Share

ตอนที่ 4

last update Последнее обновление: 2025-04-09 15:22:39

ตอนที่ 4

ฝ่ายของผู้ถูกหมายหัวทั้งหลายนั้นกลับยังไม่มีผู้ใดรู้ตัวสักคนเพราะในจวนจิ้งหนานโหวนับตั้งแต่วันงานแต่งของบุตรสาวคนรองที่ล่มไม่เป็นขบวน จนทำให้ทุกคนภายนอกอาจคิดว่านายท่านหลู่หรือจิ้งหนานโหวล้มป่วยหลังจากคุณหนูรองหลู่หนีงานแต่งแต่ความเป็นจริงมีเพียงโจวอี้เหนียงกับคุณหนูสามหลู่เท่านั้นที่ทราบดีกว่าใครถึงเบื้องลึกเบื้องหลังนี้ ที่เป็นต้นเหตุให้จิ้ง หนานโหวล่มป่วยหนักเช่นทุกวันนี้

หลู่ฮั่นเหลียง หรือจิ้งหนานโหวคือบุรุษวัยสี่สิบสามปี รูปร่างสูงใหญ่กำยำถึงเขาไม่ใช่นักรบแต่คงเพราะเขาอยู่กรมโยธามาตั้งแต่อายุสิบแปดจากขุนนางระดับล่างจนปัจจุบันจิ้งหนานโหวคือเจ้ากรมโยธาแห่งต้าเซี่ยมาได้เจ็ดปีแล้วเป็นขุนนางบุ๋น แต่เขามักไปตรวจงานก่อสร้างบ่อยไม่แปลกที่รูปร่างจะยังสูงใหญ่กำยำราวกับขุนนางบู๊ ซึ่งไม่น่าเชื่อได้เลยว่าคนร่างกำยำและอายุเพิ่งจะเท่านี้ไม่น่าจะล้มป่วยหนักจนกลายเป็นผักดอง     อย่าเอ่ยว่าเดินเหินไม่ได้ จิ้งหนานโหวแม้แต่พูดก็ยังพูดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ หากสังเกตย่อมมีหลายจุดให้สงสัยมากมาย

แต่คนถูกกระทำเช่นจิ้งหนานโหวพูดไม่ได้นอนเป็นผักเหี่ยวเฉาไปแล้วสองแม่ลูกย่อมไม่มีทางปริปากพูดออกมาเด็ดขาด โดยเฉพาะกับคุณชายใหญ่หลู่ หลู่ ฮ่าวอวี่ พวกนางย่อมไม่มีทางเปิดปากบอกความจริงออกไปให้อีกฝ่ายร่วมรับรู้เป็นแน่ 

ยังดีว่านับตั้งแต่วันงานแต่งงานที่ล่มไม่เป็นกระบวนหลู่ฮ่าวอวี่เองเขาก็ต้องวิ่งไปตามหาน้องสาวคนรองสลับกับแบ่งเวลาไปทำงาน ส่วนกลางคืนหลู่ฮ่าวอวี่นั้นยังต้องกลับมาดูแลงานของบิดาที่เป็นถึงเจ้ากรมโยธา เขาจึงยิ่งไม่มีเวลาสังเกตหรือสงสัยถึงอาการป่วยของบิดา นอกจากแวะดูอาการทุกวันก็ยกให้มารดากับน้องสาวดูแลไป

รวมไปถึงแม่นมและสาวใช้ของคุณหนูรองหลู่ที่หายตัวไปทั้งหมดหลู่ฮ่าวอวี่เองก็ลืมนึกถึงไปเสียสิ้น เรียกได้ว่าเกือบสองเดือนเศษที่ผ่านมาหลู่ฮ่าวอวี่กินอิ่มนอนหลับยังทำไม่ได้เช่นนั้นจะไปสนใจสิ่งอื่นภายในจวนได้อย่างไร

“พวกเจ้าออกไปด้านนอกเถอะ ข้าจะดูแลจิ้ง หนานโหวเอง”

โจวอี้เหนียง หรือโจวอิ๋งชุน ปีนี้นางอายุสามสิบแปดปีแต่รูปร่างและใบหน้ากลับยังดูอ่อนเยาว์ราวกับอายุเพิ่งยี่สิบกว่าปี เอ่ยกับสาวใช้ในเรือนส่วนตัวของจิ้ง หนานโหวด้วยสีหน้าอ่อนโยน น้ำเสียงมากเมตตา

“นายท่านเจ้าค่ะ ดื่มยาหน่อยนะเจ้าค่ะ”

ร่างอรชรทรุดลงนั่งด้านข้างเตียง จัดการนำผ้าเช็ดหน้าเหน็บตรงหน้าอกและลำคอ จากนั้นนางก็หยิบถ้วยยามาตักป้อนหลู่ฮั่นเหลียง คนป่วยบนเตียงที่ขยับได้เพียงดวงตา จับจ้องใบหน้างามที่ตนเองเคยหลงใหล พลันนั้นดวงตาของจิ้งหนานโหวก็สั่นระริก

“อื้อ! อื้อ!”

