วังหลวงดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ในวันนี้ดูอู้ฟู่งดงามตระการตาขึ้นไปอีกหลายเท่า เพราะวันนี้มีพิธีการอันยิ่งใหญ่คือการสถาปนาฮองเฮาของแผ่นดินพระองค์ใหม่ หลังจากที่บัลลังก์หงส์ว่างเว้นมานาน ในที่สุดก็มีสตรีที่สามารถกุมพระทัยผู้ครองแคว้น
แม้วังหลังจะเต็มไปด้วยเหล่าสนมและหญิงงามมากมายสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามา แต่สตรีเหล่านั้นกลับมิได้ถูกเลือก ไม่อาจที่จะได้ครอบครองบัลลังก์หงส์ แต่สตรีที่จะได้ดำรงตำแหน่งสูงสุดอยู่เหนือสตรีทั้งปวงกลับเป็นเพียงสตรีเยาว์วัยนางหนึ่ง
สตรีโฉมงามวัยเพียงสิบหกปี สตรีผู้ที่มีใบหน้างดงามปานล่มเมือง นางคือฮองเฮาพระองค์ใหม่องค์ที่สองในรัชศกนี้
คันฉ่องทองคำบานใหญ่สูงจรดเพดาน สะท้อนให้เห็นเงาร่างของสตรีผู้มีความงามพิสุทธิ์ งดงามเย้ายวนราวกับนางจิ้งจอก เรือนร่างสะโอดสะองอยู่ในชุดอาภรณ์ล้ำค่าควรเมือง อาภรณ์ที่ถูกตัดเย็บขึ้นมาอย่างประณีต
ชุดตัวในคือผ้าไหมเรียบลื่นสีแดงสด ผ้าไหมที่ต้องใช้เวลาถึงสิบปีถึงจะได้เส้นไหมเพียงพอมาถักทอเป็นผืนผ้าขึ้นมาได้หนึ่งผืน อาภรณ์ที่ให้ความรู้สึกเย็นสบายเมื่อได้สวมใส่ บัดนี้ห่อหุ้มอยู่บนเรือนร่างอวบอิ่มขาวนวลเนียนราวกับน้ำนม คลุมทับด้วยชุดพระราชพิธีสีแดงปักลวดลายหงส์เหิน เส้นไหมที่ปักลงไปนั้นถักทอมาจากเส้นทองคำแท้ ทุกฝีเข็มล้วนประดับด้วยอัญมณีเม็ดงามบรรจงเรียงร้อยอย่างพิถีพิถัน เมื่ออยู่บนเรือนร่างงามระหงยิ่งขับให้ผู้สวมใส่ดูสูงส่งโดดเด่นสง่างาม สีแดงตัดกับผิวขาวนวลผุดผ่อง ความงดงามแห่งสตรีล้วนเฉิดฉันอยู่ในตัวสตรีนางนี้
แต่ทว่าใบหน้าสะคราญโฉมที่ถูกแต่งแต้มจนงามล้ำนั้นกลับดูหม่นเศร้า ไร้ซึ่งแววยินดีกับตำแหน่งสตรีผู้อยู่เหนือสตรีทั้งปวงและอยู่เหนือสตรีในวังหลังนับพัน นางมิได้อยากครอบครองตำแหน่งนี้
จ้าวหลี่เชี่ยนถูกผู้เป็นบิดาบีบบังคับส่งตัวนางเข้าวังหลวงเพื่อให้ตระกูลของเขามั่นคงเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งในแผ่นดิน โดยใช้ชีวิตของแม่นมผิงเป็นข้อต่อรอง ซึ่งอีกฝ่ายนั้นเปรียบเสมือนมารดาของนาง เป็นผู้มีพระคุณที่เลี้ยงนางมาตั้งแต่แบเบาะจนกระทั่งนางเติบโต หากจะให้นางเมินเฉยต่อผู้มีพระคุณนั้นนางย่อมทำไม่ได้ ถึงแม้นางเองก็อยากจะหลีกหนีให้พ้นจากบุรุษใจดำเห็นแก่ตัวผู้นั้นด้วยเช่นกัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดและเศร้าเสียใจ
เพียงเพื่อเงินทองและอำนาจ แม้มันจะมีอยู่แล้วมากมายเพียงใดก็ตาม แต่คนละโมบโลภมากเช่นบิดาของนางก็ยังคงไม่เพียงพอ จนยอมแม้กระทั่งส่งบุตรสาวไปรองรับตัณหาของฮ่องเต้ชราผู้นั้น แต่ก็มิใช่เรื่องแปลกอันใดเพราะนางเป็นบุตรที่บิดาแสนเกลียดชัง
