/ รักโบราณ / โศลกเพลิงผลาญใจ /  ตอนที่11 ของไม่สำคัญ

공유

 ตอนที่11 ของไม่สำคัญ

last update 최신 업데이트: 2025-07-17 02:59:04

            “แม่นางหลิน เจ้าคิดดีแล้วรึ”

            “แน่นอน ของพวกนี้ไม่มีประโยชน์กับข้าแล้ว ขอจูซินช่วยเอาเสื้อผ้าเหล่านี้เปลี่ยนเป็นข้าวและแป้งรวมทั้งเมล็ดพันธุ์ที่ข้าเขียนไว้ตามนี้”

            ขันทีจูซินรับกระดาษยับๆ คลี่ออกอ่านแล้วเงยหน้ามองหญิงสาวตรงหน้าที่ยิ้มหน้าเจือนอยู่ หลินอวี่เหยาเข้าใจสายตานั้นดี แต่จะทำอย่างไรได้นางไม่ได้จับพู่กันมานานมากแล้ว เรียนและทำวิจัยมักใช้ภาษาอังกฤษ เมื่อจำเป็นต้องกลับมาใช้พู่กันจุ่มหมึกก็ไม่คล่องนัก ลายมือจึงอัปลักษณ์น่าเวทนาเช่นนี้

            “ได้ ตามใจเจ้า แต่ข้าไม่รู้ว่าจะขายได้เท่าไร”

            “ได้ๆ ท่านกงกงจัดการได้เลย”

            “อย่าได้พูดให้ผู้ได้ยินเชียว”  จูซินส่ายหน้าระอาใจ นางชอบยกยอเขาเช่นนี้เสมอเพราะเกรงจะไม่ได้สิ่งของตามที่นางขอ  เขาเป็นเพียงขันทีขั้นต่ำแต่นางกลับพูดจาให้เกียรติและยังไม่เคยโวยวายอาระวาดใส่ ทั้งให้คำแนะนำเล็กๆน้อยๆ เสมอ รวมทั้งแผลในที่ร่มของเขา

            “ข้าอยู่ที่นี่ไม่จำเป็นต้องมีเสื้อผ้าหรูหราเหล่านี้”

เจ้าของร่างคงมีความหวังที่จะได้พบฮ่องเต้ หรือได้กลับคืนสู่ตำแหน่งจึงยังเก็บชุดผ้าไหมไว้หลายชุด แต่สำหรับนางในเวลานี้ ของเหล่านี้ไม่จำเป็นเลย เสื้อผ้าที่ใส่แล้วอบอุ่น เตียงนอนที่มีฟูกนอนดีๆ ที่สำคัญคืออาหาร  เรื่องดีที่นางค้นพบคือที่แห่งนี้มีสภาพอากาศที่ดีมาก นางได้สูดลมหายใจเต็มปอดและไม่ต้องตื่นมาทำงานแข่งกับเวลา เหมือนตอนนี้ได้ใช้ชีวิตลาพักร้อนจากการงานที่หนักหน่วง แต่นางไม่รู้ว่าจะไปจากที่นี่ได้อย่างไร

            “ขันทีน้อย”

            น้ำเสียงอ่อนระโหยที่ไม่ได้ยินบ่อยนักทำให้จูซินเงยหน้าจากชุดผ้าไหมล้ำค่าในมือ

            “มีอะไรรึ”

            “ทำอย่างไรข้าจะได้ออกไปจากที่นี่”

            “เจ้าอยากออกไปพบฮ่องเต้?”

            “มิใช่เช่นนั้น ข้าหมายถึงออกไปใช้ชีวิตนอกตำแหน่งเย็น เป็นคนธรรมดาสามัญผู้หนึ่งเท่านั้น”

            “เรื่องนั้น...ฮ่องเต้เป็นผู้ตัดสิน หากพระองค์ต้องการให้เจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าก็ต้องอยู่ หากต้องการให้เจ้าไป เจ้าก็ต้องไป”

