Home / โรแมนติก / โอบฟ้ามาห่มดิน / บทที่ 3 ของแทนใจ - 25%

Share

บทที่ 3 ของแทนใจ - 25%

last update Last Updated: 2025-05-25 13:05:49

นฤบดินทร์เดินเข้าไปยืนขนาบข้างพราวนภาแต่สายตาจดจ้องอยู่ที่เพื่อนชายของเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะมองเลยไปที่หญิงสาวโดยไม่พูดอะไร เขาอยากรู้ว่าพราวนภาจะแนะนำเขาให้เพื่อนของเธอรู้จักหรือไม่ และจะแนะนำว่าเขาเป็นพี่ชายข้างบ้านหรือว่าน้าชาย เพราะกับกลุ่มเพื่อนสาวคนสนิทของเธอที่เคยพากันมาให้เขาติวคณิตศาสตร์ให้ พราวนภาแนะนำว่าเขาคือพี่ชายข้างบ้าน

พราวนภาหันมายิ้มให้เขาก่อนจะพูดกับเพื่อนชายคนนั้นว่า “บีม นี่น้าเราเอง น้าดินนี่บีมค่ะ เรียนที่เดียวกับพราวแต่คนละห้อง”

บีมยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้นฤบดินทร์ แต่ชายหนุ่มไม่ได้รับไหว้ เขาแค่พยักหน้าให้เล็กน้อยเท่านั้น แม้กระทั่งรอยยิ้มบาง ๆ ก็ไม่มี ซึ่งความเย็นชานิ่งเฉยของเขาแบบนี้พราวนภาคุ้นเคยดีอยู่แล้วจึงไม่ได้ใส่ใจ หากแต่คนที่เพิ่งเคยเจอครั้งแรกอย่างบีมนั้นถึงกับวางหน้าไม่ถูก เพราะเขารู้สึกได้ถึงความเป็นปรปักษ์จากอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน

“งั้นเราไปก่อนดีกว่าเดี๋ยวพวกนั้นมันจะรอ เจอกันตอนเปิดเทอมนะพราว” บีมยิ้มทำท่าจะผละจากไป แต่แล้วเขาก็เดินกลับมาอีกครั้งแล้วพูดกับพราวนภาด้วยท่าทางขัดเขินระคนไม่มั่นใจว่า

“คืนนี้เราขอโทร. หาพราวนะ”

พราวนภางุนงงที่จู่ ๆ อีกฝ่ายบอกว่าจะโทรศัพท์มาคุยด้วย แต่เธอจำได้ว่าไม่เคยให้เบอร์ส่วนตัวกับเพื่อนคนนี้จึงได้แต่พยักหน้าส่ง ๆ ไป ซึ่งหลังจากที่หญิงสาวพยักหน้าให้ บีมก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นก็ยังหันหน้ามามองพราวนภาด้วยรอยยิ้มอยู่เป็นระยะ

นฤบดินทร์มองเหตุการณ์ทุกอย่างตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉย หากแต่ในใจนั้นรู้สึกเหมือนมีคลื่นระลอกใหญ่สาดซัดถาโถมอยู่ข้างในจนปั่นป่วนไปทั้งช่องอก

เธอแนะนำกับหมอนั่นว่าเขาคือน้าชาย อีกทั้งยังเรียกเขาว่าน้าอีกด้วย

น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้เขาพร่ำบอกให้พราวนภาเรียกเขาว่าน้าอยู่หลายครั้ง แต่เธอไม่เคยเอ่ยปากเรียกแม้แต่ครั้งเดียว ทว่ามาวันนี้พอได้ยินเธอเรียกว่าน้าตามที่เขาเคยต้องการ เขากลับรู้สึกไม่คุ้นชินและฟังขัดหูอย่างบอกไม่ถูก

“ว่าไง ตกลงถูกใจอันไหนบ้าง” เขาพูดพลางหยิบกล่องดนตรีชิ้นหนึ่งขึ้นมาและลองไขลานเพื่อฟังเพลง