สตรีวัยแรกแย้มที่พึ่งจะเริ่มย่างเข้าสู่วัยสาวได้เพียงไม่นาน นางสมควรจะมีชีวิตที่ดี ได้ตบแต่งกับบุรุษที่เหมาะสมคู่ควร บุรุษที่นางรักและหวังจะใช้ชีวิตเรียบง่ายกับเขา แต่นางกลับผิดหวังในความรัก ถูกบุรุษหลอกลวงจนหัวใจเจ็บช้ำยับเยิน ต้องมาแต่งให้กับผู้ครองแคว้นที่แก่กว่าบิดาของนางเสียอีก
ฮ่องเต้ชราผู้มักมากในกามารมณ์ จิตใจโหดเหี้ยมวิปริตที่หลงใหลในตัวเด็กสาวรุ่นราวคราวลูกคราวหลาน คนผู้นั้นเพียงเห็นนางผ่านภาพวาดก็หลงใหลจนอยากที่จะครอบครอง
ตัวกาลกิณีของตระกูลเช่นนางจึงกลายมาเป็นหมากตัวหนึ่งของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาใช้เพื่อก้าวเข้าสู่อำนาจ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ปรารถนาจนยอมแม้กระทั่งส่งบุตรสาวลงนรก แม้จะรู้แก่ใจดีว่าสถานที่ที่ส่งนางไปจะทำให้นางนั้นตายทั้งเป็นแต่บิดาก็ยินยอมทำมัน เพียงเพื่อแลกกับอำนาจที่จะทำให้ตัวเองอยู่สูงเหนือผู้คน
แต่สิ่งที่น่าปวดใจกว่านั้นคือนางไม่เห็นความเมตตาสงสาร ไม่เห็นความเสียใจ ความรู้สึกผิดใดๆ ในดวงตาของชายผู้ให้กำเนิดเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่ปรากฏอยู่ในแววตาของคนผู้นั้นทำให้นางรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกาย หนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูก ความเย็นชาของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของนางบีบรัดอย่างรุนแรง เจ็บปวดจนแทบจะหายใจไม่ออก
นางรู้ซึ้งแล้วว่าความเกลียดชังที่บิดามีให้นางมาตลอดนั้นไม่เคยสูญสลายไป ที่เขาทำดีต่อนางก็เพื่อผลประโยชน์เพียงเท่านั้น
ในแววตาของบิดานางเห็นเพียงความเกลียดชัง คับแค้นใจ ความสะใจ และสาแก่ใจของอีกฝ่าย เมื่อเห็นนางก้าวเข้าสู่ประตูนรก
นาง...คือบุตรของเขาจริงหรือ
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในใจของนางมาเนิ่นนาน
จ้าวหลี่เชี่ยน เหม่อมองมงกุฎหงส์อันล้ำค่าตรงหน้าอย่างเลื่อนลอย ประกายเจิดจรัสของอัญมณีเม็ดงามเมื่อแสงตกกระทบก็เกิดเป็นความงดงามระยิบระยับ มันกำลังถูกสวมลงบนศีรษะของนาง แต่นั่นกลับไม่ได้รับความสนใจจากโฉมสะคราญ
"ได้เวลาแล้วเพคะ"
เสียงของนางกำนัลอาวุโสเอ่ยดังขึ้น เรียกให้นางกลับมาอยู่กับปัจจุบัน
อีกเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น นางกำลังจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮาเคียงบัลลังก์ที่อายุน้อยที่สุด และหลังจากนี้ต่อไป ชีวิตของนางจะก้าวเข้าสู่ประตูนรกอย่างเต็มตัว
ความท้อแท้สิ้นหวังปรากฏอยู่บนดวงตาคู่งาม แต่เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น มันก็เลือนหายไปจนหมดสิ้น ใบหน้างามล้ำเชิดสูงขึ้น กล้ำกลืนความอดสูที่ตีตื้นขึ้นมาให้กลับเข้าไปด้านในอก ดวงตางดงามที่ถูกกรีดจนคมกริบกะพริบถี่ขับไล่หยาดน้ำแห่งความอ่อนแอ ไหล่เล็กยืดขึ้นแผ่นหลังตั้งตรงอย่างสง่างาม นางได้เลือกแล้ว
