บทที่ 7
“คุณแม่เรียกอัญมาพบข้างนอก มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” อัญญาเอ่ยถามด้วยความสงสัย ปานวาดมาหาเธอที่บ้านแต่เช้า แต่ก็ยังไม่เช้าเท่าศิลา เพราะรายนั้นออกไปทำงานหลายชั่วโมงแล้ว ขนุนวิ่งขึ้นไปตามเธอที่ห้องบอกคุณปานวาดเรียกพบส่วนตัว ผู้หญิงวัยกลางคนที่ยังคงดูดีเกินกว่าที่ใครจะเชื่อว่าอายุห้าสิบกว่าปีแล้ว มือเรียวยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเบา ๆ ปากสีแดงด้วยลิปสติกสีเข้มยิ้มออกมาเล็กน้อย เธอเรียกอัญญามาหาที่สวนหลังบ้านโดยไม่ให้มีแม่บ้านหรือนนท์พ่อบ้านอยู่ด้วย ปานวาดขอคุยกับเธอเพียงลำพังเท่านั้น “ต้องมีธุระอะไรก่อนหรอถึงจะได้คุยกับเธอ” คำถามของอีกฝ่ายทำเอาอัญญาตะกุกตะกัก “คะ…คือ อัญไม่ได้หมายถึงแบบนั้นค่ะ อัญแค่สงสัยว่าทำไมถึงมาหาแต่เช้าเลย” “เช้าหรอ เธอควรตื่นมาทำอาหารให้ศิลาทานตอนเช้าด้วยซ้ำนะ!” เสียงแหลมพูดด้วยความไม่พอใจ “เป็นเมียแต่ไม่ทำอาหารให้ผัวทาน ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเองเลยหรือไง!” คนตัวเล็กนั่งนิ่งไป เผลอกำมือแน่นด้วยความตกใจ ปานวาดถอนหายใจเสียงดังเหลือบมองใบหน้าลูกสะใภ้อย่างไม่ชอบใจนัก เธอไม่อยากให้ศิลาแต่งกับตระกูลอัญญาเลยด้วยซ้ำ บริษัทของเสกสรรอยู่ในขั้นวิกฤตแทบจะกอบกู้ขึ้นมาไม่ได้ แต่อัคคีสงสารเพราะเห็นว่าที่ผ่านมาอีกฝ่ายทุ่มเทกับงานที่ตัวเองทำมากแค่ไหน จึงยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยการเสนอให้ทั้งสองบ้านมาดองกัน อัคคีเองก็อยากให้ลูกชายคนโตมีครอบครัวสักที ศิลาอายุยี่สิบเจ็ดแล้วแต่ยังคงไม่มีข่าวคราวเรื่องผู้หญิงมาให้ถึงหูสักที มีแต่กินเล็กกินน้อยไม่จริงจัง อัคคีจึงฉวยเอาโอกาสนี้หาผู้หญิงดี ๆให้ศิลาสักคน ในตอนแรกศิลาเองก็ดูยอมรับและตกลงอย่างง่ายดาย เมื่อเห็นว่าคนที่ต้องแต่งกับตัวเองคือลานิล ผู้หญิงที่สวย สง่า มีความเย่อหยิ่งในตัวเองสูง เธอฉลาดพูด เข้าร่วมงานในสังคมกับคนอื่นได้ง่าย ศิลาจึงไม่ปฏิเสธที่จะแต่งกับเธอ สวยขนาดนั้นก็เหมือนว่าตัวเองได้กำไรแล้ว แต่สุดท้ายก็ผิดแผน ลานิลหนีไป เหลือเพียงอัญญาที่ต้องรับหน้าที่ภรรยาแทนทั้งที่เขาไม่ต้องการ “อย่าลืมทำตามสัญญาด้วยล่ะ” น้ำเสียงหงุดหงิดของปานวาดทำเอาอัญญาเกร็งไปหมด “สัญญา?” “ลืมรึไง” คิ้วเรียวสวยของแม่สามีขมวดหมุ่นแทบจะผูกกันเป็นโบว์ “หรือเธอไม่ได้อ่าน?” “…” อัญญาพยายามนั่งนึกว่าเธอสัญญาอะไรไว้กับใคร แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก “สัญญาที่แกเซ็นวันแต่งงานไง!” คนตัวเล็กทำหน้างงมากกว่าเดิม “นี่สมองแกจดจำอะไรได้บ้างไหมฮะ!” เสียงแหลมตะหวาดใส่ อัญญาลอบกลืนน้ำลายบีบมือตัวเองแน่นขึ้น คนตรงหน้าถอนหายใจใส่อีกรอบ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าราคาแพง กระดาษสีขาวที่เต็มไปด้วยตัวอักษรมากมายถูกยื่นมาตรงหน้า อัญญาเพ่งมองหัวข้อของเอกสาร ‘ข้อตกลงการตั้งครรภ์’ “อ่านซะ!” ปานวาดตบโต๊ะหนึ่งที เธอสะดุ้งเล็กน้อย รีบคว้ากระดาษขึ้นมาอ่านด้วยความสงสัย เธอจำไม่ได้ว่าเคยเห็นกระดาษแผ่นนี้มาก่อน ‘ข้อตกลงการตั้งครรภ์ ข้อที่หนึ่ง ฝ่ายหญิงจะต้องทำการตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นวิธีทางธรรมชาติหรือใช้วิธีทางการแพทย์ ภายในระยะเวลา 365 วัน ข้อที่สอง หากฝ่ายหญิงไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ภายในระยะเวลากำหนด จะต้องยินยอมเซ็นใบสำคัญการหย่าและชำระค่าปรับจำนวน 10 ล้านบาท ข้อที่สาม หากฝ่ายหญิงสามารถตั้งครรภ์ได้ภายในระยะเวลากำหนด จะได้รับเงินจากแม่สามีจำนวน 10 ล้านบาท ข้อที่สี่ ระหว่างตั้งครรภ์ ฝ่ายหญิงจะต้องรักษาเด็กในท้องไว้ให้ดี หากมีการแท้งหรือสูญเสียสติปัญญาของเด็กในครรภ์ จะถูกปรับเงินจำนวน 10 ล้านบาท ข้อที่ห้า หากคลอดเด็กแล้ว ฝ่ายหญิงต้องเซ็นยินยอมยกลูกให้สามีดูแลแต่เพียงผู้เดียว ห้ามมีข้อคัดค้าน ข้อที่หก ฝ่ายหญิงต้องทำการตัดการติดต่อทุกช่องทางกับตระกูลฤทธิ์ศิลา หากไม่ยอมจากไปหรือกลับมาสร้างความวุ่นวายหรือความไม่สบายใจ จะถูกยื่นฟ้องศาลทันที’ อัญญาอ่านข้อความในกระดาษด้วยความหงุ่นงงกับข้อตกลงมากมายในนี้ เธอจำไม่ได้ว่าเคยอ่านข้อความพวกนี้มาก่อน แต่มุมขวาสุดของกระดาษกลับมาลายเซ็นของเธอเขียนอยู่ ‘อัญญา ชีระโชค’ “ที่นี้จำได้รึยัง” แผ่นกระดาษถูกแย่งไปจากมือ “ว่าไง!” “อัญจำไม่เห็นได้เลยว่าเคยเห็นกระดาษแผ่นนี้ด้วย” “โอ๊ย วันที่แกเซ็นทะเบียนสมรส แกก็เซ็นใบนี้ไปพร้อมด้วยไง!” คนตัวเล็กนั่งนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น ดวงตากลมโตเบิกโพลง เธอจำได้ว่ามีกระดาษอีกใบที่ให้เซ็นพร้อมกัน แต่ยังไม่ทันได้อ่านดีก็ถูกปานวาดเร่งรัดให้รีบเซ็นซะก่อน อัญญาทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ คิดไม่ตกต่อข้อสัญญาทั้งหมดในนั้น“ไปร์ทอยากกลับบ้านแล้ว” ลูกชายคนเล็กหยุดร้องไห้แล้วก็งอแงอยากกลับบ้านทันที“ไป