ตั้งแต่วันนั้นชีวิตของจ้าวหลี่เชี่ยนในจวนตระกูลจ้าวเป็นเสียยิ่งกว่านักโทษ นางถูกกักบริเวณอยู่ในเรือนเหลียนฮวาไม่ให้พบผู้ใด รอวันที่ราชโองการมาถึงนางก็จะถูกส่งตัวเข้าวังหลวงทันที
วันนี้นางได้ย่างเท้าออกจากเรือนเหลียนฮวาเป็นครั้งแรก เนื่องจากฮูหยินเฒ่ารู้สึกเวทนาจึงเรียกให้มาสนทนาและรับประทานอาหารร่วมกันที่เรือนใหญ่ นางจึงได้รู้ว่าแม่นมผิงนั้นยังถูกกักขังส่วนถิงถิงนั้นถูกขายออกไป นั่นจึงทำให้นางรู้สึกเศร้าโศกและเป็นกังวล จึงได้ลอบให้บ่าวที่เป็นคนของมารดาตามหาถิงถิง
วันนี้ทั้งวันจ้าวหลี่เชี่ยนยังคงคอยปรนนิบัติดูแลฮูหยินเฒ่า และอีกฝ่ายนั้นเกิดอยากจะกินแกงไหลบัวขึ้นมา ถงฮูหยิน ฮูหยินใหญ่ตระกูลจ้าวลูกสะใภ้ผู้กตัญญูจึงโยนหน้าที่นั้นให้นางและบุตรสาวของตน โดยให้เหตุผลว่าหากนางได้ทำอะไรเสียบ้างนางจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ซึ่งแน่นอนจุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือการฉวยโอกาสนี้กลั่นแกล้งนาง ถึงแม้ว่าพอจะทำใจเอาไว้บ้างแล้ว แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายคิดจะเล่นงานกันรุนแรงถึงเพียงนี้
คุณหนูใหญ่จ้าวเสวี่ยเฟย ผู้เป็นพี่สาวนั้นเกลียดชังนางไม่ต่างจากฮูหยินใหญ่ผู้เป็นมารดา หากมีโอกาสย่อมไม่พลาดที่จะกลั่นแกล้งให้นางต้องเจ็บตัวและได้รับความอับอาย และเป็นอีกครั้งที่นางเกือบจะตายเพราะฝีมือพี่สาวของนางผู้นี้ แม้นางจะพยายามหลีกเลี่ยงแต่คนที่จ้องจะเล่นงานย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ
เรือลำเล็กพายมาหยุดอยู่กลางสระบัวเพื่อให้สตรีทั้งสองได้เก็บไหลบัว แววตาของสตรีผู้ได้ชื่อว่าเป็นพี่สาวที่มองมาทำให้ใจของจ้าวหลี่เชี่ยนไม่ใคร่จะสงบนัก นางจึงเร่งเก็บไหลบัวไม่คิดจะสนใจสายตานั้น แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรโจ่งแจ้งถึงเพียงนี้
จ้าวเสวี่ยเฟยผลักนางตกลงไปในสระบัวอย่างเลือดเย็น
หลังจากผลักนางตกลงไปในสระอีกฝ่ายก็หัวเราะร่าสั่งให้บ่าวพายเรือกลับเข้าฝั่งทันที ปล่อยให้นางดิ้นรนเอาชีวิตรอดอย่างโหดเหี้ยม
"หากไม่อยากตายเป็นผีเฝ้าก้นสระแห่งนี้ เจ้าก็แข็งใจว่ายน้ำกลับไปเองก็แล้วกันนะ น้องสาม"
จ้าวเสวี่ยเฟยมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเยียบเย็น มารดาของแผ่นดินเช่นนั้นหรือ เอาชีวิตให้รอดจากสระบัวนี้ก่อนก็แล้วกัน นางอยากจะรู้นักหากกลายเป็นผีเฝ้าสระบัวนี้ยังจะได้เป็นฮองเฮาหรือไม่ อีกอย่างราชโองการยังมาไม่ถึง นางไม่มีทางก้มหัวให้น้องสาวแพศยาผู้นี้แน่ และนี่คือสิ่งที่อีกฝ่ายสมควรได้รับ โทษฐานที่ยั่วยวนบุรุษของนาง
