Mag-log inหลังจากที่วางสายจากมาเฟียหนุ่มแล้ว ร่างเล็กยกมือขึ้นกุมหน้าอย่างเหนื่อยใจ แล้วเอ่ยขอโทษกับเพื่อนว่าคืนนี้คงไปนอนด้วยไม่ได้ ซึ่งดาร์ลิ่งเองก็พยักหน้าเข้าใจ แต่ยังส่งสายตาเป็นห่วงให้
ปรี๊ด! ปรี๊ด!
แต่ขณะที่พูดคุยกับเพื่อนนั้น ก็เสียงบีบแตรจากด้านหลังทำให้ทั้งคันสะดุ้งเล็กน้อย ลีอาห์จึงรีบหันไปมองด้วยความสงสัย
“แกว่ารถคันนั้นบีบแตรใส่รถเราไหม”
“จากที่ดูน่าจะใช่นะ แต่เขาจะให้เราหยุดทำไมกัน” ดาร์ลิ่งบ่น พลางเบี่ยงรถเข้าจอดริมฟุตพาท
โดยรถคันที่ขับตามมาจอดทางด้านหลัง สักพักประตูรถคันนั้นเปิดออกและคนในชุดสุภาพก้าวลงมา เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงด้านที่เธอนั่ง
ซึ่งร่างเล็กเห็นแบบนั้นก็หันไปมองเพื่อน จากนั้นก็หันกลับมากดเลื่อนกระจกลงเล็กน้อย แล้วถามออกไป
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมวศินครับ เป็นลูกน้องของคุณมาโคร”
“.....” พอได้ยินชื่อของมาเฟียหนุ่ม หญิงสาวก็เลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ “ค่ะ ทำไมคะ”
“นายให้ผมมารับคุณลีอาห์กลับบ้านครับ”
“ฉันกำลังกลับค่ะ”
“ลงมาเถอะครับ กลับกับผม”
“แต่ฉันก็จะกลับเหมือนกัน คุณไปเถอะ เดี๋ยวฉันให้เพื่อนไปส่ง” ลีอาห์ยิ้มแห้ง พยายามให้เหตุผล แต่หัวใจเต้นแรงขึ้นทุกที
“ไปกับผมเถอะนะครับ ถ้าคุณไม่ไปกับผม นายต้องเอาผมตายแน่”
พอได้ยินคำพูดของคนที่ยืนอยู่ หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาพรืดยาว หันไปเอ่ยลาเพื่อนสาว จากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถแล้วรีบเดินตามบอดีการ์ดหนุ่มมาที่รถอีกคันที่จอดอยู่
หลังจากที่นั่งรถมาประมาณยี่สิบนาที รถที่เธอนั่งอยู่ก็ขับเข้ามาจอดบริเวณโรงจอดรถของคฤหาสน์ ก่อนที่เครื่องยนต์จะดับลง
บอดีการ์ดหนุ่มรีบเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้ เมื่อเห็นแบบนั้น เธอก็รีบก้าวลงจากรถ พร้อมกับเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
บอดีการ์ดหนุ่มตอบกลับพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะถอยไปยืนข้างรถเพื่อรอให้เธอเดินเข้าไปในตัวคฤหาสน์
ซึ่งลีอาห์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วรีบก้าวเดินไปตามทางเข้าบ้าน แต่ทว่าในขณะที่เธอกำลังถอดรองเท้า เสียงหนึ่งกลับดังขึ้นจากด้านหลัง
“เมี้ยว~”
ร่างเล็กหยุดชะงักทันที หันขวับไปตามเสียงนั้น ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย “เสียงแมวเหรอ”
“เมี้ยว~ เมี้ยว~”
เสียงร้องนั้นดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม ฟังดูแผ่วเบาและสั่นเหมือนมาจากลูกแมวตัวเล็กที่กำลังขอความช่วยเหลือ
