LOGIN“คุณหลินนี่สุดยอดไปเลยครับ สมแล้วกับที่เป็นลูกศิษย์ของศาสตราจารย์หลินเฉินอี้”
“ทำไมเหรอคะ”
“ก็เก่งทั้งบุ๋นทั้งบู๊ยังไงครับ ฮะฮ่า คุณหลินเดินป่าขึ้นเขาชำนาญมากพอๆกับพวกผมเลยนะครับ ได้ยินว่า ศาสตราจารย์หลินเองก็เก่งกาจไม่ใช่ศาสตราจารย์ที่นั่งทำงานในห้องแลป แต่ชอบลงพื้นที่ตามหาพันธุ์ไม้หายากต่างๆ ด้วยตนเอง”
หลิวอวี่เหยาได้แต่ยิ้มแล้วหยิบกระติกน้ำของตนออกมาดื่ม เธอหยุดแล้วเหลียวมองรอบตัว ต้นไม้ใหญ่ขึ้นสูงตระหง่านราวกับจะบดบังไม่ให้เห็นท้องฟ้า คนที่เดินป่าในภูเขาลักษณะนี้ต้องใช้ความชำนาญอย่างสูง
“ตระกูลเยี่ยร่ำรวยขนาดครอบครองภูเขาทั้งลูกได้ ถ้าเขารวยจริงทำไมไม่มอบให้เป็นรัฐไปเสียล่ะคะ”
“จุ๊ๆ คุณหลินอย่าเสียดังไป” ผู้ช่วยที่ทำหน้าที่ผู้นำทางเอ่ยขึ้นแล้วเหลียวมองไปยังคณะเดินทางคนอื่นๆ ที่อยู่ห่างกันไม่กี่ก้าว “ตระกูลเยี่ยมีอิทธิพลในเมืองนี้มาก ความร่ำรวยของพวกเขาไม่ได้มาเล่นๆ ซ้ำยังระดับมหาเศรษฐี ไม่สิ ต้องเรียกอภิมหาเศรษฐี”
“ก็แล้วยังไงล่ะคะ ยิ่งรวยก็ไม่น่าจะขี้เหนียวแค่ภูเขาลูกเดียวยกให้ทางการไปเถอะค่ะ นี่จะเข้าจะออกต้องทำหนังสือขออนุญาต ถ้าเกิดเราค้นพบกล้วยไม้บรรพกาลจริง เขาไม่บอกว่าเป็นของเขารึไง”
“ที่ภูเขาลูกนี้ยังอุดมสมบูรณ์ก็เพราะตระกูลเยี่ยครอบครองนี่แหละครับ คนอื่นเลยไม่กล้าเข้ามาหาผลประโยชน์ แต่ชาวบ้านก็เข้ามาหาของป่าได้ปกติครับ ภายใต้เงือนไขที่ต้องไม่ทำลายสภาพแวดล้อม อ้อ! วันนั้นเราคุยกันเรื่องขลุ่ยซุน เอาไว้ลงเขาแล้ว ผมพาคุณหลินไปเยี่ยมชมการทำขลุ่ยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
หลินอวี่เหยาลงหลังมือขึ้นเช็ดเหงื่อ แล้วเก็บกระติกน้ำเตรียมตัวเดินเท้าต่อ เธอก็เป็นนักพฤษศาสตร์ที่ไม่ชอบอยู่ห้องแลปเช่นเดียวกับคุณปู่หลิน แต่ก็ไม่ปฏิเสธความก้าวหน้าในสายอาชีพของตน แต่เพราะเธอรู้ดีว่าลับหลังเธอนั้นก็ถูกนำไปนินทาต่างๆนานา เธอเป็นศิษย์รักคนโปรดของปู่หลิน มีหลายบริษัทชั้นนำติดต่อให้เธอร่วมงานด้วย โดยเฉพาะด้านสมุนไพรจีนซึ่งตอนนี้เป็นที่นิยมของตลาดโลก สูตรยาโบราณแพร่กระจายไปในโลกโซเซียลซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจสอบ เธอซึ่งเป็นนักพฤษศาตร์ หรือก็คือนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพืช รวมถึงโครงสร้าง การเจริญเติบโต การสืบพันธุ์ การทำงาน การจำแนกประเภท วิวัฒนาการ และความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม พวกเขาทำงานวิจัยและศึกษาพืชหลากหลายชนิด ตั้งแต่สาหร่าย เห็ดรา ไปจนถึงต้นไม้ใหญ่ จึงถูกทาบทามเข้าร่วมงานวิจัยอยู่บ่อยครั้ง ชื่อเสียงที่เธอมีได้มาจากความสามารถแต่ก็แน่นอนว่าถูกนินทาว่าร้ายว่าได้เพราะเป็นคนโปรดของปู่หลินและหน้าตาดี
เกิดมาสวยก็มีความผิดด้วยนะ หลิวอวี่เหยาส่ายหน้าไปมา เธอไม่ได้อยากผอมเสียหน่อย มันผอมเองตั้งแต่อยู่บ้านเด็กกำพร้าแล้ว
