บทนำ
“ไม่มีทาง!” เสียงเล็กแหลมดังขึ้นกลางห้องโถงใหญ่ “นิลไม่แต่งกับเขาเด็ดขาด!!” ‘ลานิล’ ลูกสาวคนสวยของบ้านยืนกำมือแน่นด้วยความโกรธ หลังจากผู้เป็นแม่บังคับให้แต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองไม่ได้รักและไม่คิดที่จะรัก “แกไม่เห็นใจพ่อกับแม่เลยรึไง ถ้าแกไม่แต่งธุรกิจบ้านเรามันล้มละลายแน่ ๆ” ‘รัลยา’ หญิงวัยกลางคนเดินเข้าประกบลูกสาวคนเดียวของตัวเอง มือยกขึ้นลูบหลังราวกับปลอบให้ใจเย็นลง “นิลไม่สน ทำไมนิลต้องแต่งกับคนแบบมันด้วย ถ้าแม่อยากให้ครอบครัวเรากับมันดองกัน แม่ก็ไม่ไปแต่งเองซะเลยล่ะ!!” แต่เหมือนจะไม่เป็นผล ดูเหมือนว่าลานิลโกรธเกินกว่าที่จะรับฟังคนอื่นในตอนนี้ “นิล ขอโทษแม่เดี๋ยวนี้” เสียงเย็น ๆ ของ ‘เสกสรร’ ผู้เป็นบิดาดังขึ้น สายตาเข้มดุจ้องมองใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางค์ราคาแพงของลูกสาวสุดสวย ที่ใครได้พบเห็นต่างก็เอ่ยปากชมไม่ขาดสายว่าลานิลสวยราวกับรูปปั้นกรีกโบราณ แต่นิสัยกลับต่างจากรูปลักษณ์ภายนอกลิบลับ “ขอโทษค่ะ!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงแดกดัน ปล่อยตัวนั่งลงกับโซฟาพร้อมถอนหายใจเสียงดัง “ทำไมต้องเป็นนิล!” “ศิลามันเลือกเอง” “เหอะ ไอ้ผู้ชายป่าเถื่อนนั่นมันอยากได้นิลมากเลยหรอ ถึงเอาเรื่องธุรกิจในบ้านมาต่อลองแบบนี้!” ‘ศิลา’ ลูกชายคนโตของตระกูลฤทธิ์ศิลา ผู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเก่ง เฉลียวฉลาดและโหดไม่แพ้กัน ศิลามีนิสัยดิบเถื่อนเพราะต้องดูแลธุรกิจช่วยคนเป็นพ่อหลายอย่างตั้งแต่เด็ก ครอบครัวของเขาไม่ได้ใสสะอาดร้อยเปอร์เซ็น แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะทำธุรกิจสีเทาเหมือนพวกแก๊งค์ค้ายาบ้าตามข่าวในโทรทัศน์ ฤทธิ์ศิลาเป็นตระกูลดังที่หากใครได้ยินก็ต้องรู้สึกเกรงกลัว ไม่มีใครกล้าแตะต้องหรือทำไม่ดีกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนกล้าลองดี ครั้นอดีตมีลูกน้องที่คิดทรยศเอาข้อมูลภายในบริษัทไปขายให้คู่แข่งและเล่นงานฤทธิ์ศิลาจนเกือบพลาดท่าล้ม แต่ศิลาจับทางอีกฝ่ายได้เสียก่อนและถูกเขาเล่นกลับจนพังไม่เป็นท่า “ไม่มีทางเลือก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยด้วยเสียงเรียบนิ่ง “แกแต่งไปยังไงก็อยู่ดีกินดี มีเงินใช้สบายไปทั้งชาติ” “ใครจะกล้าอยู่กับคนอย่างนั้น วันดีคืนดีทำให้มันไม่พอใจแล้วมันลุกเอาปืนมายิงหัวนิลล่ะ!” “ศิลาเขาเลือกลูก ก็แสดงว่าเขาชอบพลอลูกพอสมควรแหละ เขาคงไม่กล้าทำร้ายเมียตัวเองหรอกลานิล” รัลยาพูดพลางลูบหลังลูกสาวคนสวยไปด้วย หวังจะให้เธอคล้อยตาม “ไม่ค่ะ ไม่แต่งเด็ดขาด” “ฉันตอบตกลงไปแล้ว” “อะไรนะ!!” “เตรียมตัวไว้เลยลานิล อีกหนึ่งอาทิตย์งานแต่งจะถูกจัดขึ้นที่บริษัทฤทธิ์ศิลา” เสกสรรพูดจบก็ลุกขึ้นยืนเตรียมเดินออกจากตรงนี้ “พ่อทำบ้าอะไร!” ลูกสาวคนสวยเดินปรี่ขวางหน้า “พ่อทำแบบนี้ไม่ได้!” “แกเป็นลูกฉัน ฉันมีสิทธิ์ตัดสินใจแทนทุกอย่าง” “พ่อ!” “ถ้าไม่พอใจก็ลองตายดู” “…” “เผื่อศิลามันจะยอม” จอก~ เสียงท้องร้องดังขึ้นท่ามกลางความเงียบในห้องสี่เหลี่ยมขนาดกลาง มือขาวเรียวลูบหน้าท้องตัวเองเบา ๆ ก่อนจะดีดตัวลุกจากเตียงเพื่อลงไปหาอะไรกินในห้องครัว “หิวเวลานี้ตลอดเลย” เสียงหวานบ่นพึมพำขณะเดินออกจากห้องนอน ‘อัญญา’ สาวสวยวัยยี่สิบสี่ปีลูกของเสกสรรกับเมียอีกคนที่ล่วงลับไปก่อนหน้าหลายปี ห้องนอนของเธออยู่ชั้นล่าง ห่างจากห้องของแม่บ้านไปไม่มากนัก ต่างจากลานิลที่อยู่ชั้นสองห้องสุดหรูขนาดใหญ่ อัญญาเป็นลูกของดาหลาเมียเก็บของเสกสรร ทั้งสองแอบคบหากันอย่างลับ ๆ มาหลายปีจนมีอัญญาเกิดขึ้นมา แต่แม่ก็มาด่วนจากไปทันทีที่ลูกสาวอ้าปากร้อง ดาหลาผลัดตกบันไดทำให้ต้องเร่งผ่าคลอดช่วยชีวิตเด็กในท้องเอาไว้ เสกสรรเสียใจมากที่คนรักจากไปอีกแค่ไม่กี่เดือนเขาก็จะหย่ากับรัลยาเพื่อมาใช้ชีวิตสงบสุขกับดาหลาแล้วแท้ ๆ พ่อของอัญญาถูกจับคลุมถุงชนให้แต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักด้วยเหตุผลทางธุรกิจ เขาจำใจอยู่กินกับเธอเกือบห้าปีและตกลงตัดสินใจที่จะหย่าร้างเมื่อได้ข่าวว่าผู้หญิงที่ตัวเองรักกำลังตั้งครรภ์ลูกของเขาอยู่ แต่รัลยาจับได้เสียก่อนทำให้เธอโกรธจนพลั้งมือผลักแม่ของอัญญาตกบันได แทนที่เสกสรรจะโกรธและเลิกรา เขากลับทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับชะตากรรมนี้ต่อไป เพียงแต่ขอรับอัญญามาเลี้ยงเพราะยังไงเธอก็เป็นสายเลือดของเขา รัลยารักเขามากจึงยอมให้เด็กที่เกิดจากเมียน้อยมาร่วมหลับนอนในชายคาบ้านหลังเดียวกัน แต่ต้องถูกปฏิบัติเหมือนคนใช้ไม่มีสิทธิ์มากกว่านั้น และเสกสรรก็ตกลง “มีอะไรกินบ้างน้า” คนตัวเล็กกำลังยืนสำรวจของกินในตู้เย็นว่าพอมีอะไรเหลือให้ทำกินได้บ้าง ถึงแม้อัญญาจะเป็นผู้หญิงรูปร่างบอบบางแต่เพราะเธอเป็นคนกินเก่งทำให้ใบหน้ารูปไข่มีแก้มมนกลมเยอะเกินตัว ใครเห็นต่างก็บอกว่าแก้มนวลใสของเธอน่าบีบจับ ไข่สามฟองถูกหยิบออกจากตู้เย็นพร้อมกับถั่วฟักยาวและแครอท คนตัวเล็กตั้งใจจะทำไข่เจียวเป็นอาหารมื้อดึกในวันนี้ ทั้งที่เมื่อตอนเย็นเธอก็พึ่งจะกินข้าวหมดไปเกือบครึ่งหม้อ โครม! “เสียงอะไรน่ะ” อัญญาสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากห้องโถง กึก! กึก! “ใครทำอะไรตอนนี้” ดวงตากลมโตเหลือบมองตัวเลขนาฬิกาดิจิตอลที่ติดอยู่ตรงผนังห้องครัว