พอได้ยินเช่นนั้น ก็รีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามือของเด็กสาวกะโปโลอย่างเธอที่ยังคงอยู่ในชุดเสื้อยืดย้วยๆ กับกางเกงขาสั้นตัวเมื่อวาน อาจทำให้กางเกงราคาแพงของอีกฝ่ายแปดเปื้อนโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่มาเฟียหนุ่มกลับเข้าใจไปว่าที่เธอยอมปล่อยมือเป็นเพราะเกรงกลัวคำขู่ของเขา จึงค่อยๆ ลดปืนลงแล้วเก็บกลับเข้าที่เดิม
"นั่นไง มันอยู่ตรงนั้น!"
เสียงตะโกนคุ้นหู ทำให้เด็กสาวรีบหันขวับไปมองและเห็นว่าลูกน้องสองคนของมาดามแพมกำลังเดินมุ่งหน้ามาทางเธอ
แต่เมื่อทั้งสองเห็นกลุ่มชายชุดดำที่ยืนห้อมล้อมเธออยู่มีจำนวนมากกว่าก็ชะงักและลดความเร็วลง เปลี่ยนมาย่างกรายเข้าหาอย่างระมัดระวังพร้อมกับชักปืนออกมาถือในท่วงท่าเตรียมพร้อมเช่นเดียวกัน
ลดารีบฉวยโอกาสในจังหวะที่คนสองกลุ่มกำลังจ้องจับผิดกันอย่างระแวดระวัง ลอบพาตัวเองเข้าไปในวงล้อมของฝ่ายที่มีจำนวนคนมากกว่า ถึงแม้จะไม่มั่นใจว่าอาจเป็นการหนีเสือปะจระเข้ก็ได้
แต่เด็กสาวก็ขอยอมรับความเสี่ยง ดีกว่าปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในมือของพวกที่กำลังจะพาเธอไปประมูล หรือท้ายที่สุดแล้วหากทุกอย่างแย่ลง ก็คงต้องยอมรับ ว่าชีวิตของเธออาจถูกลิขิตมาแบบนี้ก็ได้
"ส่งนังนั่นมาให้เรา ถ้าพวกแกไม่อยากเดือดร้อน" หนึ่งในลูกน้องของมาดามแพมที่ดูมีอายุมากกว่าอีกคนตะโกนสั่ง
"ไม่ ฉันไม่ไปกับพวกแกหรอก" เด็กสาวส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความหวาดกลัว
"แกคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เลือกหรือไง นังบ้านี่! กลับมากับพวกเราเดี๋ยวนี้"
"ไม่!"
"ฉันสั่งให้พวกแกส่งนังนั่นมา ไม่ได้ยินหรือไง"
"ยืนนิ่งกันแบบนี้ สงสัยพวกมันจะอยากมีเรื่องกับมาดามแพมน่ะพี่" ลูกน้องที่อายุน้อยกว่าหันไปออกความคิดเห็น
"กูว่าไอ้ฝรั่งโง่ๆ พวกนี้ มันคงฟังที่เราพูดไม่เข้าใจมากกว่า" คนเป็นรุ่นพี่แสยะยิ้มน่ารังเกียจ
"แล้วพี่พูดภาษาอังกฤษได้มั้ยล่ะ"
"พอได้"
"ก็พูดกับมันสิพี่"
"ส่งนังนั่นมาให้เราเดี๋ยวนี้ ถ้าพวกแกไม่อยากเดือดร้อน" ประโยคคำสั่งแฝงความข่มขู่ที่ออกมาจากปากของคนอวดดี ฟังดูกระท่อนกระแท่นไม่ได้น่าเกรงกลัวแม้แต่น้อยส่งผลให้อีกฝ่ายยังคงยืนนิ่ง
"แต่ถ้าพวกแกเกิดสนใจนังนั่นขึ้นมา ไว้เจอกันที่ห้องใต้ดินเที่ยงคืนนี้ รับรองว่ามีทั้งสวยและเด็ดกว่านี้อีกหลายคน ตกลงมั้ย?"