งั้นเรารีบกลับกันดีกว่าเนอะ” ศิลาพูดแล้วเอื้อมจับมือกับสมายด์จูงมือกันเดินไปที่รถ ส่วนอีกข้างยังคงอุ้มสไปร์ทเอาไว้ด้วยอัญญาเดินตามมาติด ๆพาเด็ก ๆขึ้นนั่งรถประจำที่ สไปร์ทจะนั่งข้างหน้ากับพ่อของเขาตลอด ส่วนสมายด์จะนั่งกับอัญญาเป็นประจำ“เมื่อกี้เขาผลักพี่มายด์แล้วก็มาผลักไปร์ทด้วย” เด็กแสบฟ้องพ่ออีกรอบ “ดูเข่าไปร์ทสิ เป็นแผลเลย”“เข่าพี่ก็เป็น” สมายด์ชี้บอกบ้าง“ของพี่มายด์เป็นนิดเดียว ของไปร์ทเลือดไหลถึงตรงนี้เลย เจ็บมาก”“พี่ก็เจ็บ”“พี่ไม่สู้เขาอะ ไปร์ทเลยต้องสู้แทน” เด็กทั้งสองคุยกัน “ถ้าเขามาแกล้งพี่มายด์อีกบอกไปร์ทเลยนะ”“จะไปทำอะไรเขาฮะ” ศิลาหัวเราะชอบใจเอื้อมมือขยี้หัวลูกชายตัวเอง“ไปร์ทจะต่อยหน้าเขาเลย”“ทำแบบนั้นไม่ได้สิ” อัญญารีบพูดแทรก “ถ้าเขาแกล้งก็ให้ไปบอกครูไม่ก็มาบอกพ่อกับแม่สิ”“แม่มาช้า ครูตรงนั้นก็ไม่มีนี่นา ไปร์ทเลยทำเอง”“รอบหน้าก็อย่าทำแบบนี้นะ ถ้าเจ็บตัวมากกว่านี้ขึ้นมาจะทำยังไง ไม่กลัวพ่อกับแม่เสียใจเหรอ”“ไม่ทำก็ได้” ไปร์ทเบะปากคว่ำลง “ไหนลูกอมไปร์ท”“ย่าไม่ให้กิน” เด็กแสบแบมือขอลูกอ
ตอนพิเศษ #เด็กแสบ “เอามาเดี๋ยวนี้เลย!” เสียงของเด็กผู้หญิงวัยเจ็ดปีกำลังตะคอกใส่เด็กผู้ชายอีกคนหนึ่ง เด็กผู้หญิงผมยาวที่ถูกมัดรวบไว้ทั้งสองข้าง กำลังยืนเท้าเอวหน้าตาบึ้งตึง เพราะถูกเด็กตรงหน้าขโมยเอากระเป๋าดินสอของตัวเองไป พอตามมาเอาคืนก็ไม่ยอมคืนให้เสียอย่างนั้น “เอามาสิ!” เธอพูดอีกรอบคิ้วขมวดหมุ่น “ไม่ให้!” แต่เด็กผู้ชายคนนั้นตอบกลับมาเสียงดังทั้งยังผลักตัวเธอจนล้มลงหงายหลัง “โอ๊ย!” สมายด์ล้มลงก้นกระแทกพื้น ความเจ็บแล่นแปลบขึ้นมา น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสอง ส่งเสียงร้องไห้เสียงดัง แต่คนตรงหน้ากลับหัวเราะเยาะชอบใจ “ทำอะไรน่ะ!!” เด็กผู้ชายวัยห้าขวบวิ่งเข้ามาหาพี่สาวที่นั่งร้องไห้อยู่กับพื้น จับมือที่ถลอกและมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อยขึ้นดู จากที่ปกติมีสีหน้าบึ้งตึงอยู่แล้ว ตอนนี้คิ้วเข้มทั้งสองขมวดเข้าหากันแน่น ลุกขึ้นจ้องหน้าคนที่แกล้งพี่สาวตัวเองเขม็ง “แกล้งพี่มายด์ทำไม!!” “ไปร์ทไม่ต้อง ฮึก” พี่สาวเอ่ยบอกน้องชายตัวเองที่ยืนประจันหน้าเด็กโต แม้ตัวเองจะโกรธที่ถูกรังแกแต่ไม่อยากให้น้องโดนไปด้วย “ทำพี่มายด์ทำไม!” สไปร์ทยืนกอดอกจ้องหน้าอีกคน “นายใช่ไหมที่ขโมยของพี่เราไป!!”