เที่ยงคืนครึ่ง… “โจรเข้าบ้านหรอ!” หัวใจเต้นระรัวด้วยความกลัวเมื่อคิดได้แบบนั้น มือขาววางทุกอย่างลงรีบเช็ดมือกับทิชชู่เปียกในห้อง ขาเรียวยาวค่อย ๆ ขยับก้าวเท้าออกไปชะโงกหัวมองห้องโถง “หรือว่าผี”บทที่ 9 “ว้าววว~” อัญญาตาโตให้กับภาพตรงหน้า “พี่ศิลาดูสิคะ” สะพานไม้ข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นสะพานโค้งทั้งหมดห้าอัน ทัศนียภาพโดยรอบล้อมไปด้วยใบไม้ดอกไม้อย่างสวยงาม อัญญาตื่นตาตื่นใจกับภาพตรงหน้าจนเก็บอาการไม่อยู่ ตั้งแต่ออกมาเที่ยวเธอแทบไม่หุบยิ้ม ต่างจากศิลาที่ยังคงแสดงใบหน้าเบื่อหน่ายเช่นเคย เขาพาเธอมาตามจุดท่องเที่ยวตามรายการสถานที่เที่ยวที่พ่อของเขาได้ทำการบังคับว่าต้องพาอัญญามาให้ได้ และต้องมีหลักฐานว่ามาแล้วจริง ๆ เขาไม่ได้ยกมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บภาพ เขารู้ว่าถ้าอัคคีพ่อของเขาจะขอดูรูป คงเลือกที่จะขอจากอัญญา เพราะถ้าเป็นศิลาก็คงคิดว่าหารูปมาจากในอินเทอร์เน็ต “สวยมากเลยค่ะ” คนตัวเล็กยกมือถือขึ้นถ่ายรูปรัว ๆ เธอชอบถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่พ่อสามีมอบให้วันทานข้าวร่วมกันครั้งแรกชูขึ้นเหนือหัว ปรับแสงสีตามต้องการพร้อมกับการกดถ่ายรัว ๆ อัญญาตรวจทานรูปถ่ายฝีมือตัวเอง เธอเหลือบมองศิลาที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น หน้าตาบึ้งตึงของเขาไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาลดน้อยลงเลยสักนิด กลับกันอัญญากลับมองว่าเขาดู
บทที่ 36 “กรี๊ดดด อย่านะ!” อัญญากรีดร้องเสียงดังลั่น เมื่อศิลาทิ้งตัวลงนั่งคร่อมร่างของเธอเอาไว้ก่อนจะยื่นมือเข้ามาฉีกเกาะอกที่ตอนแรกมันขาดแหว่งออก เธอพยายามผลักอกแกร่งของเขาแต่ศิลาไม่สะทกสะท้านซ้ำยังถอดเสื้อสูทตัวนอกและกระชากเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกจนเม็ดกระดุมกระจัดกระจายไปทั่วพื้นห้อง “ปากดีต่อสิอัญญา ต่อล้อต่อเถียงอีกสิ!!” มือหนาบีบจับคางมนของเธออย่างแรงบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นหา “อะไรเนี่ย” “ฮึก…” “เมื่อกี้ยังไม่ร้องเลยอัญญา” ศิลายกยิ้มอย่างเหยียดหยัน “พี่มันคนใจร้าย” ปากอวบอิ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ น้ำตาไหลช้า ๆ “ทุกครั้งพี่มักจะจบลงด้วยเรื่องพวกนี้ตลอด” “…” “ทำไมเราคุยกันด้วยเหตุผลไม่ได้คะ อัญไม่ได้ผิดจริง ๆแล้วทำไมพี่ถึงต้องเกลียดอัญ” “…” “ทำไมทำกับอัญแบบนี้” ดวงตาคู่สวยสายตากับดวงตาคมดุของเขา แววตาของเธอสั่นระริก “พี่ตอบได้ไหมว่าอัญผิดอะไร” “ผิดที่เป็นเธอไงอัญญา” “…” “ถ้าไม่ใช่เธอทุกอย่างมันจะถูกต้องเสมอ” “เพราะเป็นอัญทุกอย่างเลยไม่มีดีในสายตาพี่เลยใช่ไหม” เธอสะอื้นฮึก “พี่เกลียดอัญขนาดนั้นเลยหรอคะ” “ใช่” “…” “ฉันโคตรเกลียดเธอเลยอัญญา” เขาตอบในต
