Share

บทที่ 21

Author: จูน
หยวนชิงหลิงลอบมองสีหน้าของไท่ซ่างหวง ผิวหนังที่เป็นสีเขียวค่อย ๆ เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด เสียงลมหายใจลื่นไหลขึ้นมาก เธอถอนลมหายใจออกเฮือกหนึ่ง ในที่สุดก็ช่วยพระองค์ไว้ได้ทันเวลา

ไท่ซ่างหวงมองมาที่อวี่เหวินห่าว พยายามดันตัวขึ้นมาช้า ๆ อวี่เหวินห่าวเห็นเข้าเลยนำเบาะไปวางไว้ที่หลังให้ลุกขึ้นนั่ง

“เจ้าห้า ชายาของเจ้าคนนี้ ดูเหมือนว่าปู่จะไม่เคยเห็นมาก่อน” ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น แต่แตกต่างไปจากคนปกติ เห็นได้ชัดว่ายังไม่แข็งแรงดีนัก

อวี่เหวินห่าวรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ที่ท่านปู่ฟื้นมาก็ถามถึงเรื่องของนางก่อน

ปีนี้ไท่ซ่างหวงนอนติดเตียงมาโดยตลอด หลังจากที่พวกเขาแต่งงาน และสุขภาพของไท่ซ่างหวงไม่ค่อยดี อวี่เหวินห่าวจึงไม่ได้พานางมาเข้าเฝ้า

หยวนชิงหลิงก้มหน้าไม่พูดจา และก็ไม่ได้แสดงออกอะไรเช่นกัน

แต่นางรู้สึกว่าสายตาของไท่ซ่างหวงจับจ้องมาที่ใบหน้าของนาง จ้องมองอย่างพินิจพิจารณา ดวงตาคู่นี้คล้ายมีพลังอำนาจแรงกล้าอย่างถึงที่สุด อย่างกับจะมองให้ทะลุหยวนชิงหลิง

ไท่ซ่างหวงครองบันลังก์มาสามสิบแปดปี ในระยะเวลาที่ถือรวมอำนาจสูงสุด การมีอยู่อันเกรียงไกรของพระองค์นั้น ได้ผ่านการใช้เวลาฝึกฝนจนตกเป็นผลึกออกมา

“เสด็จปู่ นาง… สุขภาพไม่ค่อยดีนัก หลานเลยไม่ได้พานางมาเข้าเฝ้า เพื่อเลี่ยงไม่ให้ท่านติดเชื้อจากนาง” อวี่เหวินห่าวได้แต่อธิบายไปแบบนั้น

“ปู่เป็นคนใกล้ตายแล้ว ยังจะมากลัวติดเชื้ออะไรอีก” ไท่ซ่างหวงยิ้มออกมา น้ำเสียงมีความนุ่มนวล

หยวนชิงหลิงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น แสงอันเฉียบคมที่สัมผัสลงในตาของไท่ซ่างหวง ทำให้นางตกใจจนต้องก้มหน้าลงไปอีกครั้ง

“เสด็จปู่อย่าพูดอย่างนั้น ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร” น้ำเสียงของอวี่เหวินห่าวปนไปด้วยความเสียใจ

จักรพรรดิหมิงหยวนและท่านอ๋องลุ่ยที่อยู่ด้านข้างพูด “สวรรค์จะต้องอยู่ข้างคนดี ๆ อย่างท่านพ่อ”

คนในวังยกข้าวต้มขึ้นถวาย ฉางกงกงเข้ามาดูแล ไท่ซ่างหวงมองเขา “ทำไม? ข้าไม่ควรค่าที่จะได้รับการดูแลจากคนหนุ่มสาวหรือ? แก่ ๆ อย่างเจ้า มองดูลูกตาดำ ๆ ของเจ้านั่นสิอย่างกับอะไรดี? ข้ายังไม่ตาย แต่พอเห็นสภาพเจ้าแล้วนั้นทำให้ข้าจะตกใจตายเสียก่อน ไปไปไป ไปพักผ่อน มีพระชายาฉู่คอยปรนนิบัติดูแลข้าก็พอแล้ว”

ฉางกงกงดูแลไท่ซ่างหวงมาหลายปี รู้อารมณ์ร้ายของไท่ซ่างหวงได้ดี และก็รู้ว่าเขาเข้าใจและเห็นใจตน น้ำตาเริ่มไหลสะอื้นไห้พร้อมบอกว่า “หม่อนฉันไม่เหนื่อย หม่อมฉันจะอยู่ที่นี่ดูแลพระองค์”

“ออกไป!” พอไท่ซ่างหวงกริ้วขึ้นมา ก็เริ่มมีอาการหอบ ท่านกุมมือเอาไว้ที่อก “อยากจะให้ข้าบ้าตายหรืออย่างไร?”

ฉางกงกงเห็นเขาแบบนี้แล้ว ตกใจจนหน้าซีด ตอบไปทันควันว่า “ขอรับ ๆ หม่อมฉันไปแล้ว พระองค์ก็อย่าหงุดหงิดไป ไท่ซ่างหวง!”

