โซ่วอ๋องที่บัดนี้แตกตื่นยิ่งกว่าผู้ใดในใจร้อนรนไปหมด เพราะคาดไม่ถึงว่ากองทัพของชินอ๋องจะบุกเข้ามาถึงภายในประตูเมืองอิ๋งโจวทั้งง่ายดายและรวดเร็วเช่นนี้ ทั้งที่เขานั้นเตรียมการทุกสิ่งทุกอย่างมาตั้งสิบสองปี นี่ไม่ใช่เขาทำไปทุกสิ่งสูญเปล่าแล้วหรือ?!"บัดซบเอ๊ย!"หนุ่มใหญ่วัยใกล้สี่สิบห้าปีเดินวนไปจนมาจนพื้นห้องแทบจะทรุด ขุนนางที่เคยอยู่เคียงข้างบัดนี้หายตัวไปจนหมดภายในห้องโถงกลางสำหรับประชุมนี้จึงเหลือเพียงพระชายาเอกกับอี้เหนียงและบุตรธิดาเท่านั้นโซ่วอ๋องซื่อจื่อบัดนี้คงกำลังต่อสู้อยู่กำลังของชินอ๋องอยู่เป็นแน่ ยิ่งนานเสียงต่อสู้ยังดังใกล้เข้ามา ซ่างกวนเหิงจึงหายใจไม่ทั่วท้องแล้วจริงๆสุดท้ายพอเห็นจวนตัวแน่แล้ว เกินกว่าที่ใครจะคาดถึงโซ่วอ๋องกลับดึงเอาดาบจากองครักษ์ผู้หนึ่ง มาตัดศีรษะของบุตรธิดาที่ยังเป็นเพียงเด็กหญิงและเด็กชายอายุยังไม่ถึงสิบขวบ พระชายาเอกกับเหล่าอี้เหนียงกรีดร้องกันระงม"ขอโทษนะ แต่ข้าไม่อาจทิ้งพวกเข้าให้ซ่างกวนไท่กับซ่างกวนโทวนำชีวิตของพวกเจ้ามากดดันหรือบีบบังคับข้าได้"กล่าวจบหนุ่มใหญ่จึงเลือกจะปลิดชีพพระชายาเอกกับอี้เหนียงทั้งหมดทิ้งทั้งหมดจากนั้นเขาจึงเตรียมหลบหนี คง
ถึงจีเมี่ยวหลัวนั้นเป็นสตรีรูปร่างอวบอั๋นแต่นางไม่ถึงขนาดอวบอ้วนจนดูน่าชัง ตรงกันข้ามนางเป็นสตรีที่อยู่ในรูปร่างอวบออกจะยิ่งดูน่ารักน่าชังมากกว่าดังนั้นสำหรับซ่างกวนโทวแล้วมองว่าจีเมี่ยวหลัวนี้สมส่วนกำลังดีจนอยากจับอยากกอดเต็มทน หากผ่ายผอมเกินไปมองแล้วไม่สบายตาเขาเลย ซ่างกวนโทวชอบสตรีรูปร่างเช่นจีเมี่ยวหลัวมากกว่า ยิ่งมองก็ยิ่งตกหลุมรักซ้ำไปซ้ำมา ตกจนเหนื่อย ตกจนขี้เกียจจะปีนขึ้นมาแล้ว"เหตุใดเจ้าถึงได้พกพาขวดยามากมายติดกายไม่หนักหรือ"พอมองจนจิตใจฟุ้งซ่านคิดไปแต่เรื่องอยากชักชวนนางเข้าห้องหอจนหัวด้านล่างของตนเริ่มจะปวดจนเดินได้ลำบาก ซ่างกวนโทวจึงได้ชวนเจ้าของรูปร่างที่เขย่าราคะตนเองพูดคุยไปเรื่องที่ตนสงสัยก่อนหน้านี้แทน ทั้งที่มันไม่ใช่เวลาแต่ช่วยไม่ได้กับสตรีที่คนเรารักปักใจจะเวลาไหนก็ล้วนรู้สึกได้ทั้งหมด"ของมันต้องมีเพคะ หม่อมฉันไม่หนัก" จีเมี่ยวหลัวตอบด้วยเสียงสดใสส่วนเท้าที่ไม่ได้ถูกรัดจนเป็นรูปทรงดอกบัวเช่นสตรีชาวต้าเซี่ยนิยมก็ยังคงก้าวไปข้างหน้าไม่หยุด มั่นคงจนดูสง่างาม ซ่างกวนโทวเลยคิดว่าให้เวลาผ่านไปอีกสักหน่อยไอ้ธรรมเนียมทรมานบุตรสาวเช่นนี้เขาจะต้องยกเลิกแน่นอน"อันใดคือขอ