จ้าวหลี่เชี่ยนมองใบหน้าสตรีใจคอโหดร้ายผู้นั้นด้วยความคับแค้นใจ เกลียดตัวเองที่อ่อนแอ ไม่เคยเอาชนะอีกฝ่ายได้เลยสักครั้ง ระยะทางจากตรงนี้กลับเข้าหาฝั่งไม่ได้ห่างไกลกันมาก แต่ตอนนี้เท้าของนางกลับติดเข้ากับอะไรบางอย่างเบื้องล่าง แม้จะพยายามขยับเท้าเพื่อปลดมันออกแต่กลับไม่อาจทำได้ จนตอนนี้นางแทบจะหมดแรงเต็มที น้ำไหลเข้าลำคอและจมูกจนแสบไปหมด และก่อนที่นางจะสิ้นใจตายไปจริงๆ กลับเห็นเงาร่างของคนผู้หนึ่งแหวกว่ายเข้ามาหานาง ฝ่ามือใหญ่ของคนผู้นั้นดึงรั้งร่างของนางขึ้นมาจากความตาย
แต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้ที่นางไม่อยากจะพบหน้ามากที่สุด เขาคือบุรุษน่าชังจอมหลอกลวง ซุนเหยียน
"ขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือเจ้าค่ะ แต่ท่านปล่อยข้าได้แล้วกระมัง"
เสียงหวานสั่นน้อยๆ เพราะความเย็นของน้ำหรือเพราะสาเหตุใดก็ไม่ทราบได้ แต่มันกลับทำให้คนฟังใจสั่นระรัวร้อนวูบวาบตรงจุดกลางกายโดยที่นางยังมิได้ทำอันใดแม้แต่น้อย หากเรียวปากอวบอิ่มนั้นเปล่งเสียงครางหวานเอ่ยนามของเขาด้วยความสุขสมคงจะดีไม่น้อย
นั่นคือความคิดของบุรุษที่ตอนนี้ร่างกายเปียกปอนไม่ต่างจากสตรีในอ้อมแขน ความเย็นของน้ำไม่อาจที่จะดับความร้อนรุ่มในกาย มองสตรีที่เอาแต่จะผลักไสเขาด้วยรอยยิ้มแสนร้ายกาจ หลายวันที่ไม่ได้พบหน้าทำให้เขารู้ว่าเขาถวิลหานางมากมายเพียงใด
จ้าวหลี่เชี่ยนฝืนกายออกจากอ้อมแขนกำยำของบุรุษที่ช่วยเหลือนางเอาไว้ เพียงแค่สบตากับบุรุษผู้นี้ทำให้นางรู้สึกร้อนวูบวาบแปลกๆ ซึ่งนางไม่ชอบความรู้สึกนี้เอาเสียเลย และไม่ชอบสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองนางด้วยเช่นกัน เหตุใดคนผู้นี้จึงตามรังควานนางไม่เลิก ทั้งที่เขาเป็นผู้ที่ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองลงกับมือ
แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือผู้ที่ช่วยชีวิต แต่ไม่ต้องข้องเกี่ยวกันอีกเป็นดีที่สุด
เรือนร่างบอบบางยันกายลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล มองบุรุษตรงหน้าที่หยัดกายตาม ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง นางที่สูงแค่อกของอีกฝ่ายถอยออกมาเพื่อรักษาระยะห่าง ค้อมกายให้เป็นการขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตาหันหลังให้หวังจะออกไปให้พ้นจากตรงนี้
นางสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองนางของบุรุษผู้นี้ ประกายตานั้นทำให้ร่างกายของนางเกิดความร้อนขึ้นอย่างประหลาด แต่เพียงแค่นางหันกายคิดจะกลับเรือนเท่านั้น มือแข็งแกร่งกลับคว้าต้นแขนกลมกลึงของนางเอาไว้ กระตุกเพียงเบาๆ ร่างบางก็เซถลาเข้ามาปะทะอกอุ่นอีกครั้ง พร้อมเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยกระซิบแผ่วเบาชิดใบหูเล็กของนางอย่างหยอกเย้า