“เสียงแมวจริงด้วย” เธอพึมพำ ก่อนจะรีบเดินอ้อมไปทางด้านหลังบ้านโดยลืมความเหนื่อยที่มีไปชั่วขณะ
โดยเมื่อมาถึงโซนหลังบ้าน เธอกวาดสายตาไปรอบ ๆ พื้นที่เงียบสงบ มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟดวงเล็ก ๆ ที่ส่องให้เห็นแนวพุ่มไม้
“อยู่ไหนนะ” ร่างเล็กพูดเบา ๆ พร้อมกับก้มตัวลงสำรวจตามพุ่มไม้ทีละจุด แต่ถึงจะมองเท่าไหร่ก็ยังไม่เห็นตัวแมวที่เป็นต้นเสียงเลย
หญิงสาวก็เดินออกมาเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณโซนด้านหลังของคฤหาสน์ที่ไกลออกมาค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เจ้าของบ้านได้กำชับกับเธอไว้ตั้งแต่วันแรกที่เธอเหยียบเข้ามาอยู่ที่นี่ว่าห้ามเข้ามาเด็ดขาด
“คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง” เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พยายามปลอบใจตัวเองให้กล้าเดินต่อ เพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว มาเฟียหนุ่มคงหลับไปแล้ว ถ้ารีบ ๆ หาลูกแมวให้เจอ ก็คงกลับขึ้นบ้านได้โดยไม่มีใครรู้
“รีบหา รีบกลับดีกว่า” ร่างเล็กกลืนน้ำลายลงคอเบา ๆ ก่อนจะก้มตัวเดินตามเสียงร้องของแมวที่ยังดังแผ่ว ๆ อยู่แถวนั้นต่อ พลางใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือส่องหาตามพุ่มไม้
เสียงใบไม้แห้งที่ถูกเหยียบดังตามจังหวะก้าวเท้า เธอพยายามเพ่งมองหาตัวแมว แต่แล้วจู่ ๆ เสียงทุ้มเข้มก็ดังขึ้นจากความเงียบ
“ตอบกู!”
เสียงตะโกนดังจนหัวใจของร่างเล็กเต้นโครม ๆ ขึ้นมาทันที เธอชะงักอยู่กับที่ แสงไฟจากมือถือสั่นไหวตามแรงมือที่เริ่มสั่นเพราะความตกใจ
ลีอาห์จะไม่รู้สึกหรือแปลกใจเลย ถ้าเสียงนั้นไม่ใช่เสียงของมาโครเจ้าของคฤหาสน์
“ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่นอนอีกเหรอ เขาทำอะไรอยู่นะ” เธอบ่นพึมพำเบา ๆ ทั้งที่ในใจเริ่มไม่แน่ใจว่าควรจะอยู่ต่อหรือหนีออกไปดี แต่ความอยากรู้อยากเห็นกลับรั้งขาเธอไว้
หญิงสาวค่อย ๆ เดินตามเสียงนั้นไปอย่างระมัดระวัง จนมาหยุดอยู่บริเวณด้านข้างของห้องเล็ก ๆ ที่มีหน้าต่างบานหนึ่งเปิดแง้มไว้ เธอเห็นแบบนั้น จึงแอบชะโงกหน้าไปมองอย่างเงียบที่สุด
“ผมขอโทษครับนาย ผมกลัวแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ”
เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ… ภายในห้องนั้น มีเพียงไฟดวงเดียวที่ส่องสว่าง เงาร่างสูงในชุดเชิ้ตสีดำยืนหันหลังให้เธออยู่ ใบหน้าแม้มองไม่ชัด แต่เสียงของเขาก็ชัดเจนจนหัวใจของเธอเต้นแรงแทบจะทะลุออกมานอกอก
“มึงคิดว่ามึงจะทรยศกู แล้วกูจะปล่อยไปง่าย ๆ เหรอ” เสียงทุ้มเย็นเฉียบของมาโครดังขึ้นช้า ๆ
ซึ่งลีอาห์ที่มองอยู่ก็เผลออ้าปากค้าง ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด
ฉึบ! ฉึบ!