“ถูกใจไปหมดเลยพี่ดิน เห็นอันไหนก็อยากได้กลับบ้านไปหมดมีแต่น่ารักทั้งนั้นเลย” พราวนภาหยิบสโนว์โกลบอันหนึ่งขึ้นมา ในลูกแก้วใสนั้นมีหมีเท็ดดี้สองตัวนั่งกอดหัวใจดวงเดียวกันใต้ต้นไม้

ชายหนุ่มหันไปมองหน้าเธอพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกแล้วพูดว่า

“ไม่เรียกน้าแล้วหรือ”

พราวนภาหันมายิ้มจนแก้มบุ๋ม เขาเห็นแล้วอยากใช้นิ้วจิ้มลักยิ้มนั่นแต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้

“แล้วพี่ดินอยากให้พราวเรียกอะไรล่ะ น้าดินหรือพี่ดิน” เธอเขย่งยืนบนปลายเท้าเพื่อให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเขา แต่ทว่าก็ยังเตี้ยกว่าอยู่ดี ชายหนุ่มมองลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของพราวนภา แววตาของเธอยังเจือความรู้สึกอ่อนหวานที่มีต่อเขาอยู่ จึงตอบไปว่า

“ก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าอยากให้เรียกว่าอะไร ยังจะถามอีก”

พราวนภายู่หน้าใส่เขา “ไม่เอา จะเรียกพี่ดินอย่างนี้แหละไม่ยอมเปลี่ยนหรอก”

นฤบดินทร์ลอบยิ้ม เห็นชัดเลยว่าเมื่อครู่นี้หญิงสาวแค่จงใจอยากแกล้งเขาเล่นเท่านั้นเอง ถึงได้แนะนำว่าเขาเป็นน้ากับเพื่อนที่โรงเรียน

“อยากได้ชิ้นไหนบ้างก็บอกพนักงานเขาละกัน แล้วตอนจะจ่ายเงินก็โทร. มาเรียกน้านะ” พูดจบ ชายหนุ่มก็ทำท่าจะผละจากไป แต่พราวนภาเอื้อมไปคว้าข้อมือของชายหนุ่มได้ก่อน

“พี่ดินจะไปไหน”

นฤบดินทร์บุ้ยหน้าไปทางด้านขวามือแล้วตอบว่า “จะไปซื้อกาแฟกินสักหน่อย เราจะเอาอะไรรึเปล่า”

พราวนภาส่ายหน้าพร้อมกับปล่อยข้อมือของเขาให้เป็นอิสระ “ไม่เอาค่ะ งั้นพราวเดินดูของในงานรอพี่นะ”

ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วเดินออกจากลานกิจกรรมไปโดยมีสายตาของหญิงสาวมองตามหลังไปตลอดจนกระทั่งร่างสูงโปร่งของนฤบดินทร์กลืนหายไปกับกลุ่มคนแล้ว เธอจึงเดินเลือกสินค้าในงานต่อ

นฤบดินทร์ไม่ได้แวะร้านกาแฟอย่างที่บอก แต่ชายหนุ่มขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสามของห้างสรรพสินค้าโซนพลาซ่า จากนั้นก็ก้าวยาว ๆ ไปยังร้านขายของสะสม และของประดับตกแต่งบ้านร้านหนึ่ง

เขาเสิร์ชเจอร้านนี้โดยบังเอิญจากอินเทอร์เน็ตเมื่อปลายปีที่แล้ว เพราะตั้งใจจะหากล่องดนตรีสวย ๆ สักชิ้นให้พราวนภา ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีหมีเท็ดดี้เป็นส่วนประกอบหลัก และร้านนี้ก็มีของสะสม และของหายากจากทั่วทุกมุมโลกมาจำหน่าย ตอนนั้นเขาถูกใจกล่องดนตรีชิ้นหนึ่งเป็นรูปหมีเท็ดดี้ผู้หญิงกับผู้ชาย ตัวผู้หญิงนั่งอ่านหนังสืออยู่บนชิงช้า และตัวผู้ชายถือช่อดอกไม้ยืนอยู่ ตรงกลางระหว่างหมีทั้งสองตัวมีสโนว์โกลบอันเล็กตั้งไว้ ในลูกแก้วนั้นเป็นดอกไม้รูปหัวใจราวกับว่าดอกไม้นั้นเป็นตัวแทนของความรักที่ทั้งคู่ร่วมกันปลูกขึ้นมา