            “ไม่มีหนทางอื่นเลยหรือ?”  เจ้าของร่างอยู่ตำหนักเย็นมาสองปียัง ไม่สิ ตั้งแต่ก้าวเข้าวังหลวงมายังไม่เคยได้ถวายการรับใช้เลยสักครั้ง  ได้มีโอกาสได้เห็นพระพักตร์ก็ไกลแสนไกล แต่กระนั้นก็ยังถูกใส่ร้ายป้ายความผิดจนต้องถูกส่งมาตำหนักเย็น

            “ก็มีนะ”  จูซินพยักหน้า “เจ้าก็ตายกลายเป็นศพ เช่นนี้ก็ได้ออกไปแล้ว”

            “ก็ข้ายังไม่อยากตายนี่”  นางถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ช่างเถอะๆ ข้าน้อยขอรบกวนกงกงด้วยเจ้าค่ะ”

            “ได้ๆ”

            “จริงสิ ข้าไม่เห็นสนมจื่อหนิงเลย นางยังดีอยู่หรือไม่”

            “ไม่มีผู้ใดอยากเข้าใกล้สนมเสียสติผู้นั้น”  ซูจินส่ายหน้าไปมา “นางมักอาระวาดคลุ้มคลั่ง แต่ก็น่าแปลกที่อยู่ที่นี่มาได้ตั้งสิบปี”

            “สิบปี!”  หลินอวี่เหยาไม่อยากจะคิดเลยว่าหากน้องต้องใช้ชีวิตอุดอู้ในที่นี่นานสิบปีจะเป็นเช่นไร

            “นางเคยเป็นสนมของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ข้าก็ไม่ได้รู้เรื่องของนางมากนัก รู้เพียงแค่ว่านางได้รับความโปรดปรานก็เพราะเขียนบทกวีได้ไพเราะยิ่งนัก”

            “อย่างนั้นรึ...ข้าไปพบนางได้หรือไม่”

            จูซินนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “ความจริงมีช่องแคบๆ ด้านหลังเรือน เจ้าเดินออกจากทางนั้นตรงไปก็ถึงเรือนที่สนมจื่อหนิงอยู่ แต่อย่าให้ผู้อื่นพบเห็นก็พอ”

            “ข้าทราบแล้ว ขอบคุณท่านมาก”

            หลินอวี่เหยามักกล่าวยกยอจูซินบ่อยๆ ก็จริง แต่นางให้เกียรติจูซินมาก เขาเป็นขันทีขั้นต่ำแม้แรกๆ ดูเหย่อหยิ่งแต่ก็ยอมช่วยนางหลายครั้ง เพิ่มข้าวในข้าวต้มไม่ให้กลายเป็นเพียงน้ำข้าว เมื่อนางไหว้วานอะไร แม้จะมีเสียงบ่นอิดออดแต่ก็ช่วยเหลือทุกคราไป นางจึงรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ควรค่าให้นางเคารพอย่างแท้จริง

            “อืม”  ขันทีหนุ่มพูดได้เพียงแค่นั้น ปีนี้เขาอายุสิบหก เข้าวังมาตั้งแต่อายุสิบสอง เขากับนางอายุห่างกันไม่กี่ปีแต่ตำแหน่งต่างกัน หากนางไม่ถูกส่งมาตำหนักเย็น เขาก็คงเป็นฝ่ายที่ต้องคอยก้มศีรษะให้นาง แต่เมื่อนางไร้อำนาจวาสนาจึงไม่ต่างจากสาวใช้ผู้หนึ่ง ทว่านางกลับให้ความนับถือเขา และบ่อยครั้งที่มักพูดจาเหมือนอายุมากกว่า

            จูซินได้แค่โคลงศีรษะไปมาแล้วก้าวออกมาจากเรือนของสนมหลิน แต่สายตาก็อดมองไปโดยรอบไม่ได้  หลังหิมะละลายเหมือนที่นี่เปลี่ยนแปลงไปมาก ต้นไม้ดอกไม้มาจากไหนกัน ที่แห่งนี้เคยมีของพวกนี้ด้วยหรือ?