หลู่ฮั่นเหลียงพยายามที่จะไม่ยอมเปิดปากรับการถูกป้อน เพราะตนเองกระจ่างมาหลายเดือน ยานี้หาได้รักษา แต่มันกำลังฆ่าเขาช้าๆ ต่างหาก 

“ท่านพี่อย่าดื้อดึงสิเจ้าค่ะ ดื่มยาเสีย ท่านพี่ไม่อยากไปพบหน้า ท่านพ่อท่านแม่ ฮูหยิน กับคุณหนูรองหลู่โดยเร็วหรือเจ้าคะ ทุกคนไปรออยู่นานแล้วนะ ท่านพี่ไม่รีบหน่อยหรือ”

 ทุกคำพูดโจวอิ๋งชุนเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หากแต่รอยยิ้มดังกล่าวกลับไปไม่ถึงดวงตา จิ้งหนานโหวแค้นใจจนสั่นไปหมดทั้งร่าง หากแต่โกรธแค้นแน่นอุรา กลับมิอาจทำอันใดได้เลย รู้ตัวเมื่อสายมันเป็นเช่นนี้นี่เอง

“อื้อ!”

โจวอี้เหนียงกดนิ้วเรียวงามบีบลงไปบนขากรรไกรโดยแรง จากริมฝีปากหนาของจิ้งหนานโหวเผยออ้าออก จากที่แต่แรกตักป้อน บัดนี้นางเทกรอกลงไปทั้งถ้วย หลู่ฮั่นเหลียงน้ำตาไหลอาบแก้มนับตั้งแต่เติบโตขึ้นมาเขาไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้

อยู่มิสู้ตาย...

วันนี้หนุ่มใหญ่กระจ่างแล้ว อยากตายก็มิอาจตายได้ อยากอยู่ก็ใช่จะสบาย ชีวิตของเขาในยามนี้เป็นดังนี้ รู้ทั้งรู้ว่าที่อีกฝ่ายให้กินคือยาพิษ แต่กลับมิอาจปฏิเสธ ทุกสิ่งทุกอย่างบังเกิดมาจากเขาที่ชักศึกเข้าบ้าน นำพาอสรพิษมาสังหารคนทั้งตระกูล

“คงยากตายเต็มทีแล้วกระมัง อย่าเพิ่งใจร้อนสิท่านพี่ รอก่อน ไม่นานหรอก ท่านได้ตายสมใจแน่”

โจวอี้เหนียงก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของบุรุษโง่เขลาตรงหน้า ใบหน้าของนางประดับไปด้วยรอยยิ้มแสนหวาน ดวงตาของนางกระจ่างนัก อดีตหลู่ฮั่นเหลียงเคยคิดว่านางงดงามที่สุด มาบัดนี้คนงามตรงหน้ากลับกลายเป็นนางปีศาจร้ายไปเสียแล้ว

“อี้เหนียง ท่านอยู่ที่นี่เอง”

เป็นหลู่ฮ่าวอวี่ที่เพิ่งกลับมาจากจวนเฉินกั๋วกงด้วยใบหน้าอ่อนล้า ซึ่งนับจากหลู่อวี้หลิงกระโดดหน้าผาหายไปไม่พบร่างไม่ว่าเป็นหรือตาย เขากลับมาก็ต้องแวะมาเยี่ยมบิดาก่อนเป็นอันดับแรกเช่นนี้ทุกวัน

“คุณชายใหญ่กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”

บุตรชายของตนเองแท้ๆ แต่กลับมิอาจเรียกเขาได้เต็มปาก ต้องก้มศีรษะให้ โจวอิ๋งชุนเจ็บช้ำมาโดยตลอดยี่สิบเอ็ดปี แต่อีกไม่นานหรอกอีกไม่นานทุกสิ่งจะสมดังที่นางต้องการทั้งหมดแล้ว

“เป็นอย่างไรบ้าง มีสิ่งใดคืบหน้าบ้างหรือไม่”

ถามทั้งที่นางพอจะรู้ผลอยู่แล้ว แต่กับบุตรชายนางจะต้องเป็นอี้เหนียงแสนดีและอ่อนโยน

“ยังเหมือนเดิมขอรับ แล้วท่านพ่อเล่า อาการเป็นอย่างไรบ้าง”

