให้ฮูหยินซื่อจื่อเดินกลับเองไม่ได้เด็ดขาดนะเจ้าคะ! ฮูหยินซื่อจื่อร่างกายอ่อนแอบอบบาง จะทนไหวที่ไหนเจ้าคะ” เดิมทีนางคิดว่าหากพูดแบบนี้ออกไป ฉีจื่อฟู่จะเกิดความรู้สึกสงสาร และขอให้ฮูหยินโหวถอนคำสั่ง กลับคิดไม่ถึงเลยว่าฉีจื่อฟู่เมื่อได้ยินแล้ว จะหันมองหรงจือจือและเอ่ยว่า “จือจือ อย่างที่สาวใช้ของเจ้าบอก เจ้าทนลมหนาวเย็นเยือกเช่นนี้ไม่ไหวหรอก!” หรงจือจือทอดสายตามองไปยังบุรุษหนุ่มรูปงามที่ดูคล้ายจะอบอุ่นอ่อนโยนคนนี้นิ่ง ๆ ก่อนจะถามว่า “ท่านพี่หมายความว่า…” ฉีจื่อฟู่ : “ตราบใดที่เจ้ายอมรับปาก ว่าวันรุ่งขึ้นจะตามข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท และแสดงเจตจำนงขอเป็นอนุภรรยาด้วยตนเอง ข้าจะขอให้ท่านแม่อนุญาตให้เจ้าขึ้นรถม้า!” หรงจือจือเหยียดแผ่นหลังขึ้นตรงอย่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 5  

    หรงจือจือหลับตาสนิทไม่เปล่งวาจา รู้สึกเพียงว่านางถานไร้ยางอายไร้ใดเปรียบ พวกเขาทั้งครอบครัวข่มเหงรังแกนางเช่นนี้ หากเมื่อครู่นางไม่ดื้อรั้นก้าวร้าว คงได้หนาวตายอยู่ข้างทางจริง ๆ แน่ ถึงยามนี้แล้วยังมีหน้า มาขอให้นางไปอ้อนวอนท่านพ่อ ให้ทำอะไรเพื่อฉีจื่อฟู่อีกหรือ? ช่างหน้าด้านเสียจริง! นางถานเห็นนางเงียบกริบไม่ส่งเสียง ก็ขมวดคิ้วพลางตะคอกด้วยเสียงเหี้ยมว่า “นางหรง ข้ากำลังคุยกับเจ้า เจ้าไม่ได้ยินหรือ?” หรงจือจือตอบกลับเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ “ได้ยินเจ้าค่ะ” แต่ไม่คิดจะทำตามคำสั่งนั้นหรอก นางถานกลับคิดว่าหรงจือจือยอมรับคำตามที่บอกแล้ว ท่าทางบึ้งตึงและเสียงตะคอกขู่เข็ญเมื่อครู่ ก็ดูจะผ่อนลงไปบ้างแล้ว ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นคำขอร้องต่อสกุลหรง ต้องโทษสามีของตนเองที่ไม่เอาไหน ทั้งที่เป็นถึงท่านโหวในราชสำนักแต่กลับเงียบเชียบไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว หลังจากสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว นางถานบ่นออกมาเบา ๆ “แบบนี้ถูกต้องแล้ว ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นภรรยาเอกหรืออนุ จื่อฟู่ก็คือสามีของเจ้า เจ้าต้องเทิดทูนเขาไว้เสมอท้องฟ้า!” “หรือจะบอกว่าแค่เขามีสัมพันธ์กับองค์หญิงท่านนั้นแล้ว ก็ไม่ใช่สามี