ย้อนกลับไปก่อนเหตุการณ์กองทัพชินอ๋องซ่างกวนไท่บุกเข้าเมืองอิ๋งโจวหนึ่งชั่วยาม…อาเฉียงที่แท้ใครจะคิด เขาก็คือปีศาจดำซ่างกวนโทวหรือก็คือ ฉางตี้ฮ่องเต้ มังกรหนุ่มแสนทระนงผู้อยู่เหนือคนทั้งแผ่นดินต้าเซี่ยนั่นเอง แต่บัดนี้กลับต้องมาวิ่งตามก้นสตรีธรรมดาผู้หนึ่งต้อยๆ อยู่ขณะนี้ หากไม่เห็นกับตายากจะมีคนเชื่อถือเป็นแน่"ฝ่าบาททรงเล่นอันใดเพคะ?"พออยู่กันเพียงลำพังในที่ปลอดคน จีเมี่ยวหลัวจึงหันมาเผชิญหน้ากับปีศาจดำ ครั้งแรกนางก็ไม่เอะใจ แต่บังเอิญไปสะดุดกับปานดำตรงมือของอีกฝ่าย ปลอมตัวได้บัดซบมาก ไม่เคยมีใครเตือนเขาบ้างหรือไรคุณหนูลิ่วจีให้สงสัยยิ่งนัก ว่าเขาควรหาอันใดก็ได้ทาขี้ผึ้งดังกล่าวปกปิดปานดำที่หลังมือนี้"เล่นอันใด เจิ้นแค่เพียงเข้ามาสอดแนมเท่านั้น"ซ่างกวนโทวเองก็ไม่ปฏิเสธ ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานอีกด้วยจีเมี่ยวหลัวถึงกับกลอกตาไปมาพร้อมกับพรั่งพรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ใครจะคิดเล่าว่าผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินต้าเซี่ยที่อายุจวนจะเต็มสามสิบปีนี้เล่นสนุกเป็นเด็กชายวัยไม่เกินหกขวบ!"มันอันตรายมากนะเพคะฝ่าบาท"แค่ชีวิตของตนเองจีเมี่ยวหลัวรับผิดชอบไหว ทว่าชีวิตของฉางตี้ฮ่องเต้นั้นนางเกินรับไหว แ
จีหย่วนโจว และจีม่อชงที่เพิ่งจะตามมาสมทบกับน้องชายและกองทัพของชินอ๋องซ่างกวนไท่เมื่อพบกับจางลี่แล้วทราบว่าน้องสาวคนสุดท้องและเหลือเพียงคนเดียวของพวกตนคิดทำสิ่งใดก็ถึงกับตกใจจนสบถด่าและหน้าซีด"เกิดอันใดกันขึ้น"ซ่างกวนไท่ที่ได้ยินจึงเอ่ยถามสองพี่น้องแซ่จีขึ้น เพราะเขานั้นคุ้นเคยทั้งจีหย่วนโจวและจีม่อชงแต่กลับยากนักจะเห็นสองคนนี้มีสีหน้าย่ำแย่ขนาดนี้"น้องสาวของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ"เป็นจีม่อชงที่เล่าทุกสิ่งที่จีเมี่ยวหลัวทำพร้อมกับนัดแนะผ่านสาวใช้คนสนิทของนางมาเสียเสร็จสรรพ"ในยามนี้พวกเราทำอันใดมิได้ อีกไม่ถึงสองชั่วยามก็จะพลบค่ำแล้ว เช่นไรก็ลองรอดูก่อนเถิด หากพวกเจ้าบุ่มบ่ามบุกเข้าไป แผนของคุณหนูลิ่วจีก็จะพังไม่เป็นท่าและคงส่งผลร้ายมากกว่าดี"เพราะซ่างกวนไท่นั้นเป็นผู้อื่นเขาจึงคิดออกมาได้เป็นเหตุเป็นผลไม่ได้คิดและตัดสินใจไปด้วยอารมณ์เช่นจีม่อชงและจีหย่วนโจว สองพี่น้องแซ่จีคิดตามคำแนะนำของชินอ๋องซ่างกวนไท่ถึงไม่อยากยอมรับแต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่าวิธีรอคือวีที่ดีและปลอดภัยที่สุดสำหรับจีเมี่ยวหลัวและจริงๆ"ได้พ่ะย่ะค่ะ"ในที่สุดจีม่อชงก็ยอมรับแผนดังกล่าว เช่นนี้แล้วจีหย่วนโจวเองก็ต้องทำตา