แค่เห็นเพียงครั้งแรกก็รู้สึกถูกใจ นฤบดินทร์จึงรีบโทรศัพท์ไปติดต่อขอซื้อทันที ทว่าน่าเสียดายที่กล่องดนตรีชิ้นนั้นถูกขายไปแล้ว

โชคดีที่ทางร้านรับปากว่าจะเสาะหามาให้ แต่ไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่นอนได้ว่าจะมีเมื่อไร ดังนั้นชายหนุ่มจึงได้แต่รอ กระทั่งในที่สุดเจ้าของร้านก็โทรศัพท์มาบอกเขาเมื่อวานว่าได้สินค้ามาแล้ว จึงอยากให้เขาเข้าไปดูที่ร้านว่าพอใจกับสินค้าหรือไม่

เมื่อนฤบดินทร์เปิดประตูเข้าไปในร้านก็เห็นพนักงานสาวคนหนึ่งกำลังจัดเรียงสินค้าบนตู้โชว์จึงแจ้งกับอีกฝ่ายว่า

“สวัสดีครับ คุณรุจให้ผมมาดูกล่องดนตรีน่ะ”

เมื่อพนักงานคนนั้นหันมาก็นึกขึ้นได้ว่าเป็นสินค้าชิ้นไหนเพราะมีลูกค้าเพียงคนเดียวที่รอสินค้าเป็นกล่องดนตรี

“รอสักครู่นะคะ ดิฉันจะนำออกมาให้ดูค่ะ”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ระหว่างรอเขาจึงมองไปรอบร้านด้วยความสนใจ เพราะร้านนี้มีแต่ของสะสมแปลกตา ไม่ว่าจะเป็นของเล่น รูปปั้น งานฝีมือ ของตั้งโชว์ต่าง ๆ และโดยส่วนใหญ่จะมีแค่อย่างละหนึ่งชิ้นเท่านั้น จึงไม่แปลกที่ราคาของแต่ละชิ้นจะมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสน

กล่องดนตรีที่เขาซื้อให้พราวนภาก็เช่นกัน ชิ้นนี้ราคาเกือบสามหมื่นบาทเพราะหายาก และผลิตมาตั้งแต่ปี 1999

คนอื่นอาจมองว่าเขาใช้เงินมือเติบซื้อของเล่นไร้สาระชิ้นเดียวตั้งหลายหมื่น แต่สำหรับเขาแล้วไม่มีอะไรที่แพงเกินไป หรือถูกเกินไปหากสินค้านั้นมีคุณค่าทางจิตใจ และสามารถเป็นตัวแทนของความทรงจำที่เรามีร่วมกับใครอีกคน

“เชิญค่ะคุณลูกค้า” พนักงานวางกล่องไม้ใบหนึ่งลงบนเคาน์เตอร์ จากนั้นก็ปลดสลักตัวล็อกทั้งสี่ด้านออกจนกระทั่งแผ่นไม้แต่ละด้านเอนราบไปกับพื้น

ในที่สุดกล่องดนตรีขนาดเจ็ดคูณเจ็ดนิ้วก็ปรากฏสู่สายตา วัสดุทำจากเรซิ่นทั้งหมด แต่น้ำในลูกแก้วเริ่มมีสีเหลืองเล็กน้อย ทว่าสภาพโดยรวมก็ถือว่าสินค้าชิ้นนี้สมบูรณ์มาก

“แต่ทางร้านต้องขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าเพลงมันจะเล่นได้ไม่ค่อยดีนัก คือมันมีติดขัดบ้างค่ะ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าอยากเปลี่ยนกล่องเพลงข้างในเป็นอันใหม่ไหมคะ”