ต่อจากนี้ไปนางคือนางหงส์ที่ยืนอยู่เหนือผู้คน หาใช่สตรีอ่อนแอที่ต้องฟังคำสั่งของผู้อื่นอีกต่อไป นางมีเงินมีทอง มีอำนาจ นางจะใช้อำนาจที่ได้รับปกป้องคนของนาง
นั่นคือสิ่งที่นางตั้งมั่นสำหรับการเสียสละตนในครั้งนี้ อำนาจในมือจะทำให้คนของนางหลุดพ้นจากจวนตระกูลจ้าว และนางกับคนผู้นั้นจะจากกันชั่วนิรันดร์
คิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวเดินออกจากตำหนักอันหรูหราเพื่อไปยังลานพิธีด้วยความมั่นคง
ร่างงามระหงในชุดพิธีการงดงามถูกประคองด้วยนางกำนัลขั้นสูงสองนางเดินไปตามโถงทางเดินทอดยาว สองข้างนั้นขนาบไปด้วยเหล่านางสนมและเหล่าสตรีในวังหลัง ตรงไปยังเกี้ยวหลังใหญ่ที่ถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหราเพื่อไปยังลานพิธี แต่ยังมิทันจะก้าวเท้าขึ้นเกี้ยวกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
เสียงคมอาวุธกระทบกันดังสนั่นเสียดลึกเข้ามาในโสตประสาท ก่อนจะมีเหล่าชายชุดดำถืออาวุธบุกเข้ามาถึงฝ่ายในอย่างอุกอาจ เสียงกรีดร้องของเหล่านางกำนัลดังขึ้นพร้อมกับความโกลาหล ทหารมากมายกรูกันเข้ามาขัดขวางกลุ่มคนชุดดำ เกิดการต่อสู้กันขึ้นของสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งนั้นแน่นอนว่าเป็นของฮ่องเต้แคว้นต้าถัง แต่อีกฝ่ายนั้นนางไม่รู้ว่าเป็นคนของฝ่ายใด
เหล่านางกำนัลรอบกายต่างหนีตายกันจ้าละหวั่นทิ้งนางที่กำลังตื่นตระหนกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย ร่างบอบบางถูกกระแทกจากเหล่าสตรีที่วิ่งหนีตายจนร่างกายโงนเงน มงกุฎหงส์อันสูงส่งหลุดร่วงจากศีรษะตกลงพื้นราวกับสิ่งไร้ค่า
นางมองเห็นคนฆ่าฟันกันต่อหน้าจนเลือดไหลเจิ่งนองพื้นเป็นสีแดงฉาน กลิ่นโลหิตตลบอบอวลจนรู้สึกคลื่นเหียนแทบจะอาเจียนออกมา โฉมงามรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นเทาไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะวิ่งหนี สองเท้าไม่แม้แต่จะขยับ ดวงตาเบิกโพลงมองทหารที่คุ้มกันนางถูกฟาดฟันจากคมอาวุธจนเลือดทะลักออกจากบาดแผลขาดใจตายต่อหน้าต่อตา นางตกตะลึงหวาดกลัวจนร่างกายแข็งทื่อใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือด จ้องมองภาพตรงหน้านิ่งงัน จนไม่รู้แม้กระทั่งว่าถูกมือของใครบางคนกึ่งดึงกึ่งลากให้ออกจากบริเวณนั้น
กว่าจะรู้ตัวจ้าวหลี่เชี่ยนก็วิ่งไปตามแรงดึงของเจ้าของร่างเล็กหายเข้าไปหลบยังซอกหินของน้ำตกจำลองที่ถูกสร้างขึ้นอย่างงามวิจิตร
"ถิงถิง"