บทที่ 8 [Sila’ Past] “ว้าว สวยจัง” เสียงของผู้หญิงที่เดินข้างกายของผมดังไม่หยุดตลอดทาง ตอนนี้ผมอยู่ที่ญี่ปุ่น กำลังเดินเข้าไปในโรงแรมที่ได้ทำการจองไว้ล่วงหน้าโดยพ่อผมเป็นคนจัดการทุกอย่างไว้ให้หมดแล้ว บอกตามตรงโคตรจะเสียเวลาการทำงานเลย สามวันที่ต้องมาติดแหงกอยู่ที่นี่โดยที่ไม่ได้แตะงานที่กองเต็มโต๊ะ กลับไปเอกสารคงกองสูงท่วมหัวแล้วมั้ง “พี่ศิลาดูนั่นสิ” เธอสะกิดแขนผมให้ดูอะไรบางอย่าง ยัยนี่ก็อีกคน ทำเป็นไม่เคยออกไปเที่ยวไหนซะอย่างนั้น บอกให้ปฏิเสธไปแท้ ๆ พอถึงเวลาจริงกลับนั่งเงียบเป็นใบ้ ถามอะไรก็รับทราบไปซะหมด ถ้าให้เลือกระหว่างติดเกาะร้างสามวันกับต้องอยู่กับเธอสามวัน แน่นอนว่าผมเลือกเกาะร้าง อย่างน้อยที่นั่นก็ไม่มีเสียงของยัยนี่ให้ได้ยิน ไม่ต้องเห็นหน้าของเธอไปอีกหลายวัน ที่นั่นคงเป็นเหมือนสวรรค์ของผม อัญญาทำตัวปกติและดูสนุกเกินหน้าเกินตา ทั้งที่ผมนั่งนิ่งไม่ปริปากพูดกับเธอสักคำ ตลอดการเดินทางมาจนถึงญี่ปุ่น มีเพียงเธอคนเดียวที่พยายามชวนคุยไม่เลิก แต่ผมไม่ได้อยากคุยไง จากที่พยายามชวนคุยบ่อยเข้ามันก็ทำให้รำคาญ เธอควรจะรู้ตัวได้สักทีว่าผมเกลียดขี้หน้าเธอมากแค่ไหน น่าเบื
บทที่ 7 “คุณแม่เรียกอัญมาพบข้างนอก มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” อัญญาเอ่ยถามด้วยความสงสัย ปานวาดมาหาเธอที่บ้านแต่เช้า แต่ก็ยังไม่เช้าเท่าศิลา เพราะรายนั้นออกไปทำงานหลายชั่วโมงแล้ว ขนุนวิ่งขึ้นไปตามเธอที่ห้องบอกคุณปานวาดเรียกพบส่วนตัว ผู้หญิงวัยกลางคนที่ยังคงดูดีเกินกว่าที่ใครจะเชื่อว่าอายุห้าสิบกว่าปีแล้ว มือเรียวยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเบา ๆ ปากสีแดงด้วยลิปสติกสีเข้มยิ้มออกมาเล็กน้อย เธอเรียกอัญญามาหาที่สวนหลังบ้านโดยไม่ให้มีแม่บ้านหรือนนท์พ่อบ้านอยู่ด้วย ปานวาดขอคุยกับเธอเพียงลำพังเท่านั้น “ต้องมีธุระอะไรก่อนหรอถึงจะได้คุยกับเธอ” คำถามของอีกฝ่ายทำเอาอัญญาตะกุกตะกัก “คะ…คือ อัญไม่ได้หมายถึงแบบนั้นค่ะ อัญแค่สงสัยว่าทำไมถึงมาหาแต่เช้าเลย” “เช้าหรอ เธอควรตื่นมาทำอาหารให้ศิลาทานตอนเช้าด้วยซ้ำนะ!” เสียงแหลมพูดด้วยความไม่พอใจ “เป็นเมียแต่ไม่ทำอาหารให้ผัวทาน ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเองเลยหรือไง!” คนตัวเล็กนั่งนิ่งไป เผลอกำมือแน่นด้วยความตกใจ ปานวาดถอนหายใจเสียงดังเหลือบมองใบหน้าลูกสะใภ้อย่างไม่ชอบใจนัก เธอไม่อยากให้ศิลาแต่งกับตระกูลอัญญาเลยด้วยซ้ำ บริษัทของเสกสรรอยู่ในขั้นวิกฤตแทบจะกอบกู้ข
