Share

บทที่ 21

หยวนชิงหลิงลอบมองสีหน้าของไท่ซ่างหวง ผิวหนังที่เป็นสีเขียวค่อย ๆ เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด เสียงลมหายใจลื่นไหลขึ้นมาก เธอถอนลมหายใจออกเฮือกหนึ่ง ในที่สุดก็ช่วยพระองค์ไว้ได้ทันเวลา

ไท่ซ่างหวงมองมาที่อวี่เหวินห่าว พยายามดันตัวขึ้นมาช้า ๆ อวี่เหวินห่าวเห็นเข้าเลยนำเบาะไปวางไว้ที่หลังให้ลุกขึ้นนั่ง

“เจ้าห้า ชายาของเจ้าคนนี้ ดูเหมือนว่าปู่จะไม่เคยเห็นมาก่อน” ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น แต่แตกต่างไปจากคนปกติ เห็นได้ชัดว่ายังไม่แข็งแรงดีนัก

อวี่เหวินห่าวรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ที่ท่านปู่ฟื้นมาก็ถามถึงเรื่องของนางก่อน

ปีนี้ไท่ซ่างหวงนอนติดเตียงมาโดยตลอด หลังจากที่พวกเขาแต่งงาน และสุขภาพของไท่ซ่างหวงไม่ค่อยดี อวี่เหวินห่าวจึงไม่ได้พานางมาเข้าเฝ้า

หยวนชิงหลิงก้มหน้าไม่พูดจา และก็ไม่ได้แสดงออกอะไรเช่นกัน

แต่นางรู้สึกว่าสายตาของไท่ซ่างหวงจับจ้องมาที่ใบหน้าของนาง จ้องมองอย่างพินิจพิจารณา ดวงตาคู่นี้คล้ายมีพลังอำนาจแรงกล้าอย่างถึงที่สุด อย่างกับจะมองให้ทะลุหยวนชิงหลิง

ไท่ซ่างหวงครองบันลังก์มาสามสิบแปดปี ในระยะเวลาที่ถือรวมอำนาจสูงสุด การมีอยู่อันเกรียงไกรของพระองค์นั้น ได้ผ่านการใช้เวลาฝึกฝนจนตกเป็นผลึกออกมา

“เสด็จปู่ นาง… สุขภาพไม่ค่อยดีนัก หลานเลยไม่ได้พานางมาเข้าเฝ้า เพื่อเลี่ยงไม่ให้ท่านติดเชื้อจากนาง” อวี่เหวินห่าวได้แต่อธิบายไปแบบนั้น

“ปู่เป็นคนใกล้ตายแล้ว ยังจะมากลัวติดเชื้ออะไรอีก” ไท่ซ่างหวงยิ้มออกมา น้ำเสียงมีความนุ่มนวล

หยวนชิงหลิงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น แสงอันเฉียบคมที่สัมผัสลงในตาของไท่ซ่างหวง ทำให้นางตกใจจนต้องก้มหน้าลงไปอีกครั้ง

“เสด็จปู่อย่าพูดอย่างนั้น ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร” น้ำเสียงของอวี่เหวินห่าวปนไปด้วยความเสียใจ

จักรพรรดิหมิงหยวนและท่านอ๋องลุ่ยที่อยู่ด้านข้างพูด “สวรรค์จะต้องอยู่ข้างคนดี ๆ อย่างท่านพ่อ”

คนในวังยกข้าวต้มขึ้นถวาย ฉางกงกงเข้ามาดูแล ไท่ซ่างหวงมองเขา “ทำไม? ข้าไม่ควรค่าที่จะได้รับการดูแลจากคนหนุ่มสาวหรือ? แก่ ๆ อย่างเจ้า มองดูลูกตาดำ ๆ ของเจ้านั่นสิอย่างกับอะไรดี? ข้ายังไม่ตาย แต่พอเห็นสภาพเจ้าแล้วนั้นทำให้ข้าจะตกใจตายเสียก่อน ไปไปไป ไปพักผ่อน มีพระชายาฉู่คอยปรนนิบัติดูแลข้าก็พอแล้ว”

ฉางกงกงดูแลไท่ซ่างหวงมาหลายปี รู้อารมณ์ร้ายของไท่ซ่างหวงได้ดี และก็รู้ว่าเขาเข้าใจและเห็นใจตน น้ำตาเริ่มไหลสะอื้นไห้พร้อมบอกว่า “หม่อนฉันไม่เหนื่อย หม่อมฉันจะอยู่ที่นี่ดูแลพระองค์”

“ออกไป!” พอไท่ซ่างหวงกริ้วขึ้นมา ก็เริ่มมีอาการหอบ ท่านกุมมือเอาไว้ที่อก “อยากจะให้ข้าบ้าตายหรืออย่างไร?”

ฉางกงกงเห็นเขาแบบนี้แล้ว ตกใจจนหน้าซีด ตอบไปทันควันว่า “ขอรับ ๆ หม่อมฉันไปแล้ว พระองค์ก็อย่าหงุดหงิดไป ไท่ซ่างหวง!”