เสียงแหบสั่นพร่าเอ่ยเรียกแผ่วเบาเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนน้ำตาจะทะลักทลายออกมาอย่างไม่อาจห้าม เจ้าของมือนั้นคือบ่าวรับใช้คนสนิทของนาง ผู้ที่บิดาบอกกับนางว่าขายออกไปแล้วโทษฐานที่อีกฝ่ายคิดจะพานางหลบหนี แต่ถิงถิงกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ร่างบางโผเข้าหาอ้อมแขนของผู้ที่นางคิดว่าได้ตายไปแล้ว เพราะรู้ถึงความโหดเหี้ยมของผู้เป็นบิดาเป็นอย่างดี ว่าไม่มีทางที่จะปล่อยให้คนทรยศมีชีวิตรอด นางดีใจที่สุดที่อีกฝ่ายยังไม่ตายอย่างที่คิด
"คุณหนู"
มือหยาบกร้านของถิงถิงดันร่างบางของผู้เป็นนายออกจากอ้อมแขนอย่างร้อนรน ก่อนจะจับมือบอบบางนั้นมากุมเอาไว้อย่างหวงแหน
"นี่คือโอกาสดีที่คุณหนูจะต้องหนีไป หนีไปจากที่นี่นะเจ้าคะ"
ถิงถิงเอ่ยบอกผู้เป็นนาย จ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเว้าวอน นางเกือบจะตายจากคุณหนูไปแล้วหากไม่ได้คนผู้นั้นช่วยเหลือเอาไว้ แต่ถึงแม้จะรอดมาได้นางก็ไม่ได้จากไปไหน เพราะเป็นห่วงคุณหนูของนาง จึงยังคงเฝ้าดูอยู่ห่างๆ
จนกระทั่งคุณหนูถูกนำตัวเข้ามาในวังหลวง นางจึงทำได้เพียงเดินสำรวจไปรอบๆ กำแพงวัง จนพบเข้ากับประตูที่ใช้ขนถ่าน นางหลบอยู่บริเวณนั้นหลายวันแต่ก็ไม่อาจหาวิธีลอบเข้าไปได้จนรู้สึกร้อนใจ แต่แล้วสวรรค์ก็เข้าข้างนางเมื่อนางเห็นกลุ่มชายชุดดำจำนวนมากสังหารทหารที่เฝ้าประตู แล้วใช้เส้นทางนั้นลักลอบเข้าไปในวังหลวง หลังจากนั้นเพียงไม่นานก็เกิดการต่อสู้กันขึ้น นางจึงอาศัยความวุ่นวายที่เกิดขึ้นลอบเข้ามาจนสำเร็จ
คำพูดนั้นของบ่าวคนสนิททำให้จ้าวหลี่เชี่ยนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างตกใจ แม้จะไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่นางรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ไปกับนาง ซึ่งนางไม่อาจยอมรับได้
"แล้วเจ้ากับแม่นมผิงเล่า"
จ้าวหลี่เชี่ยนจ้องมองคนตรงหน้าอย่างหวาดหวั่น ถิงถิงและแม่นมผิงเป็นสองคนที่หวังดีกับนางที่สุด หากไม่มีทั้งสองนางก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว อีกทั้งข้ารับใช้ของมารดาผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อนางอีก นางไม่อาจทอดทิ้งพวกเขา
"เราต้องแยกกันหนีเจ้าค่ะ คุณหนูอย่าได้ห่วง แม่นมผิงและทุกคนตอนนี้ยังปลอดภัยดี แต่ที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับคุณหนูอีกต่อไป บัลลังก์แคว้นต้าถังกำลังสั่นคลอน กำลังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น องค์รัชทายาทเฉิงซีหมิงพระโอรสของฮ่องเต้พระองค์ก่อน กำลังบุกยึดบัลลังก์กลับคืนจากทรราชเจ้าค่ะ"
ก่อนจะมาถึงที่นี่ เพราะไม่รู้ทิศทางจึงไปโผล่บริเวณลานพิธีที่คนสำคัญล้วนรวมตัวกันอยู่ที่นั่น นางจึงทราบเรื่องนี้เข้าโดยบังเอิญ ตอนนี้ตรงลานพิธีคงจะมีแต่ซากศพแล้วกระมัง
