ตอนที่ 5
แน่นอนว่าความรู้สึกไม่ว่าจะของหลู่ฮ่าวอวี่หรือมู่หรงจิ่งนั้น เจี่ยอวี้หลันย่อมไม่รับรู้อันใดทั้งสิ้นเพราะนางกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวแต่งงานกับชินอ๋องผู้มีพระคุณ และถึงนางรับรู้ผ่านมาจนถึงวันนี้นางคงมีแต่หัวเราะเยาะเสียมากกว่าแต่จะหัวเราะเยาะตนเองหรือพี่ชายกับมู่หรงจิ่งก็สุดจะรู้ได้
แต่คนที่รับรู้และเห็นกลับเป็นหลู่อวิ๋นเซียงสตรีที่คิดว่าตนเองเป็นที่หนึ่งในใจของมู่หรงจิ่งมาร่วมสามปี แต่พอพบว่านังพี่สาวตัวดีที่เกิดก่อนตนเองแค่สองเดือนมันตายไปจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นพี่ชายแท้ๆ เช่นหลู่ฮ่าวอวี่หรือจะเป็นบุรุษที่นางกล้าเรียกเขาได้เต็มปากแล้วว่าสามีเช่นมู่หรงจิ่ง เพราะหลังเหตุการณ์เลวร้ายวันนั้นนางก็ทนที่เขาหมางเมินกับนางไม่ไหวจึงยอมมีสัมพันธ์ลึกซึ้งทอดกายให้เขาเชยชมไปแล้ว ในยามนั้นนางคิดว่ามู่หรงจิ่งจะต้องรีบรับนางเข้าจวน ต่อให้เป็นแค่อนุหลู่อวิ๋นเซียงก็ยอมแล้วจนสิ้น แต่นี่ผ่านมานานขนาดนี้นอกจากมู่หรงจิ่งจะไม่รับนางเข้าจวนยังไม่พอ พบหน้าอีกฝ่ายยังดูเหมือนจะไม่อยากพบหน้าของนางเสียด้วยซ้ำ
บัดซบยิ่งนัก!…
บุรุษที่นางรักทั้งสองคนต่างพากันแสดงท่าทางราวกับจะตายตามนังตัวดีอวี้หลิงไปเสียให้ได้นี่มันคืออันใดกัน?! นางหรือสู้อุตส่าห์คิดแผนการและลงมือลงแรงแม้แต่เงินทองก็หมดไปไม่น้อยเพื่อจะทำให้ตนเองคู่ควรเหมาะสมกับเขาแท้ๆ สำหรับมู่หรงจิ่ง และพี่ชายนางกับมารดาก็คิดเพื่อเขาทำเพื่อเขาจนบัดนี้ หลู่ฮ่าวอวี่ใกล้จะได้เป็นจิ้งหนานโหวแล้ว แต่ถึงขณะนี้พี่ชายของนางยังไม่ได้เป็นโหว ทว่าอำนาจรวมถึงทรัพย์ของสกุลหลู่สุดท้ายก็ตกมาอยู่ในมือพี่ชายของนาง นี่ไม่ใช่ว่านางกับท่านแม่ยอมมือเปื้อนเลือดเพื่อเขาหรือไร
“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะท่านพ่อ”