นฤบดินทร์เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ “ถ้าจะเปลี่ยนนี่ผมสามารถเลือกเพลงเองได้ไหมครับ”

“เลือกได้ค่ะ แต่การเปลี่ยนกล่องเพลงใหม่และใช้เพลงที่ลูกค้ากำหนดจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มนะคะ” พนักงานยิ้มอย่างเกรงใจ

“ไม่มีปัญหาครับ เรื่องราคาผมไม่เกี่ยง ว่าแต่จะใช้เวลาประมาณกี่วันครับ ภายในกลางเดือนหน้าจะเสร็จทันให้ผมรึเปล่า เพราะผมจะใช้ช่วงนั้น” เพราะตอนนั้นเขาต้องเดินทางไปต่างประเทศแล้ว

พนักงานสาวดูไม่ค่อยแน่ใจนักจึงไม่กล้ารับปาก “คุณลูกค้ารอสักครู่นะคะ ขอดิฉันโทรศัพท์ไปสอบถามกับผู้จัดการก่อนค่ะ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 3 ของแทนใจ - 25%

    นฤบดินทร์เดินเข้าไปยืนขนาบข้างพราวนภาแต่สายตาจดจ้องอยู่ที่เพื่อนชายของเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะมองเลยไปที่หญิงสาวโดยไม่พูดอะไร เขาอยากรู้ว่าพราวนภาจะแนะนำเขาให้เพื่อนของเธอรู้จักหรือไม่ และจะแนะนำว่าเขาเป็นพี่ชายข้างบ้านหรือว่าน้าชาย เพราะกับกลุ่มเพื่อนสาวคนสนิทของเธอที่เคยพากันมาให้เขาติวคณิตศาสตร์ให้ พราวนภาแนะนำว่าเขาคือพี่ชายข้างบ้านพราวนภาหันมายิ้มให้เขาก่อนจะพูดกับเพื่อนชายคนนั้นว่า “บีม นี่น้าเราเอง น้าดินนี่บีมค่ะ เรียนที่เดียวกับพราวแต่คนละห้อง”บีมยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้นฤบดินทร์ แต่ชายหนุ่มไม่ได้รับไหว้ เขาแค่พยักหน้าให้เล็กน้อยเท่านั้น แม้กระทั่งรอยยิ้มบาง ๆ ก็ไม่มี ซึ่งความเย็นชานิ่งเฉยของเขาแบบนี้พราวนภาคุ้นเคยดีอยู่แล้วจึงไม่ได้ใส่ใจ หากแต่คนที่เพิ่งเคยเจอครั้งแรกอย่างบีมนั้นถึงกับวางหน้าไม่ถูก เพราะเขารู้สึกได้ถึงความเป็นปรปักษ์จากอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน“งั้นเราไปก่อนดีกว่าเดี๋ยวพวกนั้นมันจะรอ เจอกันตอนเปิดเทอมนะพราว” บีมยิ้มทำท่าจะผละจากไป แต่แล้วเขาก็เดินกลับมาอีกครั้งแล้วพูดกับพราวนภาด้วยท่าทางขัดเขินระคนไม่มั่นใจว่า“