ตอบออกไปด้วยแววตาอ่อนล้า ก่อนจะถามความคืบหน้าอาการของบิดา สองเดือนเศษ สำหรับเขามันไม่ง่ายเลย ยิ่งหลังจากบิดาล้มป่วย เขาต้องรับหน้าที่ผู้นำสกุลหลู่ทั้งที่ไม่ทันตั้งตัวเตรียมใจ ออกจะเกินกำลังเขาไปมากจริงๆ

“ก็ยังเหมือนเดิมนั่นแหละคุณชายใหญ่”

ขณะตอบบุตรชายโจวอี้เหนียงก็ลงมือบีบ     นวดไปตามขาของคนป่วย มองอย่างไรก็คือภรรยาที่จงรักภักดีกับสามี แต่ใครเล่าจะรู้ดีไปกว่าจิ้งหนานโหวไปได้ ว่าสตรีบัดซบผู้นี้มันร้ายกาจยิ่งกว่าอสรพิษ!

“อื้อ อื้อ”

เขาอยากพูดอยากบอกบุตรชาย แต่กลับทำได้เพียงร้อง “อื้อๆ” เท่านั้นเจ็บใจแค้นใจ คงไม่ต้องบรรยายว่ามากเพียงใดในหัวอกของหลู่ฮั่นเหลียง

“นายท่านคงอยากถามคุณชายใหญ่กระมังว่าพบคุณหนูรองแล้วหรือไม่”

โจวอี้เหนียงพูดเสียงอ่อน ใบหน้าและแววตาก็ปั้นแต่งจนเศร้าโศกสมจริง อาจเพราะยี่สิบกว่าปีนางสวมบทบาทมานาน โกหกผู้คน จนตนเองบางวันก็ไม่แน่ใจแล้วว่าที่ตนเองกล่าวออกมาอันใดจริง สิ่งไหนปั้นแต่ง

“ท่านพ่ออย่ากังวลไปเลยขอรับ ไม่แน่ว่าป่านนี้ น้องรองอาจถูกคนช่วยไว้และคงกำลังหาทางกลับจวนก็เป็นไปได้”

หลู่ฮ่าวอวี่ไม่แน่ใจว่าที่เขาเอ่ยออกมานี้ปลอบใจตนเองหรือปลอบใจบิดากันแน่

“นั่นสิเจ้าค่ะนายท่าน คุณหนูรองจะต้องปลอดภัย คนตายต้องพบศพนานแล้ว ในเมื่อไม่พบศพ คงต้องปลอดภัยแน่นอน”

ฟังผิวเผินที่โจวอี้เหนียงเอ่ยเช่นนี้คือปลอบใจสามี ทว่าสำหรับหลู่ฮั่นเหลียงที่รู้แล้วว่าภายใต้หน้ากากแสนดีของสตรีลายดอกตรงหน้าก็คือปีศาจร้ายมากเล่ห์ มีหรือจะฟังไม่เข้าใจว่านางต้องการจะสื่อสารอันใดกับตนเอง

“ท่านพ่อ พักรักษาตัวให้ดีนะขอรับ ไม่แน่พรุ่งนี้อาจมีข่าวดี”

หลู่ฮ่าวอวี่พูดปลอบใจบิดาอีกหลายประโยค ก่อนจะกลับเรือนของตนเองเพื่อไปตรวจบัญชีที่เป็นกิจการของสกุลหลู่ต่อ หลังจากบิดาล้มป่วยน้องสาวหายไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นกิจการของสกุลหลู่ หลู่    ฮ่าวอวี่ต้องรับมาดูแลทั้งหมดจากในอดีตเขาแค่ช่วยบิดาแล้วแต่อีกฝ่ายจะมอบหมาย

ซึ่งกิจการของสกุลหลู่ก็มีไม่น้อย ดังนั้นทุกวันนี้ เขาจึงแทบไม่ได้กินอิ่มนอนหลับ ยังดีว่างานภายในจวน มารดากับน้องสาวช่วยเขาได้มาก ไม่อย่างนั้นหลู่ฮ่าวอวี่คงไม่เหลือแม้แต่เวลาสักวันละสองชั่วยามก็เป็นไปได้ยิ่งในใจรู้สึกผิดและติดค้างหลู่อวี้หลิง ร่างกายของชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดปีเศษจึงผ่ายผอมและทรุดโทรมลงไปไม่น้อยเลย