“ผ้าครับนาย”
มาโครยื่นมือไปรับผ้าที่เดวิดส่งมาให้ ขณะที่บรรยากาศหนักอึ้งจนแทบไม่มีอากาศให้หายใจ กลิ่นคาวเลือดอ่อน ๆ ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศผสมกับกลิ่นควันบุหรี่ที่ยังคงลอยวนอยู่ทั่วห้อง
ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตดำพับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอก เผยให้เห็นข้อมือที่เปื้อนเลือดเป็นรอยบาง ๆ เขายืนหันหลังให้คนที่ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ตรงกลางห้อง ใบหน้าของเขานิ่งสนิทจนยากจะอ่านอารมณ์ออก
“มึงรู้ไหมว่ากูเกลียดอะไรมากที่สุด” มาโครพูดขึ้นเสียงเรียบ ขณะใช้ผ้าเช็ดมืออย่างใจเย็น ก่อนจะหันกลับมามองเหยื่อที่หน้าซีดเผือดด้วยความกลัวสุดขีด
“ผะ...ผมขอโทษครับนาย ผมไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ พวกนั้นมันบังคับผม”
“บังคับ?” เขาทวนคำพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบา ๆ เสียงหัวเราะเย็นเยียบจนคนฟังแทบหยุดหายใจ “ถ้ามึงไม่อยากให้ใครบังคับ มึงก็แค่ต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งไหนให้ชัด”
“นาย ผมผิดไปแล้ว ผมจะไม่ทำอีก ผมสาบานเลย”
มาโครเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ โน้มตัวลง กระซิบข้างหูอีกฝ่ายเสียงแผ่ว
“คำสาบานไม่มีค่าอะไรสำหรับคนโกหก”
แกรก!
เสียงปลดเซฟปืนดังขึ้นในความเงียบ หัวใจของชายที่ถูกมัดเต้นระรัวราวจะหลุดออกจากอก มือสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
“นาย อย่าทำเลยครับ ผมมีลูก มีเมียนะนาย”
“เพราะมึงมีพวกนั้นไง” มาโครยกปืนขึ้นช้า ๆ ดวงตาคมเข้มไม่มีแววลังเลแม้แต่น้อย “กูถึงต้องจัดการให้หมดปัญหา”
ปัง!
เสียงปืนดังลั่นสะท้อนในห้องปิด เศษปลอกกระสุนกระเด้งตกพื้นดัง พร้อมกับร่างของชายทรยศที่ทรุดฮวบลงทันที
มาโครลดปืนลงช้า ๆ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกเหมือนเพิ่งปลดปล่อยแรงกดดันออกจากร่าง เขามองศพนิ่ง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
“เก็บกวาดให้เรียบร้อย”
“ครับนาย”
ลูกน้องที่ยืนรออยู่มุมห้องขานรับพร้อมก้าวเข้ามาจัดการอย่างรวดเร็ว
มาเฟียหนุ่มที่เห็นแบบนั้นก็ส่งปืนที่เพิ่งยิงเมื่อกี้ให้กับเดวิด แต่ทันใดนั้น เขาก็ชะงักเล็กน้อย เพราะจมูกดันได้กลิ่นหอมจาง ๆ ของน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ที่เขาจำได้ดีว่ามันกลิ่นของใคร…
หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันที เขาเหลือบมองรอบห้องอย่างระแวดระวัง ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องด้วยฝีเท้าที่เร็ว
“มีอะไรหรือเปล่าครับนาย”
เดวิดถามตามหลังด้วยความสงสัย แต่มาโครไม่ตอบ เขาเพียงยกมือขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงให้ลูกน้องเงียบ แล้วเดินอ้อมไปทางด้านนอกตัวห้อง