หลังจากที่ฉางกงกงออกไปแล้ว หยวนชิงหลิงยังคงคุกเข่าอยู่อย่างงง ๆ ไท่ซ่างหวงก็มองมาที่นาง “ทำไม? ไม่อยากดูแลคนแก่อย่างข้าหรือ?

หยวนชิงหลิงลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นรับถ้วยมาจากคนในวัง แล้วลงไปคุกเข่าตามเดิมอย่างรวดเร็วพร้อมพูดว่า “ไม่ใช่นะเพคะ หม่อมฉันเพียง…เพียงแค่ไม่คาดฝันว่าจะได้รับความกรุณาเพคะ”

“หลานเองพ่ะย่ะค่ะ!” อวี่เหวินห่าวไม่อยากให้นางเข้าไปใกล้ไท่ซ่างหวง จึงอยากป้อนด้วยตนเอง

ไท่ซ่างหวงมองด้วยหางตา “ทำไม? ยอมไม่ได้ที่ให้เมียเจ้ามาดูแลปู่หรือ?”

“ไม่…ไม่ใช่นะพ่ะย่ะค่ะ” อวี่เหวินห่าววางมือลง ในใจรู้สึกแปลก ๆ ที่แม้รู้ว่ามันคือความจริง แต่กลับไม่ค่อยยอมรับให้คนอื่นมาเรียก หยวนชิงหลิงว่าเป็นเมียของเขา

เมียกับชายา ล้วนเป็นคำเรียกเหมือนกัน แต่สำหรับเขาแล้วมันแตกต่างกันมาก

หยวนชิงหลิงคุกเข่าเหยียดหลังตรง ป้อนไท่ซ่างหวงไปหนึ่งคำ

ไท่ซ่างหวงกินเข้าไป ก็พ่นลมออกมา สายตาปนท้อแท้ใจ “อือ นางผู้นี้ช่างสดใส ไม่คิดว่าข้ายังกินได้อีกคำ”

ประโยคนี้ทำให้จักรพรรดิหมิง และท่านอ๋องรุ่ยชิงถึงกับขอบตาชื้น

“เจ้ามานั่งดูแลข้าข้าง ๆ เตียงนี่” ไท่ซ่างหวงกล่าว

หยวนชิงหลิงยิ้มแบบขมขื่น นางรู้สึกปวด จะนั่งที่ไหนได้?

“หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ หม่อมฉันคุกเข่าอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว”

“เรียกให้นั่งก็มานั่ง!” ไท่ซ่างหวงจ้องมองอีกครั้ง

หยวนชิงหลิงได้แต่ลุกขึ้นยืนอย่างหวั่น ๆ นั่งลงไปด้วยความสั่นเทา บนเตียงถึงแม้เบาะจะนุ่ม แต่ทั้งตัวรู้สึกแข็งไปหมด ทั้งยังมีความรู้สึกปวดเข้ามาแทนที่ ปวดถึงขั้นตัวของนางเองสั่นเบา ๆ

อวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆ นาง รู้สึกได้ถึงอาการสั่น

ยาต้มจื่อจินหมดฤทธิ์แล้ว

แววตาของเขาดูขรึมลงพร้อมกับความรู้สึกที่ซับซ้อนผุดขึ้นมาในหัวใจของเขา

ป้อนข้าวต้มไปได้กว่าครึ่งถ้วย หยวนชิงหลิงปวดจนเหงื่อซึมออกมาตามตัว นางได้แต่ปลอบใจตนเอง เหงื่อออกตอนมีไข้เป็นเรื่องที่ดี

ไท่ซ่างหวงอิ่มแล้ว โบกมือให้เป็นเชิงว่าให้หยวนชิงหลิงพอแล้ว

จักรพรรดิหมิงหยวนและท่านอ๋องลุ่ยก้าวไปดู เห็นว่าข้าวต้มกินไปเกือบครึ่งถ้วย ก็ถอนหายใจออกมา

แพทย์หลวงก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน

ไท่ซ่างหวงผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง จากนั้นมองมาที่หยวนชิงหลิงพร้อมพูดว่า “ดูแลได้ไม่เลวนี่ ช่วงนี้ก็มาดูแลข้า”

หยวนชิงหลิงรอคำนี้มานาน นางย่อตัวลงกลับไปคุกเข่าตามเดิม “เพคะ!”

จักรพรรดิหมิงหยวนเดิมทีคิดจะคัดค้าน แต่ยากที่จะเห็นไท่ซ่างหวงมีความสุข จึงปล่อยเลยตามเลย

อวี่เหวินห่าวเงยหน้าขึ้นสีหน้าดุดัน มองไท่ซ่างหวงอย่างยากที่จะเชื่อ และมองไปที่หยวนชิงหลิงพูดว่า “หลานก็จะมาดูแลท่านปู่ที่นี่”

จักรพรรดิหมิงหยวนมีสีหน้าที่ฉุนเฉียวขึ้น “กล้าดียังไง!”

