LOGINบทที่4
หนูมีคนที่ชอบอยู่แล้ว
ผมได้คุยกับน้องสาวโดยที่ผมพยายามถามความรู้สึกของเธอที่มีต่อไอ้โซ่ เธอยืนยันว่าเธอไม่ได้คิดอะไร
"ผู้ชายแบบพี่โซ่ต่อให้เหลือคนเดียวบนโลกนี้หนูก็ไม่เอาค่ะ"
"อือ พี่จะได้สบายใจ แล้วเราเป็นยังไงบ้างมาครั้งนี้ไม่ค่อยพูดเลย"
"หนูไม่รู้จะคุยอะไรค่ะ"
เป็นคำตอบที่ผมไม่ชอบเลย หน้าผมเธอก็ไม่อยากมองนี่ผมทำอะไรผิดร้ายแรงมากเลยหรือไง
"กว่าพี่จะเรียนจบเราก็18พอดี"
"ค่ะ"
"โกรธที่พี่มีแฟนใช่ไหม เดี๋ยวเราโตขึ้นเราก็เข้าใจเองนั่นแหละ อย่าคิดมากเลยยังไงพี่ก็รักน้องสาวคนนี้ที่สุดอยู่แล้ว"
///จันทร์เจ้า///
นั่นสินะฉันยังต้องการอะไรอีก แค่ครอบครัวพี่ตะวันรับฉันเป็นลูกบุญธรรมก็ดีแค่ไหนแล้ว แถมพี่ตะวันก็แสนดีกับฉันขนาดนี้
"ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วหนูขอไปหาซินก่อนนะคะ"
ฉันตัดปัญหาด้วยการขอร้องให้พี่โซ่เป็นคนพาเที่ยว แม้พี่โซ่จะไม่ได้พาไปไหนไกลแต่ก็ได้ออกมาเปิดหูเปิดตา ผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตกันเป็นอิสระ ถนนสะอาดถ่ายรูปสวย วิวดี แสงแดดอ่อนๆ ถ้าหนาวก็หนาวสุดขั้วแต่ฉันชอบนะ
"เรารู้เรื่องที่ผู้ใหญ่คุยกันแล้วใช่ไหมจันทร์เจ้า"
ฉันหันไปมองหน้าพี่โซ่ที่รอจังหวะพูดอยู่นาน จนนางซินวิ่งไปถ่ายรูปกับทุ่งหญ้าพี่โซ่ก็รีบหันมาถามฉันทันที
"รู้ค่ะ พี่ตะวันมาบอกแล้ว"
"แล้วเราคิดว่าไง โอเคไหม แต่สำหรับพี่ พี่โอเคนะ แต่เรื่องแบบนี้มันแล้วแต่จันทร์เจ้าพี่ไม่อยากบังคับ"
"หนูไม่ได้คิดอะไรกับพี่โซ่ หนูรักพี่โซ่เหมือนพี่ชายหนูคนนึง"
"แล้วไอ้ตะวันล่ะ?" คำถามของชายหนุ่มทำเอาจันทร์เจ้าตาโต เธอรีบส่ายหน้าแล้วก้มหน้าลงพื้น
"ทำไมถามแบบนี้คะ พี่ตะวันเป็นพี่ชายของหนู นะ นะ หนูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นสักหน่อย!"
"แล้วทำไมเสียงสั่นๆ เอาเถอะยังไงมันก็มีแฟนแล้ว เรื่องของเราโตขึ้นค่อยว่ากันอีกที^^"
"หนูไม่ได้คิดอะไรกับพี่ตะวัน พี่โซ่เข้าใจผิดแล้วค่ะ อีกอย่างหนูมีคนที่ชอบอยู่แล้วด้วย!!"
"ฮะ!!!!" นี่ไม่ใช่เสียงพี่โซ่แต่เป็นเสียงของนางซิน อยู่คนละฝั่งของถนนแท้ๆ แต่แม่นี่กลับหูผึ่งฟังฉันมาตลอด
"มีอะไร?" นี่เสียงพี่ตะวันเขาเดินมาพร้อมกับพี่ณิชา ทุกสายตามองมาที่ฉัน
"จันทร์เจ้าแกชอบใคร ใครคือคนที่แกชอบถ้าไม่ใช่พี่ตะวันกับพี่โซ่ ใคร!!!" นางซิน! ฉันอยากหยุมหัวเธอนัก
"เด็กๆ ก็ต้องมีpuppy loveเป็นธรรมดา ทำไมตะวันกับโซ่ทำหน้าแบบนี้ล่ะ?" พี่ณิชามันจะดีกว่านี้ถ้าพี่ไม่พูด แค่นี้ก็เหมือนหนูจุดไฟเผาตัวเองแล้ว
"มันเป็นใคร!" ชายหนุ่มถามออกมาพร้อมเพรียงกันจนจันทร์เจ้าอ้าปากค้าง
"จินยองค่ะ หนูชอบจินยอง!!"