ส่วนมู่หรงจิ่งเองช่วงนี้เขาก็มีสภาพไม่ต่างจากหลู่ฮ่าวอวี่นัก เพราะยิ่งนานวันในใจของเขาก็ยิ่งกังวล ช่วงแรกพอไม่พบศพก็ยังพอมีความหวัง แต่นอกจากรองเท้าก็ยังไม่พบสิ่งของอื่นใด สอบถามไปตลอดสายน้ำที่ต้นกำเนิดนั้นมาจากน้ำตกแห่งนั้น แต่ผ่านมาร่วมสองเดือนไม่พบอันใดเลย ถึงจะพยายามปลอบใจทุกวันอยู่ได้บ้างว่านางอาจรอดชีวิตเพราะมีคนช่วยเอาไว้ เรียกว่ายิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เขาก็พยายามหลอกตนเองเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น

เพราะคนตายต้องพบศพ ในเมื่อไม่พบศพ นั่นก็หมายความว่า หลู่อวี้หลิงนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ พอหลอกตนเองนานไปใจก็ยิ่งมีแต่ความหวัง คาดหวังเต็มเปี่ยม เขาจะได้พบหลู่อวี้หลิงแน่นอน คิดวาดฝันไปว่าเมื่อได้พบกับนางเขาจะง้องอนนางให้ดี จะสารภาพกับนางว่าแต่แรกตนเองตั้งใจหลอกลวงนางจริง ทว่าผ่านไปสองปี เขากลับรักนางจริงๆ

ชีวิตนี้ของเขาขาดนางไม่ได้ มู่หรงจิ่งคิดฝันเอาไว้ดิบดี คิดว่าตนเองจะจัดงานแต่งงานอีกครั้ง หากนางไม่พึงใจให้เขารับหลู่อวิ๋นเซียงเข้าจวนเขาก็จะตามใจหลู่อวี้หลิง ในเมื่อสตรีนั้นมีมากมาย แค่ตัดหลู่อวิ๋นเซียงไปสักคนยังจะนับเป็นอันใดสำหรับเขาได้อีก เรียกว่าคิดแต่ในมุมมองของตนเองแต่ฝ่ายเดียว มู่หรงจิ่งไม่เคยเผื่อใจเอาไว้เลยว่า หากพบกัน หลู่อวี้หลิงนั้นจะไม่ยอมอภัยให้ตนเอง

แต่แล้วสิ่งที่มู่หรงจิ่งคาดหวังก็พังทลายลงทันทีหลังจากมีชาวบ้านไปหาของป่าใกล้บริเวณน้ำตกแล้วพบเข้ากับซากศพในชุดเจ้าสาวเต็มยศที่แทบจะเหลือเพียงโครงกระดูกนั่งหลบอยู่ตรงซอกหินก้อนใหญ่ให้อีกสองเดือนเศษต่อมาเข้าเสียก่อนความหวังทั้งหลายจึงทลายสิ้นในทันใด

“ที่ผ่านมาหาไม่พบเพราะพวกเราคิดว่าหลิงเอ๋อร์จะลอยไปกับสายน้ำ ใครจะคาดว่านางปีนขึ้นมาจากน้ำได้แต่คงมิอาจพาตนเองไปไกลว่านี้ได้”

คราวนี้หลู่ฮ่าวอวี่หลั่งน้ำตาออกมาแล้วจริงๆ เมื่อยามไม่พบศพยังพอจะหลอกตนเองได้ว่าน้องสาวอาจรอดไปได้ แต่อาจจะบาดเจ็บหนักหรือไม่ก็ไม่คิดจะกลับมาพบพวกตน หากแต่ในยามนี้พบศพอยู่ตรงหน้า มองเช่นไรก็เป็นหลู่อวี้หลิงในวันที่กระโดดหน้าผาลงมาจริงๆ น้องสาวตัวน้อยแสนดีตายจากเขาไปแล้ว นางไม่อาจกลับมาได้แล้ว น้ำตาของบุรุษไหลเต็มหน้า หัวเข่าแกร่งทรุดลงหน้าร่างของผู้ที่เขาแน่ใจว่าเป็นน้องสาวอย่างคนหมดสิ้นแล้วซึ่งเรี่ยวแรง สิบเจ็ดปี หลู่อวี้หลิงและมารดาของนางดีกับเขามาก ไม่เคยมองว่าเขาเป็นบุตรที่เกิดจากสตรีอื่นที่เข้ามาแย่งความรักของทั้งสองไป แล้วสิ่งที่เขาตอบแทนพวกนาง…

“หลิงเอ๋อร์พี่ใหญ่ขอโทษ เจ้ากลับมาได้หรือไม่ หลิงเอ๋อร์ พี่ใหญ่ผิดต่อเจ้า หลิงเอ๋อร์!”