"ข้ารึอุตส่าห์ช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ คิดจะขอบคุณส่งๆ เพียงเท่านี้หรือ"
ร่างสตรีในอ้อมแขนที่สั่นเทาจนเขาสัมผัสได้ทำให้เรียวปากหยักกดลึกขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำลงมาจนลมหายใจผ่าวร้อนเป่าลดซอกคอหอมกรุ่น ลอบสูดกลิ่นหอมจากเรือนกายสาวโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว
จ้าวหลี่เชี่ยนรู้สึกตกใจกับการกระทำนั้นหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายยกฝ่ามือนุ่มยันอกแกร่งที่ใกล้เสียจนสัมผัสได้ถึงไอความร้อนจากร่างสูงใหญ่ ขืนกายออกจากความใกล้ชิดนั้น เอ่ยกับบุรุษที่ทำให้นางสะบัดร้อนสะบัดหนาวราวกับจะจับไข้อย่างขุ่นเคือง
"ปล่อยข้า"
เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมดวงตากลมโตหวานซึ้งตวัดมองมาอย่างไม่พอใจ คล้ายดังลูกแมวตัวน้อยกำลังขู่ฟ่อ ราวจะประกาศกร้าวว่าหากยังไม่ปล่อย นางจะตะกุยใบหน้าของเขาให้เลือดซิบ
นั่นทำให้เกิดเสียงหัวเราะในลำคอแกร่ง บุรุษหนุ่มยอมปล่อยมือออกจากแขนกลมกลึง พร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างยอมจำนน แต่ทว่าใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาคมกริบนั้นกลับมองสำรวจเรือนร่างนางอย่างไม่เกรงใจ จนนางมิอาจทานทนกับสายตานั้นได้ ต้องรีบยกแขนขึ้นกอดกายบางของตัวเองเอาไว้หันหลังเพื่อเร่งกลับเรือนของตน
"เจ้าปรารถนาในตัวข้า เช่นดังที่ข้าปรารถนาในตัวเจ้า อย่าพยายามหลอกตัวเองเลย ยอมเป็นสตรีของข้าแล้วข้าจะช่วยเจ้าเอง"
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ใบหน้างามร้อนผ่าวจนแทบจะระเบิด นางอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ภายในใจนั้นเดือดดาลสาปส่งบุรุษไร้ยางอายด้านหลัง นางไม่มีวันยอมรับความรู้สึกน่าอายนั้นและกระทำตัวไร้ยางอายเช่นเขา เหตุใดบุรุษผู้นี้ถึงได้ไร้อารยะเช่นนี้กัน หยาบคายกักขฬะเกินคน
ดวงตาเฉี่ยวคมดุจสายตาพยัคฆ์ของบุรุษหนุ่มมองตามแผ่นหลังบอบบางของสตรีที่เขามักจะมองหานางทุกครั้งเมื่อมาเยือนจวนตระกูลจ้าว สตรีรูปร่างอรชรที่เพียงเห็นนางครั้งแรก ก็ทำให้บุรุษวัยฉกรรจ์เช่นเขาที่ถึงแม้จะผ่านสตรีงามมามากมาย แต่เพียงได้สบเข้ากับนัยน์ตาหวานของเด็กสาวที่ยังไม่ผ่านพ้นวัยปักปิ่นในขณะนั้น ดวงใจก็สั่นไหว ทำให้ม้าศึกที่ผ่านสนามรบแห่งกามารมณ์มาอย่างโชกโชนเช่นเขาเสียอาการ รู้สึกคึกคะนองราวกับม้าหนุ่มที่อยากจะกรำศึกหนักขึ้นมาอีกครั้ง กลายเป็นม้าแก่ที่อยากจะเคี้ยวหญ้าอ่อนเสียอย่างนั้น