ถึงจะเป็นปลายฤดูหนาว แต่ท้องฟ้าของแคว้นอิ๋งโจววันนี้กลับหมองหม่นและอึมครึมอย่างยิ่ง ชาวบ้านล้วนปิดประตูหน้าต่างอยู่แค่เพียงในจวนของพวกตน นั่นก็เพราะกองทัพของชินอ๋องซ่างกวนไท่บุกมาประชิดถึงประตูเมืองของแคว้นอิ๋งโจวแล้วนั่นเองโซ่วอ๋องคิดก่อกบฏ! …ชาวเมืองล้วนกระจ่างแล้ว และคราวนี้พวกเขาล้วนไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น ทว่าแค่เพียงชาวบ้านทั่วไปยังจะเอาอันใดไปคัดค้าน กับโซ่วอ๋องที่มีกำลังทหารและเงินทอง ไหนจะยังมีพรรคพวกเป็นโจรสลัดอีกด้วยที่คอยส่งเสริมให้โซ่วอ๋องฮึกเหิมคิดจะต่อกรกับปีศาจขาวและดำแห่งต้าเซี่ยเร็วถึงเพียงนี้มีสงครามที่ยากลำบากย่อมมีแค่ชาวบ้านฐานะปานกลางไปจนถึงยากจน ส่วนที่ได้ประโยชน์ย่อมมีเพียงพรรคพวกของโซ่วอ๋องเท่านั้นชาวบ้านมีแต่ทำมาหากินยากในวันที่มีสงครามดังนั้นที่ทุกบ้านทุกจวนรีบปิดประตูไม่กล้าออกมาภายนอกย่อมไม่แปลก ยิ่งคนของโซ่วอ๋องล้วนเหี้ยมโหด พบเจอสาวงามก็ฉุดคร่าไปข่มเหงพบเจอทรัพย์สินก็ยึดมาเป็นของตนเองโดยอ้างมาส่งเสริมกองทัพไม่ถามผู้เป็นเจ้าของสักคำว่าเต็มใจจะสนับสนุนให้เกิดสงครามแบ่งแยกดินแดนในคราวนี้หรือไม่ พอมีบางคนที่กล้าลุกขึ้นมาพูดต่อต้านแต่กลับถูกสังหารยกตระกู
อย่าได้เอ่ยถึงมือปราบทั้งสองชีวิตที่คุ้นเคยกับห้องรักษาศพนี้เลยที่ขวัญผวา แม้แต่องครักษ์จากหน่วยพยัคฆ์ทมิฬที่ขึ้นชื่อลือนามว่าทั้งเหี้ยมโหดและอำมหิตในแผ่นดินต้าเซี่ยทั้งอีกสามชีวิตก็สะดุ้งเฮือกไปถ้วนไม่ยกเว้นผู้ใดแม้แต่คนเดียวในยามที่ฝาปิดโลงศพโลงหนึ่งเลื่อนเปิดออกช้าๆหมับ!คราวนี้คงมีเพียงจีหย่วนโจวที่ยังไม่ขยับกายถอยหนีไม่ทราบได้ว่าเขาไม่กลัวหรือตกใจจนก้าวขาไม่ออกไปแล้วกันแน่ ส่วนอีกสี่ชีวิตล้วนกระโดดถอยห่างออกไปคนละสามก้าวจนร่างสูงใหญ่กำยำออกไปพ้นประตูห้องรักษาศพแล้ว เมื่อพวกเขาแลเห็นว่ามีมือเรียวแต่ขาวซีดเกาะหมับลงบนขอบโลงศพ"......"จีหย่วนโจวถึงกับพูดไม่ออก เกิดมาจนอายุยี่สิบเจ็ดปี ผ่านความเป็นความตายมาไม่น้อยศพคนตายแน่นอนเห็นมาแล้วทุกรูปแบบจะสยดสยองเพียงใดเขาล้วนเห็นมาแล้ว แต่ศพลุกขึ้นจากโลงนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ประสบพบเจอจึงยืนขาแข็งก้าวไม่ออก ทว่าเขาไม่แสดงออก ประเดี๋ยวจะเสียการปกครอง"หาว...เป็นผู้ใดมาเอะอะรบกวนคนตายจนถึงในห้องรักษาศพแห่งนี้กัน มันดึกแล้วไม่เห็นหรือ"เสียงแหบแห้งอย่างคนเพิ่งตื่นนอนหาวออกมาหนึ่งครั้งฟังแล้วน่ากลัวนักแต่คาดว่าผู้พูดคงยังไม่รู้ตัวนางจึงยังคง