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 6  

    หรงจือจือไม่คิดเลยสักนิด ทั้งที่สองคนทะเลาะกันมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉีจื่อฟู่จะยังคิดถึงเรื่องร่วมเรือนหอได้อีก นางถอยหลังกลับไปอีกสามก้าว เว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นพร้อมสีหน้าเยือกเย็น “ท่านพี่ ก่อนที่จะจัดการเรื่องขององค์หญิงม่านหวา ท่านกลับไปที่เรือนของท่านก่อนเถิด!” ฉีจื่อฟู่เอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อหูตนเอง “หรือถ้าไม่ได้เป็นภรรยาหลวง แม้แต่สัมผัสตัวเจ้าก็ไม่ยอมให้ข้าสัมผัสแล้วหรือ?” หรงจือจือมิได้ให้คำตอบอย่างตรงไปตรงมา เพียงแต่เอ่ยว่า “ท่านพี่เชิญกลับไปเถิด!” สีหน้าของฉีจื่อฟู่ ในที่สุดก็เยือกเย็นลงอย่างถึงที่สุดแล้ว “ดี! ทุกคนต่างบอกว่าเจ้ารักข้า ยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อสกุลฉีเราด้วยความยินดี ข้ากลับมองว่าสิ่งที่เจ้ารักมากกว่า คือตำแหน่งฮูหยินซื่อจื่อ อย่างเจ้าก็แค่เห็นแก่ทรัพย์สมบัติและชื่อเสียงเกียรติยศเท่านั้นถึงได้ยอมสมรสกับข้า!” หรงจือจือเงียบเชียบไม่เอ่ยปาก เพียงแต่อยากหัวเราะออกมาเท่านั้น เพื่อชื่อเสียงเกียรติยศและทรัพย์สมบัติอย่างนั้นหรือ? ในฐานะบุตรีสายตรงคนโตของมหาราชครูหรง ด้วยตำแหน่งของบิดา ณ วันนี้เวลานี้ ต่อให้นางจะแต่งเข้าจวนอ๋องเป็นพระชายาอ๋องก็ย่อมท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 7  

    นางถานยังคงรอแล้วรอเล่า เฝ้าแต่รอ ก็ยังไม่เห็นคนของหรงจือจือ ขณะที่นางกำลังหมดความอดทนลงเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็รอจนกระทั่งสาวใช้กลับมารายงานว่า “ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินซื่อจื่อออกไปข้างนอกแล้วเจ้าค่ะ!” นางถานที่ทนความหนาวเย็นมาเกือบครึ่งชั่วยามจนหน้าเขียวแล้ว ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน “ว่าอย่างไรนะ?!” แล้วสิ่งที่ตนเองอุตส่าห์เตรียมการไว้ตลอดทั้งเช้านี้ จะสูญเปล่าไปดื้อ ๆ หรือ? เรื่องนี้ทำให้นางถานยิ่งมีโทสะ สิ่งที่น่าโมโหที่สุด คือสิ่งที่เตรียมไว้มิได้ใช้ทรมานนางหรง แต่กลับทรมานตนเองแทน แล้วจะไม่ให้เดือดดาลได้อย่างไร? หญิงชรารับใช้ที่วิ่งเต้นสืบข่าวมาเอ่ยว่า : “ได้ยินคนของหลันย่วนบอกว่า ฮูหยินซื่อจื่อเดินทางกลับเรือนมารดาแล้วเจ้าค่ะ!” สาวใช้เฉินฟังมาถึงตรงนี้ ก็วิตกกังวลขึ้นมาทันใด “ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินซื่อจื่อคงมิได้กลับเรือนมารดาไป เพื่อร้องเรียนต่อท่านมหาราชครูหรอกนะเจ้าคะ?” นางถานฟังจบ ตอนแรกก็เครียดขึ้นมาทันที แต่ทันใดนั้นก็กลับมาสงบเยือกเย็นลงอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงดูแคลน “หาใช่เรื่องใหญ่อันใด มหาราชครูหรงคร่ำครึหัวโบราณมาแต่ไหนแต่ไร นางกลับไปก็มีแต่จะถูกก่นด่