พอโมโหแล้วหาที่ระบายอารมณ์มิได้ระหว่างที่โถงบรรพชนของสกุลหลู่กำลังจัดเตรียมตกแต่งสำหรับวางโลงให้คนมาเคารพศพของหลู่อวี้หลิง หลู่อวิ๋นเซียงจึงฉวยโอกาสมาหาบิดาที่เรือนซึ่งจัดให้จิ้งหนานโหวใหม่ นางกับมารดาอ้างกับหลู่ฮ่าวอวี่บิดากำลังป่วยหากอยู่ใกล้โถงเคารพศพเกินไปอาจทำให้บิดาเสียใจจนอาการทรุดหนักจึงย้ายมาอยู่เรือนท้ายจวน
“นังตัวดีอวี้หลิงบุตรสาวสุดที่รักนางตายแล้ว ท่านพ่อดีใจมากเลยใช่หรือไม่ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
หลู่อวิ๋นเซียงกล่าวจบก็หัวเราะออกมา ราวกับคนเสียสติ หลู่ฮั่นเหลียงมองบุตรสาวคนเล็กด้วยสายตาเหลือจะเชื่อ เขาดูตกตะลึงครู่ใหญ่ ก่อนที่น้ำตาของจิ้ง หนานโหวจะค่อยๆ ไหลออกมาจากทางหางตาช้าๆ
“เห็นหรือไม่ว่ามันโง่เพียงใดหึ! โง่จนตาย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะของหลู่อวิ๋นเซียงนั้นคนภายนอกอาจมองเห็นว่านางสาแก่ใจ แต่ใครจะรู้ดีเท่ากับตัวของนางเอง ภายนอกกำลังหัวเราะดูเหมือนสุขใจแต่ข้างในใจของนางนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์เคียดแค้น และเจ็บใจ คิด แต่ว่ามันจะตายก็ไม่ตายด้วยมือของนางกับมารดา แต่ดันไปตายข้างนอกทำให้นางเสียแผน พังไปหมด ไม่อย่างนั้นป่านนี้นางก็คงเชิดหน้าชูตาในฐานะของเฉินกั๋วกงฟู่เหรินไปแล้ว
“ อื้อ! อื้อ!”
หลู่ฮั่นเหลียงพยายามจะตะโกนด่าทอบุตรสาว ที่ตนเองเอ็นดูนักเอ็นดูหนา อดีตมองเห็นแค่ว่าหลู่ อวิ๋นเซียงนั้นไร้เดียงสาและร่าเริง เขาไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนเลยว่าบุตรสาวคนเล็กของตนเองจะกลายเป็นนางจิ้งจอกพันหน้าเช่นเดียวกับนังอสรพิษโจวอิ๋งชุนไม่ผิดเช่นนี้
“น่าโมโหยิ่งนัก!”
เปรี้ยง! โครม! เพล้ง!
ถ้วยและกาน้ำชาถูกหลู่อวิ๋นเซียงขว้างปาจนแตกหักเสียหายอย่างไม่คิดเสียดายทั้งที่หากเป็นในอดีตนางคงไม่กล้าทำเช่นนี้แน่ แต่ใครจะสนใจกันเล่าทุกวันนี้พี่ชายยังไม่แต่งสะใภ้เข้าจวน นางกับมารดาย่อมมีสิทธิ์ในข้าวของทุกชิ้นของจวนจิ้งหนานโหวแห่งนี้อย่างเต็มที่มิใช่หรือ ดังนั้นนางอารมณ์ไม่ดีจะระบายอารมณ์เล่นสักหลายชิ้นจวนจิ้งหนานโหวย่อมไม่ยากจนลงไปสักเท่าใดหรอกกระมัง
“หยุดนะ!”
