ภายในห้องจัดเลี้ยงเพดานสูงโอ่อ่า ประดับประดาด้วยโคมไฟระย้าคริสตัลส่องประกายระยิบระยับดุจดวงดารา ดอกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมหวานฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงแผ่วเบา สร้างบรรยากาศอบอุ่นของงาน
ร่างสูงที่สวมชุดสูทสีกรมท่าเรียบหรูเดินเข้ามาในท่วงท่าสง่าผ่าเผย สะกดแทบทุกสายตาให้หันมาสนใจ ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสนิทของเขา
"มาถึงก็ทำโรงแรมกูแปดเปื้อนเลยนะมึง"
แพทริค มาเฟียตัวฉกาจจากอิตาลี เขาสนิทสนมกับคาลิกซ์มาอย่างยาวนานไม่ต่างจากรุ่นบิดาที่เป็นเพื่อนรักกัน
ภาพลักษณ์เบื้องหน้า แพทริคเป็นเพียงนักธุรกิจชาวต่างชาติ เจ้าของโรงแรมหรูแห่งนี้ ที่แม้แต่เจ้าสาวอย่าง ชาลิสา ยังไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังที่แท้จริงซึ่งถูกเขาซุกซ่อนเอาไว้
"เอริคไม่ได้บอกหรอกเหรอ ว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานจากกู"
"ตีงูน่ะ ต้องตีให้ตาย ไม่อย่างนั้นมันจะมาแว้งกัดเราได้"
"มึงสั่งเก็บสองคนนั้น?"
"เป็นของขวัญแทนคำขอบคุณจากกู"
แพทริคพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น สวะสองตัวที่กล้าฉุดพนักงานสาวของเขาไปทำอนาจารในห้องน้ำก็สมควรได้รับจุดจบเช่นนั้น
"สมกับเป็นมึงจริงๆ "
"..."
"แล้วนี่เมียมึงอยู่ไหน"
"จะถามหาเมียกูทำไม"
"หึงหรือไง ไหนว่าไม่ได้รัก"
"มึงอยากตาย?"
"หึ! กูแค่อยากทักทาย"
"มึงน่ะเหรอ อยากทักทายคนอื่นก่อน"
"คนอื่นที่ไหนกัน นั่นเมียเพื่อน"
"มึงกำลังกวนส้นตีน"
"แล้วก็บอกว่าไม่รักเมีย"
แพทริคขบกรามเข้าหากันแน่น นัยน์ตาสีน้ำตาลคาราเมลเป็นประกายวาววับขณะจ้องมองใบหน้าคมคายของเพื่อน
ครั้นคาลิกซ์เห็นอากัปกิริยาของอีกฝ่ายก็ถึงกับยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าสาวของงานเดินมุ่งหน้ามาทางพวกเขา
"สวัสดีค่ะ คุณคาลิกซ์" เจ้าของเรือนร่างสูงระหงในชุดเจ้าสาวสีงาช้างกล่าวทักทายเพื่อนสนิทของสามีพร้อมรอยยิ้มหวานละมุน
"สวัสดีครับ ยินดีด้วยนะครับ"
"ขอบคุณนะคะ ที่อุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกล"
"ยินดีครับ วันสำคัญของเพื่อนทั้งทีจะไม่มาได้ยังไงกัน"
"ขาดเหลืออะไรก็บอกนะคะ" ใบหน้าสวยหมดจดเปื้อนรอยยิ้มไม่จางหายก่อนจะหันไปมองเจ้าบ่าวของตัวเอง
"แขกอยากถ่ายรูปกับคุณค่ะ"