ในขณะที่หลู่ฮ่าวอวี่กำลังฟูมฟายไร้สติ มู่หรงจิ่งเองก็ใช่จะดีกว่าลูกน้องคนสนิท ถึงแม้เขาจะมิได้ฟูมฟายเช่นท่านที่ปรึกษาหลู่แต่ภายในใจนั้นอาจย่ำแย่ยิ่งกว่า สองเดือนเศษที่สร้างความหวังอย่างคนโง่เขลาหลอกตนเองมาตลอด พอวันนี้ย่อยยับสิ้น มู่หรงจิ่งก็มิอาจจะพูดอันใดได้แม้เพียงครึ่งคำ

มันจุกแน่นขมขื่นในอกไปหมดความขมขื่นดังกล่าวนั้นพุ่งขึ้นมาถึงในปากของเขาแล้ว สุดท้ายจึงรู้ว่าตนเองอยากอาเจียน ร่างสูงใหญ่จึงวิ่งไปหลบอาเจียน คราวนี้ไม่รู้ว่าน้ำตาที่ไหลลงมาตามแก้มนั้นเป็นเพราะอาเจียนอย่างหนัก อาเจียนจนเหมือนจะเอาลำไส้ออกมา หรือมันไหลเพราะในใจของเขามันทนความเจ็บปวดไม่ไหวกันแน่

ความผิดบาปที่หลอกลวงหลู่อวี้หลิงนั้นมีมากก็จริงแต่มันไม่มากเท่าความเสียใจ มู่หรงจิ่งเสียใจที่เขารู้ตัวช้าไป เขารู้ตัวว่ารักหลู่อวี้หลิงก็ในวันที่เห็นนางกระโดดหน้าผาต่อหน้าต่อตาโดยที่เขามิอาจคว้าร่างของนางเอาไว้ได้ทัน และยิ่งนานวันที่เฝ้าตามหาเขาจึงยิ่งกระจ่าง อันใดคือความรัก อันใดคือความหลงได้อย่างชัดเจน

แน่นอนว่าเขาเพิ่งตาสว่าง ว่ากับหลู่อวิ๋นเซียงนั้นเป็นความหลง พอนางดูได้มายากเขาจึงยิ่งอยากได้ เพราะตลอดชีวิตยี่สิบห้าปีของบุตรชายคนโตของจวนเฉินกั๋วกง ไม่เคยมีสตรีใดที่เขาอยากได้อยากครอบครองแล้วไม่ได้ พอมาเจอกับหลู่อวิ๋นเซียง ที่มีข้อกำจัดและยิ่งถูกบิดากับมารดาเอ่ยขัดขวางอย่างเด็ดขาดเขาจึงยิ่งดิ้นรนอยากได้นางเพิ่มขึ้นไปอีก แต่พอสุดท้ายได้ร่วมเรียงเคียงหมอนแล้ว ที่เคยอยากได้อย่างรุนแรงจนคิดไปเองว่าคือความรักมั่นคงก็กลับจืดจาง

ผ่านมานับตั้งแต่สองเดือนเศษที่ผ่านมาเขาได้เห็นธาตุแท้ของคุณหนูสามหลู่ แม้แต่พบหน้าของหลู่  อวิ๋นเซียงบอกตามตรงจากใจว่าไม่อยากพบนางแล้วจริงๆ เสียงหวานที่เคยฟังไพเราะก็รำคาญจนไม่อยากได้ยิน กลิ่นกายของนางที่เคยหอมจนร่างกายเรียกร้องอยากร่วมรักกับนาง ยิ่งนานกลับยิ่งเหม็นจนวิงเวียนศีรษะ แค่กลิ่นกายของนางลอยมาเขาถึงกับรีบร้อนหนีก็บ่อยครั้ง

แต่กับหลู่อวี้หลิง ยิ่งนานเขากลับยิ่งคิดถึง ใบหน้ายิ้มแย้มทุกครั้งที่พบหน้า ไม่เคยจู้จี้คาดคั้นเมื่อเขาหายหน้าไปหลายวัน ไม่เคยแสดงอารมณ์ไม่ดียามเมื่อนางถูกเขาขัดใจ ยามใดเห็นว่าเขาดูเหนื่อยล้านอกจากไม่ซักไซ้นางยังทำเพียงนั่งอยู่เคียงข้างเงียบๆ อาหารอร่อยมีไว้รอเขาเสมอ แค่ให้นางรู้ว่าเขาจะแวะไปเยี่ยมไปหาที่จวน ที่สำคัญนางไม่เคยว่าร้ายผู้ใดต่อให้คนผู้นั้นทำไม่ดีต่อนาง เรียกว่ายิ่งนางจากไปนานเท่าใดภาพในอดีตที่นางทำดีกับเขามันยังเด่นชัด แต่สุดท้าย…