กลับเป็นโจวอี้เหนียงที่เข้ามาขัดขวาง หลังจากสาวใช้ของหลู่อวิ๋นเซียงไปรายงานว่าบุตรสาวมายังเรือนท้ายจวนซึ่งเพิ่งย้ายจิ้งหนานโหวมาพักอาศัย
“เจ้าเสียสติหรือ ในโถงบรรพชนของจวนขณะนี้กำลังจัดพิธีเคารพศพของนังอวี้หลิงเพื่อให้คนมาร่วมไว้อาลัยอยู่นะ ถึงจะยังไม่มีแขกมากนักแต่เช่นไรพี่ชายเจ้ากับเฉินกั๋วกงและญาติๆ ของเขาก็อยู่จนเต็มห้องโถงไปหมด หากมีสักคนมาได้ยินเจ้าทำตัวเป็นคนเสียสติเช่นนี้ที่ลำบากมาถึงสูญเปล่าแล้ว"
โจวอี้เหนียงกว่าจะมีวันนี้ได้ไม่ง่าย ดังนั้นแค่เรื่องเล็กน้อยนางยอมที่จะมองข้ามหากมันจะทำให้สิ่งที่อยากได้สำเร็จ แต่กับหลู่อวิ๋นเซียงนั้นอาจเพราะอายุยังน้อยแถมประสบการณ์ไม่ได้แกร่งกล้าเช่นที่โจวอี้เหนียงเคยผ่านมาย่อมใจเย็นและสุขุมไม่ได้กึ่งหนึ่งของมารดาจนหลายครั้งเกือบทำเสียเรื่องเสียแผนเช่นในวันนี้
“ก็ข้าทนไม่ไหวนี่ ดูพวกเขาสิเอาแต่เศร้าโศก หึ! ส่วนนังอวี้หลิงนั่นมันก็ช่างสารเลวยิ่ง สมน้ำหน้าที่ ต้องตายเช่นนั้น ในยามนี้หากดวงวิญญาณของมันยังวนเวียนอยู่ ข้าขอสาปแช่งให้มันตกนรกหมกไหม้!”
หลู่อวิ๋นเซียงถึงจะยอมกลับไปนั่งอย่างสงบตรงมุมห้องที่ห่างจากเตียงของบิดาพอสมควรแต่ปากของนางก็ยังสาปแช่งไปถึงคนตายไม่หยุด เพราะนางแค้นเคืองหลู่อวี้หลิงจริงๆ หากวันนั้นมันไม่หนีไป ป่านนี้แผนการก็สมบูรณ์ทุกสิ่งแล้ว แต่เดิมนางยังคิดว่าหากมู่หรงจิ่งรู้ก็คงไม่ต่อว่านางไม่พอยังจะช่วยนางปิดบังเรื่องสังหารพี่สาวอีกด้วย
แต่ใครจะคิดว่าพอเรื่องแดงขึ้นมานอกจากจะไม่ถูกอีกฝ่ายชื่นชมที่นางคิดแทนเขา กลับถูกมู่หรงจิ่งโกรธจนแทบไม่มองหน้าของนางจนต้องยอมทอดกายให้เขาเชยชมก่อนวันอันสมควรหากมารดาของนางรู้เข้าคงโกรธมากเป็นแน่ แต่นางทำถึงเพียงนั้นจนถึงวันนี้แทนที่มู่หรงจิ่งจะดีขึ้นกลับมีแต่ยิ่งห่างเหินกับนาง ยิ่งคิดนางก็ยิ่งเจ็บใจจริงๆ ยิ่งเห็นว่าบุรุษที่ตนเองรักดูเศร้าโศกเสียใจกับการตายของหลู่อวี้หลิงเหลือเกินเช่นนี้ในใจยิ่งมีแต่แค้นคนตายจนคิดจะเอากระโถนรองปัสสาวะของตนเองไปเทราดหน้าศพในค่ำคืนนี้ยิ่งนัก
“ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วว่ารักนั้นได้ แต่อย่ารักเขามากกว่ารักตัวของเจ้าเอง บุรุษสุดท้ายพอสมใจหรือเจอสตรีคนใหม่สุดท้ายก็จะลืมเจ้าไปจนสิ้น ที่จริงแท้แน่นอนก็คือความไม่แน่นอนของจิตใจบุรุษ ดังนั้นข้าจึงเตือนเจ้าแต่แรกว่าอย่าเทใจรักบุรุษผู้นั้นเกินตนเอง”
สามสิบแปดปีของโจวอี้เหนียง หรือโจวอิ๋งชุน นั้นช่วงสิบปีแรกของชีวิต แค่ข้าวกินอิ่มสักมื้อยังยาก อีกเจ็ดปีในหอนางโลมถึงมีข้าวอิ่มท้องเสื้อผ้าดีๆ สวม และที่นอนนุ่มหอมนอนสบาย แต่กว่านางจะได้ทุกสิ่งเช่นนั้นก็ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมและจิตใจอำมหิตพอ ความรักระหว่างชายหญิงสำหรับนางคณิกาอันดับหนึ่งสี่ปีซ้อนของหอชุ่ยหลินเช่นนางไม่นับว่าสำคัญที่สุดในชีวิต นางจึงพยายามสั่งสอนบุตรสาวของตนเองอยู่ทุกวัน ทว่าดูแล้ว หลู่ อวิ๋นเซียงไม่เคยฟังคำสอนของนางเลยจริงๆ
“ก็หากนังตัวดีอวี้หลิงมันไม่ตบตีข้าแล้วหนีไปอย่างเอิกเกริกเช่นนั้น แผนสวมรอยเป็นคุณหนูรองหลู่แล้วแต่งเข้าจวนเฉินกั๋วกงไปเป็นฮูหยินเอกของข้าก็สำเร็จไปแล้วมิใช่หรือ ไม่รู้แหละท่านแม่คืนนี้ข้าจะเอาน้ำปัสสาวะไปเทราดหน้าศพของนังอวี้หลิงแน่!”