"ไม่! พวกคุณได้โปรดช่วยฉันด้วย ฉันไม่ได้เต็มใจให้คนพวกนั้นพาไปประมูลด้วยซ้ำ" อ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งๆ ที่เริ่มรู้สึกว่ามันเป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ
มาเฟียหนุ่มปรายตามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะส่งสัญญาณให้เอริคเข้าไปลากคนตัวเล็กออกมาเพื่อส่งให้ชายสองคนนั้น ถึงแม้หญิงสาวจะพยายามขัดขืน แต่ก็ไม่อาจสู้แรงของคนตัวโตได้
“ขอบใจมากพี่ชาย ไว้เจอกันคืนนี้” ลูกน้องของมาดามแพมกล่าวด้วยความโล่งใจ
“ปล่อยนะ ไอ้พวกบ้า ปล่อยฉัน ไอ้สารเลว ฉันไม่ไปกับพวกแกหรอก!”
“ฤทธิ์เยอะนักนะมึง”
เพียะ!
ฝ่ามือใหญ่ของคนเป็นรุ่นพี่สะบัดเข้าที่ใบหน้าซีดเซียวของเด็กสาวอย่างแรงด้วยความรำคาญ
“เฮ้ยพี่! ระวังหน่อย เดี๋ยวมาดามก็ว่าเอาหรอก ของจะมีตำหนิไม่ได้นะ” รุ่นน้องกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงหวาดๆ
“ก็แค่สั่งสอนเบาๆ เอง ทำเป็นบอบบางไปได้ ดีไม่ดีหลังจากนี้ เธออาจจะตกไปอยู่ในมือผู้ชายซาดิสม์ก็ได้ ใครจะไปรู้"
เด็กสาวเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ใบหน้าซีกซ้ายชาหนึบ ฝืนกลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอไม่ให้ไหลรินลงมาจากดวงตาบวมเป่งที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนักตลอดทั้งคืน
การสูญเสียยายผู้เป็นที่รักยังคงสร้างความเจ็บปวดให้เธออย่างแสนสาหัสและยิ่งทรมานกว่าเดิม เมื่อไม่มีแม้แต่โอกาสร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย เนื่องจากมาดามแพมจัดการทำพิธีอย่างเร่งรีบและจบลงไปเรียบร้อยแล้ว
เด็กสาวหันไปมองใบหน้าหล่อคมคายของคนที่เธอพยายามอ้อนวอนเป็นครั้งสุดท้ายซึ่งอีกฝ่ายก็กำลังจ้องกลับด้วยสีหน้าเย็นชาจนไม่อาจคาดเดาได้ว่า เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
แค่เพียงเสี้ยววินาที เสียงปืนนัดหนึ่งก็ดังสนั่นทำเอาเธอแตกตื่นรีบยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง
ปัง!
"สำหรับประโยคที่มึงกล้าสั่งพวกกู"
ปัง!
"นี่สำหรับถ้อยคำที่พวกมึงด่าพวกกู"
ปัง! ปัง!
“และนี่สำหรับผู้ชายหน้าตัวเมียอย่างมึง!”
กระสุนถูกฝังลงไปที่โคนขาของชายทั้งสองคนโดยไม่ทันได้ตั้งตัวซึ่งคนเป็นรุ่นพี่ที่โดนมากกว่าถึงกับร้องโหยหวนสุดเสียง โลหิตแดงฉานเจิ่งนองไปทั่วพื้น
ลดาเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด ก้อนเนื้อภายในอกเต้นโครมครามแทบทะลุออกมาส่งผลให้จังหวะการหายใจติดขัด
หูของเธออื้ออึงเหมือนกำลังจะหมดสติก่อนจะฟุบลงไปบนพื้นเย็นเยียบ ไม่คิดฝันว่าชีวิตต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้
ด้วยความไม่ใส่ใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น คาลิกซ์เดินจากไปพร้อมลูกน้อง มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ของตนเองทันที
"จะปล่อยเธอไปแบบนั้นจริงๆ เหรอครับ" เอริคถามด้วยน้ำเสียงที่ลังเล หลังจากเข้ามาในห้องชุดอันกว้างขวาง
"แล้วจะให้ทำยังไง”
“คือว่า…”
“เดี๋ยวนะเอริค” สายตาแหลมคมจับจ้องลูกน้องคนสนิทเพราะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ
“มึงสงสารคนอื่นเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่”
"นายอย่าลืมสิครับ ผมเองก็มีน้องสาวด้วยเหมือนกัน"
"..."