"ไหนมึงบอกไร้สาระไง ไม่ใช่และอย่าบอกว่าเป็นพี่ภูมิ หรือเจ้าขุนห้องท็อป แต่กูอยากเชียร์เจ้าขุนนะหล่อดี เทสดีสุดๆ"
ทุกคนไม่ฟังที่นางซินพูดเลยแต่ทุกคนกำลังรอคำตอบจากฉันอยู่
"จินยองนี่ตัดทิ้งไปได้เลย มันเป็นใครจันทร์เจ้า บอกพี่มาอย่ามามีความลับกับพี่นะ!!" ตะวันขึ้นเค้นเสียงถามน้องสาวต่างสายเลือดแต่เธอไม่ยอมตอบ แผนการเที่ยววันนี้จึงถูกยุบไปโดยปริยาย
กลับถึงบ้านพักนางซินก็รีบกระจายข่าวอย่างไว พ่อแม่ฉันท่านไม่สนใจเพราะท่านเข้าใจ แต่พ่อแม่พี่โซ่ท่านดูห่วงๆ ท่านคงกลัวว่าจะไม่ได้ฉันไปเป็นลูกสะใภ้
ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่มีทางเอาผู้ชายชื่อโซ่มาเป็นสามีแน่นอน
จากที่ฉันไม่คุยกับพี่ตะวันตอนนี้พี่ตะวันก็ไม่ยอมคุยกับฉันเหมือนกัน เขาโกรธที่ฉันไม่ยอมบอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร และบอกให้ฉันเอาเวลาไปตั้งใจเรียนดีกว่า
เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากฉัน และฉันจะเก็บเอาไว้ในใจตลอดไป
"พรุ่งนี้จะกลับแล้วพี่น้องยังไม่ดีกันอีก!" คุณแม่ยืนกอดอกมองฉันกับพี่ตะวันสลับกันไปมา
"หนูอยากกลับวันนี้ อยากไปให้พ้นๆ จากที่นี่ค่ะ" ฉันไม่มองหน้าเขาแต่ก็พอรู้ว่าพี่ตะวันหันขวับมามอง
"จะรีบกลับไปหามันหรือไง!"
"ตะวันทำไมพูดกับน้องแบบนี้ฮะ! น้องยังเด็กพึ่งจะอายุ15 เราเอาเวลาที่มีไปตั้งใจเรียนให้จบ จะได้กลับไปทำงานต่อจากคุณพ่อแล้วไม่ต้องหิ้วเด็กกลับไปฝากแม่ล่ะ!!"
สะใจ!!
ฉันชำเลืองตามองพี่ตะวันตอนนี้เขาหน้าเสียมาก โชคดีที่พี่ณิชาอยู่บนห้องถ้ามาได้ยินคุณแม่พูดคงเจ็บปวดรวดร้าวตายแน่นอน
"ครับ..."