ตอนแรกเขาคิดว่าคงไม่มีวันที่ทั้งสองคนจะได้กลับมารักกันอีกครั้งเสียแล้ว พอมาลองนึกถึงการกระทำต่าง ๆของตัวเอง เขาไม่น่าให้อภัยจริง ๆนั่นแหละ หวั่นใจและเกือบถอกใจนับครั้งไม่ถ้วนแต่เพราะไม่อยากให้เธอต้องกลายเป็นคนของคนอื่น ไม่อยากให้ใครเข้ามาดูแลเธอแทนเขา ไม่อยากให้ใครเข้ามาทำหน้าที่พ่อ ไม่อยากให้ลูกเอ่ยเรียกคนอื่นว่าพ่อเขาเลยพยายามลองมันอีกครั้ง ทั้งที่ที่ผ่านมาใจกล้าที่จะทำร้ายและพูดจาด่าทอไล่เธอสารพัด แต่พอถึงเวลาตามง้อจริง ๆความกล้าในใจกลับไม่หลงเหลืออยู่กลัวไปหมดซะทุกอย่างแต่วันนี้เขาได้มาอยู่ข้างเธอแล้ว เพราะเขากล้าที่จะปกป้องอัญญา กล้าที่จะใช้ชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่อให้เธอและลูกในท้องปลอดภัย ถึงแม้ว่าเขาควรจะได้รับการลงโทษที่มากกว่านี้ เพราะทำกับอัญญาไว้เยอะมากแต่เธอก็พร้อมที่จะให้อภัย เพียงเพราะคำว่ารักเพียงคำเดียวอัญญารักเขาสุดหัวใจ รักครั้งแรกและพวงด้วยตำแหน่งพ่อของลูก มันเลยทำให้เธอตัดใจจากเขาไม่ได้สักที นอกจากหลอกตัวเองว่าไม่รักเขาแล้วก็เท่านั้น พยายามลองเปิดใจให้เลย์มากเท่าไรก็เหมือนว่ายิ่งปิดกั้นหัวใจตัวเองแต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริง ว่าหัวใจของเธอไม่เคยกลายเป็นของใครน
บทที่ 67 “เจ็บไหม” ศิลาเอ่ยถามภรรยาตัวเองที่นอนสบตากับเขาอยู่บนเตียง อัญญายิ้มให้พลางส่ายหน้า ตั้งแต่ตื่นมาเห็นก็เห็นศิลานั่งอยู่ข้างกายแล้ว เขาคอยถามเธอเสมอว่าเจ็บตรงไหน ต้องการอะไรให้บอกเขาได้เลย ดูเป็นห่วงเธอไปหมดซะทุกอย่าง มือหนากอบกุมมือเล็กของเธอเอาไว้ เขาจับมันขึ้นมาแนบที่หน้า เอียงคอซบมันไว้ราวกับว่ามันคือหมอนใบโตที่ทำให้เขาหลับสบายเสียงอย่างนั้น “อีกนานไหมคะกว่าลูกเราจะออกมา” อัญญาถามเสียงเบา เธออยากเจอลูกใจจะขาด “ไม่นานหรอก พอเขาแข็งแรงเดี๋ยวพยาบาลก็พามา อดทนรออีกหน่อย’ “แต่ลูกยังไม่ได้กินนม” “ยังไม่ถึงเวลาเลย ใจเย็น ๆนะ ไม่ต้องคิดมาก” อัญญาพยักหน้ารับเธอฉีกยิ้มออกมาให้กับเขา ถึงยังไม่เจอหน้าลูกแต่ก็อุ่นในที่มีศิลาอยู่ข้างกาย ครืด~ “ขออนุญาตนะคะ พาน้องมากินนมคุณแม่ค่ะ” เสียงพยาบาลดังขึ้นทันทีที่ประตูเปิด อัญญาทำตาโตสบตากับศิลาด้วยความดีใจ ศิลาลุกขึ้นยืนมองรถเด็กน้อยที่มีลูกของตัวเองนอนอยู่ในนั้น เขาขยับกายดีดดิ้น ลืมตามองไปมา ดูแข็งแรงไม่เหมือนเด็กที่ควรอยู่ในตู้อบ เพียงแค่ตัวเล็กมากเกินไปแค่นั้น พยาบาลอุ้มตัวเด็กขึ้นแล้วส่งให้กับอัญญา ความรู้สึกของ
ศิลาวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลหน้าตาตื่น เขาวิ่งอย่างเร็วไม่สนใจใคร เสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วทางเดิน หัวใจเต้นระรัวราวกับมีคนเข้ามาตีกลองอยู่ด้านในปานวาดโทรตามลูกชายทันทีที่พยาบาลแจ้งไปทางเธอ เพราะพยายามติดต่อหาศิลาเท่าไรก็ไม่รับสาย เพราะตอนนั้นกำลังประชุมและมันเป็นเบอร์แปลกเขาจึงปล่อยผ่าน ลืมคิดไปว่าอาจเป็นเบอร์ของโรงพยาบาลเขาวิ่งมาจนถึงห้องที่อัญญากำลังทำการผ่านคลอดอยู่ด้านใน เขารีบวิ่งไปหยุดอยู่หน้าประตู มองลอดผ่านช่องกระจกน้อย ๆเข้าไป เห็นอัญญาถูกใส่เครื่องช่วยหายใจ มีหมอพยาบาลอีกหลายคนยืนล้อมรอบตัวเธอภาพที่เธอนอนหลับตาพริ้มพร้อมกับเครื่องช่วยหายใจ มันบีบรัดหัวใจเขาไปหมด ศิลาน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาเสียดื้อ ๆมือสั่นตัวสั่นไปด้วยความกลัว ลืมความเหนื่อยไปหมดสิ้น“ศิลานั่งก่อนนะลูก” ปานวาดเข้าดึงตัวแขนลูกชาย เขาถอยออกมาตามแรงของแม่ “อัญญาไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อแม่สิ”“อัญเป็นอะไรครับ” เขาถามน้ำตาไหลออกมาเรื่อย ๆ“ปากมดลูกเปิดกว้าง หมอบอกว่าอัญได้รับยาระงับการคลอดมากเกินไปแล้ว หากยังต้องใช้ยาอีกมันจะเป็นอันตรายต่อเด็กและตัวแม่เอง”“…”“เลยต้องทำการผ่าคลอดเร่งด่วน”“ทำไมคลอดธรรมชาติไม่ได้” เขาเคย
บทที่ 66 “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้นะคะ” อัญญาเอ่ยบอกศิลาที่กำลังนั่งซักผ้าเช็ดตัวให้เธอในห้องน้ำ “ไม่เป็นไร อัญนอนพักเลย” เขาตอบกลับมาแบบนั้นก่อนจะหันกลับไปทำหน้าที่ต่อ อัญญายิ้มให้กับภาพตรงหน้าก่อนจะนอนหลับตาเพื่อพักผ่อนต่อ มือลูบท้องกลม ๆของตัวเองไปด้วย ศิลานอนเฝ้าเธอทุกวันตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาหา ทำความสะอาดร่างกาย เช็ดปัสสาวะและอุจจาระให้เองตลอด อาบน้ำแต่งตัวเขาก็ทำให้เธอทุกอย่าง และทำอย่าสงสม่ำเสมอไม่บกพร่องเลย เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือนนิด ๆอัญญายังคงนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเช่นเคย ตอนนี้สามารถขยับร่างกายได้บ้างแล้วแต่ยังเคลื่อนที่เร็ว ๆไม่ได้ เพราะอาจทำให้ปากมดลูกเปิดอีก ศิลาอยู่เป็นเพื่อนคุยเล่นปลอบใจอยู่ตลอด ไม่เคยหายไปไหนนาน ๆ เขาจะบอกตลอดว่าเป็นห่วงอัญญามากขนาดไหน บอกรักเธอทุกวัน ดูแลดีอย่างคาดไม่ถึง ครืด ครืด ครืด อัญญาเหลือบมองตามเสียงโทรศัพท์ หน้าจอโชว์ชื่อของเลขาคนสนิทศิลา “พี่ศิลาคะ โทรศัพท์ค่ะ” เธอร้องบอก ศิลาเดินขมวดคิ้วเข้ามาหา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย สีหน้าเคร่งเครียดนิดหน่อย เขาถอนหายใจเสียงดังก่อนจะตัดสายทิ้ง “มีอะไรหรือเปล่าคะ” อัญญาถามเขา “มีป