"ครับ เดี๋ยวผมตามไป" แพทริครอให้เจ้าสาวเดินออกไปจากตรงนั้นแล้วหันกลับมากระซิบกระซาบกับเพื่อน
"คืนนี้หลังเลิกงาน กูจะไปหามึงที่ห้อง"
"พูดอะไรชวนขนลุกชะมัด"
"กูพูดจริง เพราะฉะนั้น อย่าแม้แต่จะบินกลับโดยไม่บอกกู"
"แล้วทำไมกูต้องเชื่อฟังมึง"
"เพราะกูมีที่ที่อยากพามึงไป"
"แต่กูไม่ได้อยากไปไหนทั้งนั้น"
"ไว้เจอกัน" แพทริคตัดบทแล้วเดินออกไปจากตรงนั้น
คาลิกซ์อยู่ในงานต่ออีกสักพักจึงกลับมาที่ห้องพักด้วยความเบื่อหน่าย เขาถอดสูทตัวนอกออกวางพาดบนพนักโซฟา แล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตจนเผยให้เห็นแผงอกแกร่ง ตามด้วยกระดุมที่ข้อมือทั้งสองข้างก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอก
ร่างสูงเดินไปหยิบไวน์ขาวพร้อมแก้วหนึ่งใบวางบนโต๊ะพลางทิ้งกายลงบนโซฟาตัวยาวเพื่อผ่อนคลายก่อนจะเอื้อมมือรินไวน์ใส่แก้วแล้วกระดกรวดเดียวจนหมด
นัยน์ตาคู่นั้นเหม่อมองไปยังทัศนียภาพยามค่ำคืนของเมืองหลวง ความเงียบสงัดทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูก
กระทั่งเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมงที่มาเฟียหนุ่มนั่งอยู่ตรงนั้นก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตูพร้อมฝีเท้าที่เดินเข้ามา
"คิดว่าเป็นเจ้าของโรงแรมแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ" เอ่ยปากพูดโดยไม่แม้แต่จะหันไปมอง
"กูทำแบบนี้กับมึงแค่คนเดียว"
"ควรดีใจ?"
"แต่กูดีใจ ที่มึงยังไม่กลับ" ว่าแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา
"ที่ยังไม่กลับเพราะกูยังไม่อยากกลับ ไม่ใช่อยู่รอมึง"
"เข้าใจแล้วครับเพื่อน"
"..."
"สีหน้ามึงดูไม่ค่อยดีนะ ของขาดหรือไง"
"คนอย่างกูน่ะเหรอจะของขาด"
"แต่สภาพมึงบ่งบอกว่าแบบนั้น"
"ว่าแต่มึงเถอะ คืนแต่งงานอะไรวะ ถึงได้ออกมาจากห้องหอได้"
"จะวันแต่งงานหรือวันไหนๆ มันก็เหมือนกันนั่นแหละ"
"เมียมึงก็แปลก ที่ยอมปล่อยให้ออกมา"
"พอกูบอกว่าจะมาหามึง เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร"
"..."
"พร้อมยัง"
"จะพากูไปที่ที่มึงว่าน่ะเหรอ"
"ใช่ ตอนนี้ที่ห้องลับใต้ดินกำลังจะเริ่มประมูลผู้หญิงสามคนสุดท้ายซึ่งเป็นทีเด็ดของงานนี้"
"ยังไง"
"ว่ากันว่า...พวกเธอยังบริสุทธิ์"
"บริสุทธิ์? แล้วจะมั่นใจได้ยังไง ว่าเธอจะเป็นแบบนั้นจริงๆ "
"คนที่ได้ไปเท่านั้นถึงจะรู้" แววตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์และท้าทาย
"..."