วันต่อมา
คุณแม่โอบไหล่ฉันไว้ตลอดเวลาจนถึงเวลาที่เราต้องเดินทาง ฉันตั้งใจว่าจะตัดใจและไม่คิดอะไรกับพี่ตะวันเด็ดขาด กลับไปฉันจะตั้งใจเรียนทำหน้าที่ของตัวเอง ทำให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจ
"พ่อกับแม่ไปก่อนนะตะวัน อยู่ที่นี่ก็ตั้งใจเรียน"
"ครับ" ตอบคุณพ่อคุณแม่เสร็จเขาก็หันมามองฉัน แต่ฉันไม่คุยด้วยจนพี่โซ่อ้าแขนมาทางฉัน ฉันเลยเข้าไปสวมกอดพี่โซ่จนเห็นพี่ตะวันหุบแขนตัวเองลง
“โชคดีนะตัวแสบ ถึงแล้วโทรหาพี่ด้วยรู้เปล่า”
“ค่ะพี่โซ่ อยู่ที่นี่ก็อย่าดื้อนะคะเดี๋ยวถูกคุณป้าตีอีก”
“ฮ่าๆๆ”
ฉันโบกมือลาทุกคนรวมถึงพี่ตะวันด้วยเพียงแต่ฉันไม่พูดด้วยและไม่ได้สวมกอดเหมือนทุกครั้ง เอาล่ะขึ้นเครื่องเมื่อไหร่ฉันจะลืมๆ ความรู้สึกพวกนี้ไปซะ
ลาก่อนอเมริกากลับไปตั้งใจเรียนดีกว่า
บทที่10งานที่มีปัญหาผมตัดสินใจโทรไปฟ้องแม่และเล่าให้แม่ฟังว่าลูกสาวของแม่ดื้อขนาดไหน ดื้อจนผมอยากจะหยิบไม้หน้าสามฟาดให้ก้นลาย แต่สิ่งที่แม่ผมตอบกลับมาก็คือถ้าลูกสาวฉันมีรอยข่วนเท่าเล็บแมวเมื่อไหร่ฉันจะฟาดแกให้หลังแอ่นเลยตะวันเห็นไหมว่าแม่รักผมมากขนาดไหน T_Tหลังจากที่เธอถ่ายเซตชายหาดเสร็จแล้วก็เตรียมขึ้นเรือเพื่อไปถ่ายเซตงานปาร์ตี้ ทุกคนต้องแสดงสีหน้าสนุกสุดเหวี่ยงแต่ด้วยความที่เรือมันโคลงเคลงและจันทร์เจ้าเธอตัวเล็กเท่าลูกหมานายแบบที่ยืนอยู่จึงช่วยกันประคองตัวเธอไว้“ขอบคุณค่ะ”“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นดื่มกับพวกผมสักแก้วได้ไหมครับ” นายแบบหนุ่มลูกครึ่งกระซิบถามจันทร์เจ้าเบาๆ เธอส่ายหน้าและเดินหนีมานั่งรวมกับนางแบบผู้หญิง แต่ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของตะวันจนเขาแทบอยากจะเดินไปถีบหนุ่มลูกครึ่งให้ร่วงน้ำไปเสียให้จบๆการถ่ายโฆษณากำลังดำเนินไปอย่างราบรื่นแต่ก็ต้องมาสะดุดเพราะนางแบบสาวชื่ออาปิงเกิดป่วยกะทันหัน บนเรือก็มีตะวันที่เป็นหมออยู่คนเดียว ทีมงานจึงต้องอุ้มเธอเข้ามาพักในห้องใต้ท้องเรือเพื่อให้ตะวันได้ตรวจอาการเบื้องต้น“อาการเป็นยังไงบ้างครับ”“ปวดท้อง ปวดเป็นพักๆ ค่ะแต่ตอนนี้ปวดมาก
บทที่9ทำไมใจสั่นผมมองหน้าจันทร์เจ้าเธอทำตาใสซื่อใส่ผมแบบนี้เล่นเอาหัวใจผมสั่นสะท้านไปหมด เรายืนสบตากันนานมากในหัวผมเริ่มคิดไปต่างๆ นานา จนเสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นจึงทำให้เราสองคนหลุดออกจากภวังค์ปลายสายไม่ใช่ใครนอกจากแม่ผมเองท่านโทรมาเช็กความเรียบร้อยผมจึงบอกไปว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหันมาอีกทีเธอก็กลับไปนั่งทานเค้กมะพร้าวต่อแล้วถึงเวลาที่ต้องแต่งหน้าเพื่อเตรียมตัวผมก็ปล่อยให้เธออยู่กับช่างแต่งหน้าส่วนผมเดินออกมาดูความเรียบร้อยด้านนอกและบนเรือที่จะใช้ถ่าย เครื่องดื่มเลมอนโซดาเป็นสินค้าใหม่ที่น้องสาวต่างสายเลือดของผมต้องถ่ายในวันนี้ ผมหยิบมันขึ้นมาดูฉลากสินค้าตรวจเช็กความเรียบร้อยจากนั้นก็เดินลงมาทีมงานบางคนก็ดูเกร็งๆ ที่เห็นผมเข้มงวดกับน้องสาวมากไปแต่ที่ผมทำไปก็เพราะผมเป็นห่วงเธอ เซตแรกที่ต้องถ่ายเป็นชายหาดยามเย็น“ทำไมต้องถ่าย2วัน” ผมถามช่างภาพที่กำลังเช็กมุมและแสงอยู่“เผื่อเวลาครับถ้าน้องจันทร์เจ้าคนเดียวไม่มีปัญหาเพราะน้องค่อนข้างโปร แต่งานนี้คุณภูริอยากได้นางแบบกับนายแบบคนอื่นด้วยเพื่อให้ดูเหมือนงานปาร์ตี้ พวกเราต้องทำงานแข่งกับแสงธรรมชาติ”ผมพยักหน้ารับรู้แต่แอบรู้สึกดีที่มีคนช
บทที่8ใช้ลิ้นปาด....วันนี้พวกเราได้พักผ่อนกันช่วงเย็นมีงานเลี้ยงเล็กๆ ของทีมงานฉันเลยพาพี่ตะวันมาทำความรู้จักกับทุกคน ทีมงานชุดนี้ค่อนข้างสนิทกับฉันเพราะเราทำงานร่วมกันเกือบทุกงาน“คุณตะวันดูท่าจะหวงน้องสาวมากเลยนะคะ”“ครับ”ทำไมฉันรู้สึกร้อนผ่าว พี่ตะวันเขาหวงฉันแบบไหน ฉันนั่งมองน้ำมะพร้าวที่พี่ตะวันสั่งมาให้ ส่วนเขาดื่มไวน์กับพี่ภูริและทีมงาน คืนนี้แค่ดื่มกันเบาๆ เพราะพรุ่งนี้เราต้องรีบไปถ่ายให้ทันแสงแดดยามเช้า“เฮ้! ทางนี้!!” ภูริตะโกนเรียกชายหนุ่มเจ้าของรีสอร์ตที่กำลังเดินหากลุ่มทีมงานอยู่ ชายหนุ่มจึงโบกมือและเดินเข้ามาทักทาย“ทุกคน นี่ฮาวายเพื่อนผม มันเป็นเจ้าของเกาะนี้”“เจ้าของเกาะ!!” ทีมงานทุกคนอุทานออกมาพร้อมกัน ชายหนุ่มจึงยิ้มให้ทุกคนจนมาหยุดอยู่ที่สาวน้อยจันทร์เจ้า“สวัสดีครับ พี่เป็นแฟนคลับเราอยู่นะ”“สวัสดีค่ะ เป็นเกียรติมากเลยค่ะ” ฉันยิ้มให้พี่ฮาวายคนบ้าอะไรหล่อ รวย เฟอร์เฟคหันกลับมาฉันก็ต้องหุบยิ้มและก้มลงไปดูดน้ำมะพร้าว สายตาก็หันไปมองกุ้ง หอย ปู ปลาเพราะพี่ตะวันมองหน้าฉันอยู่ “นี่พี่ชายของน้องจันทร์เจ้าตอนนี้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของน้อง ถ้ามึงอยากได้น้องมาถ่ายโปรโม
บทที่7เราต้องนอนด้วยกัน!///ตะวัน///ผมกลับจากขนส่งก็เจอรถสปอร์ตคันเดิมขับเข้ามาผมกับไอ้โซ่หันไปมองด้วยความสงสัยจนกระทั่งจันทร์เจ้าเธอเดินลงมาจากรถแล้วหันไปโบกมือบ๊ายบายให้ไอ้ภูริ พอหันกลับมาเธอก็รีบวิ่งเข้ามากอดไอ้โซ่แต่กับผมเธอไม่สนใจเลย“พี่โซ่เป็นยังไงบ้างคะคิดถึงจังเลย^^”“สบายดีครับ แล้วเราล่ะดื้อหรือเปล่า”“ไม่ดื้อเลยค่ะ เข้าไปข้างในกันเถอะหนูซื้อขนมมาฝากพี่ด้วยนะคะ”ผมยืนล้วงกระเป๋ามองหน้าเธอกับไอ้โซ่แต่ไม่มีใครสนใจผมเลยเพราะเธอพาไอ้โซ่เข้าบ้านไปออดอ้อนเหมือนตอนเธอเด็กๆผมเดินตามเข้ามานั่งดูจันทร์เจ้ากับไอ้โซ่เธอเล่าเรื่องราวในช่วงที่พวกผมไม่อยู่ให้ฟังเธอดูมีความสุขมาก แต่ผมกลับรู้สึกว่าเธอเหมือนจะโกรธผม ตั้งแต่เรื่องณิชาเธอก็ไม่ค่อยพูดกับผมตอนนี้เธอก็ไม่ค่อยสนใจผมเลย มันผิดวิสัยของเธอมากพวกเรานั่งทานข้าวด้วยกันจนไอ้โซ่มันขอตัวกลับผมจึงเดินเข้ามาดูห้องทำงานของเธอ“ใบขับขี่พี่ตะวันจะได้เมื่อไหร่คะ”“พรุ่งนี้” ผมตอบเธอพร้อมกับหยิบรูปของเธอขึ้นมาดู“แน่ใจนะว่าจะสอบผ่าน”“ระดับนี้แล้ว ว่าแต่งานที่จะไปถ่ายกระบี่ทีมงานมารับไม่ใช่เหรอ?”“ใช่ค่ะ เราจะนั่งเครื่องไปกระบี่แล้วทีมงานจะส