            “มีเรื่องใดรึ”  นางถามเพราะเห็นเขายังไม่ออกไป หรือจูซินจะรู้ว่าก่อนหน้านี้นางแอบซ่อนบุรุษตัวโตไว้ แต่นางก็ทำลายหลักฐานหมดสิ้น ผ้าพันแผลที่เปื้อนเลือดก็เผาทิ้งไปหมดแล้ว

            “เปล่า” เขาโคลงศีรษะไปมา “อืม...จู่ๆ ข้าก็นึกถึงเรื่องที่ได้ยินมา”

            “เรื่องอะไร”  หญิงสาวยิ้มกว้างแววตาอยากรู้อยากเห็น ชาติก่อนทำงานไม่มีเวลา ‘ใส่ใจ’ เรื่องคนอื่น แต่ตอนนี้นาง ‘ว่าง’ มาก และยังมีเวลาเหลือเฟื้ออีกด้วย

            “ข้าได้ยินว่ากุ้ยเฟยโปรดปรานกล้วยไม้มาก ขันทีผู้หนึ่งดูแลกล้วยไม้ของกุ้ยเฟยไม่ดีถึงขนาดโดนโบยห้าสิบไม้ แต่ก็มีประกาศว่าถ้ามีคนทำให้กล้วยไม้ของกุ้ยเฟยฟื้นได้จะได้รับรางวัลอย่างงาม แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดทำได้  ข้าเห็นที่นี่เคยรกร้างแต่ตอนี้กลับเขียวชอุ่ม ซ้ำยังมีกุหลาบกับมะลิงอกงามอยู่ข้างกำแพง  ข้าก็เลย ...ช่างเถอะๆ ข้าพูดอะไรไม่คิดเอง”

            “กล้วยไม้รึ? ข้าช่วยได้นะ!”

            “เจ้าพูดอะไรออกมา”

            “ข้าไปดูเองไม่ได้ แต่ท่านไปดูแล้วมาบอกอาการข้าว่ากล้วยไม้นั้นเป็นเช่นไร ข้าจะลองวิเคราะห์ดูว่าจะทำให้มันฟื้นได้หรือไม่”

            “เจ้า...แน่ใจ”

            หญิงสาวส่ายหน้าแต่ก็ยังคงยิ้ม “ไม่เห็นอาการ วินิจฉัยไม่ได้ ต้องเห็นก่อนถึงจะบอกได้”

            ในโลกปัจจุบันถูกปู่หลินเรียก ‘อัจฉริยะน้อย’  กว่าจะได้คำนี้มาผ่านการเคี่ยวกร่ำอย่างหนัก  นางจำได้ว่าหลายคนเย่อยออย่างไร เทพมือเย็นฟื้นชีพต้นไม้ใกล้ตายมีชีวิตอีกครั้ง

            “ข้าขอคิดก่อน หากทำไม่สำเร็จ ข้าก็เกรงว่าตนเองจะถูกโบย”

            “ข้าเข้าใจ ท่านไปเถิด”

            หญิงสาวมองบานประตูที่ปิดลงแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ ใครบอกว่านางมีเวลาว่างมากนักเล่า ยังมีหลายอย่างที่ต้องทำ  นางไม่กล้าใช้ทองคำที่ชายผู้นั้นมอบให้ ขณะที่หาที่ซ่อนสมบัติชิ้นแรกอยู่นั้นก็พบชุดกระโปรงผ้าไหมงดงามหลายชุดถูกพับเก็บดูแลอย่างดี  เป็นหญิงย่อมชอบของสวยงามแต่เวลานี้ของเหล่านี้ไม่จำเป็นอีกแล้ว ระหว่างเอาเม็ดทองไปขายกับเสื้อผ้า นางตัดใจจากเสื้อผ้าเหล่านี้ได้

            ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นจะดูแลบาดแผลของตนดีหรือไม่ หวังว่าจะไม่ทำให้แผลที่นางเย็บไว้ปรินะ

           