"อีกอย่าง เธอดูบอบบางเกินกว่าจะต้องไปทำอะไรแบบนั้น"
"มึงหมายถึงเรื่องประมูลน่ะเหรอ"
"ครับ"
"มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเรานี่"
"แต่สิ่งที่นายทำก่อนหน้านี้ก็เพื่อปกป้องเธอไม่ใช่เหรอครับ"
"เปล่า เพราะมันกล้ามาอวดดีกับคนของเราต่างหาก"
"เข้าใจแล้วครับ" ครั้นเห็นว่าพูดไปก็เปล่าประโยชน์ คนเป็นลูกน้องจึงเลิอกที่จะรายงานสถานการณ์หลังจากนั้น
"ตอนนี้คนของเรากำลังเก็บกวาดอยู่ข้างนอก รวมถึงได้แจ้งคุณแพทริคแล้วครับว่าเกิดอะไรขึ้น"
"อย่าลืมบอกมันด้วยล่ะ ว่านี่เป็นของขวัญวันแต่งงานจากเพื่อนรัก"
ภายในห้องจัดเลี้ยงเพดานสูงโอ่อ่า ประดับประดาด้วยโคมไฟระย้าคริสตัลส่องประกายระยิบระยับดุจดวงดารา ดอกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมหวานฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงแผ่วเบา สร้างบรรยากาศอบอุ่นของงานร่างสูงที่สวมชุดสูทสีกรมท่าเรียบหรูเดินเข้ามาในท่วงท่าสง่าผ่าเผย สะกดแทบทุกสายตาให้หันมาสนใจ ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสนิทของเขา"มาถึงก็ทำโรงแรมกูแปดเปื้อนเลยนะมึง"แพทริค มาเฟียตัวฉกาจจากอิตาลี เขาสนิทสนมกับคาลิกซ์มาอย่างยาวนานไม่ต่างจากรุ่นบิดาที่เป็นเพื่อนรักกันภาพลักษณ์เบื้องหน้า แพทริคเป็นเพียงนักธุรกิจชาวต่างชาติ เจ้าของโรงแรมหรูแห่งนี้ ที่แม้แต่เจ้าสาวอย่าง ชาลิสา ยังไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังที่แท้จริงซึ่งถูกเขาซุกซ่อนเอาไว้"เอริคไม่ได้บอกหรอกเหรอ ว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานจากกู""ตีงูน่ะ ต้องตีให้ตาย ไม่อย่างนั้นมันจะมาแว้งกัดเราได้""มึงสั่งเก็บสองคนนั้น?""เป็นของขวัญแทนคำขอบคุณจากกู"แพทริคพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น สวะสองตัวที่กล้าฉุดพนักงานสาวของเขาไปทำอนาจารในห้องน้ำก็สมควรได้รับจุดจบเช่นนั้น"สมกับเป็นมึงจริงๆ ""...""แล้วนี่เมียมึงอยู่ไหน""จะถามหาเมียกูทำไม"
พอได้ยินเช่นนั้น ก็รีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามือของเด็กสาวกะโปโลอย่างเธอที่ยังคงอยู่ในชุดเสื้อยืดย้วยๆ กับกางเกงขาสั้นตัวเมื่อวาน อาจทำให้กางเกงราคาแพงของอีกฝ่ายแปดเปื้อนโดยไม่ได้ตั้งใจแต่มาเฟียหนุ่มกลับเข้าใจไปว่าที่เธอยอมปล่อยมือเป็นเพราะเกรงกลัวคำขู่ของเขา จึงค่อยๆ ลดปืนลงแล้วเก็บกลับเข้าที่เดิม"นั่นไง มันอยู่ตรงนั้น!"เสียงตะโกนคุ้นหู ทำให้เด็กสาวรีบหันขวับไปมองและเห็นว่าลูกน้องสองคนของมาดามแพมกำลังเดินมุ่งหน้ามาทางเธอแต่เมื่อทั้งสองเห็นกลุ่มชายชุดดำที่ยืนห้อมล้อมเธออยู่มีจำนวนมากกว่าก็ชะงักและลดความเร็วลง เปลี่ยนมาย่างกรายเข้าหาอย่างระมัดระวังพร้อมกับชักปืนออกมาถือในท่วงท่าเตรียมพร้อมเช่นเดียวกันลดารีบฉวยโอกาสในจังหวะที่คนสองกลุ่มกำลังจ้องจับผิดกันอย่างระแวดระวัง ลอบพาตัวเองเข้าไปในวงล้อมของฝ่ายที่มีจำนวนคนมากกว่า ถึงแม้จะไม่มั่นใจว่าอาจเป็นการหนีเสือปะจระเข้ก็ได้แต่เด็กสาวก็ขอยอมรับความเสี่ยง ดีกว่าปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในมือของพวกที่กำลังจะพาเธอไปประมูล หรือท้ายที่สุดแล้วหากทุกอย่างแย่ลง ก็คงต้องยอมรับ ว่าชีวิตของเธออาจถูกลิขิตมาแบบนี้ก็ได้"ส่งนังนั่น
กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย“อืม…” เสียงครางต่ำในลำคอดังขึ้นเป็นระยะ เจ้าของเรือนกายกำยำซึ่งเต็มไปด้วยมวลกล้ามเนื้อตึงแน่น ประดับด้วยรอยสักรูปมังกรพันรอบลำตัว ทว่าส่วนหัวของมันกลับเลือนหายลงสู่ใจกลางความเป็นชายที่กำลังกระหน่ำกระแทกกระทั้นอย่างไม่บันยะบันยังมือใหญ่ทั้งสองข้างจับกระชับสะโพกอวบอัดของสาวรัสเซียผมบลอนด์ที่คลานเข่าอยู่บนขอบเตียงภายในห้องพักของโรงแรมหรูพลางเชิดใบหน้าหล่อคมคายขึ้นขบกรามเข้าหากันแน่น"อึก!"เรียวแขนบอบบางพยายามค้ำยันตัวเองไว้อย่างสุดความสามารถ เพื่อทำหน้าที่รองรับแรงอารมณ์ของอีกฝ่ายที่ทำเอาเธอสั่นสะท้านไปทั่วทั้งเรือนร่างขณะเดียวกัน เจ้าของนัยน์ตาสีเทอร์ควอยซ์คู่ลึกล้ำจับจ้องไปยังท่อนเอ็นแข็งขืนที่ผลุบเข้าออกยังจุดเชื่อมต่อฉ่ำแฉะพลางสะบัดฝ่ามือลงบนก้นงอนงามซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกิดรอยแดงเป็นปื้นหลังจากนั้นเพียงไม่นาน สายธารอุ่นร้อนก็ถูกปลดปล่อยพวยพุ่งลงสู่เกราะป้องกันทุกหยาดหยด แล้วถอดถอนออกมาจากช่องทางอุ่นร้อนพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่ต่างจากสีหน้าไร้อารมณ์“ออกไปได้”คาลิกซ์ มาเฟียอิตาลีวัยสามสิบแปดปีพาตัวเองมุ่งหน้าไปยังห้องอาบน้ำพลางดึงเกราะป้องกันทิ้งลงถ
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย"ยายจ๋า อย่าส่งลดาไปกับคนพวกนั้นเลยนะจ๊ะ”เสียงสะอื้นไห้ปานจะขาดใจดังสะท้อนอยู่ภายใต้หลังคาสังกะสีเกรอะกรังสนิม ในบ้านไม้หลังซอมซ่อที่ทั้งร้อนอบอ้าวและเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าจากแอ่งน้ำขังใต้ถุน บ่งบอกถึงสภาพความเป็นอยู่อันอัตคัดขัดสนของผู้อยู่อาศัย“ยายขอโทษนะหลานเอ๊ย แต่ยายไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ ”น้ำเสียงของหญิงชราสั่นเครือ ขณะจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มของหลานสาวที่ตนคอยชุบเลี้ยงมาเป็นแรมปีด้วยความรักซึ่งบัดนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาอย่างน่าสงสาร“ฮือ~ ไม่ ลดาไม่ไปไหนทั้งนั้น ลดาจะอยู่กับยาย”ลดา เด็กสาววัยสิบแปดปีทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าพลางใช้มือทั้งสองข้างจับชายผ้าถุงสีซีดของผู้เป็นยายไว้แน่นเสมือนเด็กน้อยที่หวาดกลัวการถูกทอดทิ้งพร้อมอ้อนวอนอย่างน่าเวทนาหวังให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจ“เธอทำแบบนั้นไม่ได้หรอกจ้ะหนูน้อย”มาดามแพม สาวใหญ่ผู้ปล่อยเงินกู้ที่คนในระแวกนั้นต่างรู้จักกันดี เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแฝงความเบื่อหน่ายและหมดความอดทน หลังจากต้องทนฟังสองยายหลานโอดครวญจนรู้สึกรำคาญใจ“ฉันจะบอกอะไรให้นะ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เธอเอาไปจ่ายค่าเทอม รวมถึงค่าใช้จ่ายในบ้านล้ว