บทที่6ผู้จัดการส่วนตัวผมนั่งดูสองแม่ลูกนั่งคุยกันและเลือกชุดที่ทีมงานส่งมาให้ อะไรมันจะเยอะขนาดนี้ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กขี้อายในวันนั้นจะกลายเป็นนางแบบในวันนี้“คุณหนูเธอน่ารัก เก่ง เรียบร้อย ทีมงานมาถ่ายงานที่บ้านก็ต่างชื่นชมไม่ขาดปากเลยค่ะคุณหมอตะวัน”ผมไม่ได้ออกความเห็นอะไรแต่เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นจึงรีบหยิบมาเปิดดู ไอ้โซ่มันคงพึ่งรู้ข่าวเรื่องซินกับจันทร์เจ้ามันส่งรูปจันทร์เจ้าถ่ายแบบครีมกันแดดมาให้ผมดู บิกินี่เหรออันนี้เกินไปมาก เกินตัวจริงๆแม่ผมรับงานแบบนี้ให้เธอได้ยังไงกัน“จันทร์เจ้าเอาสัญญามาให้พี่และตารางงานทั้งหมดด้วย”“ค่ะ” เธอรีบลุกเข้าไปในห้องทำงานของเธอเพื่อหยิบใบสัญญาในตู้มาให้ผม ไอแพดที่มีคิวตารางงานและโทรศัพท์สำหรับรับงานถูกส่งมาให้ผม“พี่ตะวันต้องการอะไรอีกไหมคะ คิวอาทิตย์นี้เต็มหมดแล้ว ส่วนอาทิตย์หน้ามีถ่ายแบบกับโฆษณาติดต่อมาแต่หนูยังไม่ได้ตอบตกลง”“อืม”ผมเปิดดูงานของอาทิตย์นี้ มีถ่ายเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์วาริส ใช้เวลาถ่าย3วันเพราะคลอเลคชั่นใหม่ต้อนรับหน้าร้อนมีชุดเกือบ10แบบ“พี่ต้องทำอะไรบ้าง ขับรถรับส่งเราเหรอ”“ใช่ค่ะ”“พี่ไม่มีใบขับขี่?” เข้าใจใช่ไหมพึ่งกลับมาเ
บทที่5การกลับมาของตะวัน3ปีผ่านไป.....ทันทีที่เครื่องlanding สองหนุ่มก็ก้าวเดินมาพร้อมเพรียงกัน ทั้งสองไม่ได้บอกครอบครัวว่าจะเดินทางกลับวันนี้เพราะต้องการมาเซอร์ไพรส์ครอบครัว "คืนนี้ไปเยี่ยมชมร้านไอ้ฟรานหน่อยไหม?" โซ่หันมาถามตะวันที่ยืนสวมแว่นดำแต่สายตาก้มมองหน้าจอโทรศัพท์เพื่อโทรเรียกรถมารับ"มาถึงก็จะแดกเหล้าเลยหรือไง มึงควรพักผ่อนอยู่กับบ้านบ้าง -_-!""พี่เขยครับจากบ้านไปเกือบสิบปีเพื่อไปเรียนแพทย์เฉพาะทาง กว่าจะได้เริ่มงานก็เดือนหน้าเราควรหาความสุขให้ตัวเองบ้าง^^"ตะวันส่ายหัวเพราะเวลานี้ตนอยากกลับไปนอนบ้านและรับไม่ได้กับสรรพนามที่โซ่ใช้เรียกตนมาตลอดบ้านปิติภัทรไพศาลผมลงจากรถแล้วลากกระเป๋าเข้ามาเสียงป้าอ้อยยังคงเหมือนเดิม ป้ายังโหวกเหวกโวยวายเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน"คุณหมออออออ คุณท่านเจ้าขาาาาาา คุณหนูของอ้อยกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!!!!!!"ผมยกมือไหว้ป้าอ้อยและป้าๆ แม่บ้านทุกคน จนแม่ของผมเดินออกมาจากห้องพัก ท่านยิ้มหน้าบ้านอ้าแขนรอรับอ้อมกอดจากผม"ทำไมกลับมาก่อนกำหนดล่ะตะวัน ไหนว่ากำหนดกลับเดือนหน้าไม่ใช่หรือ""ผมสอบผ่านหมดแล้วครับ ส่วนใบประกาศทางมหาวิทยาลัยจะส่งตามมาผมไม่อยากอยู่ที