หลังจากที่ฉางกงกงออกไปแล้ว หยวนชิงหลิงยังคงคุกเข่าอยู่อย่างงง ๆ ไท่ซ่างหวงก็มองมาที่นาง “ทำไม? ไม่อยากดูแลคนแก่อย่างข้าหรือ?

หยวนชิงหลิงลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นรับถ้วยมาจากคนในวัง แล้วลงไปคุกเข่าตามเดิมอย่างรวดเร็วพร้อมพูดว่า “ไม่ใช่นะเพคะ หม่อมฉันเพียง…เพียงแค่ไม่คาดฝันว่าจะได้รับความกรุณาเพคะ”

“หลานเองพ่ะย่ะค่ะ!” อวี่เหวินห่าวไม่อยากให้นางเข้าไปใกล้ไท่ซ่างหวง จึงอยากป้อนด้วยตนเอง

ไท่ซ่างหวงมองด้วยหางตา “ทำไม? ยอมไม่ได้ที่ให้เมียเจ้ามาดูแลปู่หรือ?”

“ไม่…ไม่ใช่นะพ่ะย่ะค่ะ” อวี่เหวินห่าววางมือลง ในใจรู้สึกแปลก ๆ ที่แม้รู้ว่ามันคือความจริง แต่กลับไม่ค่อยยอมรับให้คนอื่นมาเรียก หยวนชิงหลิงว่าเป็นเมียของเขา

เมียกับชายา ล้วนเป็นคำเรียกเหมือนกัน แต่สำหรับเขาแล้วมันแตกต่างกันมาก

หยวนชิงหลิงคุกเข่าเหยียดหลังตรง ป้อนไท่ซ่างหวงไปหนึ่งคำ

ไท่ซ่างหวงกินเข้าไป ก็พ่นลมออกมา สายตาปนท้อแท้ใจ “อือ นางผู้นี้ช่างสดใส ไม่คิดว่าข้ายังกินได้อีกคำ”

ประโยคนี้ทำให้จักรพรรดิหมิง และท่านอ๋องรุ่ยชิงถึงกับขอบตาชื้น

“เจ้ามานั่งดูแลข้าข้าง ๆ เตียงนี่” ไท่ซ่างหวงกล่าว

หยวนชิงหลิงยิ้มแบบขมขื่น นางรู้สึกปวด จะนั่งที่ไหนได้?

“หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ หม่อมฉันคุกเข่าอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว”

“เรียกให้นั่งก็มานั่ง!” ไท่ซ่างหวงจ้องมองอีกครั้ง

หยวนชิงหลิงได้แต่ลุกขึ้นยืนอย่างหวั่น ๆ นั่งลงไปด้วยความสั่นเทา บนเตียงถึงแม้เบาะจะนุ่ม แต่ทั้งตัวรู้สึกแข็งไปหมด ทั้งยังมีความรู้สึกปวดเข้ามาแทนที่ ปวดถึงขั้นตัวของนางเองสั่นเบา ๆ

อวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆ นาง รู้สึกได้ถึงอาการสั่น

ยาต้มจื่อจินหมดฤทธิ์แล้ว

แววตาของเขาดูขรึมลงพร้อมกับความรู้สึกที่ซับซ้อนผุดขึ้นมาในหัวใจของเขา

ป้อนข้าวต้มไปได้กว่าครึ่งถ้วย หยวนชิงหลิงปวดจนเหงื่อซึมออกมาตามตัว นางได้แต่ปลอบใจตนเอง เหงื่อออกตอนมีไข้เป็นเรื่องที่ดี

ไท่ซ่างหวงอิ่มแล้ว โบกมือให้เป็นเชิงว่าให้หยวนชิงหลิงพอแล้ว

จักรพรรดิหมิงหยวนและท่านอ๋องลุ่ยก้าวไปดู เห็นว่าข้าวต้มกินไปเกือบครึ่งถ้วย ก็ถอนหายใจออกมา

แพทย์หลวงก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน

ไท่ซ่างหวงผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง จากนั้นมองมาที่หยวนชิงหลิงพร้อมพูดว่า “ดูแลได้ไม่เลวนี่ ช่วงนี้ก็มาดูแลข้า”

หยวนชิงหลิงรอคำนี้มานาน นางย่อตัวลงกลับไปคุกเข่าตามเดิม “เพคะ!”

จักรพรรดิหมิงหยวนเดิมทีคิดจะคัดค้าน แต่ยากที่จะเห็นไท่ซ่างหวงมีความสุข จึงปล่อยเลยตามเลย

อวี่เหวินห่าวเงยหน้าขึ้นสีหน้าดุดัน มองไท่ซ่างหวงอย่างยากที่จะเชื่อ และมองไปที่หยวนชิงหลิงพูดว่า “หลานก็จะมาดูแลท่านปู่ที่นี่”

จักรพรรดิหมิงหยวนมีสีหน้าที่ฉุนเฉียวขึ้น “กล้าดียังไง!”