องค์รัชทายาทเฉิงซีหมิง จ้าวหลี่เชี่ยนเคยได้ยินพระนามนี้และเรื่องราวของพระองค์จากเรื่องเล่าของแม่นมผิง พระองค์เป็นพระโอรสเพียงพระองค์เดียวของอดีตฮ่องเต้แคว้นต้าถังที่รอดชีวิต ข่าวว่าพระองค์ถูกลอบวางยาพิษเมื่อแปดปีก่อนจนร่างกายอ่อนแอ เมื่อครั้งที่ฉีอ๋องหรือฮ่องเต้เฉิงฮ่าวฉีฮ่องเต้เฒ่าผู้นี้ก่อกบฏสังหารพี่ชายต่างมารดา หรือก็คือฮ่องเต้พระองค์ก่อน แล้วยึดครองบัลลังก์ ทำให้องค์รัชทายาทเฉิงซีหมิงต้องหลบหนีออกจากเมืองหลวงพร้อมพระชายาและโอรสธิดา ลือกันว่าพระองค์ถูกจับได้ระหว่างทางขณะหลบหนีและถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ไม่คิดเลยว่า พระองค์จะยังคงมีชีวิตอยู่ และวันนี้ยังกลับมาทวงแผ่นดินของพระองค์คืน
มันคงจะเป็นการดีมากหากทรราชนั้นไม่รวมไปถึงตระกูลจ้าว ตระกูลจ้าวคือหนึ่งในตระกูลที่เข้าร่วมกับฮ่องเต้ทรราชผู้นั้นโค่นล้มบัลลังก์ และเป็นตัวตั้งตัวตีคนสำคัญ จึงไม่แปลกที่นางก็คงต้องถูกกำจัด นางซึ่งกำลังจะขึ้นเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้พระองค์นี้ แม้จะยังไม่สมบูรณ์ก็ย่อมมีภัยเช่นกัน
"แต่ว่า..."
"ไม่มีเวลาแล้วเจ้าค่ะ ท่านต้องหนี ถอดชุดมาให้บ่าวนะเจ้าคะ"
ถิงถิงบ่าวผู้จงรักภักดีเอ่ยออกมาทั้งน้ำตานองหน้า ก่อนจะกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"คุณหนูวิ่งหนีไปทางทิศใต้นะเจ้าคะ ทางนั้นจะมีประตูเล็กที่ใช้ในการขนถ่าน ใช้เส้นทางนั้นออกไปจากวังหลวงจะปลอดภัยที่สุด"
นางเองก็รอบเข้ามาจากเส้นทางนั้นเช่นกัน นี่คงเป็นวิธีเดียวที่นางจะสามารถช่วยคุณหนูได้ นางนั้นเวทนาชีวิตของคุณหนูยิ่งนัก ที่ไม่เคยได้รับความสุขเหมือนดังผู้อื่นเขาเสียที นางหวังว่าต่อจากนี้ การเสียสละของนางจะทำให้คุณหนูได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
"ไม่...ไม่นะถิงถิง"
จ้าวหลี่เชี่ยนส่ายหน้าน้ำตานองอย่างไม่ยินยอม ถิงถิงกระชับมือของผู้เป็นนายจ้องมองใบหน้างามด้วยดวงตาแดงก่ำ
"ไปให้พ้นจากแคว้นต้าถัง แล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่นะเจ้าคะ หากมีวาสนาบ่าวคงจะได้รับใช้คุณหนูอีกครั้ง เชื่อบ่าวนะเจ้าคะ"
กล่าวจบก็ปลดชุดคลุมตัวงามออกจากกายบางของคนที่ขืนกายร่ำไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น ก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วไม่รอให้อีกฝ่ายรั้งนางเอาไว้
"ถิงถิง"
จ้าวหลี่เชี่ยนมองคนของตนวิ่งออกไปเพื่อหลอกล่อคนเหล่านั้นด้วยความเจ็บปวด นางคงเป็นตัวกาลกิณีอย่างที่ทุกคนตราหน้า ทุกคนที่อยู่ใกล้นางล้วนเดือดร้อนตกตายกันไปหมด หันมองรอบกายที่ตอนนี้เต็มไปด้วยซากศพอย่างหวาดกลัว ก่อนจะตัดสินใจวิ่งไปตามทิศทางที่อีกฝ่ายบอกเพื่อออกจากวังหลวงแห่งนี้ แต่นางกลับถูกเหล่าชายชุดดำไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด คงมีแค่ความตายที่จะทำให้นางนั้นหนีรอด หากนางตายไปก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่มีใครต้องมาตายเพราะนางอีก
ดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า เปล่งแสงสีทองอันอบอุ่นผ่านหน้าต่างห้องนอนของจวนขนาดกลางที่ตั้งอยู่บนเนินเขาอันเงียบสงบ จวนซึ่งมีความทรงจำในวัยเยาว์ของหญิงสาว ขณะที่คู่สามีภรรยานั่งด้วยกันอยู่บนตั่งริมหน้าต่าง ชื่นชมบรรยากาศยามเย็นของธรรมชาติเบื้องหน้า เสียงวิหคที่พากันโบยบินกลับรวงรังร้องขับขานดังเป็นท่วงทำนองอ่อนหวานก้องอยู่บนท้องนภา ช่อดอกไม้สีสันสดใสที่ประดับอยู่ในแจกันส่งกลิ่นหอมหวานไปทั่วห้อง ในสถานที่อันเรียบง่ายแห่งนี้ คือสถานที่อันแสนสุขของทั้งสอง เหอไป๋เหยียนตระกองกอดเรือนร่างหอมกรุ่นของภรรยาที่เอนซบไออุ่นจากอกแกร่งของเขาด้วยความรักใคร่ทะนุถนอม ข้างๆ กันนั้นมีเปลนอนเด็กอ่อนที่ด้านในนั้นทารกเพศหญิงใบหน้ากลมป้อมวัยห้าเดือนกำลังนอนหลับตาพริ้ม ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีแดงสดตัดกับผิวขาวผ่องฟูนุ่มคลี่ยิ้มน้อยๆ ราวกับว่าแม่หนูน้อยคนงามกำลังหลับฝันดี ช่างดูน่ารักน่าชังจนผู้เป็นบิดาจ้องมองด้วยความรักใคร่หลงใหล มือใหญ่ของผู้เป็นบิดาคอยแกว่งไกวเบาๆ ยามนี้บริเวณรอบๆ จวน โคมไฟสีเหลืองนวลถูกจุดให้ความสว่าง สองสามีภรรยาที่ยังคงตระกองกอดกันอยู่จ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาว มือของพวกเขาประ
เรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดได้ผ่านพ้นไปแล้ว นับจากนี้ต่อไปคงมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้น บ้านเมืองที่เดิมนั้นชาวบ้านชาวเมืองยากไร้อดอยากคงจะค่อยๆ ทุเลาลง เมื่อฝ่าบาท องค์รัชทายาทและเหล่าขุนนางที่เหลือเพียงขุนนางน้ำดีต่างร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขปัญหานั้นอย่างเร่งด่วน ทรัพย์สมบัติที่ยึดมาจากเหล่าขุนนางชั่วช้า โกงกิน ที่ร่วมกับฝั่งกบฏถูกยึดเข้าท้องพระคลังทั้งหมด ก่อนจะถูกแบ่งสันปันส่วนไปตามหัวเมืองต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน เหล่าชาวบ้านที่ไร้อาชีพและไร้ที่ทำกินจะมีการจัดสรรที่ดินทำกินให้อย่างยุติธรรม และหากตรวจพบว่ามีการทุจริตก็มีข้อกำหนดโทษเอาไว้สูงสุดและไม่มีข้อยกเว้น การปราบกบฏครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการชำระล้างอำนาจมืด ขุดรากถอนโคน คนโกง คนชั่วครั้งใหญ่ แม้ว่าจะไม่หมดไปทั้งหมด แต่ก็เรียกได้ว่าคนเหล่านั้นต่างเก็บมือเก็บไม้ ไม่โผล่หางออกมาระรานผู้คนส่วนเรื่องราวภายในวังหลวงตอนนี้ องค์หญิงใหญ่เฉินหลี่เชี่ยน ก็กลับมาแข็งแรงดังเดิมแล้วแม้ตอนนี้นางจะคืนสู่ฐานันดร แต่นามของนางยังคงเดิม เปลี่ยนก็เพียงแค่แซ่เท่านั้น เพราะนามหลี่เชี่ยนเป็นนามที่มารดาเป็นผู้ตั้งให้ นางมีเพียงสิ่งนี้ที่ให้ระลึกถึงมารด