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 2 หลานนอกไส้ - 100%

    คนถูกถามทำเพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับมา“แล้วอยากไปไหนล่ะ”คราวนี้พราวนภาหันไปหาชายหนุ่มทั้งตัวแล้วตอบด้วยน้ำเสียงออดอ้อน“พราวอยากดูหนัง มีหนังแฟนตาซีเข้าใหม่ด้วย พี่ดินไปดูกับพราวนะ”นฤบดินทร์หันไปมองหญิงสาวครู่หนึ่งแล้วรีบละสายตาไปมองถนนด้วยความรวดเร็ว วันนี้พราวนภาอยู่ในชุดเดรสผ้าฝ้ายแขนกุดความยาวเสมอเข่า เวลานั่งชายกระโปรงจึงร่นขึ้นไปเล็กน้อย แต่เมื่อครู่ที่เธอนั่งตะแคงเพื่อหันมาทางเขาทั้งตัว ชายกระโปรงของเธอจึงร่นขึ้นสูงไปอีก เขาจึงไม่กล้าหันไปมองเธอนานนักเมื่อก่อนเวลาที่เห็นพราวนภานุ่งกางเกงขาสั้นหรือกระโปรงสั้น เขาก็ไม่เคยรู้สึกอะไรเพราะเห็นจนชินตา ทว่าตั้งแต่หญิงสาวขึ้นมัธยมปลายมา เวลาเธอเอาตัวมาอยู่ใกล้ ๆ หรือสัมผัสเนื้อตัวกันแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขารู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวอย่างบอกไม่ถูก และดูเหมือนว่าอาการนี้จะยิ่งรุนแรงขึ้นทุกที จนเขากลัวว่าจะเผลอลืมตัวเข้าสักวัน ดังนั้นสิ่งที่เขาทำได้จึงมีเพียงอยู่ให้ห่างจากพราวนภาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้แต่เพราะบ้านอยู่ติดกัน ต่อให้เขาหลบหน้าเธอเท่าไร หญิงสาวก็มักเอาหน้าใส ๆ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 2 หลานนอกไส้ - 75%

    “เห็นไหมแก ฉันบอกแล้วว่าแกน่ะง้อเขาและตื๊อเขามากเกินไป แกต้องหัดเล่นตัว ทำเป็นหายหัวไม่ติดต่อเขาไปก่อนแบบนี้แหละ ให้เขาเป็นฝ่ายตามแกบ้าง แกจะได้รู้ไงว่าตกลงเขาคิดยังไงกับแกกันแน่”“เขาส่งข้อความมาหาฉันก่อนแบบนี้แสดงว่าเขาก็คงชอบฉันเหมือนกันใช่ไหมแพม แต่วันนั้นที่ฉันแอบได้ยินเขาคุยกับคุณแม่ เอ่อ พี่สาวเขาน่ะ เขาพูดชัดถ้อยชัดคำเลยนะว่าไม่ได้คิดเกินเลยกับฉัน”“แล้วแกคิดว่าผู้ชายปากหนักอย่างพี่ดินเขาจะยอมรับออกมาโต้ง ๆ รึไงว่าเขาชอบแก ขนาดฉันได้เจอเขาแค่ไม่กี่ครั้งฉันยังรู้เลยว่าเขาเป็นคนยังไง แล้วแกที่ตามเกาะแข้งเกาะขาเขามาตั้งแต่เด็กจะไม่รู้เลยหรือไงยะ”“มันก็ใช่ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจ...ว้าย! แก...พี่ดินโทร. มา กรี๊ด! ฉันควรทำไงดี” พราวนภาลุกขึ้นเดินไปมาอยู่ในห้องด้วยความตื่นเต้นเมื่อมีสายเรียกซ้อนเข้ามาจากนฤบดินทร์“ห้ามรับนะแก ปล่อยให้สายตัดไปเลย” ภัทรวีเตือนเพื่อนเสียงเข้มมาตามสาย“แต่ฉันอยากรับนี่นา ไม่ได้คุยกับเขาตั้งสามวันแล้วนะ ฉันคิดถึงพี่ดินน่ะ แค่นี้ก่อนนะแพม เดี๋ยวฉันโทร. ไปใหม่” พูดจบพราวนภาก็ตัดสายจากเพื่อนทันทีโดยไม่ฟังคำทัดทานของอีกฝ่าย จาก