…นางก็จากไปแล้วจริงๆ …

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ในวันที่ใจของข้าสิ้นรัก   ตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษวันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผัน ฤดูกาลยังคงเคลื่อนผ่านไปตามวัฏจักรของโลกา หลังจากวันที่ซ่างกวนไท่จัดการให้เจี่ยอวี้หลันได้นำโลหิตคนชั่วไปเซ่นไหว้หลุมศพของบรรพบุรุษสกุลหลู่ได้สิบห้าวันก็ได้ออกเดินทางไปยังแคว้นอิ๋งโจวทันที เนื่องจากบ้านเมืองไม่สงบสุขชาวประชาย่อมยากจะอยู่เย็น กินอิ่มนอนอุ่นไปได้ โดยการเดินทางนั้น เจี่ยอวี้ หลันนั้นได้ตัดสินใจไม่นำเชลยแค้นทั้งสามไปด้วย นางทอดทิ้งคนชั่วให้ค่อยๆ ตายลงช้าๆ ภายในคุกคุมขังของฉางตี้ฮ่องเต้เพราะนางอยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ปล่อยให้พวกมันทุกข์ทรมานกันไป ส่วนนางเลือกจะไปเสวยสุขกับบุรุษของนางแทน ความรู้สึกผิดและติดค้างคนสกุลหลู่ของนางจางหายไปตั้งแต่วันที่นำโลหิตพวกมันไปเซ่นไหว้แล้วทิ้งอดีตอันเจ็บปวดให้ค่อยๆ ตายไปพร้อมกับคนกระทำถูกต้องที่สุดแล้ว...ช่วงแรกที่ไปถึงก็ไม่ได้ทุกข์ยากดังที่ซ่างกวนไท่กล่าวเอาไว้ อยู่ต่อไปอีกห้าเดือน อิ๋งโจวก็ส่งข่าวดีกลับไปที่เสียนหยาง ข่าวดีที่ว่าพระชายาเจี่ยตั้งครรภ์แล้ว ฉางตี้ฮ่องเต้ดีใจอย่างยิ่งจากอิ๋งโจวมาเสียนหยางห่างกันอยู่เจ็ดร้อยลี้ ดังนั้นจากที่แต่แรกซ่างกวนไท่คิดจะรั้งอยู่อิ๋งโจวเพียงสองถึงสามปีก็เปลี่ยนเ

  • ในวันที่ใจของข้าสิ้นรัก   ตอนที่ 35 || ตอนอวสาน

    ตอนที่ 35 || ตอนอวสานอีกหลายวันต่อมา หลังจากซ่างกวนไท่จัดการหลายสิ่งหลายอย่างเรียบร้อย เตรียมแต่จะเดินทางไปอิ๋งโจว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะพาเจี่ยอวี้หลันไปพบคนที่ติดค้างนางและครอบครัวสกุลหลู่เสียทีผ่านไปร่วมห้าเดือน คนที่สมควรตายก็ตายไปหมดแล้วคนที่ต้องถูกเนรเทศก็เนรเทศไปจนสิ้น ใครต้องถูกขายไปเป็นทาสไปเป็นนางคณิกาก็ถูกขายไปจนสิ้น แต่ยังคงเหลืออีกสามชีวิตที่ถูกคุมขังมายาวนานร่วมครึ่งปีเงาร่างของบุรุษที่เคยหล่อเหลาปรากฏแก่สายตาของเจี่ยอวี้หลันเป็นคนแรก มอมแมมและซูบผอมอีกทั้งยังเหม็นเน่าจากบาดแผลที่คงถูกทรมานทุกวันจนไม่หลงเหลือสภาพของ เฉินกั๋วกงผู้ทรนงในอดีตแม้สักส่วน แต่นางก็ยังจดจำได้ว่ามันผู้นี้คือใคร“ไม่เจอกันนานเลยนะ มู่หรงจิ่ง”เสียงหวานดังกังวานไปทั่วคุกใต้ดินแห่งนี้ทั้งที่เจี่ยอวี้หลันก็เพียงเอ่ยด้วยโทนเสียงปกติแท้ๆ ไม่นานเสียงโซ่ตรวนก็ดังขึ้นบ้างบ่งบอกว่าเจ้าของร่างที่นอนขดตัวอยู่นั้นรับรู้ถึงการมาของนางแล้ว“ใคร?” ถามขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง“แย่จริง ไม่พบกันแต่ไม่เท่าไหร่เฉินกั๋วกงก็ลืมเปิ่นหวางเฟยเสียแล้ว”“หลิงเอ๋อร์!”พอมีสติรับรู้ได้มู่หรงจิ่งถึงกับกระชากโซ่ตรวนเพื่อจะพุ่ง