ผลัวะ!
“โอ๊ย ท่านแม่!”
พูดจบกลับเจอฝ่ามือพิฆาตของโจวอี้เหนียงฟาดเข้าไปเต็มแก้ม หลู่อวิ๋นเซียงทั้งตกใจทั้งเสียขวัญเพราะไม่บ่อยนักที่มารดาของตนเองจะตบตีนางเช่นนี้
“มีสติหน่อยได้หรือไม่เซียงเอ๋อร์ ทำการใหญ่ใจต้องเหี้ยม สติต้องมั่นคง กิริยายิ่งต้องสุขุม คิดจะเป็นนายหญิงของจวน ยิ่งเป็นจวนเฉินกั๋วกง ข้าไม่ขอให้เจ้ามั่นคง เช่นข้า สุขุมและมีจิตใจเหี้ยมได้เช่นข้า แต่เจ้าทำให้ได้สักส่วนหนึ่งของอวี้หลิง ข้าก็ตายตาหลับแล้ว”
โจวอิ๋งชุนอบรมบุตรสาวน้ำเสียงดุดัน ส่วนหลู่ฮั่นเหลียงซึ่งถูกสองแม่ลูกหลงลืมไปแล้วว่าในยามนี้มีเขาอีกคนที่อยู่ภายในห้องและในเรือนหลังนี้พอได้ฟังนังอสรพิษอิ๋งชุนอบรมบุตร น้ำตาของหนุ่มใหญ่ก็ยิ่งน้ำตาไหลด้วยแค้นใจตนเอง เพราะเขาตัณหาบังตาแท้เชียวจึงนำพาคนชั่วผู้นี้เข้ามาทำร้ายและทำลายทุกชีวิตของคนที่เขารักไปจนสิ้นเช่นนี้
“กรี๊ด! ท่านแม่เอาอีกแล้วนะ อันใดก็ยกเอานังอวี้หลิงมากดศีรษะของข้า ถามสักคำเป็นข้าหรือนางที่ท่านคลอดออกมา!” หลู่อวิ๋นเซียงกรีดร้องออกมาราวกับสุนัขถูกสาดด้วยน้ำร้อนเดือดๆ
“ก็เพราะข้าคลอดเจ้าออกมาอย่างไรเล่าจึงคอยเตือนเจ้าหวังดีกับเจ้า คิดอ่านและทำเพื่อเจ้ากับพี่ชายของเจ้ามายี่สิบเอ็ดปีก็มิใช่เพื่อพวกเจ้าหรือ ยินยอมถูกกดศีรษะ จากมารดาและบิดาสามี ยอมยกบุตรชายที่อุ้มท้องและคลอดอย่างยากลำบากให้สตรีอื่นนำไปเป็นลูกของตนเอง เจ้าบอกข้ามาสิว่าข้าลำบากไปเพื่อผู้ใด?!” โจวอิ๋งชุนเองก็ตวาดออกไปด้วยอารมณ์เช่นกัน
“……..”