ซึ่งมาเฟียหนุ่มก็บังเอิญพบเข้ากับยางรัดผมสีพาสเทลที่ตกอยู่
เขาก้มตัวลงเก็บมันขึ้นมา ปลายนิ้วของเขาแตะสัมผัสสิ่งนั้นอย่างแผ่วเบา ดวงตาคมเข้มฉายแววเข้มขึ้นช้า ๆ ก่อนริมฝีปากจะคลี่ยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา
“ขัดคำสั่งอีกแล้วสินะ”
วันต่อมา...หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ สองสามีภรรยาพากันขับรถมาที่บ้านใหญ่เพื่อมารับลูกชายเพื่อกลับบ้าน โดยทันทีที่ก้าวลงจากรถ ทั้งสองก็เดินจูงมือเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ ก่อนจะพบพ่อแม่ของมาโครที่กำลังนั่งเล่นกับหลานอยู่ที่ห้องโถงกลางบ้านหญิงสาวก็ยกมือไหว้พ่อแม่สามีตามมารยาท คุณแม่ก็ส่งยิ้มกลับมาให้ ส่วนคุณพ่อแม้สีหน้ายังคงเรียบนิ่ง แต่ก็ดูผ่อนคลายกว่าเดิมที่ผ่านมามาก“ผมมารับลูกกลับบ้านครับ” มาเฟียหนุ่มเอ่ยขึ้น“กลับเร็วจัง ให้หลานมาแค่วันเดียวเองเนี่ยนะ” เสียงทุ้มของพ่อสามีแทรกขึ้น "ครับ" มาโครเดินจูงมือภรรยาสาวมานั่งโซฟาที่ว่าง“ทําไมมารับเร็วจัง แม่คิดว่าจะมารับตอนเย็นเสียอีก” “คือตอนเที่ยงหนูมีนัดทานข้าวกับพี่สาวค่ะ เลยจะพาตัวเล็กไปด้วย” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้ม“ไปกินเสร็จแล้วค่อยมารับไม่ได้เหรอ” เสียงพ่อสามีดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวก็เงยหน้ามองสามีอย่างขอความเห็น“ผมอยากให้ลูกผมไปด้วยครับ ทำไมครับ ยังอยากเล่นกับหลานอยู่เหรอ” ชายหนุ่มจึงเอ่ยเสียงเรียบแต่หนักแน่น“ใช่” พ่อสามีตอบรับสั้น ๆ“งั้นไว้วันหลังแล้วกัน วันนี้ผมอยากให้ลูกไปด้วย”บรรยากาศรอบตัวเงี
และการเสร็จสมครั้งนี้ มาโครก็ปลดปล่อยออกมามากกว่าปกติพอสมควร เนื่องจากตัวเขาเองก็ไม่ได้ปลดปล่อยออกมานานแล้วเหมือนกัน อีกทั้งการเล้าโลมของภรรยาสาวก็เร่าร้อนจนเขาแทบจะสำลักความสุขเลยด้วยลีอาห์บรรจงกลืนหยาดน้ำรักของสามีลงคอให้มากที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ ก่อนจะค่อย ๆ โลมเลียทำความสะอาดท่อนเอ็นใหญ่ของเขาจนเสร็จสรรพ“ซี้ดดด รู้สึกดีเป็นบ้าเลย”มาโครสูดปากพลางส่งเสียงครางแผ่วเบา เนื่องด้วยหญิงสาวยังคงกลืนกินเขาที่เพิ่งเสร็จสมไป ทำให้มาเฟียหนุ่มรู้สึกเสียวซ่านด้วยหัวสมองแทบขาวโพลน“อ่า... แล้วพี่ชอบแบบนี้หรือเปล่าคะ” เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยถามอย่างเย้าแหย่มาโครที่เสียววูบวาบจนตัวเบาเองก็ผงกหัวขึ้นสบตา แล้วคลี่ยิ้มบาง“ชอบสิ ชอบมากเลยด้วย เสียวแทบบ้า”เขาพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ สติที่แทบจะหลุดลอยไปก็ค่อย ๆ กลับคืนมา มาเฟียหนุ่มจึงขยับตัวลุกขึ้นนั่ง พลางจ้องมองหญิงสาวซึ่งยังคลอเคลียตรงหว่างขาของตัวเอง แล้วเอื้อมมือไปลูบแก้มเนียนใสของเขาแผ่วเบา“แต่พี่ต้องการมากกว่านี้”เมื่อพูดจบ ร่างหนาก็พลันรั้งกายบางลงมานอนราบบนเตียงกว้าง ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายพลิกตัวขึ้นไปคร่อมร่างของเธอไว้ พร้อมกับถอดเสื้