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่ 63 เดิมพัน1

    ฝันอีกแล้ว หลินอวี่เหยานวดขมับ...ฝันอะไรไม่รู้ ตื่นมามึนงงและจำไม่ได้ทุกที หลังจากฝึกคัดอักษรโบราณมานาน หลินอวี่เหยาก็มั่นใจในลายมือของตนมากยิ่งขึ้น นางสรุป ‘ความน่าจะเป็น’ เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น หลังภัยแล้งเกิดน้ำท่วมหนักได้ เนื่องจากพื้นดินที่แห้งแล้งแข็งกระด้างจะดูดซับน้ำฝนได้ช้าลง ทำให้น้ำไหลบ่าท่วมพื้นผิวอย่างรวดเร็ว แทนที่จะซึมลงดิน นอกจากนี้ ภัยแล้งทำให้หน้าดินแห้งและพังทลายง่าย เกิดเป็นตะกอนที่อุดตันทางระบายน้ำ เมื่อมีฝนตกหนัก น้ำจึงไม่สามารถระบายได้ทัน เกิดเป็นน้ำท่วมขังในที่สุด หลายวันมานี่เอาแต่หมกตัวอยู่ในเรือน อ่านบันทึกต่างๆ และสรุปออกมา จากบันทึกที่นางอ่านมาหลายเล่ม ในรอบสิบปีฝู่หม่าจะเกิดภัยแล้งอย่างหนักจากนั้นก็ฝนตกแต่เพราะแล้งมานานจึงกลายเป็นน้ำท่วม ‘ความน่าจะเป็น’ บอกได้ว่าอีกไม่นานจะเกิดฝนตกแล้ว นางไม่อาจพยากรณ์อากาศได้แม่นยำ แต่อย่างไรก็ควรแจ้งให้แม่ทัพเยี่ยหรงรู้ก่อน นั่งทำงานอยู่นานติดต่อกันหลายวัน แม้แต่เฉิงฮัวกับซูจินยังเป็นห่วง แต่การทำแบบนี้ทำให้คิดถึงตอนที่ทำงานวิจัยไม่มีผิด อ้อ! ต่างก็ตรงที่ไม่ได้เข้าห้องแล

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่62 ดอกบัวน้อย 4

    ซ่งเหอเทียนจวินนั่งมองอาหารตรงหน้าแล้วปรายตาไปมองถาดเล็กๆ ของเจ้าเสือดำที่รูปร่างใหญ่กว่าแมวเล็กน้อย การกินอาหารเป็นความรื่นรมย์อย่างหนึ่งและนังหนูเหยาเหยาก็ฝีมือในการทำอาหารหญิงสาวมองตามสายตาของอาจารย์ปู่แล้วก็อธิบายด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ข้านึกว่าเป็นแมวจึงทำอาหารจากเนื้อปลา แต่ดูเหมือนไม่ถูกปากเอาเสียเลย พอรู้ว่าเป็นเสือดำก็เลยลองเปลี่ยนเป็นเนื้อไก่เจ้าค่ะ”“เจ้าดูแลมันดีเกินไปหรือไม่ อย่างไรก็แค่ปีศาจตนหนึ่งกินของดีๆไปก็ไม่เกิดประโยชน์ใดหรอกนะ” พูดแล้วก็นึกเสียดายไก่นึ่งใบบัวตัวนั้นจริงๆ“อาจารย์ปู่ก็เป็นเซียนสมุนไพร ไม่ต้องกินอาหารก็ได้ แต่ท่านก็ยังชอบกินเลย”ซ่งเหอเทียนจวินกลอกตาไปมาอย่างไม่พอใจแล้วก็มองจานเบื้องหน้าที่เป็นปลาทอด “อย่าบอกว่าปลานี่คือปลาที่เจ้าแมวนั้นไม่กิน!”“เหยาเหยาจะทำอย่างนั้นได้อย่างเล่า” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ “ปลากะพงผัดโหงวก๊วย อาจารย์ปู่เคยบอกว่าชอบมาก เหยาเหยาจึงทำให้ ส่วนปลาที่เจ้าแมว เอ่อ เสือดำน้อยไม่กินนั้น เหยาเหยากินเองเจ้าค่ะ”“แล้วไป”เสียงหัวเราะคิกคักทำให้เสือดำทำหน้าไม่พอใจนัก แต่เมื่อมือเรียวใช้ตะเกียบคืบเนื้อไก่แล้วจ่อที่ปากของมัน กลิ่นหอมเ