คราวนี้หลู่อวิ๋นเซียงถึงกับพูดไม่ออกเพราะหากเป็นนางแค่เจอสักส่วนที่มารดาเจอก็คงทนไม่ไหวเป็นแน่ ต่อให้รักลูกมากนางก็คงละทิ้งความสุขของตนเองเพื่อลูกคนนั้นได้เช่นท่านแม่ของนางมิได้จริงๆ นางทำไม่ได้หรอกนางอดทนได้ไม่เท่าท่านแม่ของนางเด็ดขาด!
“เซียงเอ๋อร์เจ้าช่วยเชื่อฟังท่านแม่เช่นข้าหน่อยได้หรือไม่อย่าเอาแต่ใจ อย่าใจร้อน อย่าคิดการไม่รอบคอบ เพราะหากผิดไป ที่จะพินาศก็คือพวกเรานะ ยี่สิบเอ็ดปีที่ท่านแม่อดทนมา เจ้าอยากให้มันสูญเปล่าหรือ”
อย่างไรก็คือลูกถึงจะชั่วช้าใจคออำมหิตสังหารคนมามากแต่กับลูกแล้ว โจวอี้เหนียงกลับใจอ่อนเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ตบตีไปแล้วใครจะรู้ ที่เจ็บปวดใจกลับเป็นตัวของนางเอง แต่เรื่องที่ทำไปอันตรายยิ่งนักหากปล่อยให้หลู่อวิ๋นเซียงใช้แค่อารมณ์ทำเรื่องตามใจ ที่ตายไม่ใช่แค่นางแต่ตัวของบุตรเองก็หลบหนีโทษบงการฆ่าคนไม่ได้
“ได้เจ้าค่ะ ต่อไปเซียงเอ๋อร์จะเชื่อฟังท่านแม่”
แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้ เพราะนางทนไม่ได้ที่จะเห็นบุรุษของนางเอาแต่เฝ้าอยู่ข้างโลงศพของนังตัวดีอวี้หลิง แผนการชั่วช้าในหัวของหลู่อวิ๋นเซียงเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ในเมื่อตายไปแล้วก็ยังกลับมาทำให้บุรุษของนางคิดถึงและเสียใจจนไม่มองหน้ากัน ดังนั้นแม้แต่ศพนางก็จะไม่ให้หลงเหลือเอาไว้ ก็ลองดูว่าศพที่เหลือเพียงโครงกระดูกกับหนังแห้งๆ จะทนทานไม่กลัวไฟหรือไม่!
ตอนพิเศษวันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผัน ฤดูกาลยังคงเคลื่อนผ่านไปตามวัฏจักรของโลกา หลังจากวันที่ซ่างกวนไท่จัดการให้เจี่ยอวี้หลันได้นำโลหิตคนชั่วไปเซ่นไหว้หลุมศพของบรรพบุรุษสกุลหลู่ได้สิบห้าวันก็ได้ออกเดินทางไปยังแคว้นอิ๋งโจวทันที เนื่องจากบ้านเมืองไม่สงบสุขชาวประชาย่อมยากจะอยู่เย็น กินอิ่มนอนอุ่นไปได้ โดยการเดินทางนั้น เจี่ยอวี้ หลันนั้นได้ตัดสินใจไม่นำเชลยแค้นทั้งสามไปด้วย นางทอดทิ้งคนชั่วให้ค่อยๆ ตายลงช้าๆ ภายในคุกคุมขังของฉางตี้ฮ่องเต้เพราะนางอยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ปล่อยให้พวกมันทุกข์ทรมานกันไป ส่วนนางเลือกจะไปเสวยสุขกับบุรุษของนางแทน ความรู้สึกผิดและติดค้างคนสกุลหลู่ของนางจางหายไปตั้งแต่วันที่นำโลหิตพวกมันไปเซ่นไหว้แล้วทิ้งอดีตอันเจ็บปวดให้ค่อยๆ ตายไปพร้อมกับคนกระทำถูกต้องที่สุดแล้ว...