พออาบน้ำเสร็จ ร่างเล็กก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสามส่วนสบาย ๆ พร้อมกับผ้าเช็ดหัวผืนเล็กที่คล้องคออยู่ พลันสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นร่างสูงของสามีกำลังนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยใบหน้าอิดโรย ราวกับคนที่เพิ่งผ่านสงครามมา เธอเดินตรงมาหาเขาพลางสบตาแล้วคลี่ยิ้มอ่อนโยน"ไปอาบน้ำ จะได้สดชื่นขึ้นค่ะ"แม้ว่าจะรู้สึกเอ็นดู แต่ลีอาห์ก็อดหัวเราะในลำคอเบา ๆ ไม่ได้ เพราะเธอรู้ดีว่าที่สามีมีสภาพแบบนี้ ก็เนื่องมาจากการที่เขาอาสาเลี้ยงลูกแทนเธอหนึ่งวันโดยมาโครก็เงยหน้าขึ้นสบตากับภรรยาสาวคนสวย พลางยิ้มเนือย ๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวเขาเองก็เพิ่งรู้ว่าการเลี้ยงลูกอยู่บ้านแบบนี้มันเหนื่อยจริง ๆ"เหนื่อย" "รู้ค่ะว่าเหนื่อย ไปอาบน้ำ""ไม่มีแรงลุกเลย""เวอร์มาก ปล่อยเลี้ยงลูกวันเดียวเอง แต่จะว่าไปแล้ว แบบนี้แพลนเรื่องลูกคนที่สองล่ะ ยังอยากมีอยู่หรือเปล่าคะ”“ไม่เอา ไม่มีแล้ว แค่คนเดียวก็พอแล้ว” มาโครรีบส่ายหน้าทันควัน ท่าทางแสดงออกว่าเข็ดหลาบภรรยาสาวเมื่อได้เห็นดังนั้นก็พลันหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบแก้มคนเป็นสามี พลางเอ่ยปลอบโยนเบา ๆ“ขอบคุณพี่นะคะที่ช่วยดูแลลูก รีบไปอาบ
สามปีต่อมา…“แดดดี้เป็นอารายคับ” (แดดดี้เป็นอะไรครับ) “ไม่มีอะไร เล่นต่อเถอะ” มาโครเอ่ยตอบ ไมเคิล ลูกชายวัยสองขวบสี่เดือน โดยวันนี้เป็นวันหยุด เขาไม่ได้ออกไปทำงาน มาเฟียหนุ่มเลยอาสาภรรยาว่าจะเป็นคนดูแลลูกอยู่ที่บ้านเอง และให้เธอออกไปช็อปปิง เพราะคิดว่าการเลี้ยงลูกแค่วันเดียวคงไม่เหนื่อยเท่าไหร่แต่ดูเหมือนเขาจะคิดผิด เพราะผ่านไปแค่ครึ่งวันก็ทำเอาเสียพลังไปเกือบหมด ลูกชายเขาทั้งดื้อ ทั้งซนแบบสุด ๆ แถมช่วงนี้พี่เลี้ยงก็ดันลากลับบ้านอีก กว่าจะกลับมาก็สัปดาห์หน้า ภรรยาสุดสวยของเขาต้องเลี้ยงลูกแบบนี้ทุกวัน เธอทำได้ยังไงกันนะ“เล่นอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวแด๊ดดี้ขอไปกินน้ำก่อน”“ได้เยย” (ได้เลย) เมื่อเห็นลูกชายพยักหน้าแล้วยิ้มหวานให้ มาโครก็ลุกขึ้น ก้าวปีนออกจากคอกกั้นแล้วเดินออกมานอกห้อง ก่อนจะพบกับเดวิด ลูกน้องคนสนิทที่กำลังยืนมองอยู่“ไปเอาน้ำมา” เขาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาด้วยความเมื่อยล้า โดยเดวิดก็เดินออกไป ไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมแก้วน้ำ ก่อนจะวางลงตรงหน้า มาโครยื่นมือไปรับแล้วดื่มรวดเดียวเกือบหมดแก้ว“นายไหวแน่นะครับ”“หน้ากูตอนนี้ดูเหมือนไหวไหม”“แต่นายอาสาเองนะครับ นายหญิงคัดค้าน นายก็
