Share

บทที่ 3

Author: เล่อเอิน
ฉันอึ้งไปอย่างแรง

อ่านอีเมลนั้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างละเอียด ราวกับกำลังเช็คให้แน่ใจก็ไม่ปาน

ใช่แล้ว ไม่ผิดแน่

ฟู่จินอัน ไม่รู้ว่าโผล่มาจากนั้น จู่ๆ ก็กลายเป็นผอ.แผนกดีไซน์เนอร์ เป็นหัวหน้าของฉัน

"หรวนหร่วน เธอรู้จักหล่อนใช่ไหม?"

เจียงไหลเห็นว่าฉันแปลกไป ก็ยื่นมือมาโบกตรงหน้าฉัน แล้วเอ่ยการคาดเดาของเธอ

ฉันวางโทรศัพท์ลง "อืม หล่อนเป็นพี่สาวต่างพ่อต่างแม่ของฟู่ฉีชวน ที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยเล่าให้เธอฟัง"

หลังจากที่เรียบจบ ทุกคนก็แยกย้ายกันไป แต่ฉันกับเจียงไหลสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย สัญญากันเอาไว้ว่าจะอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงต่อด้วยกัน จะไม่ไปไหนทั้งนั้น

เจียงไหลกระดกลิ้น "เช้ด เด็กเส้นหรอกหรอ!"

"..."

ฉันไม่ได้พูดอะไร

ในใจก็พลางคิดว่า ไม่ใช่แค่เด็กเส้นธรรมดาด้วยสิ

"สมองของฟู่ฉีชวนได้รับการกระทบกระเทือนหรือไง?"

เจียงไหลแซะไม่หยุด ต่อสู้กับความอยุติธรรมแทนฉัน "มีสิทธิ์อะไร? ฉันไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่าวงการดีไซน์เนอร์มีเบอร์ต้นที่ชื่อนี้อยู่ แล้วดูฟู่ฉีชวนสิ ยกตำแหน่งผอ.ให้นางหน้าตาเฉย? แล้วเธอล่ะ เขาเอาเธอไปไว้ตรงไหน..."

"ช่างเถอะหน่า"

ฉันขัดบทสนทนาของเธอ แล้วพูดเสียงเบา "ของพวกนี้มันไม่สำคัญหรอก ถ้าเขาอยากให้ ก็ให้"

ถ้าเขาไม่อยากให้ คนอื่นก็ให้ฉันได้เหมือนกัน

เพียงแต่ ถึงยังไงก็กำลังอยู่ในโรงอาหารบริษัท คำพูดพวกนี้ไม่จำเป็นต้องพูดมันออกมา

เดี๋ยวจะมีคนชั่งใส่ใจเรื่องชาวบ้าน หยิบเอาไปเขียนบทความซะเปล่าๆ

"เธอมีแผนแล้วใช่ไหม?"

เจียงไหลรู้จักฉันมากพอ เมื่อออกจากโรงอาหาร เห็นว่ารอบข้างไม่มีใครแล้ว ก็เอาแขนพาดบ่าแล้วถามฉันด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ

ฉันเลิกคิ้ว "ทายสิ"

"หรวนหร่วนที่น่ารัก บอกฉันเถอะน่ะ"

"จะว่าใช่ก็ได้ แต่ยังไม่ได้วางแผนไว้ครบถ้วนทั้งหมด"

ทำงานมาสี่ปีแล้ว ฉันยังไม่เคยเปลี่ยนงานเลย

แซ่ฟู่ เหมือนเป็นเซฟโซนของฉันมากกว่า

ถ้าต้องลาออกจริงๆ อาจจะต้องมีอะไรสักอย่างหรือสักเรื่องที่ผลักให้ฉันออกมา

เมื่อกลับมาถึงห้องทำงาน ฉันก็ทุ่มสมาธิไปกับการดีไซน์รุ่นลิมิเต็ดสำหรับปีใหม่ ไม่ได้สนใจเรื่องพักกลางวัน

เดิมทีนี่ควรจะเป็นงานของผอ. แต่ผอ.ลาออกไปแล้ว งานก็เลยหล่นมาทับหัวรองผอ.ตามลำดับ ฉันจึงได้แต่ทำเวลา

"พี่ กาแฟค่ะ"

ตอนเกือบบ่ายสองโมง ผู้ช่วยหลินเนี่ยนเคาะประตูและเดินเข้ามา เธอวางกาแฟแก้วนึงลงบนโต๊ะฉัน

ฉันยิ้มนิดหน่อย "ขอบใจจ้ะ"

เธอเห็นว่าฉันกำลังวาดแบบร่าง ก็ทำหน้าตาสงสัย "พี่ ยังทำใจสงบนั่งออกแบบได้อีกหรอคะ? ฉันไปแอบถามมา คนที่โผล่มาจากไหนไม่รู้นั่นน่ะ ไม่ได้ผ่านการสัมภาษณ์ด้วยซ้ำ ก็ได้ครองตำแหน่งผอ.ไปหน้าตาเฉย พี่ไม่โกรธหรอคะ?"