ในปีนี้อายุของเขาจะล่วงเลยเข้าเลขสามแล้วแต่กลับไม่มีสตรีใดทำให้เขาหวั่นไหวเช่นนี้มาก่อน
คุณหนูสามจ้าวหลี่เชี่ยน โฉมสะคราญผู้งดงามอ่อนหวานอีกผู้หนึ่งที่เขาตั้งใจจะล่อลวงให้หลงใหล แต่เพียงแค่ได้สบตากับนาง หัวใจพยัคฆ์ก็ถึงกับเต้นผิดจังหวะ หลังจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็มักจะหาโอกาสใกล้ชิดนางอยู่เสมอ แม้จะเป็นหนึ่งในแผนการที่วางเอาไว้ แต่ก็ยอมรับว่าทุกอย่างที่เขาทำมันมาจากใจของเขาจริงๆ หาใช่กระทำส่งๆ เช่นกับสตรีอื่น
และแล้วเขาก็ได้หัวใจของดรุณีน้อยผู้อ่อนเดียงสามาครอบครองสมดังปรารถนา ยังไม่ทันจะได้เป็นเจ้าของเรือนร่างงดงามนี้ก็มีเหตุให้ต้องสะบั้นความสัมพันธ์กับนางเสียได้ ความรักที่นางมีให้เขาตอนนี้จึงแปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเสียแล้ว แต่นั่นหาใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา เขาเองก็อยากจะรู้นักว่านางจะหนีเขาพ้นหรือไม่ ยิ่งนางถอยห่าง เขายิ่งอยากชิดใกล้ ยิ่งนางพยศ เขายิ่งอยากเป็นผู้กำราบให้นางยอมศิโรราบ
ถึงใครจะมองว่าการกระทำเช่นนี้เลวทรามไร้ยางอาย หาใช่การกระทำของบุรุษ แต่แล้วอย่างไรก็ในเมื่อเขานั้นเลวจริงๆ
นับวันเขารู้สึกหลงใหลในตัวนางมากยิ่งขึ้น ร่างบอบบางของสตรีในชุดสีฟ้าอ่อนที่เขาอุ้มขึ้นจากน้ำ อาภรณ์สีอ่อนตัวบางเมื่อเปียกน้ำก็แนบลู่ไปกับเรือนร่างกลมกลึงสมส่วน สัดส่วนที่เขาคิดว่าบอบบางนั้นความจริงแล้วมันกลับอวบอิ่มซ่อนรูป กลิ่นกายสาวตลบอบอวลอยู่ในโพรงจมูก บวกกับเนื้อนวลนุ่มลื่นใต้ฝ่ามือหนาที่ได้สัมผัส ยิ่งทำให้เขาเจียนคลั่ง จนอยากจะดึงรั้งอาภรณ์ตัวงามที่เปียกชุ่มนั้นออกจากกายงามแล้วกดนางให้จมหายไปในร่างหนาของตนเสียเหลือเกิน
ชายหนุ่มยกมือหนาขึ้นลูบไล้ปลายคางแกร่งของตน หัวเราะออกมาราวกับกำลังเยาะหยันความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ สายตาไม่ได้คลาดไปจากร่างงามที่เดินห่างออกไปแม้แต่น้อย
เขาพลาดพลัดตกหลุมพรางที่ตนเองขุดเข้าเสียแล้ว
บุรุษวัยฉกรรจ์ที่เหล่าสตรีในเมืองหลวงต่างปรารถนาอยากที่จะครอบครองเขา ตอนนี้กลับถูกแม่นางน้อยผู้หนึ่งใช้สายตามองอย่างรังเกียจ อีกทั้งยังแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าเกลียดเขาจนไม่อยากมองหน้า นั่นทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจจนยากที่จะอธิบาย ทั้งที่เขาเองต้องการให้มันเป็นเช่นนี้ เขาอยากให้คนพวกนั้นเจ็บปวด แต่กลับเป็นเขาเสียเองที่แทบจะทนไม่ได้เมื่อเห็นแววตาเกลียดชังของนาง
พยัคฆ์นักล่าเช่นเขากำลังโดนเหยื่อแสนหวานล่อลวงให้ฉีกกฎ
จ้าวหลี่เชี่ยนที่เปียกปอนไปทั้งตัวเมื่อกลับถึงเรือนก็เร่งรีบเปลื้องอาภรณ์ออกจากกาย อยากจะล้างสัมผัสร้อนรุ่มที่ยังติดอยู่ตามเรือนกาย เนื้อตัวที่ถูกฝ่ามือร้อนนั่นสัมผัส นางขยะแขยงรังเกียจสัมผัสจากบุรุษผู้นั้น