  • ในวันที่ใจของข้าสิ้นรัก   ตอนที่ 34

    ตอนที่ 34หลังผ่านค่ำคืนวสันต์ของคู่สามีภรรยาไปเพียงสามวัน ซ่างกวนไท่ก็ควบคุมทหารไปอิ๋งโจว เพื่อจับกุมโซ่วอ๋องกับกองกำลังที่ซ่องสุมมากว่าห้าปีโดยเมืองหลวงเป็นฉางตี้ฮ่องเต้กับแม่ทัพจี จีหยวนโจว ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ขององครักษ์ชั้นในปกป้องเสียนหยางเป็นผู้จับกุมเส้นสายของโซ่วอ๋อง แน่นอนว่าต้องมีสกุลมู่หรงกับสกุลหลู่รวมอยู่ด้วย เจี่ยอวี้หลันอยู่ภายในตำหนักชินอ๋องรับฟังอย่างสงบนางรอเพียงซ่างกวนไท่กลับมา เพราะเขารับปากกับนางแล้วว่าจะให้นางลงมือแก้แค้นด้วยตนเอง เจี่ยอวี้หลันเชื่อเขา นางจึงรออย่างใจเย็น กบฎของโซ่วอ๋องคราวนี้นับเป็นการถอนรากถอนโคนอย่างแท้จริง หากกล่าวว่าเมื่อครั้งกบฎองค์ชายรอง ซากศพ เผาไหม้ร่วมเดือน ครั้งนี้ก็แทบไม่แตกต่างและยิ่งเป็นเช่นนี้ ชื่อเสียงในด้านโหดร้ายของปีศาจดำและขาวจึงยิ่งโด่งดัง ในอดีตเจี่ยอวี้หลันยังเด็ก โลกของนางขณะนั้นมีเพียงสีขาวกับสีดำ จึงมองว่าสองพี่น้องซ่างกวนทั้งเหี้ยมโหดและอำมหิต ทว่าบัดนี้นางผ่านอะไรมามาก จึงไม่ได้ตัดสินเพียงขาวหรือดำ ถูกกับผิด แต่เจี่ยอวี้หลันมองจากมุมมองของความเป็นจริงจึงค่อยเข้าใจ แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นฉางตี้ฮ่องเต้หรือชินอ๋อง พวกเขาล้

  • ในวันที่ใจของข้าสิ้นรัก   ตอนที่ 33

    ตอนที่ 33กล่าวจบซ่างกวนไท่ก็งอนิ้วชี้เคาะลงไปที่ปลายจมูกโด่งเรียวงามของ ‘ตัวแสบ’ เบาแสนเบา ก่อนที่จะขยับจับร่างแน่งน้อยในอ้อมแขนวางลงบนเตียงด้วยท่วงท่าอ่อนโยน และทะนุถนอมราวกับเจี่ยอวี้หลันนั้นเป็นไข่ในหิน ก็เพราะเขารักนางถึงเพียงนี้ จะไม่ถนอมได้อย่างไรไหว“ข้าจะถนอมเจ้า ให้เจ็บปวดน้อยที่สุด แต่เจ้าก็ต้องสัญญาว่าจะไม่ดื้อดึงเช่นคราวก่อน”กล่าวพลางคร่อมกายอยู่เหนือร่างแน่งน้อย ตาจ้องตาแสนอ่อนหวาน ราตรีเข้าหออาจผ่านมาเป็นเดือน แต่ราตรีนี้กลับกรุ่นกลิ่นหวานล้ำไม่แตกต่างจากราตรีของคู่วิวาห์ใหม่เลยแม้แต่น้อยทั้งน้ำเสียง สัมผัส และสายตาที่ซ่างกวนไท่ส่งมาให้ทำเอาเจ้าของร่างแน่งน้อย หัวใจเต้นเร็วและแรงจนสะท้านสะเทือนไปทั้งหัวอก นางลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ความใจกล้าที่เคยมีคล้ายจะมลายหายไปกับสายตาเว้าวอนอ่อนหวานเสียแล้ว“พะ...เพคะ”“เด็กดี ราตรีนี้ขอแค่เจ้าปล่อยไปตามอารมณ์กับข้าเป็นผู้นำก็พอ จากนั้นทุกอย่างจะดีเอง” กลีบปากล่างของเจี่ยอวี้หลันเม้มเป็นเส้นตรงด้วยความประหม่าและกังวลอยู่เล็กน้อย“ปล่อยกายและใจให้สบาย ไม่ต้องกังวลสิ่งใด และอย่าได้เขินอายมากไป เพียงเพราะเจ้าต้องเปลือยกายต่อหน้าข้