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่61 ดอกบัวน้อย 3

    “เหยาเหยาเอ๋ย ที่เจ้ารักษาอยู่หาใช่แมวดำ แต่เสือดำต่างหาก” “สะ..เสือ...เสือดำ? เสือดำหรือเจ้าคะ” หญิงสาวเอียงคอมองเจ้าขนฟูตัวนุ่มที่นางอุ้มมารักษา ผ่านมาสามวันแล้วบาดแผลของมันดีขึ้นมาก ประจวบกับซ่งเหอเทียนจวินกลับมาที่สวนเสียนเฉ่า “เหยาเหยาถูกปีศาจหลอกเสียแล้ว” “ปีศาจ?” นางเบิกตากว้างจ้องมองเสือดำที่เข้าใจมาตลอดมันคือแมวดำ มิน่าน่าตัวมันถึงได้ใหญ่กว่าแมวทั่วไปนัก “เจ้านี่เป็นปีศาจหรือเจ้าคะ” “เก็บไอปีศาจได้อย่างดี หรือว่าบาดเจ็บหนักจนไอปีศาจเลือนหายไปล่ะ” ซ่งเหอเทียนจวินหัวเราะในลำคอแล้วยื่นปลายนิ้วไปหมายจะแตะหน้าผากเสือดำ แต่เจ้าปีศาจตัวจ้อยแยกเขี้ยวขู่แล้วถอยไปหลบข้างหลังเหยาเหยา “อาจารย์ปู่อย่าแกล้งเจ้าแมวน้อย เอ่อ เสือดำน้อยเลยเจ้าค่ะ” หลายวันที่อยู่ด้วยกัน เหยาเหยาเอาแต่เรียกมันว่าแมวน้อย นางไม่อยากตั้งชื่อเพราะกลัวการผูกพัน “เหยาเหยาชอบเจ้าเสือดำตัวน้อยนี่รึ” ซ่งเหอเทียนจวินลูบหนวดเคราสีเงินยวงของตนพลางยิ้มน้อยๆ ดวงตาจ้องมองปีศาจเสือดำตัวน้อย “ถ้าเหยาเหยาชอบ อาจารย์ปู่จะร่ายมนต์ทำพันธะสัญญาใ

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่60

    “ตั้งแต่ข้าน้อยติดตามท่านแม่ทัพมา...หลายปีมานี้นับว่าคืบหน้ามากแล้ว คิดว่าอีกไม่นานท่านแม่ทัพคงได้รู้ความจริง” เยี่ยหรงเก็บงำความคิดของตนไว้เพียงผู้เดียว เขารู้ดีว่าท่านพ่อท่านแม่ล้วนต้องการให้เขา ‘ปล่อยวาง’ เรื่องที่ผ่านมา แต่เป็นเขาที่ไม่อาจปล่อยวางได้ เหมือนคนที่ถูกตรวนด้วยโซ่ที่มองไม่เห็น เขาเพียงแค่อยากรู้ว่าทำไมจึงมีคนต้องการชีวิตของกับมารดาทั้งที่เขายังเป็นเพียงก้อนเลือดในครรภ์เท่านั้น เสียงถอนหายใจแม้เพียงแผ่วเบาแต่กระทบโสตประสาทการรับรู้ของเยี่ยหรง ดวงตาดำปรายตามองเพียงเล็กน้อยก็ทำเอาหลูจิ่งเซวียนผวาเล็กน้อย แม้เขาเป็นเพียงหมอทหารแต่เพราะรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังของท่านแม่ทัพมานาน อาจไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนสนิทแต่ก็เป็นคนที่แม่ทัพเยี่ยไว้ใจ แต่นั้นก็ยิ่งทำให้รู้ว่า ภายใต้ท่าทีนิ่งเงียบนี้ซ่อนความโหดเหี้ยมไว้ “อยากพูดอะไรก็พูดมา” เยี่ยหรงเอ่ยแล้วก้าวเท้าเดินด้วยฝีเท้ามั่นคง “ท่านแม่ทัพเคยคิดหรือไม่ว่า....มารดาของท่านอาจเป็นสนมหรือนางกำนัลของฮ่องเต้พระองค์ก่อน” “หรืออาจจะเป็นเพียงคนไม่สำคัญที่เกะกะขวางหูข