หลินอวี่เหยาเป็นผู้หญิงคนเดียวในคณะสำรวจครั้งนี้ ตั้งแต่เธอเดินทางถึงที่พักและประชุมการทำงานกับทุกคน แรกทีเดียวพวกเขาค่อนข้างกังวลว่ารูปร่างบอบบางอย่างเธอจะขึ้นเขาไม่ไหว แต่เมื่อเดินทางจริง ทุกคนยอมรับในความสามารถของเธอ ที่ผ่านมาเธอต้องใช้ความพยายามและความสามารถมากกว่าคนอื่นไม่รู้กี่เท่า สิ่งที่เธอเพียงพยายามนั้นไม่มีใครเห็น จึงมักเอาไปพูดว่าร้ายเธอต่างๆ แรกๆ ปู่หลินพูดแก้ต่างให้เธอบ่อยมาก แต่ยิ่งคุณปู่ทำเช่นนั้นมากขึ้นเท่าไหร่ สายตาดูแคลนของคนอื่นก็มากขึ้นเท่านั้น ความสามารถเท่านั้นที่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ดีที่สุด
“คุณหลิน ยังไหวไหมครับ ข้างหน้ามีศาลาสามารถนั่งพักที่จุดนั้นได้”
หญิงสาวยกมือทำท่า OK. แล้วเดินตามผู้ร่วมงานไปที่ศาลาแปดเหลี่ยมทรงโบราณ เธออดแหงนหน้ามองไม่ได้ ใครกันช่างมีอารมณ์สุนทรีย์สร้างศาลาให้นั่งพักชมทิวทัศน์ได้ขนาดนี้ อ้อ! ลืมไป นี่เป็นที่ดินของตระกูลเยี่ยนี่นะ
เสียงขลุ่ยแว่วผสานกับเสียงนกร้องในป่าทำให้หญิงสาวเหลียวมองรอบกาย ตั้งแต่มาเยือนที่นี่ เธอได้ยินเสียงขลุ่ยบ่อยครั้งขึ้น เดิมทีนั้นนานๆ จะได้ยินสักครั้ง หรือบางครั้งก็เหมือนหลับฝันไป ฝันว่าตนเองอยู่ในที่หนาวเย็นและมืดมิด เธอไม่เคยจำความฝันเหล่านั้นได้เลย แต่ทุกครั้งที่เธอลืมตา น้ำตาจะเปื้อนเปรอะนวลแก้ม
‘มันอาจเป็นประสบการณ์ในวัยเด็ก หรือก็คือช่วงที่คุณสูญเสียพ่อแม่ไป กระทบกระเทือนจิตใจจึงมีอาการเช่นนี้’
นั้นเป็นประโยคของจิตแพทย์ที่เธอเคยเข้ารับการรักษา นานวันเข้าเธอก็ล้มเลิกที่จะทำให้มันหายไป เพราะอย่างไรเธอก็ไม่เคยจำความฝันนั้นได้เสียที
“คุณหลินเดินป่าบ่อยหรือครับ ดูชำนาญเชียว” ผู้ร่วมงานเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง
หญิงสาวได้แต่ยิ้มไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ขณะที่กำลังจะเดินไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ ที่นั่งในศาลาอยู่นั้น พลันสายตาเธอเห็นผีเสื้อปีกสีน้ำเงินบินอยู่ไม่ไกลนัก เธอหยิบกล้องถ่ายภาพดิจิตอลแล้วเดินตรงไปที่ผีเสื้อตัวนั้น
“คุณหลินไปทำอะไรน่ะ”
“เธอชอบถ่ายภาพ” เจ้าหน้าที่อีกคนตอบคำถามแทน “เห็นว่าเคยแสดงนิทรรศการภาพถ่ายด้วยนะ”
“สวย เก่ง มากความสามารถ แต่มากไปก็ไม่มีใครกล้าจีบสินะ”
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง”
“ผู้หญิงที่ไหนจะมาเดินป่ากับผู้ชายเป็นขโยงแบบนี้”
“อย่าพูดดังไป เธอเป็นหลานศาสตราจารย์หลินเฉินอี้”
“ศาสตราจารย์หลินเฉินอี้ไม่ได้แต่งงานไม่ใช่เหรอ ทำไมมีหลานสาวตัวโตขนาดนี้”
“ลูกสาวของศิษย์รักที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ท่านรับคุณหลินมาอุปการะและให้ใช้แซ่หลินเดียวกับท่าน”
“ไม่ใช่ญาติกันทางสายเลือด แต่เก่งกาจถอดแบบกันมาเลยทีเดียว มิน่าเล่าใครๆ ก็คิดว่าเป็นหลานแท้ๆ ของศาสตราจารย์หลินเฉินอี้”
หลินอวี่เหยาชินชากับคำพูดเหล่านั้นแล้ว เธอยกกล้องดิจิตอลที่พกติดตัวมาถ่ายภาพผีเสื้อสีสวย ขณะนั้นเธอได้ยินเสียงขลุ่ยผสานกับเสียงบทกวีดังแว่วอยู่ข้างหู ประหลาดจริง เธอมันจะได้ยินตอนที่หลับฝันนี่นะ หรือเธอกำลังฝันว่าเดินป่า?