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 2 หลานนอกไส้ - 50%

    อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน หากทั้งคู่คบหากันตั้งแต่ตอนนี้ และถ้าวันข้างหน้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปเจอคนที่ใช่กว่า สุดท้ายคงไม่พ้นต้องเลิกรา และมองหน้ากันไม่ติดทั้งสองบ้านแน่นอน“เชื่อแม่นะหนูพราว ถ้าหนูกับเขาเป็นเนื้อคู่กันจริง ๆ ยังไงก็ต้องได้อยู่ด้วยกันอีกแน่ แต่ถ้าไม่ใช่ ต่อให้เราดึงดันยังไงมันก็ไม่ใช่อยู่วันยังค่ำ ตอนนี้แม่อยากให้หนูใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่มากกว่า”พราวนภายิ้มพลางลุกขึ้นนั่งแล้วกอดจันทร์เจ้าอย่างออดอ้อน“ค่ะคุณแม่ หนูพราวเชื่อคุณแม่ค่ะ”แต่แล้วหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มแหยให้ “แต่หนูพราวขอร้องคุณแม่อย่างหนึ่งนะคะ อย่าบอกเรื่องที่หนูชอบพี่ดินให้คุณพ่อกับแม่มะลิรู้เชียวนะ คุณแม่มะลิน่ะไม่เท่าไรหรอกค่ะ แต่คุณพ่อนี่สิถ้ารู้ละก็ระเบิดลงแน่”จันทร์เจ้าหัวเราะเบา ๆ พลางพยักหน้ารับปาก ทั้งที่ตนอยากบอกเหลือเกินว่าทุกคนน่าจะรู้กันหมดแล้ว รวมทั้งภาวิน คุณพ่อจอมหวงนั่นก็ด้วยสองวันถัดมา นฤบดินทร์เดินออกจากห้องน้ำโดยนุ่งผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียวเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเปิดตู้เสื้อผ้านั้น เขาก็ได้ย

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 2 หลานนอกไส้ - 25%

    พราวนภาหยิบผ้านวมมาห่มให้รุ้งจันทราอย่างเบามือเพราะเด็กน้อยค่อนข้างตื่นง่าย เป็นเวลาเดียวกับที่จันทร์เจ้า ผู้เป็นมารดาของรุ้งจันทราเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี หญิงสาวจึงพูดโดยไม่มีเสียงว่า“หลับปุ๋ยแล้วค่ะ”จันทร์เจ้ายิ้มพลางเดินเข้ามาดูบุตรสาวตัวน้อย ก่อนจะทรุดตัวนั่งบนเตียงข้างพราวนภาแล้วพูดว่า“หนูรุ้งน่ะเหมือนหนูพราวตอนเด็ก ๆ เลยนะรู้ไหม ดูสิเนี่ย ชอบเอาตุ๊กตามานอนเรียงเป็นเพื่อนกัน แล้วยังไม่ชอบกินแคร์รอตเหมือนกันอีกด้วย”“แต่ตอนนี้หนูกินแคร์รอตแล้วนะ และกินผักเก่งมากเลยด้วยคุณแม่ก็รู้นี่นา” พราวนภายิ้มกว้างอย่างประจบ ก่อนจะเอนตัวลงนอนหนุนตักผู้เป็นน้า แต่ตนเรียกอีกฝ่ายว่าแม่มาตั้งแต่จำความได้จันทร์เจ้ายิ้มพร้อมกับลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู สายตาที่มองพราวนภายังคงมีแต่ความรักไม่แปรเปลี่ยนแม้ว่าตนจะมีบุตรสาวและบุตรชายของตัวเองแล้วก็ตาม“เป็นอะไรล่ะฮึ จู่ ๆ ก็มาอ้อนแม่” น้ำเสียงอ่อนโยนของจันทร์เจ้า ทำให้พราวนภายกแขนขึ้นโอบเอวอีกฝ่ายไว้“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ หนูพราวแค่รู้สึกว่าอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจัง ไม่อยากโตเป็น