ลีอาห์ที่เดินออกมาจากลิฟต์เรียบร้อยแล้ว กำลังจะตรงไปยังห้องทำงานของมาโครเพื่อรอเขาประชุมเสร็จ ทว่าขาที่กำลังจะก้าวต่อกลับชะงักลงทันที เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างสูงที่ควรจะอยู่ในห้องประชุม แต่ตอนนี้กลับกำลังยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งด้วยท่าทีสนิทสนม ซึ่งผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเพื่อนสนิทของเขา และสองคนเคยเกือบได้แต่งงานกันอีกด้วยหัวใจของลีอาห์เต้นแรงจนแทบควบคุมไม่อยู่ ความรู้สึกหึงหวงพุ่งขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว เธอรีบก้าวตรงไปหาทั้งคู่ทันที“คุณมาร์ค”เสียงเรียกของเธอทำให้คนที่กำลังสนทนากันอยู่หันมามองพร้อมกัน มาโครเมื่อเห็นเธอก็มีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินมาหยุดตรงหน้า“มาได้ยังไง ใครพามา” น้ำเสียงของเขาฟังดูเรียบเฉย แต่กลับมีแววความห่วงใยซ่อนอยู่ในนั้น“คุณเดวิดค่ะ”“แล้วมันไปไหน ทำไมปล่อยเธอขึ้นมาคนเดียว”“หนูอยากกินชมพู่ค่ะ คุณเดวิดเลยอาสาไปซื้อให้”“อ๋อ” มาโครพยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่หญิงสาวอีกคนจะเดินเข้ามาทักด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“สวัสดีค่ะน้องลี เป็นยังไงบ้างคะ ตอนนี้ตัวเล็กกี่เดือนแล้วเอ่ย”“ห้าเดือนแล้วค่ะ” ลีอาห์ตอบสุภาพ“รู้หรือยังคะว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”“ผู้ชายค่ะ
หนึ่งเดือนต่อมา...“ค่าน้ำตาลของเธอค่อนข้างสูง หมอบอกให้ลดของหวานเข้าใจไหม”“ค่ะ”“ต่อไปจะกินอะไรก็ต้องระวัง โดยเฉพาะของหวานที่เธอชอบกินทุกวัน ต่อไปนี้ลดได้คือลด”น้ำเสียงของเขาฟังดูนิ่งเรียบ แต่ในแววตากลับมีความกังวลซ่อนอยู่ชัดเจน ขณะที่คนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนโซฟาอีกฝั่งกลับทำหน้าบูดบึ้ง มือเล็กจิกชายเสื้อคลุมของตัวเองแน่น ก่อนที่น้ำตาซึ่งพยายามกลั้นไว้จะค่อย ๆ ไหลรินออกมา“เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลงนิดหน่อยเมื่อเห็นเธอเงียบไปนานหญิงสาวเม้มปากแน่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาแดงก่ำ “หนูอยากกินเค้กส้ม”“.....” คิ้วเข้มของเขากระตุกขึ้นทันที “ฉันเพิ่งพูดไปเมื่อกี้เองนะ”“ก็มันหิว~” เสียงเธออ่อนลงเหมือนเด็กโดนดุ “หนูชอบกินเค้กค่ะ”“รู้ว่าชอบ แต่วันนี้กินไปแล้วไม่ใช่เหรอ” เขาพูดพลางยกคิ้วถาม“ก็ใช่” เธอก้มหน้าลงเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน “แต่หนูกินไปนิดเดียวเอง”“กินไปนิดเดียวก็คือกิน”“.....” หญิงสาวเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำมองเหมือนกำลังอ้อน “ขอหนูกินเพิ่มได้ไหม สัญญาว่าจะกินนิดเดียว พอหายอยากค่ะ”ร่างสูงถอนหายใจออกมาพรืดยาว พลางยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองอย่
![สมิงดำ [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)