นี่ฝันหรือความจริง
“คุณหลินระวัง!”
คำเตือนนั้นไร้ความหมาย ร่างเล็กลื่นไถลตกเขาร่วงหล่นไปต่อหน้าต่อตานักสำรวจ!
เยี่ยหรงอ่านจดหมายที่ถูกส่งมาให้ คนที่บ้านรู้แล้วว่าออกรบครั้งนี้เขาได้รับบาดเจ็บหนัก ต้องการให้เขากลับไปพักฟื้นที่บ้าน ปีหนึ่งเขากลับบ้านกี่ครั้งเชียว เอาจริงๆ แล้ว เขารู้สึกว่าค่ายทหารต่างหากที่เขาเรียกว่าบ้านได้เต็มปากเต็มคำ ชายหนุ่มออกจากโรงพยาบาลกลับมานอนพักฟื้นที่ค่ายทหารแล้ว แม้คนอื่นจะคัดค้านอยากให้เขอยู่โรงพยาบาลให้นานกว่านี้ เขารู้ตัวดีว่าพักไม่กี่วันก็ดีขึ้นไม่รู้จะไปแย่งที่นอนคนเจ็บป่วยคนอื่นเพื่ออะไรกัน อีกอย่างเขาก็...ขัดเขินทุกครั้งที่พยาบาลสาวคนนั้นมาทำแผลให้เขา ร่างกายเขาดันมีปฏิกิริยาตอบสนองกับเธอเสียด้วย ปกติเรื่องพวกนี้เขาควบคุมตัวเองได้ดีเยี่ยม แต่ไม่รู้ทำไม...ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งอับอาย เขาพับจดหมายใส่ซองตามเดิมแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ใช้ชีวิตทหารมาหลายปี ไต่เต้าด้วยตัวเอง เขาต้องการถูกยอมรับจากความสามารถของตัวเอง ตอนนี้เป็นร้อยเอกเยี่ยหรงแห่งค่ายทหารหน่วยที่ 308 อีกไม่นานเขาก็ได้เลื่อนยศแล้ว ขณะที่ใจลอยคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น สายตาก็เห็นหญิงสาวปั่นจักรยานเก่าๆ เข้ามาในเขตทหาร เขาเพ่งมองอย่างหงุดหงิดเพราะพื้นที่
แรงตีที่ข้อมือไม่ได้ทำให้เขาเจ็บแต่เรียกให้เขาได้สติ ชายหนุ่มรีบปล่อยมือทันทีทำให้หญิงสาวในชุดพยาบาลถอยห่างออกไปสองก้าว “สมกับเป็นผู้บัญชาการเยี่ยจริงๆ” อวี่เหยายกมือลูบลำคอของตน แต่ก็ต้องตกใจทีเห็นเขายันกายขึ้นนั่งและทำท่าจะดึงสายน้ำเกลือออก “อย่าค่ะ! ถ้าคุณดื้อฉันจะมัดคุณไว้กับเตียงนะ!” มีชีวิตอยู่มาตั้งอายุขนาดนี้เพิ่งเคยได้ยินคนขู่เขาแบบนี้เป็นครั้งแรก เยี่ยหรงจ้องมองหญิงสาว เธอสวมชุดพยาบาลและที่นี่คงเป็นโรงพยาบาลแน่นอน พลันนึกได้ว่าเมื่อครู่เขาพลั้งมือทำร้ายเธอไป “....” เยี่ยหรงขยับปากแต่ไม่มีเสียง พยาบาลสาวเห็นสีหน้าของคนเจ็บก็เข้าใจทันที เธอขยับเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องกลัวนะคะ ตอนผ่าตัดใส่เครื่องช่วยหายใจ คุณเลยเจ็บคออยู่ ทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้นค่ะ คุณนั่งนิ่งๆ อย่าดึงสายอะไรออกอีกนะ ฉันจะไปตามคุณหมอแล้วเอาน้ำมาให้คุณดื่ม” ร่างเพรียวบางหมุนตัวจากไปทันที เยี่ยหรงได้แต่ทำตามอย่างว่าง่าย อยากจะหัวเราะที่เขาตัวโตขนาดนี้แต่ถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ ดุเอาเสียได้ ไม่กี่นาทีต่อมาคุณหมอก็สาวเ