Pinakabagong kabanata

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 348

    หรงเจียวเจียวเห็นหรงซื่อเจ๋อมั่นใจขนาดนี้ก็ยังลังเลอยู่เล็กน้อยหรงซื่อเจ๋อวางกล่องอาหารในมือลงและเอ่ยปาก “ข้ารู้ว่าหลายวันมานี้พวกท่านลำบากมามาก ข้าจึงตั้งใจไปซื้อขนมมาฝากโดยเฉพาะ ในนี้ยังมีรังนกที่เป็นของโปรดของน้องหญิงด้วย”“พวกท่านรีบกินเถิด ประเดี๋ยวกินเสร็จแล้วข้ายังต้องนำกล่องอาหารกลับไปด้วย มิเช่นนั้นอาจจะถูกท่านพ่อจับได้”หรงเจียวเจียวน้ำลายไหล ที่ผ่านมานางไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะมีให้กินเป็นปกติ แต่เมื่อถูกสั่งห้ามไม่ให้กิน นางกลับนึกถึงรสชาติที่เคยกินอยู่ตลอดเวลานางยกอาหารออกมากินคำโตทันทีตอนแรกนางหวังยังลังเลอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเห็นบุตรสาวกินอย่างเอร็ดอร่อยก็กินตามแต่นางไม่ลืมที่จะกำชับหรงซื่อเจ๋อ “ต่อไปเจ้าอย่าได้มาที่นี่อีก หากท่านพ่อของเจ้ารู้เข้า เจ้าเองก็จะถูกลงโทษไปด้วย ช่วงนี้เขาไม่ค่อยพอใจเจ้านัก แผลที่หลังเจ้าก็ยังไม่หายดี”หรงซื่อเจ๋อพยักหน้า “ลูกเข้าใจขอรับ”นางหวังถามต่อ “เจ้ากับคุณหนูสกุลอวิ๋นเป็นอย่างไรบ้าง? ถึงแม้ฐานะครอบครัวนางจะต่ำกว่าพวกเรามาก แต่บรรดาพี่ชายของนางล้วนแต่ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะพี่ชายคนโตที่ได้เข้าสำนักฮั่นหลินแล้ว ได้ยินว่าฮ่องเต้ทรงให้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 347

    เดิมทีนางก็ทรมานมากพออยู่แล้วที่ท่านพ่อไม่ให้กินเนื้อสัตว์ในช่วงไว้ทุกข์ ทว่าตอนนี้กลับแย่ยิ่งกว่านั้น นางไม่เพียงต้องคุกเข่าอยู่ที่นี่ แม้กระทั่งรังนกก็ยังอดกินไปด้วยนางหวังอยากกินผักใบเขียวอยู่แบบนี้ที่ใดกัน?นางลูบใบหน้าของบุตรสาวตัวเองด้วยความสงสาร “บุตรสาวผู้น่าสงสารของข้า ผอมซูบหมดแล้ว! หากไม่ใช่เพราะหรงจือจือ พวกเราสองแม่ลูกมีหรือจะตกอยู่ในสภาพน่าอนาถแบบนี้?”“ข้าพูดมาตั้งนานแล้วว่าดวงของนางข่มข้า แต่นางกลับไม่ยอมรับ! บัดนี้นางทำให้ข้าถูกลงโทษด้วยการคุกเข่าอย่างโจ่งแจ้ง ตอนนี้ยังจะมีหน้ามาพูดอะไรได้อีกกัน?”หรงเจียวเจียวพูดทั้งน้ำตา “เป็นเพราะลูกไม่ได้เรื่องเอง ไม่เป็นที่ชื่นชอบของท่านพ่อ มิเช่นนั้นท่านแม่คงไม่ถูกลงโทษไปด้วย…”นางหวังพูดด้วยความชิงชัง “จะโทษเจ้าได้อย่างไร? ต้องโทษหรงจือจือต่างหาก ไม่รู้ว่าไปเรียนรู้กลอุบายมารยาสาไถมาจากที่ใด ถึงได้ล่อลวงราชเลขาธิการเฉินได้”“เจ้าเป็นคนบริสุทธิ์และน่ารัก จะไปมีความสามารถต่ำช้าแบบนั้นได้อย่างไร? เจ้าจะสู้นางไม่ได้ก็ไม่แปลก!”“แต่ในเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ รอให้พวกเราออกไปแล้ว แม่จะหาคู่ดูตัวให้เจ้าใหม่ ราชเลขาธิการ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 346