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 100%

    “ใช่ครับ คนจีบพี่พราวเยอะมากเลย เวลาพีทไปเล่นข้างนอกก็มีแต่คนถามหาพี่พราว เนอะพายเนอะ”“แล้วไปยังไง เรียกแท็กซี่หรือพ่อเราไปส่ง” ชายหนุ่มยังถามต่อ“แท็กซี่ครับ/มีคนมารับค่ะ” สองพี่น้องพูดพร้อมกัน แต่คำตอบไปคนละทางจนทั้งคู่ต่างหันมามองหน้ากันและกัน ขณะที่ผู้เป็นน้าอย่างนฤบดินทร์ได้แต่ถอนหายใจที่คงไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรจากหลานตัวแสบเป็นแน่“ไม่เป็นไร เดี๋ยวน้าไปถามแม่เราเองก็ได้” เขาพูดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดโทร. ออก แต่สองพี่สองรีบโบกมือห้ามเป็นพัลวัน“อย่านะคะน้าดิน พี่พราวสั่งเอาไว้ว่าห้ามบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าพี่พราวไปเที่ยวกับแฟน ไม่งั้นคุณพ่อจะดุเอาได้ น้าดินอย่าถามคุณแม่นะคะ ขอร้องล่ะ นะคะน้าดิน” ภัทร์นรินท์ยกมือไหว้ปะหลก ๆ พร้อมกับทำตาสลดอย่างน่าสงสาร ภานุภัทร์เห็นอย่างนั้นจึงทำตามบ้าง“ใช่ครับน้าดิน เห็นใจพวกเราเถอะนะครับ พี่พราวอุตส่าห์ไว้ใจให้พวกเราเก็บความลับ พีทไม่อยากให้พี่พราวถูกดุครับ นะครับน้าดิน”ชายหนุ่มลอบยิ้ม “ก็ได้ ไม่ถามก็ไม่ถาม น้าเข้าบ้านก่อนนะ พวกเราก็เข้าบ้านเถอะ ข้างนอกมันร้อน”เขาเตรียมตัวจะหันหลังกลับ แต่จู่ ๆ หลานสาวตัวดีก็ยื่นมือมากระตุกชายเสื้อเขาเบา ๆ คร

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 75%

    “แล้วแกล่ะ จะไม่คิดถึงหนูพราวบ้างหรือ” มัลลิกาอมยิ้ม แต่เจ้าตัวกลับขมวดคิ้วมุ่นพลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคย“คิดถึงทำไม ปกติก็ต่างคนต่างอยู่กันอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันสักหน่อย”“ถามจริง! แกไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์หนูพราวบ้างเลยรึไง สามปีเชียวนะที่จะไม่ได้เจอกัน” มัลลิกายังคงเย้าไม่เลิกจนชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาราวกับหงุดหงิดเต็มทีก่อนพูดว่า“แล้วไง ต่อให้สามปีหรือสามสิบปีก็ไม่มีอะไรแตกต่าง มันก็ชีวิตใครชีวิตมันอยู่แล้ว พี่เลิกชงเถอะ ไม่ได้ผลหรอก”“ชิ!” ไอ้คนปากแข็ง!มัลลิกาเบ้ปากใส่น้องชายด้วยความหมั่นไส้ แค่นี้ก็รู้แล้วว่านฤบดินทร์เองก็ใจหายและคงคิดถึงพราวนภาไม่น้อย แต่ไม่ยอมพูดความจริงออกมา เธอเป็นพี่น้องกับชายหนุ่มตรงหน้ามายี่สิบกว่าปีมีหรือจะเดาใจอีกฝ่ายไม่ออก เพราะหากนฤบดินทร์ไม่สนใจพราวนภาจริง เจ้าตัวก็จะแสดงออกด้วยการนิ่งเฉย ไม่ต่อปากต่อคำมาหลายประโยคแบบนี้แน่“ก็ดี พี่จะได้เลิกกั๊กหนูพราวไว้ให้แก คราวนี้ถ้ามีคนมาจีบหนูพราวอีกพี่จะได้ปล่อยเลยตามเลย ไม่กันท่าไว้ให้แกแล้วเพราะแกเอ็นดูหนูพราวเหมือนน้องสาว โธ่เอ๊ย...นี่พี่เข้าใจผิดไปเองหรือเนี่ย”เมื่อมัลลิกาพูดจบก็ได้รับส