อวี่เหวินห่าวได้ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง รู้ตัวว่าตนเองพูดผิดไป หลบตาลงต่ำ “หลานผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

หยวนชิงหลิงก็รู้ว่าทำไมจู่ ๆ จักรพรรดิหมิงหยวนถึงเปลี่ยนสีหน้า

สำหรับเธอแล้ว ถือว่ารู้จักราชวงศ์นี้อย่างดีทีเดียว นั่นมาจากความทรงจำของเธอเอง

เรียบเรียงสักหน่อย จะเข้าใจว่าทำไมจักรพรรดิหมิงหยวนทรงกริ้ว

ตอนนี้ยังไม่มีตำแหน่งขององค์รัชทายาท และไท่ซ่างหวงเป็นคนที่มีคุณสมบัติที่สุดที่มีสิทธ์เลือกองค์รัชทายาท จักรพรรดิหมิงหยวนคงเข้าใจว่าอวี่เหวินห่าวต้องการจะฮุบตำแหน่งองค์รัชทายาทไว้แน่ ถึงได้อยากจะดูแลไท่ซ่างหวงที่วังเฉียนคุน

เกรงว่าอวี่เหวินห่าวจะถูกจักรพรรดิหมิงหยวนเข้าใจผิด คิดว่ามักใหญ่ใฝ่สูง หยวนชิงหลิงไม่ได้สำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย ท่านผู้นี้...โหดร้ายเกินไปแล้ว

ไท่ซ่างหวงเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย ท่านกล่าวเรียบ ๆว่า “หากเจ้ามีความกตัญญูจริง ๆ งั้นก็มาเข้าเฝ้าที่วังทุกวัน”

“พ่ะย่ะค่ะ!” อวี่เหวินห่าวโค้งคำนับเป็นการตอบรับ

คนนอกวังรู้ว่าหยวนชิงหลิงต้องอยู่รักษาอาการของไท่ซ่างหวงเพียงลำพัง ต่างประหลาดใจจนพูดไม่ออก

ฉู่หมิงชุ่ยวางสายตาลงต่ำ ยิ้มอ่อน ๆ พูดว่า “ท่านปู่ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว จะใครดูแลก็เหมือนกัน”

ผู้คนคงไม่ได้คิดแบบนั้น ระเบียงใกล้ริมน้ำได้รับแสงจันทร์ก่อน เหตุผลนี้จะมีใครเข้าใจ?

ไท่ซ่างหวงกำลังประชวร หากพระชายาฉู่ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีแบบนี้ พี่ห้าคงพลอยได้ความสนใจมากเป็นพิเศษไปด้วย

ขณะที่อวี่เหวินห่าวเดินออกมา ทุกคนมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ อ๋องจี้ที่มักจะมีท่าทางหยิ่งยโสเสมอ หัวเราะแห้ง ๆ พร้อมพูดอย่างเรียบ ๆ “กลยุทธ์ของน้องห้าช่างหลักแหลมนัก!”

อวี่เหวินห่าวใบหน้าหมองหม่น “ความหมายของท่านพี่ ข้าไม่เข้าใจ โปรดตรัสให้กระจ่างด้วย”

อ๋องจี้ตอกกลับไปว่า “เจ้ารู้อยู่แก่ใจ”

พูดจบ ก็พาพระชายาเดินจากไป

ผู้คนเมื่อเห็นว่าอ๋องจี้ไปแล้ว จึงค่อย ๆ แยกย้ายกันไปทีละคนสองคน อ๋องฉีก้าวมาปลอบใจอวี่เหวินห่าว “ท่านพี่คงไม่ทันยั้งวาจาไว้ ท่านพี่ห้าอย่าไปใส่ใจ”

อวี่เหวินห่าวมองอ๋องฉีครู่หนึ่ง ฉู่หมิงชุ่ยยืนอยู่เงียบ ๆ ข้างอ๋องฉี ทั้งสองหน้าตาคล้ายกันทุกระเบียดนิ้ว

อวี่เหวินห่าวรู้สึกหัวตื้อไปหนึ่งชั่วลมหายใจ สุดท้ายก็ไม่ได้ตอบอะไรอ๋องฉีกลับไป เดินจากไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

อ๋องฉีพูดอย่างขบขัน “แม้แต่ข้าก็เป็นที่ระบายอารมณ์ของพี่ห้า”

ฉู่หมิงชุ่ยพูดอย่างตกในภวังความคิด “กลัวอยู่สิ่งเดียว คือคิดจะตบตาผู้คน”

อ๋องฉีโบกมือ “พี่ห้าไม่ใช่คนแบบนั้น ไป ไปเข้าเฝ้าท่านแม่กัน”

ฉู่หมิงชุ่ยทอดตาลงต่ำ ได้แต่เก็บความสงสัยภายในสายตา
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status