ช่วงแรกที่ไปถึงก็ไม่ได้ทุกข์ยากดังที่ซ่างกวนไท่กล่าวเอาไว้ อยู่ต่อไปอีกห้าเดือน อิ๋งโจวก็ส่งข่าวดีกลับไปที่เสียนหยาง ข่าวดีที่ว่าพระชายาเจี่ยตั้งครรภ์แล้ว ฉางตี้ฮ่องเต้ดีใจอย่างยิ่งจากอิ๋งโจวมาเสียนหยางห่างกันอยู่เจ็ดร้อยลี้ ดังนั้นจากที่แต่แรกซ่างกวนไท่คิดจะรั้งอยู่อิ๋งโจวเพียงสองถึงสามปีก็เปลี่ยนเ
ตอนที่ 35 || ตอนอวสานอีกหลายวันต่อมา หลังจากซ่างกวนไท่จัดการหลายสิ่งหลายอย่างเรียบร้อย เตรียมแต่จะเดินทางไปอิ๋งโจว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะพาเจี่ยอวี้หลันไปพบคนที่ติดค้างนางและครอบครัวสกุลหลู่เสียทีผ่านไปร่วมห้าเดือน คนที่สมควรตายก็ตายไปหมดแล้วคนที่ต้องถูกเนรเทศก็เนรเทศไปจนสิ้น ใครต้องถูกขายไปเป็นทาสไปเป็นนางคณิกาก็ถูกขายไปจนสิ้น แต่ยังคงเหลืออีกสามชีวิตที่ถูกคุมขังมายาวนานร่วมครึ่งปีเงาร่างของบุรุษที่เคยหล่อเหลาปรากฏแก่สายตาของเจี่ยอวี้หลันเป็นคนแรก มอมแมมและซูบผอมอีกทั้งยังเหม็นเน่าจากบาดแผลที่คงถูกทรมานทุกวันจนไม่หลงเหลือสภาพของ เฉินกั๋วกงผู้ทรนงในอดีตแม้สักส่วน แต่นางก็ยังจดจำได้ว่ามันผู้นี้คือใคร“ไม่เจอกันนานเลยนะ มู่หรงจิ่ง”เสียงหวานดังกังวานไปทั่วคุกใต้ดินแห่งนี้ทั้งที่เจี่ยอวี้หลันก็เพียงเอ่ยด้วยโทนเสียงปกติแท้ๆ ไม่นานเสียงโซ่ตรวนก็ดังขึ้นบ้างบ่งบอกว่าเจ้าของร่างที่นอนขดตัวอยู่นั้นรับรู้ถึงการมาของนางแล้ว“ใคร?” ถามขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง“แย่จริง ไม่พบกันแต่ไม่เท่าไหร่เฉินกั๋วกงก็ลืมเปิ่นหวางเฟยเสียแล้ว”“หลิงเอ๋อร์!”พอมีสติรับรู้ได้มู่หรงจิ่งถึงกับกระชากโซ่ตรวนเพื่อจะพุ่ง
ตอนที่ 34หลังผ่านค่ำคืนวสันต์ของคู่สามีภรรยาไปเพียงสามวัน ซ่างกวนไท่ก็ควบคุมทหารไปอิ๋งโจว เพื่อจับกุมโซ่วอ๋องกับกองกำลังที่ซ่องสุมมากว่าห้าปีโดยเมืองหลวงเป็นฉางตี้ฮ่องเต้กับแม่ทัพจี จีหยวนโจว ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ขององครักษ์ชั้นในปกป้องเสียนหยางเป็นผู้จับกุมเส้นสายของโซ่วอ๋อง แน่นอนว่าต้องมีสกุลมู่หรงกับสกุลหลู่รวมอยู่ด้วย เจี่ยอวี้หลันอยู่ภายในตำหนักชินอ๋องรับฟังอย่างสงบนางรอเพียงซ่างกวนไท่กลับมา