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 50%

    แม้ช่วงแรกจะเอ่ยปากชม แต่สุดท้ายภาวินก็อดเกทับอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะเมื่อครั้งที่เขาอายุยี่สิบต้น ๆ แม้จะมีปาร์ตี้และเที่ยวกลางคืนบ่อย แต่เขาก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเมามายจนไม่มีสติเลยสักครั้งกว่าสิบปีที่เขารู้จักนฤบดินทร์มาตั้งแต่อีกฝ่ายยังเป็นเด็กวัยรุ่นเลือดร้อนจนกระทั่งเติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัว เขาเห็นว่าน้องภรรยาคนนี้จัดว่าเป็นผู้ชายที่ครบเครื่องคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหล่อเหลาจนบางมุมแทบจะเรียกได้ว่าสวยด้วยซ้ำ รูปร่างก็สูงโปร่งพอกันกับเขา นิสัยก็เงียบขรึม และมีความสุขุม ทุกอย่างดูดีไปหมดเสียอย่างเดียว สายตาที่มองพราวนภานั้นดูจะร้อนแรงมากเกินไปหน่อยราวกับต้องการกลืนกินบุตรสาวของเขาไปทั้งตัว เขาไม่ชอบเอาเสียเลย!พราวนภายังเด็ก อายุเพิ่งจะสิบเจ็ดปีเท่านั้น ยังไม่จบมัธยมปลายเลย แต่บุตรสาวของเขาดันหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู อีกไม่กี่ปีก็จะเติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง ขณะที่นฤบดินทร์ก็เป็นหนุ่มเต็มตัว และสองคนนี้มักใกล้ชิดกันบ่อยเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นในบ้าน“ทำไงได้ ผมมันพวกคออ่อนซะด้วยสิ” นฤบดินทร์พูดยิ้ม ๆ พลางชะเง้อมองเข้าไปในบ้านของภาวินแล้วพูดว่า“เดี๋ยวผมเอ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 25%

    ในห้องที่ปิดไฟจนมืดสลัว นอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศแล้วก็มีเพียงเสียงสวบสาบของผ้าห่มและเสียงถอนหายใจอย่างแผ่วเบาดังมาจากเตียงนอนหลังใหญ่ ผู้ที่อยู่ใต้ผ้าห่มพลิกตัวไปมาบ่อยครั้งราวกับคนที่กำลังมีเรื่องกลัดกลุ้มเกาะกินใจจนไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้พราวนภานอนลืมตาโพลงท่ามกลางความมืดอยู่บนเตียงนอนของตน หญิงสาวไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาใด แต่คิดว่าน่าจะล่วงเข้าวันใหม่แล้วเพราะก่อนนอนเธอคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทร่วมชั่วโมงกว่า และเพิ่งวางสายไปตอนห้าทุ่มเศษ เนื้อหาของบทสนทนานั้นก็เป็นเรื่องเดิม ๆ คือปรึกษาปัญหาหัวใจ เพราะต่างคนก็ต่างมีชายหนุ่มให้แอบรักเป็นของตัวเองหญิงสาวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนอนตะแคง สายตาจึงตกที่ตุ๊กตาหมีสองตัวที่นอนเคียงคู่กันอยู่บนพื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของเตียง ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ชายหญิงคู่นี้นฤบดินทร์ซื้อให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุครบสิบสามปีหมีผู้ชายใส่ชุดเอี๊ยมกางเกงลายสก๊อตสีน้ำเงินกับเสื้อสีขาว หมีผู้หญิงใส่ชุดเอี๊ยมกระโปรงลายสก๊อตสีแดงกับเสื้อสีขาวเช่นกัน เธอรักมันมาก ไม่ว่าจะนอนที่บ้านนี้ หรือบ้านของแม่จันทร์เจ้า ผู้เป็นน้าสาว เธอก็จะนำตุ๊กตาหมีคู่นี้ไปนอนข้างกายด้วยทุก

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status