ความจริงที่ได้รับรู้สร้างความตกตะลึงให้กับเหอไป๋เหยียนเป็นอย่างมาก เขาได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดไปอย่างไม่น่าอภัย นางได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานมามากมาย แต่เขากลับยังซ้ำเติมใจร้ายใจดำกับนาง ทำร้ายจิตใจนางครั้งแล้วครั้งเล่า"เฉิงซีหมิง เจ้าอย่าได้คิดว่าจะได้บุตรสาวเจ้ากลับคืน ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสความทุกข์ทรมานจากการสูญเสีย ทนมองสายเลือดของเจ้าขาดใจตายไปต่อหน้า ข้าจะพานางไปพบกับมารดาของนาง จะพานางไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับว่านจื่อในปรโลก""จ่งชิว ได้โปรดอย่าทำเช่นนั้น ปล่อยนางไป หากเจ้าปรารถนาชีวิตของข้า ข้าก็จะให้เจ้า"ฮ่องเต้เฉิงซีหมิงตรัสออกมาด้วยความเจ็บปวด อ้อนวอนขอต่อผู้ที่เคยเป็นสหาย มองดูสายเลือดของตนอย่างรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องนางได้"ฮ่าฮ่าฮ่า เฉิงซีหมิงความตายสำหรับเจ้านั้นมันง่ายดายเกินไป ข้าปรารถนาให้เจ้าอยู่อย่างทุกข์ทรมานมากกว่า"จ้าวจ่งชิวดึงกริชรูปทรงงดงามล้ำค่าที่เขาเตรียมเอาไว้สำหรับการนี้ออกมา หันปลายแหลมคมของมันเข้าหาตำแหน่งหัวใจของสตรีที่เขาเฝ้ามองนางมาตั้งแต่เล็ก ดวงตาแข็งกร้าวนั้นแดงก่ำจนดูน่ากลัวจ้าวหลี่เชี่ยนร่ำไห้ตัวสั่นเทา มองปลายกริชวาววับนั้นด้วยความหวาดกลัว จิตใจขอ
จ้าวจ่งชิวหันมาเผชิญหน้ากับบุรุษสูงศักดิ์ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสหายของเขา แต่ตอนนี้ระหว่างเขากับคนผู้นี้ไม่อาจที่จะยืนอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันได้อีกแล้ว"พอได้แล้วจ้าวจ่งชิว เจ้าแค้นเคืองเกลียดชังข้าก็ไม่ควรดึงผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง"ฮ่องเต้เฉินซีหมิงเอ่ยกับคนตรงหน้า สายพระเนตรเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าเสียใจจ้าวจ่งชิวแสยะยิ้มให้กับคำกล่าวนั้น เขากระชากร่างเล็กของสตรีที่ยืนสั่นเทาร่างกายโงนเงนเข้าหาตัว ฝ่ามือหยาบยกขึ้นบีบปลายคางเล็กๆ นั้นให้หันไปทางบุรุษทั้งสองที่ทำลายชีวิตเขาจนพังพินาศภาพนั้นสร้างความเจ็บปวดใจให้คนทั้งสองที่กำลังจ้องมองนางอย่างเป็นห่วง แต่ไม่อาจบุ่มบ่ามเข้าไปช่วยเหลือเหอไป๋เหยียนกำมือเข้าหากันแน่น ลอบส่งสัญญาณให้คนของเขารอจังหวะจู่โจมอีกฝ่าย สายตานั้นไม่ได้ละไปจากใบหน้าซีดขาว จ้องมองนางด้วยความเจ็บร้าวในอก บอกนางผ่านแววตาให้นางอดทน ให้นางเชื่อมั่นในตัวเขา"ผู้ใดกันที่ไม่เกี่ยวข้อง เด็กคนนี้หรือ"ฮ่าฮ่าฮ่า"เด็กที่เกิดจากการทรยศของพวกเจ้าน่ะหรือที่ไม่เกี่ยวข้อง"จ้าวจ่งชิวหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตด้วยความเจ็บปวดเขาและว่านจื่อนั้นเติบโตมาด้วยกันและเป็นเพื่อนเล่นกันม