เพราะเขารับปากกับนางแล้วว่าจะให้นางลงมือแก้แค้นด้วยตนเอง เจี่ยอวี้หลันเชื่อเขา นางจึงรออย่างใจเย็น กบฎของโซ่วอ๋องคราวนี้นับเป็นการถอนรากถอนโคนอย่างแท้จริง หากกล่าวว่าเมื่อครั้งกบฎองค์ชายรอง ซากศพ เผาไหม้ร่วมเดือน ครั้งนี้ก็แทบไม่แตกต่างและยิ่งเป็นเช่นนี้ ชื่อเสียงในด้านโหดร้ายของปีศาจดำและขาวจึงยิ่งโด่งดัง ในอดีตเจี่ยอวี้หลันยังเด็ก โลกของนางขณะนั้นมีเพียงสีขาวกับสีดำ จึงมองว่าสองพี่น้องซ่างกวนทั้งเหี้ยมโหดและอำมหิต ทว่าบัดนี้นางผ่านอะไรมามาก จึงไม่ได้ตัดสินเพียงขาวหรือดำ ถูกกับผิด แต่เจี่ยอวี้หลันมองจากมุมมองของความเป็นจริงจึงค่อยเข้าใจ แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นฉางตี้ฮ่องเต้หรือชินอ๋อง พวกเขาล้
ตอนที่ 33กล่าวจบซ่างกวนไท่ก็งอนิ้วชี้เคาะลงไปที่ปลายจมูกโด่งเรียวงามของ ‘ตัวแสบ’ เบาแสนเบา ก่อนที่จะขยับจับร่างแน่งน้อยในอ้อมแขนวางลงบนเตียงด้วยท่วงท่าอ่อนโยน และทะนุถนอมราวกับเจี่ยอวี้หลันนั้นเป็นไข่ในหิน ก็เพราะเขารักนางถึงเพียงนี้ จะไม่ถนอมได้อย่างไรไหว“ข้าจะถนอมเจ้า ให้เจ็บปวดน้อยที่สุด แต่เจ้าก็ต้องสัญญาว่าจะไม่ดื้อดึงเช่นคราวก่อน”กล่าวพลางคร่อมกายอยู่เหนือร่างแน่งน้อย ตาจ้องตาแสนอ่อนหวาน ราตรีเข้าหออาจผ่านมาเป็นเดือน แต่ราตรีนี้กลับกรุ่นกลิ่นหวานล้ำไม่แตกต่างจากราตรีของคู่วิวาห์ใหม่เลยแม้แต่น้อยทั้งน้ำเสียง สัมผัส และสายตาที่ซ่างกวนไท่ส่งมาให้ทำเอาเจ้าของร่างแน่งน้อย หัวใจเต้นเร็วและแรงจนสะท้านสะเทือนไปทั้งหัวอก นางลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ความใจกล้าที่เคยมีคล้ายจะมลายหายไปกับสายตาเว้าวอนอ่อนหวานเสียแล้ว“พะ...เพคะ”“เด็กดี ราตรีนี้ขอแค่เจ้าปล่อยไปตามอารมณ์กับข้าเป็นผู้นำก็พอ จากนั้นทุกอย่างจะดีเอง” กลีบปากล่างของเจี่ยอวี้หลันเม้มเป็นเส้นตรงด้วยความประหม่าและกังวลอยู่เล็กน้อย“ปล่อยกายและใจให้สบาย ไม่ต้องกังวลสิ่งใด และอย่าได้เขินอายมากไป เพียงเพราะเจ้าต้องเปลือยกายต่อหน้าข้