"..."

ฉันหลุดหัวเราะออกมา ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

ไม่โกรธหรอ

แน่นอนว่าโกรธ

แต่ไม่สามารถจะไปพูดอะไรกับลูกน้องได้

"ทุกคนฟังที่ฉันพูดนะ..."

ที่ด้านนอกห้องทำงาน จู่ก็มีเสียงเอะอะขึ้นมา ผู้ช่วยพิเศษฉินเรียกความสนใจของทุกคนมารวมกัน

ผ่านกระจกที่สูงจรดพื้น ทำให้สามารถมองเห็นพื้นที่สำนักงานสาธารณะได้ในทันที

ฟู่ฉีชวนสวมชุดสูทสั่งตัดด้วยมือสีเข้ม มือข้างนึงล้วงกระเป๋ากางเกง เพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ เท่านั้น แต่รังศีเย็นชาสูงศักดิ์ และออร่ากลับแผ่ไปสู่ผู้คน

เมื่อยืนเคียงข้างกับฟู่จินอัน ทั้งคู่ดูเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก

ฟู่จินอันมีท่าทีสง่าผ่าเผย ดวงตาทั้งสองข้างเหลือบไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความเรียบเฉย ราวกับกำลังขอความช่วยเหลือ

เขาขมวดคิ้วน้อยๆ รำคาญนิดหน่อย ทว่าก็ยังตามใจอยู่ดี

พูดเปิดให้หล่อนด้วยเสียงเรียบ "ท่านนี้ คือผอ.คนล่าสุดของแผนกดีไซน์ คุณฟู่จินอัน หลังจากนี้หวังว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือกับเธอด้วย"

ฟู่จินอันมองเขาด้วยสายตาเคืองๆ "นายจะซีเรียสขนาดนี้ทำไมเนี่ย"

จากนั้น ใบหน้าของหล่อนก็เผยรอยยิ้มผ่อนคลายมีความสุข "ทุกคนไม่ต้องไปฟังเขา ฉันเป็นคนคุยด้วยง่าย ไม่ทำงานเอาหน้าเพื่อสร้างผลงานให้ตัวเองตั้งแต่เพิ่งรับตำแหน่งแน่นอน ฉันเป็นมือใหม่สำหรับที่นี่ หากมีตรงไหนที่ยังทำได้ไม่ดี ยินดีรับฟังทุกคนนะคะ"

……

เพราะท่านประธานออกหน้าแทนหล่อน ภาพบรรยากาศจึงเป็นไปด้วยความสมานฉันท์

หลินเนี่ยนเบ้ปากอย่างอดไม่ได้ "เด็กเส้นจริงๆ ด้วย มีแต่คนที่แต่งงานซ้ำสองที่จะไปจดทะเบียนในวันอับโชค ก็มีแต่คนที่แย่งตำแหน่งคนอื่นมาเท่านั้นแหละที่จะเริ่มงานในวันอับโชค"

ตอนแรกฉันก็รู้สึกแย่อยู่ พอได้ยินคำแช่งที่มาพร้อมตรรกะเพี้ยนๆ ก็อดหัวเราะไม่ได้

ที่ด้านนอก ฟู่ฉีชวนพาฟู่จินอันมาส่งหน้าประตูห้องทำงานผอ.

"พอได้แล้ว ยังมีอะไรให้ห่วงอีก? นายทำหน้าตึงขนาดนั้น ใครจะกล้ามาหาฉัน?" ฟู่จินอันดันตัวฟู่ฉีชวนออก ท่าทางของหล่อนสนิทสนม แม้น้ำเสียงจะฟังดูเคืองๆ ทว่าใบหน้ากลับยิ้มแย้ม

ฉันยกกาแฟขึ้นดื่มคำนึง ขมสุดๆ

เมื่อเห็นฉันขมวดคิ้ว หลินเนี่ยนก็หยิบไปดื่มคำนึง "ก็ไม่ขมนี่คะ วันนี้ฉันอุตส่าห์ใส่น้ำตาลตั้งสองก้อนเลยนะ เพราะอยากให้พี่กินอะไรหวานๆ จะได้แฮปปี้หน่อย"

"ก๊อกๆ..."