"แต่สิ่งที่มันสนุกและน่าตื่นเต้นกว่านั้นคือ สองในสามคนนี้มีตัวหลอกอยู่ด้วย"
"ก็แสดงว่าสาวบริสุทธิ์มีแค่คนเดียว"
"ใช่"
"ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากด้วยวะ"
"เพราะนอกจากแววตาที่เฉียบคมเรื่องผู้หญิง ยังต้องอาศัยดวงเข้าช่วยด้วยว่ะ น่าสนใจใช่มั้ยล่ะ"
"กูไม่ชอบผู้หญิงบริสุทธิ์ พวกเธอไม่เป็นงาน"
คนที่ผ่านความสัมพันธ์ฉาบฉวยและผู้หญิงมาหลากหลายรูปแบบอย่างคาลิกซ์ ไม่ได้โปรดปรานหรือมีรสนิยมตามล่าหาสาวบริสุทธิ์ไว้สนองตัณหาของตัวเอง
"บางทีคนที่มึงเลือก อาจจะไม่บริสุทธิ์แล้วก็ได้ ใครจะไปรู้" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มตรงมุมปาก แฝงความนัยที่คลุมเครือราวกับกำลังทดสอบอะไรบางอย่าง
"มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบสาวไทย"
"อย่าอคติไปหน่อยเลย ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเหมือนอย่างที่มึงเคยเจอ"
"หุบปาก"
"โอเค กูจะไม่พูดเรื่องนี้อีก ก็แค่ชวนไปเล่นสนุกๆ อย่าคิดมากสิ"
"หึ! แล้วคนวงในอย่างมึงล่ะ รู้หรือเปล่า ว่าผู้หญิงบริสุทธิ์คนนั้นเป็นใคร"
"กูยอมรับเลยว่า ยังไม่เคยเห็นผู้หญิงพวกนั้นแม้แต่คนเดียว"
คาลิกซ์ได้ยินอย่างนั้นก็ทวนถามในสิ่งที่เขามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเพื่อนต้องการอะไร
"เลยอยากไปให้เห็นกับตาว่าเรดาร์ของตัวเองยังใช้งานได้อยู่มั้ย?"
"เออ!"
"แต่มึงอย่าลืมสิ ว่าตัวเองเพิ่งจะแต่งงาน"
"แต่งงานแล้วทำไมล่ะ"
"เลวบัดซบดีจริงๆ "
"กูมีเหตุผลของกูก็แล้วกัน"
"..."
"ว่าไง มึงสนใจไปกับกูมั้ยล่ะ"
"กลับมาแล้วค่า~" เสียงหวานเจื้อยแจ้วดังขึ้นทันทีที่เยื้องย่างเข้าไปในคฤหาสน์หลังโอ่อ่ากลิ่นหอมอ่อนๆ ของมวลดอกไม้ที่ประดับอยู่ตามมุมต่างๆ ลอยตลบอบอวล ผสานอากาศเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ราวกับต้องการปลอบประโลมความเหนื่อยล้าทั้งหมดที่หญิงสาวกำลังเผชิญ"กลับมาแล้วเหรอคะคุณหนู วันนี้ป้าเตรียมผลไม้ไว้ให้ด้วยนะคะ ได้มาจากตลาดสดเมื่อเช้านี้เลย"น้ำเสียงอบอุ่นดังแว่วมาจากห้องครัว ก่อนที่ร่างของ เมแกน แม่บ้านวัยกลางคน ชาวอิตาลีจะเดินออกมาพร้อมจานผลไม้ในมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มใจดีริมฝีปากของลดาแย้มยิ้มสดใสโดยหลงลืมไปชั่วขณะว่าใบหน้าและมุมปากมีบางอย่างที่ต้องปกปิด เธอวางกระเป๋าลงบนโซฟากลางพื้นที่นั่งเล่น ก่อนจะหันกลับมารับจานผลไม้จากแม่บ้าน"เมื่อไหร่ป้าเมแกนจะเลิกเรียกลดาว่าคุณหนูล่ะคะ"&nb
สองปีต่อมา...เพียะ!เสียงฝ่ามือกระทบแก้มนวลเนียนดังสนั่นทั่วบริเวณป้ายรถโดยสารประจำทาง ทำเอาเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มสะบัดไปตามแรงตบเหมือนภาพสโลว์โมชั่นพร้อมดวงตากลมโตที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ ความเจ็บแปลบและร้อนผ่าวค่อย ๆ แผ่ซ่านไปทั่วแก้มซีกนั้นสายตาของผู้คนรอบข้างหันมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น