ร้อน! เปลวไฟกำลังโหมกระหน่ำอย่างหนัก ร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านท่ามกลางเปลวเพลิง เสียงวูบวาบทั่วทุกทิศทาง ผู้คนวิ่งชนหนีตายอลหม่านแต่เขายังยืนนิ่งงัน ทว่าในสมองคล้ายได้ยินเสียงแว่วอยู่ข้างหู คล้ายใครบางคนอ่านบทกวีแสนเศร้าให้ฟัง “ผู้บัญชาการ!!!” เสียงตะโกนเรียกทำให้เขาได้สติ สหายร่วมรบถูกสะเก็ดระเบิด เขาไม่รอช้าแบกคนเจ็บขึ้นหลังทันที “ปล่อยผม! ทิ้งผมไว้ที่นี่” “ฉันสัญญากับแม่นายแล้วว่าจะพานายกลับบ้าน ก็ต้องทำตามสัญญา” เขากัดฟันทั้งที่ตัวเองก็บาดเจ็บไม่น้อย ในสนามรบที่เต็มไปด้วยทหารทั้งสองฝ่าย เสียงปืนดังรัวไม่ขาดสาย และระเบิดเป็นระยะๆ เขาแบกร่างของเพื่อนร่วมกองรบวิ่งกลับมาที่บังเกอร์ได้สำเร็จ “ผู้บัญชาการเยี่ย ท่านจะไปไหนอีกครับ” ลูกน้องถามเมื่อเห็นว่านายกองคว้าปืนยาวของสหายร่วมรบมาถือไว้ “จัดการพวกมันนะสิ” “ผู้บัญชาการ คนของเราเหลือแค่ไม่กี่คนแล้ว รอกองหนุนไม่ดีกว่าหรือครับ” “พวกนายอยู่นี่ ฉันไปจัดการเอง” “ผู้บัญชาการ!!” ความบ้าระห่ำของผู้ชายคนนี้ท
ห้าปีต่อมา คฤหาสน์ตระกูลเยี่ยมีเสียงหัวเราะของเด็กน้อย เด็กชายวัยสามขวบวิ่งถลามาหาหญิงสาวที่นั่งพิมพ์เอกสารอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊ค เสียงร้องตกใจของคนรับใช้ทำให้หลินอวี่เหยาเงยหน้าขึ้นจากงานตรงหน้า ทว่าลูกชายยังมาไม่ถึงก็ถูกมือใหญ่ของคนเป็นพ่อคว้าคอเสื้อไว้ได้ทัน “ฮ่าวหมิง อย่ากระโจนใส่แม่แบบนั้นสิ” เยี่ยหรงเพิ่งกลับจากบริษัทพอดี เขาอุ้มลูกชายนั่งบนท่อนแขนแล้วอบรม “แม่อุ้มท้องน้องสาวอยู่ ถ้าลูกไปกระแทกท้องของแม่ก็กระทบกระเทือนถึงน้องสาวด้วย ลูกเข้าใจไหม” “ฮ่าวหมิงแค่อยากเล่นกับน้องสาว” เสียงเจื้อแจ้วเอ่ยตอบพร้อมดวงตากลมโตจ้องมารดา “เดือนหน้าก็ได้เจอหน้าน้องสาวแล้ว” คนเป็นพ่ออุ้มลูกชายแล้วเดินมานั่งข้างคนรักแล้วโน้มตัวลงมาอบรมคนเป็นแม่อีกคน “เดือนหน้าคุณก็จะคลอดแล้ว ยังทำงานอยู่อีก” “ฉันท้องไม่ได้ป่วยเสียหน่อย” หลินอวี่เหยาหัวเราะเสียงใส แต่ปลายนิ้วยังพร่างพรมบนคีย์บอร์ด จนกระทั่งเธอกดปุ่มเอ็นเทอร์และเซฟไฟล์งาน“เย่! เสร็จเรียบร้อยเสียที” “เย่ๆ” ฮ่าวหมิงร้องดีใจแม้ไม่เข้าใจว่าแม่ดีใจเรื่องอะไร