    หรงซื่อเจ๋อกล้าพูดเรื่องไร้สาระเช่นนั้นออกมาได้อย่างไร?ยังไม่ทันจะแต่งงานกันก็จะให้น้องหญิงของเขาก้มหัวต่อหรงเจียวเจียวเสียแล้ว วันหน้าแต่งงานไปแล้วจะไม่หนักกว่านี้หรือ? สงสัยจะได้เหยียบหน้าเซียวเซียวกันพอดี!ใต้เท้าอวิ๋นเห็นเขามีอาการหุนหันพลันแล่นก็รีบห้ามไว้ “ไม่ได้! หรงซื่อเจ๋อเป็นบุตรชายของมหาราชครูหรง ห้ามลงมือด้วย”“นอกจากนี้ หากเจ้าไปทำร้ายเขาถึงบ้านจริงๆ เมื่อเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทั่วทั้งใต้หล้าคงรู้เรื่องที่น้องหญิงของเจ้าหมั้นหมายกับเขา!”พวกเขาอยากยกเลิกการหมั้นหมายแบบเงียบๆ มากกว่า ทำให้เหมือนกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้นพี่ใหญ่สกุลอวิ๋นถึงค่อยยอมสงบสติอารมณ์ลงอวิ๋นเสวี่ยเซียวกัดฟันพูดด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ “เขาไม่รู้จักดูเสียบ้างว่าหรงเจียวเจียวนั่นพูดโง่เขลาอะไรที่จวนสกุลหลี่บ้าง หากข้าออกหน้าช่วยพูดให้นาง ชื่อเสียงของสกุลอวิ๋นคงได้จบสิ้นกันพอดี”“แค่ข้าไม่ได้ร่วมตำหนิหรงเจียวเจียวและแสดงออกถึงความดูแคลนก็คือว่าเห็นแก่การหมั้นหมายมากพอแล้ว!”มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าตอนนั้นนางอยากเหยียบย่ำหรงเจียวเจียวมากเพียงใด นางไม่ได้อยากทำเพื่อเอาใจหรงจือจือ แต่อยากทำเพราะดูแค

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 345

    “ข้ากลัวว่าหากตัวเองพูดอะไรผิดจนเขาไม่พอใจแล้ว ข้อตกลงแต่งงานที่ได้มาโดยยากนี้จะเป็นอันยกเลิก ข้าเองก็ลำบากใจมากเช่นกันนะเจ้าคะ”“เวลานั้นท่านราชเลขาธิการโมโหมาก ทุกคนตกใจกลัวกันหมด ลูกจะกล้าเอ่ยปากได้อย่างไร…”มหาราชครูหรงสะอึกไปชั่วขณะ เขาพิจารณาหรงจือจือก่อนจะซักถาม “เมื่อก่อนเจ้าไม่ได้มีนิสัยประจบเอาใจผู้อื่นเช่นนี้!”หรงจือจือวางตัวเป็นบุตรสาวผู้เชื่อฟังพูดเสียงแผ่วเบาว่า “แต่ว่าท่านพ่อ ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่า การหย่าร้างหนึ่งครั้งสามารถโทษได้ว่าเป็นความผิดของสกุลฉี แต่หากวันหน้ายังมีการหย่าร้างอีก นั่นจะเท่ากับเป็นความผิดของลูกมิใช่หรือเจ้าคะ?”“วันนั้นลูกจดจำคำสอนของท่านและคิดทบทวนตัวเองอยู่ตลอด กลัวว่าหากตัวเองยังทำตัวแข็งกร้าวไม่ยอมคนเหมือนเดิม ท่านราชเลขาธิการเฉินจะไม่พอใจ ด้วยเหตุนี้จึงต้องระงับนิสัยของตัวเองเอาไว้”“ลูกเชื่อฟังที่ท่านบอกทุกอย่าง หรือว่าลูก…ทำผิดอีกแล้วเจ้าคะ?”มหาราชครูหรง “…”ยากมากที่เขาจะไม่รู้สึกว่าคำพูดของตัวเองเมื่อตอนนั้นทำให้หรงจือจือไม่สบายใจ นางจดจำมานานขนาดนี้ อีกทั้งวันนี้ก็จงใจยกขึ้นมาโต้แย้งเขานี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้ว่าบุตรสาวของตัวเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 344