เขากระทำตัวน่าเกลียดถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่มีผู้ใดเห็น บุรุษผู้นั้นคือมารร้ายที่หลอกลวงผู้คน ทุกสิ่งที่เขาแสดงออกต่อหน้าผู้อื่นย่อมเป็นเพียงแค่ภาพลวงที่เขาจงใจสร้างขึ้นมา เขาคือจอมวายร้ายที่ซ่อนใบหน้าที่แท้จริงเอาไว้
ดีแล้วที่เขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา นางจะได้ลืมเขาได้ง่ายขึ้น
ตอนนี้นางตระหนักได้ว่าถูกความไร้เดียงสาของตัวเองบังตา คนผู้นั้นหาใช่คนดีอย่างที่คิด ชายหนุ่มแสนดีเป็นสุภาพบุรุษหรือ นั่นคือสิ่งที่ผู้อื่นเห็น แต่สำหรับนาง นางรู้แจ้งแก่ใจแล้วว่าบุรุษผู้นี้คือปีศาจร้ายในคราบของเทพบุตร
ท่าทางสุภาพอ่อนโยนที่เขาแสดงออกมานั้นล้วนเป็นการตบตาผู้คนทั้งสิ้น เป็นนางที่เห็นมากับตาแล้วว่าเขานั้นร้ายกาจเพียงใด
แต่พูดออกไปใครเล่าจะเชื่อ คงได้หาว่านางคิดจะจับเขามาเป็นสามี และแย่ไปยิ่งกว่านั้น นางจะถูกผู้เป็นพี่สาวฉีกเนื้อเป็นชิ้นๆ เช่นดังที่ทำกับพี่สาวคนรองและเหล่าพี่น้อง บ่าวในเรือนต่างพูดกันให้ทั่วว่าคุณหนูรองและคุณหนูคนอื่นๆ ต่างถูกคุณหนูใหญ่ตบตีจนเจ็บหนัก บ้างก็ใบหน้าเสียโฉมเพราะถูกพิษต้องรักษาแรมเดือน เหตุนั้นก็เพราะยั่วยวนว่าที่สามีของนาง
ซึ่งจ้าวหลี่เชี่ยนคิดว่าเป็นบุรุษผู้นั้นเสียมากกว่าที่ล่อลวงให้สตรีเหล่านั้นตบตีกัน เขาจงใจสร้างความแตกแยกในหมู่พี่น้องทำให้เรือนหลังของตระกูลจ้าววุ่นวาย
นี่สินะตัวตนที่แท้จริงของเขา ตัวตนจริงๆ ของชายผู้นั้นช่างเป็นบุรุษที่น่ารังเกียจที่สุด
นางรับรู้ได้ว่าเขามีบางอย่างปิดบังเอาไว้ สายตาของเขายามเผลอไผลมันเต็มไปด้วยความแค้นและความเกลียดชัง การเข้าหาคนในตระกูลจ้าวของคนผู้นั้นมีจุดประสงค์บางอย่าง แต่นางก็ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าเขาต้องการสิ่งใด
เป็นบิดาของนางเองที่ชักนำหมาป่าเข้าบ้าน ชักนำคนร้ายกาจผู้นั้นเข้ามาทำร้ายเอาเปรียบบุตรสาวของตัวเองถึงในเรือน คนผู้นั้นช่างน่ารังเกียจที่สุด เขาจงใจหว่านเสน่ห์หลอกล่อทุกคน ล่อลวงบรรดาพี่สาวน้องสาวของนางให้หลงใหล ส่วนนางที่เคยหลงใหลได้ปลื้มไปกับภาพลวงตานั้น เมื่อตาสว่างเขากลับไม่คิดที่จะรักษากิริยา ไม่คิดปกปิดตัวตนที่แท้จริงอีกและมักจะกระทำกิริยาต่ำทรามต่อนาง
แต่นับจากนี้เป็นต้นไป เขาจะไม่มีวันได้เข้าใกล้นางอีก นางจะเป็นสตรีต้องห้ามสำหรับเขา ในเมื่อไม่อาจหลบเลี่ยงชะตา นางก็จะยอมเดินตามเส้นทางที่ถูกลิขิต
ดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า เปล่งแสงสีทองอันอบอุ่นผ่านหน้าต่างห้องนอนของจวนขนาดกลางที่ตั้งอยู่บนเนินเขาอันเงียบสงบ จวนซึ่งมีความทรงจำในวัยเยาว์ของหญิงสาว ขณะที่คู่สามีภรรยานั่งด้วยกันอยู่บนตั่งริมหน้าต่าง ชื่นชมบรรยากาศยามเย็นของธรรมชาติเบื้องหน้า เสียงวิหคที่พากันโบยบินกลับรวงรังร้องขับขานดังเป็นท่วงทำนองอ่อนหวานก้องอยู่บนท้องนภา ช่อดอกไม้สีสันสดใสที่ประดับอยู่ในแจกันส่งกลิ่นหอมหวานไปทั่วห้อง ในสถานที่อันเรียบง่ายแห่งนี้ คือสถานที่อันแสนสุขของทั้งสอง เหอไป๋เหยียนตระกองกอดเรือนร่างหอมกรุ่นของภรรยาที่เอนซบไออุ่นจากอกแกร่งของเขาด้วยความรักใคร่ทะนุถนอม ข้างๆ กันนั้นมีเปลนอนเด็กอ่อนที่ด้านในนั้นทารกเพศหญิงใบหน้ากลมป้อมวัยห้าเดือนกำลังนอนหลับตาพริ้ม ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีแดงสดตัดกับผิวขาวผ่องฟูนุ่มคลี่ยิ้มน้อยๆ ราวกับว่าแม่หนูน้อยคนงามกำลังหลับฝันดี ช่างดูน่ารักน่าชังจนผู้เป็นบิดาจ้องมองด้วยความรักใคร่หลงใหล มือใหญ่ของผู้เป็นบิดาคอยแกว่งไกวเบาๆ ยามนี้บริเวณรอบๆ จวน โคมไฟสีเหลืองนวลถูกจุดให้ความสว่าง สองสามีภรรยาที่ยังคงตระกองกอดกันอยู่จ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาว มือของพวกเขาประ
เรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดได้ผ่านพ้นไปแล้ว นับจากนี้ต่อไปคงมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้น บ้านเมืองที่เดิมนั้นชาวบ้านชาวเมืองยากไร้อดอยากคงจะค่อยๆ ทุเลาลง เมื่อฝ่าบาท องค์รัชทายาทและเหล่าขุนนางที่เหลือเพียงขุนนางน้ำดีต่างร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขปัญหานั้นอย่างเร่งด่วน ทรัพย์สมบัติที่ยึดมาจากเหล่าขุนนางชั่วช้า โกงกิน ที่ร่วมกับฝั่งกบฏถูกยึดเข้าท้องพระคลังทั้งหมด ก่อนจะถูกแบ่งสันปันส่วนไปตามหัวเมืองต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน เหล่าชาวบ้านที่ไร้อาชีพและไร้ที่ทำกินจะมีการจัดสรรที่ดินทำกินให้อย่างยุติธรรม และหากตรวจพบว่ามีการทุจริตก็มีข้อกำหนดโทษเอาไว้สูงสุดและไม่มีข้อยกเว้น การปราบกบฏครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการชำระล้างอำนาจมืด ขุดรากถอนโคน คนโกง คนชั่วครั้งใหญ่ แม้ว่าจะไม่หมดไปทั้งหมด แต่ก็เรียกได้ว่าคนเหล่านั้นต่างเก็บมือเก็บไม้ ไม่โผล่หางออกมาระรานผู้คนส่วนเรื่องราวภายในวังหลวงตอนนี้ องค์หญิงใหญ่เฉินหลี่เชี่ยน ก็กลับมาแข็งแรงดังเดิมแล้วแม้ตอนนี้นางจะคืนสู่ฐานันดร แต่นามของนางยังคงเดิม เปลี่ยนก็เพียงแค่แซ่เท่านั้น เพราะนามหลี่เชี่ยนเป็นนามที่มารดาเป็นผู้ตั้งให้ นางมีเพียงสิ่งนี้ที่ให้ระลึกถึงมารด