อวี่เหวินห่าวได้ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง รู้ตัวว่าตนเองพูดผิดไป หลบตาลงต่ำ “หลานผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

หยวนชิงหลิงก็รู้ว่าทำไมจู่ ๆ จักรพรรดิหมิงหยวนถึงเปลี่ยนสีหน้า

สำหรับเธอแล้ว ถือว่ารู้จักราชวงศ์นี้อย่างดีทีเดียว นั่นมาจากความทรงจำของเธอเอง

เรียบเรียงสักหน่อย จะเข้าใจว่าทำไมจักรพรรดิหมิงหยวนทรงกริ้ว

ตอนนี้ยังไม่มีตำแหน่งขององค์รัชทายาท และไท่ซ่างหวงเป็นคนที่มีคุณสมบัติที่สุดที่มีสิทธ์เลือกองค์รัชทายาท จักรพรรดิหมิงหยวนคงเข้าใจว่าอวี่เหวินห่าวต้องการจะฮุบตำแหน่งองค์รัชทายาทไว้แน่ ถึงได้อยากจะดูแลไท่ซ่างหวงที่วังเฉียนคุน

เกรงว่าอวี่เหวินห่าวจะถูกจักรพรรดิหมิงหยวนเข้าใจผิด คิดว่ามักใหญ่ใฝ่สูง หยวนชิงหลิงไม่ได้สำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย ท่านผู้นี้...โหดร้ายเกินไปแล้ว

ไท่ซ่างหวงเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย ท่านกล่าวเรียบ ๆว่า “หากเจ้ามีความกตัญญูจริง ๆ งั้นก็มาเข้าเฝ้าที่วังทุกวัน”

“พ่ะย่ะค่ะ!” อวี่เหวินห่าวโค้งคำนับเป็นการตอบรับ

คนนอกวังรู้ว่าหยวนชิงหลิงต้องอยู่รักษาอาการของไท่ซ่างหวงเพียงลำพัง ต่างประหลาดใจจนพูดไม่ออก

ฉู่หมิงชุ่ยวางสายตาลงต่ำ ยิ้มอ่อน ๆ พูดว่า “ท่านปู่ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว จะใครดูแลก็เหมือนกัน”

ผู้คนคงไม่ได้คิดแบบนั้น ระเบียงใกล้ริมน้ำได้รับแสงจันทร์ก่อน เหตุผลนี้จะมีใครเข้าใจ?

ไท่ซ่างหวงกำลังประชวร หากพระชายาฉู่ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีแบบนี้ พี่ห้าคงพลอยได้ความสนใจมากเป็นพิเศษไปด้วย

ขณะที่อวี่เหวินห่าวเดินออกมา ทุกคนมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ อ๋องจี้ที่มักจะมีท่าทางหยิ่งยโสเสมอ หัวเราะแห้ง ๆ พร้อมพูดอย่างเรียบ ๆ “กลยุทธ์ของน้องห้าช่างหลักแหลมนัก!”

อวี่เหวินห่าวใบหน้าหมองหม่น “ความหมายของท่านพี่ ข้าไม่เข้าใจ โปรดตรัสให้กระจ่างด้วย”

อ๋องจี้ตอกกลับไปว่า “เจ้ารู้อยู่แก่ใจ”

พูดจบ ก็พาพระชายาเดินจากไป

ผู้คนเมื่อเห็นว่าอ๋องจี้ไปแล้ว จึงค่อย ๆ แยกย้ายกันไปทีละคนสองคน อ๋องฉีก้าวมาปลอบใจอวี่เหวินห่าว “ท่านพี่คงไม่ทันยั้งวาจาไว้ ท่านพี่ห้าอย่าไปใส่ใจ”

อวี่เหวินห่าวมองอ๋องฉีครู่หนึ่ง ฉู่หมิงชุ่ยยืนอยู่เงียบ ๆ ข้างอ๋องฉี ทั้งสองหน้าตาคล้ายกันทุกระเบียดนิ้ว

อวี่เหวินห่าวรู้สึกหัวตื้อไปหนึ่งชั่วลมหายใจ สุดท้ายก็ไม่ได้ตอบอะไรอ๋องฉีกลับไป เดินจากไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

อ๋องฉีพูดอย่างขบขัน “แม้แต่ข้าก็เป็นที่ระบายอารมณ์ของพี่ห้า”

ฉู่หมิงชุ่ยพูดอย่างตกในภวังความคิด “กลัวอยู่สิ่งเดียว คือคิดจะตบตาผู้คน”

อ๋องฉีโบกมือ “พี่ห้าไม่ใช่คนแบบนั้น ไป ไปเข้าเฝ้าท่านแม่กัน”

ฉู่หมิงชุ่ยทอดตาลงต่ำ ได้แต่เก็บความสงสัยภายในสายตา

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status