    นางหวังเกือบโมโหอกแตกตายเพราะคำพูดนี้ หันไปมองด้วยความโมโห “หรงจือจือ เจ้าว่ากระไรนะ? เจ้าเป็นลูกสาวแต่กล้าบอกให้ข้าผู้เป็นมารดาไปคุกเข่ารับโทษอย่างนั้นหรือ?”มหาราชครูหรงอยู่ที่นี่ หรงจือจือย่อมไม่โง่เขลาที่จะเรียกอีกฝ่ายว่าฮูหยินหรงให้มหาราชครูหรงไม่พอใจนางพูดอย่างเรียบเฉยว่า “ท่านแม่ บรรพบุรุษสกุลหรงของเราล้วนแต่เป็นผู้มีศีลธรรม ต้องช่วยสยบสิ่งอัปมงคลในตัวท่านได้อย่างแน่นอน”“ที่ลูกเสนอเช่นนี้ก็เพราะเป็นห่วงสุขภาพท่าน ท่านควรรู้สึกขอบคุณจึงจะถูกนะเจ้าคะ!”นางหวังกัดฟัน เมื่อครู่นี้นางบอกให้หรงจือจือถอนตัวจากการแต่งงาน บอกว่าทำไปเพราะหวังดีและบอกให้นางรู้สึกขอบคุณ แต่แล้วตอนนี้ตัวเองกลับถูกคำพูดเหล่านี้ย้อนกลับเข้าตัว…นางมีหรือจะไม่รู้ว่าหรงจือจือกำลังเอาคืน!นางกัดฟันพูดว่า “หรงจือจือ เจ้าอย่ามาพูดเหลวไหล มีสิ่งอัปมงคลอะไรกัน? กล้าดีอย่างไรมาแช่งแม่ตัวเองแบบนี้ เจ้า…”แต่แล้วตอนนี้มหาราชครูหรงกลับพูดตัดบทด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่ว่าจะมีสิ่งอัปมงคลหรือไม่ เจ้าก็ควรไปทบทวนตัวเองที่โถงบรรพชน !”นางหวังตกใจ “ท่านพี่?”มหาราชครูหรงมองนางด้วยความผิดหวัง “เมื่อก่อนนี้ข้าคิดเพียงว