ความจริงที่ได้รับรู้สร้างความตกตะลึงให้กับเหอไป๋เหยียนเป็นอย่างมาก เขาได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดไปอย่างไม่น่าอภัย นางได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานมามากมาย แต่เขากลับยังซ้ำเติมใจร้ายใจดำกับนาง ทำร้ายจิตใจนางครั้งแล้วครั้งเล่า"เฉิงซีหมิง เจ้าอย่าได้คิดว่าจะได้บุตรสาวเจ้ากลับคืน ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสความทุกข์ทรมานจากการสูญเสีย ทนมองสายเลือดของเจ้าขาดใจตายไปต่อหน้า ข้าจะพานางไปพบกับมารดาของนาง จะพานางไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับว่านจื่อในปรโลก""จ่งชิว ได้โปรดอย่าทำเช่นนั้น ปล่อยนางไป หากเจ้าปรารถนาชีวิตของข้า ข้าก็จะให้เจ้า"ฮ่องเต้เฉิงซีหมิงตรัสออกมาด้วยความเจ็บปวด อ้อนวอนขอต่อผู้ที่เคยเป็นสหาย มองดูสายเลือดของตนอย่างรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องนางได้"ฮ่าฮ่าฮ่า เฉิงซีหมิงความตายสำหรับเจ้านั้นมันง่ายดายเกินไป ข้าปรารถนาให้เจ้าอยู่อย่างทุกข์ทรมานมากกว่า"จ้าวจ่งชิวดึงกริชรูปทรงงดงามล้ำค่าที่เขาเตรียมเอาไว้สำหรับการนี้ออกมา หันปลายแหลมคมของมันเข้าหาตำแหน่งหัวใจของสตรีที่เขาเฝ้ามองนางมาตั้งแต่เล็ก ดวงตาแข็งกร้าวนั้นแดงก่ำจนดูน่ากลัวจ้าวหลี่เชี่ยนร่ำไห้ตัวสั่นเทา มองปลายกริชวาววับนั้นด้วยความหวาดกลัว จิตใจขอ
จ้าวจ่งชิวหันมาเผชิญหน้ากับบุรุษสูงศักดิ์ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสหายของเขา แต่ตอนนี้ระหว่างเขากับคนผู้นี้ไม่อาจที่จะยืนอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันได้อีกแล้ว"พอได้แล้วจ้าวจ่งชิว เจ้าแค้นเคืองเกลียดชังข้าก็ไม่ควรดึงผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง"ฮ่องเต้เฉินซีหมิงเอ่ยกับคนตรงหน้า สายพระเนตรเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าเสียใจจ้าวจ่งชิวแสยะยิ้มให้กับคำกล่าวนั้น เขากระชากร่างเล็กของสตรีที่ยืนสั่นเทาร่างกายโงนเงนเข้าหาตัว ฝ่ามือหยาบยกขึ้นบีบปลายคางเล็กๆ นั้นให้หันไปทางบุรุษทั้งสองที่ทำลายชีวิตเขาจนพังพินาศภาพนั้นสร้างความเจ็บปวดใจให้คนทั้งสองที่กำลังจ้องมองนางอย่างเป็นห่วง แต่ไม่อาจบุ่มบ่ามเข้าไปช่วยเหลือเหอไป๋เหยียนกำมือเข้าหากันแน่น ลอบส่งสัญญาณให้คนของเขารอจังหวะจู่โจมอีกฝ่าย สายตานั้นไม่ได้ละไปจากใบหน้าซีดขาว จ้องมองนางด้วยความเจ็บร้าวในอก บอกนางผ่านแววตาให้นางอดทน ให้นางเชื่อมั่นในตัวเขา"ผู้ใดกันที่ไม่เกี่ยวข้อง เด็กคนนี้หรือ"ฮ่าฮ่าฮ่า"เด็กที่เกิดจากการทรยศของพวกเจ้าน่ะหรือที่ไม่เกี่ยวข้อง"จ้าวจ่งชิวหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตด้วยความเจ็บปวดเขาและว่านจื่อนั้นเติบโตมาด้วยกันและเป็นเพื่อนเล่นกันม