“อืม...” หญิงสาวรับคำแล้วยกมือขึ้นแตะแก้มของเขา “ทำไมคุณโง่แบบนี้ ไม่ต้องช่วยฉันก็ได้ คุณเจ็บเพราะถูกกระบี่เทพสวรรค์แทงทะลุหัวใจ แล้วยังถูกเง็กเซียนฮ่องเต้ลงโทษอีก” ดวงตาของชายหนุ่มมีหยาดน้ำเอ่อคลอ “วันที่ฉันตกเขาไปครั้งนั้น ดวงวิญญาณในร่างนี้ทะลุมิติไปในชาติที่คุณคือแม่ทัพเยี่ยหรง” หญิงสาวยิ้มเศร้าเคล้าน้ำตา “ฉันตายในชาตินั้นก็กลับมาที่นี่ ได้พบคุณอีกแล้ว” “ผมขอโทษ” เขากอดร่างบอบบางทั้งที่ตัวเองก็สั่นสะท้าน “ผมรู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้คุณเจ็บปวด ผมเห็นแก่ตัว แต่ชีวิตผมขาดคุณไม่ได้” มือเล็กดันแผ่นอกเขาเบาๆ รับรู้ว่าเขาก็กลัวไม่ต่างกัน เธอดันเขาออกแล้วพูดเสียงสั่นเครือ “ใช่ คุณคือสิ่งที่ฉันหวาดกลัวที่สุด แต่คุณก็คือความสุขที่สุดในชีวิตฉัน ไม่ว่าจะมีเวลาอยู่ด้วยกันกี่นาทีหรือกี่ชั่วโมง มันก็คือความสุขที่ฉันยินดีรับไว้แม้จบอย่างเจ็บปวดก็ตามที” เธอวางมือตรงหัวใจของเขาแล้วยิ้มทั้งน้ำตา “เยี่ยหรง...คุณจะแต่งงานกับฉันไหมคะ” “เหยาเหยา...” “หลังจากนี้เ
จู่ๆ สายลมก็พัดแรง แรงจนสะพานแกว่งเหมือนมีมียักษ์มาแกว่ง หลินอวี่เหยาตัวเอียงไปมาจนร่างเซไปด้านหนึ่งของสะพาน เยี่ยหรงอยู่ด้านหลังแค่สองก้าวแต่เหมือนห่างไปสิบเมตร กระแสลมพัดแรงไม่ปกติ แม้รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นแต่สำหรับเขาไม่ปกติแน่นอน ทุกคนที่ก้าวข้ามไปแล้วถูกกระแสลมพัดแรงจนพวกเขาต้องหาที่ยึดเกาะ เพราะสะพานที่แกว่งไปมา ร่างเล็กเสียหลักหงายหลังตกสะพานแขวน!“เหยาเหยาระวัง!”“กรี๊ด!”เขายื่นมือไปสุดแขนแต่คว้ามือเธอไม่ทัน ร่างของหญิงสาวร่วงลงสู่แม่น้ำด้านล่าง เยี่ยหรงไม่รอช้าเขากระโดดตามไปทันที ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน ครู่หนึ่งลมสงบแล้วหานเหยียนจึงวิ่งมากลางสะพานแล้วก้มมองลงไป เห็นเพียงเงาร่างเล็กๆ อยู่ในแม่น้ำ“บ้าเอ๊ย!” หานเหยียนสบถแล้วใช้โทรศัพท์ผ่านดาวเทียมสั่งการทันที “ใช้เฮลิคอปเตอร์ออกสำรวจปลายน้ำ เร็ว!”หานเหยียนสั่งการเฉียบขาด เขาให้คนอื่นๆ ดูแลทีมนักสำรวจที่เหลือ ส่วนตัวรีบหาทางไปที่ปลายแม่น้ำทันทีทำไมต้องมีเรื่องเช่นนี้กับเกิดท่านแม่ทัพของเขาด้วยนะ จะมีสักชาติไหมที่ทั้งสองได้ใช้ชีวิตครองคู่กันอย่างปกติสุขร่างเล็กร่วงลงในแม่น้ำอย่างรวดเร็ว เร็วจนหลินอวี่เหยาไม่