บางคนกระซิบกระซาบกันเบา ๆ ขณะที่อีกหลายคนกำลังยืนดูด้วยความสนใจ"แกนี่มันร้ายจริง ๆ คิดจะแย่งแฟนคนอื่นเหรอ!" เสียงของรุ่นพี่ปีสี่ที่อยู่ในชุดนักศึกษา มหาวิทยาลัยชื่อดังเฉกเช่นเดียวกันกับอีกฝ่ายตวาดลั่นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจากแรงโทสะลดากะพริบตาถี่ ๆ ยกมือขึ้นกุมแก้มที่ยังรู้สึกชา หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะทั้งจากความเจ็บและความตกใจ"ฉัน...ไม่ได้ทำ"เสียงของเธอขาดหายไป เมื่อตระหนักได
"เธอเป็นตัวนำโชคของฉันจริงๆ" มาดามแพมเอ่ยพลางคลี่รอยยิ้มกว้าง ดวงตาทอประกายวาววับด้วยความพึงพอใจอย่างปิดไม่มิด ขณะจ้องมองเด็กสาวที่เพิ่งถูกประมูลไปในราคาสูงลิบลิ่ว เดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้า"อีกสักพักลูกน้องของคนที่ประมูลเธอไปจะมารับ แล้วก็อย่าลืมทำตัวดีๆ กับคุณเขาล่ะ"ประโยคย้ำเตือนพวกนั้นยิ่งทำให้ลดารู้สึกหนักอึ้ง ราวกับเป็นตราประทับถึงความจริงอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ว่าเธอถูกขายไปแล้ว...หลังจากนี้ ชะตากรรมของเด็กสาวขึ้นอยู่กับผู้ที่ได้ครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นเพียงค่ำคืนเดียวแล้วแยกย้ายจากกันไป หรือถูกเลี้ยงดูตราบนานเท่านานก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เป็นเจ้าของเท่านั้น"ไม่ว่าจะยังไงก็อย่าทอดทิ้งการเรียนเป็นอันขาด ยายคงกำลังเฝ้ามองความสำเร็จของเธอ"คำพูดของมาดามแพมดึงสติของลดากลับมาทันทีที่ได้ยินคำว่า ยาย ดวงตาของเธอเริ่มร้อนผ่าว ริมฝีปากเม้มแน่น พยายามกลืนก้อนสะอื้นที่กำลังก่อตัวลงไปในลำคอมาดามแพมเห็นท่าทีเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดเสียงเข้ม"ห้ามร้องไห้ เดี๋ยวหน้าตาก็ดูไม่ได้กันพอดี"เด็กสาวเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สูดลมหายใจลึก พยายามระงับอารมณ์ทั้งหมดเอาไว้ แต่ไม่อาจซ่อนความสั่นไหวในน้
“ถ้ากล้าสร้างเรื่องอีก ฉันไม่เอาเธอไว้แน่”มาดามแพมเอ่ยข่มขู่เด็กสาวด้วยสีหน้าจริงจัง แววตาคมกริบตวัดมองผ่านกระจกเงา ก่อนจะหันไปย้ำเตือนช่างแต่งหน้าสาวสองอีกครั้ง“เหลือเวลาอีกสิบห้านาที”“ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ มาดาม” ช่างแต่งหน้าปริปากตอบด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นพร้อมขยับมือบรรจงทาลิปสติกสีระเรื่อบนเรียวปากกระจับสวยของเด็กสาวแม้หัวใจของลดาจะเต้นรัวแรงเพราะถ้อยคำข่มขู่ของมาดามแพม แต่เธอก็ทำได้เพียงก้มหน้ารับชะตากรรมโดยการนั่งนิ่งๆ ปล่อยให้ช่างแต่งหน้าเติมแต่งทุกอย่างตามต้องการดวงตากลมโตวูบไหวอีกครั้ง ครั้นนึกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ หัวใจหนักอึ้งเมื่อคิดว่าความงามที่ถูกแต่งแต้มขึ้น ไม่ใช่เพื่อตัวเธอเอง แต่เพื่อเป็นสินค้าให้กับใครบางคนที่พร้อมจะจ่ายในราคาสูงสุดเด็กสาวเริ่มขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกถึงชุดเดรสผ้าซาตินที่แนบชิดผิวกายราวกับพันธนาการ เธออยากจะถอดมันทิ้ง อยากลบเครื่องสำอางทั้งหมดออกจากใบหน้า แต่ทำได้เพียงกำมือเข้าหากันแน่น พยายามระงับความหวาดหวั่นที่ก่อตัวขึ้นในอกมาดามแพมที่สังเกตเห็นปฏิกิริยาของเด็กสาวค่อยๆ โน้มตัวลงกระซิบน้ำเสียงเย็นยะเยือกกว่าเดิม“อย่าลืมสิ ว่าถ้า