ฟู่ฉีชวนถูกฟู่จินอันไล่ออกมา ก็หันมาที่ห้องทำงานของฉัน

ฉันมองเขาตาไม่กระพริบ แทบอยากจะมองทะลุให้ถึงหัวใจของเขา

"ฉันไปชงมาให้ใหม่อีกแก้วนะคะ" หลินเนี่ยนปลีกตัวไปอย่างเนียนๆ

ฟู่ฉีชวนเดินเข้ามาช้าๆ ปิดประตูลง แล้วอธิบายอย่างสบายๆ "นี่เป็นครั้งแรกที่เธอออกมาทำงาน ก็เลยค่อนข้างตื่นเต้น ถึงได้ขอให้ผมช่วยเรียกขวัญ"

"หรอคะ"

ฉันย้อนถามกลับยิ้มๆ "ดูไม่ออกเลยนะคะ"

อย่างแรกให้ระดับท่านประธานอย่างฟู่ฉีชวน แนะนำสถานะของหล่อน

มิหนำซ้ำยังพูดจาหยอกล้อภายในไม่กี่ประโยคที่เปล่งออกมา ใครๆ เขาก็รู้กันแล้วว่าหล่อนกับฟู่ฉีชวนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา

ไหนจะพูดทำนองว่า "ฉันเป็นคนคุยด้วยง่าย" อะไรนั่นอีก

มันก็เหมือนกับกำลังป่าวประกาศว่าตัวเองถือไพ่คิงท่ามกลางวงไพ่ แล้วใครจะกล้าพูดอะไรได้อีก?

"เอาเถอะ ถึงเธอจะแก่กว่าคุณสองปี แต่ในเรื่องการงาน คุณเป็นรุ่นพี่ของเธอ เรื่องการออกแบบ คุณเองก็เก่งกว่าเธอ คนในแผนกยังไงก็ยอมรับคุณมากกว่า"

ฟู่ฉีชวนเดินมาข้างหลังฉัน นวดบ่าให้ฉันเบาๆ กึ่งโอ๋กึ่งเกลี้ยกล่อม "คุณไม่ต้องสนใจเธอหรอก แค่อย่าให้ใครมากลั่นแกล้งเธอก็พอแล้ว ได้ไหม?"

เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกโกรธเขาจนควบคุมไม่ได้

ฉันปัดมือเขาออก ลุกพรวดขึ้นมาทันที แล้วถามอย่างตรงประเด็น "ถ้าเป็นแบบที่คุณพูด ทำไมตำแหน่งผอ.ถึงเป็นของเธอไม่ใช่ฉัน?"

หลังจากที่พูดออกไปแล้ว ฉันถึงตระหนักได้ว่าตัวเองพูดตรงเกินไปหน่อย

แม้แต่ฟู่ฉีชวนที่สงบ เยือกเย็นมาตลอด แววตาของเขายังเผยความประหลาดใจ

ใช่

แต่งงานมากันมาสามปี ถึงแม้ว่าคู่ของเราจะไม่ได้หวานชื่น แต่เราก็เคารพซึ่งกันและกัน เราไม่เคยโกรธ ไม่เคยทะเลาะกัน เกรงว่าเขาคงจะเข้าใจมาตลอดว่าฉันเป็นหุ่นขี้ผึ้งที่ไร้ซึ่งอารมณ์

แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่ได้เสียใจที่พูดประโยคนั้นออกไป

ถ้าตำแหน่งผอ. ตกไปอยู่กับคนที่เก่งกาจกว่าฉันจนเป็นที่ยอมรับ ฉันก็จะยอมรับด้วยใจจริง

แต่ตอนนี้เขากลับมอบมันให้ฟู่จินอัน จะบอกว่าแค่ถามฉันก็ไม่มีสิทธิ์ถามหรือยังไง

เป็นครั้งแรกที่ฟู่ฉีชวนได้เห็นด้านที่เฉียบขาดของฉัน ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน "หนานจือ คุณกำลังโกรธเรื่องนี้?"

"ไม่ได้หรอคะ?"