ทางฝั่งของบุรุษนั้นก็มีการปะทะเกิดขึ้นเช่นกัน มีนักฆ่าบุกเข้ามาเพื่อที่จะสังหารฮ่องเต้ แต่ทุกอย่างกลับถูกควบคุมเอาไว้ได้อย่างรวดเร็วเหอไป๋เหยียนให้ทหารองครักษ์คุ้มครองฝ่าบาทและองค์รัชทายาทกลับไปยังที่พักอย่างปลอดภัย ส่วนเขานั้นเข้าปะทะกับเหล่านักฆ่าและสังหารพวกมันจนหมดสิ้นสายตาคมกล้ากวาดมองซากศพด้วยความเคร่งเครียด เขายังคงไม่คลายความระมัดระวังลง สัญชาตญาณบอกกับเขาว่าทุกอย่างมันดูง่ายดายเกินไป นักฆ่าที่ถูกส่งมานั้นไร้ฝีมือจนถูกกำจัดได้โดยง่ายจนน่าฉงน อีกทั้งจ้าวจ่งชิวยังคงไม่ปรากฏตัว ราวกับว่าการลอบสังหารในครั้งนี้เป็นการถ่วงเวลาเสียมากกว่า แต่มันต้องการถ่วงเวลาจากสิ่งใดกันแต่แล้วเสียงฝีเท้าม้าที่มุ่งตรงมาทางพวกเขาทำให้ความคิดทั้งหมดหยุดชะงักลง ใบหน้าขององครักษ์ผู้นั้นทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบเพราะคนผู้นี้คือองครักษ์ที่เขาส่งไปคุ้มครองจ้าวหลี่เชี่ยน"ท่านแม่ทัพขอรับ""เสนาบดีจ้าวจ่งชิวจับตัวคุณหนูจ้าวและคุณหนูตู้ไปขอรับ"ฟังคำรายงานทั้งหมดของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของเขาเย็นเยียบราวกับถูกแช่แข็ง สตรีนางนั้นร่วมมือกับบิดาของนางเพื่อจะหลบหนีไป หรือว่านางถูกจับตัวไปด้วยความไม่เต็มใจ แต่จ้าวจ
"ยังไม่มีคนจากในวังติดต่อมาหรือ""เอ่อ ไม่มีขอรับ" ฝ่ามือใหญ่กำเข้าหากันแน่น ผ่านไปร่วมเดือนแล้วที่เขาเฝ้าถามคำถามนี้ สตรีนางนั้นเมินเฉยต่อคำขอของเขา ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีคำกล่าวใดจากปากนาง ไม่แม้แต่จะยอมพบหน้ากัน เขาคิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับนางมันจะเป็นไปได้ด้วยดีแล้วเสียอีก นางกล่าวว่าเขาใจร้าย แต่นางเองก็ใจร้ายกับเขาเช่นกัน เขายอมนางถึงเพียงนี้แล้ว นางยังเมินเฉยต่อเขา ไม่คิดจะกลับมาหาเขา ไม่คิดจะมีเขาร่วมทาง"ท่านแม่ทัพขอรับ คนเสนาบดีจ้าวมีความเคลื่อนไหวขอรับ"คำรายงานนั้นทำให้แผ่นหลังกว้างเหยียดเกร็งขึ้น รับกระดาษแผ่นเล็กจากคนสนิทเหอไป๋เหยียนกวาดตามองจดหมายฉบับนั้น ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเย็น ดวงตาคมกริบทอประกายโหดเหี้ยม ที่แท้เจ้าคนเจ้าเล่ห์ผู้นั้นก็รอที่จะลงมือในพิธีล่าสัตว์ที่กำลังจะมาถึง แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์ใด แต่คิดหรือว่าเขาจะยอมปล่อยให้มันผู้นั้นกระทำตามใจ"เตรียมคนเอาไว้ให้พร้อม"ขบวนเสด็จเคลื่อนตัวออกจากวังหลวงมุ่งหน้าสู่สถานที่ที่ใช้ในการจัดพิธีล่าสัตว์ที่จะถูกจัดขึ้นในทุกปีตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ซึ่งถือเป็นฤกษ์มงคลในการออกเดินทาง ผู้คนต่างเบียดเสียดกันออกมาเพื่อต