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 343

    นางไม่อยากให้นางหวังกับหรงเจียวเจียวสมปรารถนา!ขณะที่นางหวังกำลังพูดอยู่ จู่ๆ ก็เกิดความคิดอะไรบางอย่าง “เจ้าสามารถบอกท่านราชเลขาธิการไปว่า ตัวเองเป็นหญิงมั่วบุรุษ ไม่คู่ควรที่จะแต่งงานกับเขา ทั้งยังสามารถแต่งเรื่องไปว่าตัวเองเป็นกามโรค เพียงเท่านี้ ท่านราชเลขาธิการก็จะหลีกหนีเจ้าเหมือนแมลงมีพิษและละทิ้งเจ้าแล้วมิใช่หรือไร?”ถึงแม้หรงจือจือจะเลิกคาดหวังในตัวนางหวังมานานแล้ว แต่นางก็ยังหน้าซีดอยู่ดีที่ได้ยินดังนี้ครานี้ ไม่จำเป็นต้องให้นางพูดมีเสียงตวาดลั่นด้วยความเดือดดาลดังมาจากประตู “เหลวไหล! เจ้ากำลังพูดเรื่องบ้าอะไร?”นางหวังหันไปมองก็พบว่าเป็นมหาราชครูหรง ครั้นทบทวนถึงสิ่งที่ตัวเองพูดก็มีสายตาหวาดกลัว “ท่านพี่ ข้า…เมื่อครู่นี้ข้าเพียงแต่พลั้งปากไปชั่วขณะ!”มหาราชครูหรงพูดด้วยสีหน้าเขียวซีด “แบบนี้เรียกว่าพลั้งปากหรือ? หากเจ้าจะกล่าววาจาเช่นนี้ในเวลาที่พลั้งปาก เช่นนั้นก็ดื่มยาพิษให้ตัวเองเป็นใบ้ไปเลยเถอะ จะได้ไม่สร้างปัญหา!”ในใจนางหวังขื่นขม เสียใจจนดวงตาแดงพร่า ตั้งแต่ที่แต่งงานมา นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านพี่ใช้วาจารุนแรงกับนางขนาดนี้นี่ทำให้นางอดพูดอย่างขุ่นเคืองไม่ได้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 342

    ตอนนี้นางหวังมีความคิดดีๆยามนี้มีนางกำนัลเฉินอยู่ด้วย นางไม่อาจลงมือกับหรงจือจือ แต่ในฐานะมารดาแล้ว การสั่งให้หรงจือจือไปคุกเข่าที่โถงบรรพชนของสกุลหรง ต่อให้ไทเฮาทรงเสด็จมาด้วยองค์เองก็ประณามอะไรไม่ได้หรงจือจือเลิกคิ้วมองนางหวัง “ฮูหยินหรงกล่าวผิดแล้ว ผู้ที่ทำให้น้องสามขายหน้าในวันนี้ไม่ใช่ข้าสักหน่อย”“ผู้ที่ยกเรื่องการหมั้นหมายระหว่างนางกับราชเลขาธิการเฉินขึ้นมาพูดคือป้าสะใภ้สกุลหลี่ ส่วนผู้ที่ชี้แจงว่าไม่ได้จะแต่งงานกับน้องสามคือท่านราชเลขาธิการ ตั้งแต่ต้นจนจบ เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับข้ากัน?”นางหวังพูดด้วยความเกรี้ยวกราด “เจ้ายังมีหน้ามาพูดว่าไม่เกี่ยวกับตัวเองอีก! หากไม่ใช่เพราะเจ้าพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งการแต่งงานของน้องหญิงเจ้า ท่านราชเลขาธิการมีหรือจะไม่ชอบเจียวเจียวผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องไปเลือกหญิงมั่วโลกีย์ที่ผ่านมือคนอื่นมาแล้วเช่นเจ้า!”นางกำนัลเฉินขมวดคิ้ว “ฮูหยิน ระวังวาจาด้วย”นางมองว่าตัวเองเจอประสบการณ์มามาก ทว่ากลับไม่เคยเห็นมารดาคนใดดูแคลนบุตรสาวของตัวเองเช่นนี้มาก่อนหรงจือจือฟังถ้อยคำหยามเหยียดของนางหวังแล้วไม่ได้มีสีหน้าขุ่นเคืองแต่อย่างใดตรงกันข้าม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 341