บทที่ 6 “เบื่อว่ะ!” น้ำเสียงติดหงุดหงิดของศิลาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องทำงาน ปัง “แล้วมึงจะมาเพื่อ!” เขตแดนทุบโต๊ะทำงานอย่างหัวเสีย เขานั่งฟังเพื่อนตัวเองพูดคำนี้มาจะสามชั่วโมงแล้ว ‘เขตแดน’ หนุ่มหล่อนักธุรกิจหน้าใหม่ เจ้าของแพลตฟอร์มเกมตัวใหม่ล่าสุดที่กำลังฮิตติดกระแส เพื่อนรักเพื่อนตายของศิลา ทั้งคู่สนิทกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย ตั้งแต่เขตแดนยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ปากกัดตีนถีบขยันทำงานส่งตัวเองเรียน แม้ศิลาจะยื่นมือเข้าไปช่วยสักกี่ครั้งเขาก็จะปฏิเสธอยู่เสมอ จนตอนนี้เป็นโปรแกรมเมอร์ สตรีมเมอร์และผลิตแพลตฟอร์มต่าง ๆจนมีชื่อเสียงโด่งดัง “กูไม่รู้จะไปไหน” “เข้าบริษัทสิ มาหากูทำไม” คิ้วเข้มขมวดหมุ่น “หรือไม่ก็อยู่ปั๊มลูกที่บ้าน” “หึ พูดอะไรไร้สาระ” ศิลาตอบกลับทันควัน “หน้าแบบนั้น… เดินมาแก้ผ้าต่อหน้ากูยังไม่มีอารมณ์เลย” “มึงก็อคติเกิน ถ้าหน้าตาแบบนั้นมึงไม่มีอารมณ์ชาตินี้สเปิร์มมึงก็ไม่ได้ออกมาจากท่อนซุงของมึงหรอก!” เขตแดนพูดตามความจริง เขาพอจะรู้อยู่บ้างว่าเพื่อนตัวเองไม่ได้ต้องการเจ้าสาวคนนี้ เพราะผู้หญิงที่มันอยากได้คือลานิลลูกสาวคนสวยของรัลยา ไม่รู้ว่า
บทที่ 5 “ไว้คราวหน้าเดี๋ยวเราไปกินข้าวที่บ้านใหญ่แล้วกันนะ” อัคคีบอกกับลูกสะใภ้ “ได้ค่ะ” อัญญายืนรอส่งพ่อแม่และน้องชายของสามีตัวเองขึ้นรถกลับ ส่วนตัวของศิลาเดินกลับเข้าไปด้านในนานแล้ว พอรถตู้คันใหญ่แล่นออกไป อัญญาก็ขยับตัวเดินกลับเข้าในบ้านเช่นกัน “คุณอัญญาคะ” ขนุนวิ่งเข้ามาพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อเธอ “คุณศิลาให้ไปพบที่ห้องค่ะ” “ห้อง?” “ใช่ค่ะ คุณศิลารออยู่ที่ห้องนอนคุณอัญญาค่ะ” คนตัวเล็กพยักหน้ารับอย่างงง ๆ อันที่จริงเธอก็กำลังจะกลับขึ้นไปบนห้องนอนอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องเร่งรีบให้ขนุนวิ่งมาตาม แกร๊ก ประตูไม้เปิดออกเผยให้เห็นแผ่นหลังหนาของศิลาที่กำลังยืนกอดอดหันหลังให้เธอ พอได้ยินเสียงเขาก็รีบหันขวับกลับมา ใบหน้าบึ้งตึงนั่นทำให้เธอรู้สึกได้ว่ากำลังจะโดนเขาต่อว่าอีกครั้ง “พูดไม่รู้เรื่องหรออัญญา!” ไม่เพียงแต่ตะคอกแต่มือใหญ่ที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดนูนของเขากำลังกำต้นแขนของเธอจนรู้สึกเจ็บแปลบ “ฉันบอกว่ายังไง!” “จะ…เจ็บนะคะ” “ตอบ!” “อัญไม่รู้จะปฏิเสธยังไงนี่คะ” อัคคีพูดเชิญชวนซ้ำยังมีท่าทีที่เป็นมิตรขนาดนั้น ใครจะปฏิเสธลง “แค่บอกไม่อยากไปมันพูดยากนักรึไง!” “…”