ภายในห้องจัดเลี้ยงเพดานสูงโอ่อ่า ประดับประดาด้วยโคมไฟระย้าคริสตัลส่องประกายระยิบระยับดุจดวงดารา ดอกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมหวานฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงแผ่วเบา สร้างบรรยากาศอบอุ่นของงานร่างสูงที่สวมชุดสูทสีกรมท่าเรียบหรูเดินเข้ามาในท่วงท่าสง่าผ่าเผย สะกดแทบทุกสายตาให้หันมาสนใจ ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสนิทของเขา"มาถึงก็ทำโรงแรมกูแปดเปื้อนเลยนะมึง"แพทริค มาเฟียตัวฉกาจจากอิตาลี เขาสนิทสนมกับคาลิกซ์มาอย่างยาวนานไม่ต่างจากรุ่นบิดาที่เป็นเพื่อนรักกันภาพลักษณ์เบื้องหน้า แพทริคเป็นเพียงนักธุรกิจชาวต่างชาติ เจ้าของโรงแรมหรูแห่งนี้ ที่แม้แต่เจ้าสาวอย่าง ชาลิสา ยังไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังที่แท้จริงซึ่งถูกเขาซุกซ่อนเอาไว้"เอริคไม่ได้บอกหรอกเหรอ ว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานจากกู""ตีงูน่ะ ต้องตีให้ตาย ไม่อย่างนั้นมันจะมาแว้งกัดเราได้""มึงสั่งเก็บสองคนนั้น?""เป็นของขวัญแทนคำขอบคุณจากกู"แพทริคพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น สวะสองตัวที่กล้าฉุดพนักงานสาวของเขาไปทำอนาจารในห้องน้ำก็สมควรได้รับจุดจบเช่นนั้น"สมกับเป็นมึงจริงๆ ""...""แล้วนี่เมียมึงอยู่ไหน""จะถามหาเมียกูทำไม"
พอได้ยินเช่นนั้น ก็รีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามือของเด็กสาวกะโปโลอย่างเธอที่ยังคงอยู่ในชุดเสื้อยืดย้วยๆ กับกางเกงขาสั้นตัวเมื่อวาน อาจทำให้กางเกงราคาแพงของอีกฝ่ายแปดเปื้อนโดยไม่ได้ตั้งใจแต่มาเฟียหนุ่มกลับเข้าใจไปว่าที่เธอยอมปล่อยมือเป็นเพราะเกรงกลัวคำขู่ของเขา จึงค่อยๆ ลดปืนลงแล้วเก็บกลับเข้าที่เดิม"นั่นไง มันอยู่ตรงนั้น!"เสียงตะโกนคุ้นหู ทำให้เด็กสาวรีบหันขวับไปมองและเห็นว่าลูกน้องสองคนของมาดามแพมกำลังเดินมุ่งหน้ามาทางเธอแต่เมื่อทั้งสองเห็นกลุ่มชายชุดดำที่ยืนห้อมล้อมเธออยู่มีจำนวนมากกว่าก็ชะงักและลดความเร็วลง เปลี่ยนมาย่างกรายเข้าหาอย่างระมัดระวังพร้อมกับชักปืนออกมาถือในท่วงท่าเตรียมพร้อมเช่นเดียวกันลดารีบฉวยโอกาสในจังหวะที่คนสองกลุ่มกำลังจ้องจับผิดกันอย่างระแวดระวัง ลอบพาตัวเองเข้าไปในวงล้อมของฝ่ายที่มีจำนวนคนมากกว่า ถึงแม้จะไม่มั่นใจว่าอาจเป็นการหนีเสือปะจระเข้ก็ได้แต่เด็กสาวก็ขอยอมรับความเสี่ยง ดีกว่าปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในมือของพวกที่กำลังจะพาเธอไปประมูล หรือท้ายที่สุดแล้วหากทุกอย่างแย่ลง ก็คงต้องยอมรับ ว่าชีวิตของเธออาจถูกลิขิตมาแบบนี้ก็ได้"ส่งนังนั่น