ตอนที่ 32รถม้าถึงตำหนักแล้วซ่างกวนไท่เป็นผู้ลงไปก่อน เขารอรับเจี่ยอวี้หลันอยู่ด้านล่าง ส่งนางจนถึงตำหนัก อยู่ร่วมมื้อกลางวันกับนางแล้วจึงบอกให้นางพักผ่อน“มื้อค่ำเจ้ารับไปก่อนได้เลยนะเจี่ยเอ๋อร์ ข้าอาจกลับมาไม่ทัน”“ได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวเจี่ยเอ๋อร์ไปส่ง”“ไม่ต้องหรอกเจ้าพักเถิด”“เพิ่งกินอิ่ม ให้เจี่ยเอ๋อร์เดินไปส่งเถิดเพคะ”“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า”ภาพสองสามีภรรยาพูดจาด้วยดี สายตาที่มองกันนั้นคงไม่ต้องเอ่ยถึง ทุกคนที่รับใช้ชินอ๋องเห็นแล้วต่างตื้นตัน ที่บัดนี้นายท่านของพวกตนนอกจากเหน็ดเหนื่อยและวุ่นวายกับงานราชกิจมากล้น พอกลับถึงตำหนักก็ยังมี ความสุข รอคอยอยู่“อย่าลืมดื่มยานะเจี่ยเอ๋อร์”“เพคะ”มองส่งเรือนกายสูงใหญ่ขึ้นรถม้าจนหายเข้าไปด้านใน เจี่ยอวี้หลันก็ยังคงยืนรอจนรถม้าเคลื่อนพ้นไปจากหน้าประตูตำหนัก นางจึงกลับเข้าสู่ตำหนักมู่หรงจิ่งที่แอบซุ่มดูอยู่ทำได้เพียงกำหมัดกัดฟัน เพราะไม่มีโอกาสจะเข้าใกล้สตรีซึ่งเขามั่นใจว่านางคือหลู่อวี้หลิง อยากได้นางกลับคืนใจแทบขาด ทว่ามิอาจเอื้อมถึง ทำเอาคนที่อยากได้สิ่งใดก็ต้องได้คับแค้นใจยิ่ง“หึ! มีข้าอยู่ ยังจะคิดเพ้อฝัน สมควรตายจริงๆ”มีหรือคนเช่นซ่างก
ตอนที่ 31นางเองก็ตอบรับเขากลับไปทุกคำขอเช่นกัน และที่ตอบรับออกไปนางมั่นใจแล้วทั้งหมดจึงได้อนุญาตเขาออกไป ไม่มีเลยแม้เสี้ยวลมหายใจที่เจี่ยอวี้หลันจะไม่แน่ใจและลังเล“มันจะเจ็บมากนะ”“เพคะ”สิ้นเสียงหวานตอบรับท่อนลำแข็งขึงจึงถูกกดแทรกลงมา เริ่มแรกแค่ตึงก่อนจะเริ่มเจ็บราวกับร่างกายถูกฉีกกระชาก ใบหน้าหวานค่อยๆ เปลี่ยนสีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเม็ดโต แต่นางกลับไม่กรีดร้องออกมาแม้เพียงครึ่งคำ เจ็บหนักเข้านางจึงเอื้อมมือขึ้นไปดึงลำคอแกร่งให้เขาก้มลงมาจุมพิตนางทันทีเท้าเรียวสองข้างยกขึ้นโอบกอดรอบสะโพกแกร่งแล้วออกแรงกดให้ชายหนุ่มรับรู้ว่านางต้องการให้เขาเดินหน้าเข้ามาให้จบในคราวเดียวปึก!“อื้อ!”“เจี่ยเอ๋อร์!”ซ่างกวนไท่มิคาดคนตัวเล็กจะใจเด็ดถึงเพียงนี้ตัวตนของเขามิใช่ธรรมดาแรกเข้าไปในคราวเดียวเช่นนี้นางบาดเจ็บไม่น้อยแน่นอน“มะ…มิเป็นไรเพคะ เจี่ยเอ๋อร์ทนไหว”เจ็บก็เจ็บมันคราวเดียวไปเลย เจี่ยอวี้หลันคิดเช่นนั้น เพราะนางไร้เดียงสานักยังไม่รู้แจ้งว่ามันไม่ได้จบสิ้นเพียงแค่ตัวตนของซ่างกวนไท่เข้าไปสุดความยาว แต่นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นนะสิ!“เจ้าตัวโง่งม เจ้าทำตนเองบาดเจ็บด้วยเหตุอันใด”ซ่างกวนไท่กล่าว