    ฮูหยินอวิ๋นกำผ้าเช็ดหน้าแน่น “เอาแบบนี้เลย ประเดี๋ยวกลับไปหารือกับบิดาและพี่ชายของเจ้าแล้วค่อยว่ากัน!”วันนี้บิดาและพี่ชายของอวิ๋นเสวี่ยเซียวไปทำงานพอดี เป็นเหตุให้ไม่ได้มาด้วย“เรื่องในราชสำนักเปรียบได้กับการดึงผมเส้นเดียวกระทบทั้งตัว การแต่งงานระหว่างสองครอบครัวก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน เรื่องนี้ต้องให้บิดาของเจ้าตอบตกลงด้วย”อวิ๋นเสวี่ยเซียวกอดแขนฮูหยินอวิ๋นออดอ้อน “ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าท่านแม่ใจดีที่สุด”ทว่าฮูหยินอวิ๋นกลับรู้สึกปวดหัว “เจ้านี่นะ ดูแล้วคงจะอ่านตำรามากเกินไป ถึงได้มีความคิดพวกนี้!”หากเป็นแม่นางคนอื่น ต่อให้รู้สึกว่าอนาคตไม่สดใสก็คงก้มหน้ายอมรับชะตากรรม อย่างมากก็แค่คิดหาวิธีออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบากหลังจากแต่งงาน อวิ๋นเสวี่ยเซียวยิ้มว่า “ข้ารู้สึกว่าคุณหนูใหญ่สกุลหรงคงอ่านตำรามามากเช่นกัน นางถึงได้มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวที่จะหย่าร้าง ลูกรู้สึกนับถือในตัวนางมากจริงๆ”ครานี้ฮูหยินอวิ๋นมีอาการตื่นตกใจ “เจ้าเลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว! แค่อนุญาตให้เจ้าพูดเรื่องถอนหมั้นก็ถือว่าครอบครัวใจดีกับเจ้ามาก อย่าได้พูดเรื่องหย่าร้างอีก วันหน้าแต่งงานไปแล้วก็อย่าได้คิดเรื่องนี้”อว

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 340

    ฮูหยินอวิ๋นฉุนเล็กน้อย ขณะที่มองอวิ๋นเสวี่ยเซียวก็กล่าว “ถอนหมั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก หากข่าวแพร่ออกไปแล้ว สุดท้ายมันจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของเจ้า”อวิ๋นเสวี่ยเซียว “ก่อนหน้านี้เพราะงานขาวดำของนายหญิงผู้เฒ่าหรง เรื่องงานหมั้นยังไม่ได้ประกาศออกไปอย่างเอิกเกริกเลยไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“คิดว่าคงมีแค่สองตระกูลที่รู้เรื่อง ไม่สู้ยกเลิกงานหมั้นแบบส่วนตัว หากด้านนอกมีข่าวลืออะไร พวกเราก็บอกได้ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด”ฮูหยินอวิ๋นแตะหน้าผากของนางเบา ๆ พลางกล่าวอย่างโกรธเคือง “ข้าว่า พ่อและพี่ชายเจ้าตามใจเจ้าเกินไปเสียแล้ว คำพูดที่ไม่มีขอบเขตเช่นนี้ ยังจะกล้าพูดพล่อย ๆ ออกมาได้”“เจ้าลองดูในเมืองหลวงแห่งนี้ สตรีผู้สูงศักดิ์บ้านใด เป็นฝ่ายอยากถอนหมั้นก่อนบ้าง? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”อวิ๋นเสวี่ยเซียวท้อแท้เล็กน้อย ตอนที่นางเอ่ยปาก ความจริงก็ไม่ได้คาดหวังมากนัก บนโลกนี้มีขีดจำกัดมากมายต่อสตรี แต่บุรุษกลับผ่อนปรนเป็นอย่างมากหากในงานเลี้ยงแต่งบทกวีวันนี้คนที่ประพฤตติตัวไม่เหมาะสม และโดนดูถูกเป็นตนเอง แม้หรงซื่อเจ๋อจะถอนหมั้น ก็คงไม่มีใครตำหนิเขาแม้แต่นิดเดียว แต่สกุลอวิ๋นของนางยังต้องถูกวิพากวิจาร

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status