  • โศลกเพลิงผลาญใจ   ตอนที่59

    ‘เพราะครั้งนี้ไม่ได้ไปรบ และเพราะขอสนมของฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้ทรงหวาดระแวงอนุญาตให้นำทหารติดตามไปได้แค่ห้าร้อยนาย...เจ้าต้องจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง ใช้สติให้มาก’ เยี่ยเฟยฮุ่ยอบรมบุตรชายคนเล็ก ทำได้แต่แค่ส่ายศีรษะไปมาจนใจกับความดื้อรั้นของบุตรชายคนเล็กผู้นี้แล้ว ‘ลูกทราบแล้วขอรับ’ เขาก้มศีรษะรับคำสั่งสอนแล้วหันไปพูดคุยกับพี่ชายทั้งสอง ‘ฝากดูแลท่านแม่ด้วย’ ‘วางใจเถอะ เจ้าทำหน้าที่ของตนให้สำเร็จลุล่วงเถิด’ ‘ท่านแม่...หากว่ามีคนมาขอความช่วยเหลือ ขอท่านแม่เมตตาช่วยตามสมควร หรือมีสิ่งใดโปรดให้ม้าเร็วส่งข่าวถึงลูกด้วย’ ‘เจ้าก็อย่าได้เป็นกังวลไป เรื่องทางนี้แม่จัดการให้ได้’ ‘ยังจะมีหน้าห่วงสตรีอีกเรอะ! ที่ต้องลำบากเช่นนี้ก็เพราะผู้หญิงคนนั้น อยากเห็นหน้าเสียจริงว่าเป็นคนเช่นไร’ เยี่ยเฟยฮุ่ยอดหงุดหงิดไม่ได้ แต่ภรรยาของตนกลับหัวเราะออกมา ‘ข้าเป็นแม่ยังไม่กังวล ท่านพี่จะเป็นทุกข์ร้อนไปไย’ เย่าเฉินตบหลังมือของสามีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายสิบปี ‘หรงเอ๋อร์ของเรารู้จักห่วงใยสตรีแล้ว ย่อมเป็นเรื่องดี’

  • โศลกเพลิงผลาญใจ    ตอนที่ 58 ตบหน้า2

    เพียะ!กว่าหลินอวี่เหยาจะได้สติ ซีกแก้มนวลก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและความเจ็บมาแทนที่ หญิงสาวผสานสายตากับดวงตาโกรธเกรี้ยวที่จ้องมองอยู่ มือที่ง้างข้างในอากาศยังสั่นระริก หลินอวี่เหยามั่นใจว่าไม่เคยพบสตรีผู้นี้รวมทั้งความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนราวกับเพิ่งรู้สึกตัว องค์หญิงเซวียนจิ้งหว่านพลันได้สติ แม้แต่นางกำนัลข้างกายยังตกใจเพราะปกติแล้วเซวียนจิ้งหว่านมักเก็บงำความรู้สึกของตนเองมิดชิด ไม่ลงไม้ลงมือด้วยตนเองแต่สั่งให้นางกำนัลข้างกายหรือแม่นมเป็นคนจัดการแทน ภาพลักษณ์ของเซวียนจิ้งหว่านคือองค์หญิงผู้งดงามอ่อนหวาน ไม่เคยมีผู้ใดเห็นด้านมืดของนางหลินอวี่เหยาสูดลมหายใจลึก ดวงตากลมหรี่มองอีกฝ่ายแล้วเอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ“ข้าจำไม่ได้ว่ามีเรื่องใดบาดหมางกับท่าน”“นังแพศยา! เจ้าใช้เล่ห์กลใดล่อลวงแม่ทัพเยี่ยหรง!”ได้ยินเท่านี้ คิ้วเรียวงามก็เลิกขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมา “อ่อ...เป็นเรื่องแม่ทัพเยี่ยหรงเองหรอกรึ”“เจ้า!” เซวียนจิ้งหว่านกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ นางง้างฝ่ามือแล้วฟาดใส่อีกฝ่าย ทว่าหลินแค่เบี่ยงตัวหลบมิได้ตอบโต้แต่อย่างใด ทว่าทำให้องค์หญิงเสียหลักล้มลงไปนั่งบน

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status