  • ในวันที่ใจของข้าสิ้นรัก   ตอนที่ 32

    ตอนที่ 32รถม้าถึงตำหนักแล้วซ่างกวนไท่เป็นผู้ลงไปก่อน เขารอรับเจี่ยอวี้หลันอยู่ด้านล่าง ส่งนางจนถึงตำหนัก อยู่ร่วมมื้อกลางวันกับนางแล้วจึงบอกให้นางพักผ่อน“มื้อค่ำเจ้ารับไปก่อนได้เลยนะเจี่ยเอ๋อร์ ข้าอาจกลับมาไม่ทัน”“ได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวเจี่ยเอ๋อร์ไปส่ง”“ไม่ต้องหรอกเจ้าพักเถิด”“เพิ่งกินอิ่ม ให้เจี่ยเอ๋อร์เดินไปส่งเถิดเพคะ”“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า”ภาพสองสามีภรรยาพูดจาด้วยดี สายตาที่มองกันนั้นคงไม่ต้องเอ่ยถึง ทุกคนที่รับใช้ชินอ๋องเห็นแล้วต่างตื้นตัน ที่บัดนี้นายท่านของพวกตนนอกจากเหน็ดเหนื่อยและวุ่นวายกับงานราชกิจมากล้น พอกลับถึงตำหนักก็ยังมี ความสุข รอคอยอยู่“อย่าลืมดื่มยานะเจี่ยเอ๋อร์”“เพคะ”มองส่งเรือนกายสูงใหญ่ขึ้นรถม้าจนหายเข้าไปด้านใน เจี่ยอวี้หลันก็ยังคงยืนรอจนรถม้าเคลื่อนพ้นไปจากหน้าประตูตำหนัก นางจึงกลับเข้าสู่ตำหนักมู่หรงจิ่งที่แอบซุ่มดูอยู่ทำได้เพียงกำหมัดกัดฟัน เพราะไม่มีโอกาสจะเข้าใกล้สตรีซึ่งเขามั่นใจว่านางคือหลู่อวี้หลิง อยากได้นางกลับคืนใจแทบขาด ทว่ามิอาจเอื้อมถึง ทำเอาคนที่อยากได้สิ่งใดก็ต้องได้คับแค้นใจยิ่ง“หึ! มีข้าอยู่ ยังจะคิดเพ้อฝัน สมควรตายจริงๆ”มีหรือคนเช่นซ่างก

  • ในวันที่ใจของข้าสิ้นรัก   ตอนที่ 31

    ตอนที่ 31นางเองก็ตอบรับเขากลับไปทุกคำขอเช่นกัน และที่ตอบรับออกไปนางมั่นใจแล้วทั้งหมดจึงได้อนุญาตเขาออกไป ไม่มีเลยแม้เสี้ยวลมหายใจที่เจี่ยอวี้หลันจะไม่แน่ใจและลังเล“มันจะเจ็บมากนะ”“เพคะ”สิ้นเสียงหวานตอบรับท่อนลำแข็งขึงจึงถูกกดแทรกลงมา เริ่มแรกแค่ตึงก่อนจะเริ่มเจ็บราวกับร่างกายถูกฉีกกระชาก ใบหน้าหวานค่อยๆ เปลี่ยนสีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเม็ดโต แต่นางกลับไม่กรีดร้องออกมาแม้เพียงครึ่งคำ เจ็บหนักเข้านางจึงเอื้อมมือขึ้นไปดึงลำคอแกร่งให้เขาก้มลงมาจุมพิตนางทันทีเท้าเรียวสองข้างยกขึ้นโอบกอดรอบสะโพกแกร่งแล้วออกแรงกดให้ชายหนุ่มรับรู้ว่านางต้องการให้เขาเดินหน้าเข้ามาให้จบในคราวเดียวปึก!“อื้อ!”“เจี่ยเอ๋อร์!”ซ่างกวนไท่มิคาดคนตัวเล็กจะใจเด็ดถึงเพียงนี้ตัวตนของเขามิใช่ธรรมดาแรกเข้าไปในคราวเดียวเช่นนี้นางบาดเจ็บไม่น้อยแน่นอน“มะ…มิเป็นไรเพคะ เจี่ยเอ๋อร์ทนไหว”เจ็บก็เจ็บมันคราวเดียวไปเลย เจี่ยอวี้หลันคิดเช่นนั้น เพราะนางไร้เดียงสานักยังไม่รู้แจ้งว่ามันไม่ได้จบสิ้นเพียงแค่ตัวตนของซ่างกวนไท่เข้าไปสุดความยาว แต่นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นนะสิ!“เจ้าตัวโง่งม เจ้าทำตนเองบาดเจ็บด้วยเหตุอันใด”ซ่างกวนไท่กล่าว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status