ทางฝั่งของบุรุษนั้นก็มีการปะทะเกิดขึ้นเช่นกัน มีนักฆ่าบุกเข้ามาเพื่อที่จะสังหารฮ่องเต้ แต่ทุกอย่างกลับถูกควบคุมเอาไว้ได้อย่างรวดเร็วเหอไป๋เหยียนให้ทหารองครักษ์คุ้มครองฝ่าบาทและองค์รัชทายาทกลับไปยังที่พักอย่างปลอดภัย ส่วนเขานั้นเข้าปะทะกับเหล่านักฆ่าและสังหารพวกมันจนหมดสิ้นสายตาคมกล้ากวาดมองซากศพด้วยความเคร่งเครียด เขายังคงไม่คลายความระมัดระวังลง สัญชาตญาณบอกกับเขาว่าทุกอย่างมันดูง่ายดายเกินไป นักฆ่าที่ถูกส่งมานั้นไร้ฝีมือจนถูกกำจัดได้โดยง่ายจนน่าฉงน อีกทั้งจ้าวจ่งชิวยังคงไม่ปรากฏตัว ราวกับว่าการลอบสังหารในครั้งนี้เป็นการถ่วงเวลาเสียมากกว่า แต่มันต้องการถ่วงเวลาจากสิ่งใดกันแต่แล้วเสียงฝีเท้าม้าที่มุ่งตรงมาทางพวกเขาทำให้ความคิดทั้งหมดหยุดชะงักลง ใบหน้าขององครักษ์ผู้นั้นทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบเพราะคนผู้นี้คือองครักษ์ที่เขาส่งไปคุ้มครองจ้าวหลี่เชี่ยน"ท่านแม่ทัพขอรับ""เสนาบดีจ้าวจ่งชิวจับตัวคุณหนูจ้าวและคุณหนูตู้ไปขอรับ"ฟังคำรายงานทั้งหมดของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของเขาเย็นเยียบราวกับถูกแช่แข็ง สตรีนางนั้นร่วมมือกับบิดาของนางเพื่อจะหลบหนีไป หรือว่านางถูกจับตัวไปด้วยความไม่เต็มใจ แต่จ้าวจ
"ยังไม่มีคนจากในวังติดต่อมาหรือ""เอ่อ ไม่มีขอรับ" ฝ่ามือใหญ่กำเข้าหากันแน่น ผ่านไปร่วมเดือนแล้วที่เขาเฝ้าถามคำถามนี้ สตรีนางนั้นเมินเฉยต่อคำขอของเขา ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีคำกล่าวใดจากปากนาง ไม่แม้แต่จะยอมพบหน้ากัน เขาคิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับนางมันจะเป็นไปได้ด้วยดีแล้วเสียอีก นางกล่าวว่าเขาใจร้าย แต่นางเองก็ใจร้ายกับเขาเช่นกัน เขายอมนางถึงเพียงนี้แล้ว นางยังเมินเฉยต่อเขา ไม่คิดจะกลับมาหาเขา ไม่คิดจะมีเขาร่วมทาง"ท่านแม่ทัพขอรับ คนเสนาบดีจ้าวมีความเคลื่อนไหวขอรับ"คำรายงานนั้นทำให้แผ่นหลังกว้างเหยียดเกร็งขึ้น รับกระดาษแผ่นเล็กจากคนสนิทเหอไป๋เหยียนกวาดตามองจดหมายฉบับนั้น ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเย็น ดวงตาคมกริบทอประกายโหดเหี้ยม ที่แท้เจ้าคนเจ้าเล่ห์ผู้นั้นก็รอที่จะลงมือในพิธีล่าสัตว์ที่กำลังจะมาถึง แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์ใด แต่คิดหรือว่าเขาจะยอมปล่อยให้มันผู้นั้นกระทำตามใจ"เตรียมคนเอาไว้ให้พร้อม"ขบวนเสด็จเคลื่อนตัวออกจากวังหลวงมุ่งหน้าสู่สถานที่ที่ใช้ในการจัดพิธีล่าสัตว์ที่จะถูกจัดขึ้นในทุกปีตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ซึ่งถือเป็นฤกษ์มงคลในการออกเดินทาง ผู้คนต่างเบียดเสียดกันออกมาเพื่อต