อยู่ต่อหน้าคนอื่น ฉันยังพอจะแสร้งทำว่าไม่รู้สึกอะไร แสร้งทำเป็นใจกว้างได้บ้าง

แต่อยู่ต่อหน้าสามีตัวเอง ถ้าฉันยังต้องซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง งั้นชีวิตแต่งงานของเราก็คงจะล้มเหลวเกินไปแล้ว

"โง่หรือไง?"

เขาหยิบรีโมทขึ้นมา ปิดม่านตรงหน้าต่างกระจกสูงจรดพื้นจนสนิท ยื่นแขนยาวออกมาดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอด "ทั้งแซ่ฟู่กรุ๊ปก็เป็นของคุณหมดนั่นแหละ จะแคร์ทำไมกับแค่ตำแหน่งนึง?"

"แซ่ฟู่เป็นของคุณ ไม่ใช่ของฉัน"

สิ่งที่ฉันพอจะไขว่คว้าได้ ก็มีแค่สิทธิ์อันน้อยนิดตรงหน้า

เขาเชยคางของฉันขึ้น สีหน้าจริงจัง "เราเป็นสามีภรรยากัน ต้องแบ่งด้วยหรอว่าอะไรของใคร?"

"งั้นคุณโอนหุ้นส่วนนึงให้ฉันไหมล่ะ?" ฉันหัวเราะ

ฉันมองเขาอย่างมีสติและรอบคอบ เพราะไม่อยากพลาดความรู้สึกอะไรก็ตามที่เขาแสดงออกมา

แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ เขาไม่ได้เผยความรู้สึกอะไรออกมาทั้งนั้น

แค่เลิกคิ้วเล็กน้อย "จะเอาเท่าไหร่?"

"สิบเปอร์เซ็น"

ถ้าอยากได้จริงๆ นี่ก็นับว่าเรียกร้องมากแล้ว

หลังจากที่ฟู่ฉีชวนแต่งงานกับฉัน ก็รับช่วงต่อบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ปซึ่งเป็นกิจการยักษ์ใหญ่ หลังจากนั้นธุรกิจก็ขยายตัวจนกว้างขวางขึ้นหลายเท่าตัวด้วยฝีมือของเขา อย่าว่าแต่สิบเปอร์เซ็นเลย ต่อให้แค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ ก็กินมูลค่ารวมในตลาดไปหลายส่วนแล้ว

ฉันไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะตกลง แค่สมมติตัวเลขขึ้นมามั่วๆ เท่านั้น

"ตกลง" เขาว่า
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 340

    สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม และเสียงของเขาที่ฟังดูแหบแห้งและหยาบกระด้าง "ฉันให้หุ้นแก่คุณเพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้คุณมาต่อรองกับฉัน""ประธานฟู่ คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?""......"เขาเยาะเย้ยและพูดอย่างเย็นชา "งั้นคุณก็ลองดูสิ ฉันจะฆ่าใครก็ตามที่คุณขายให้ ถ้าคุณอยากทำร้ายใครก็เชิญเลย""......"เขายังคงหวาดระแวงอย่างมาก เกือบจะเหมือนโรคจิตในเรื่องของการข่มขู่ คือการแข่งขันกันว่าใครจะยอมทำสิ่งที่ต่ำที่สุดมากกว่ากันฉันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ พูดมากเกินไปก็ไร้ประโยชน์ฉันกัดฟันแล้วเดินไปหาเจียงไหลเจียงไหลและเฉินเย่กำลังคุยกันเรื่องทั่วไปบางอย่างเมื่อเห็นฉันมา เจียงไหลยกริมฝีปากแดงของเธอไปทางเฉินเย่และพูดว่า "คุณเฉิน ฉันจะเชิญคุณไปทานอาหารเย็นเมื่อฉันกลับไปเมืองเจียงเฉิงหลังตรุษจีน""ได้"เฉินเย่พยักหน้าเล็กน้อยหลังจากทักทายเขาแล้ว ฉันก็ไปกับเจียงไหล"ประธานหร่วน!"เฉินเย่หยุดฉันไว้ทันที ก่อนจะเปิดปากถามอย่างระมัดระวังว่า: "คุณและพี่ชวนต้องหย่ากัน มันเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและการหมั้นหมายของเขากับเสิ่นซิงหยูหรือเปล่า?"ฉันพูดตามตรงว่า "ใช่ แ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 339

    ฉันเงียบไปและพูดเบาๆ ว่า "ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีความอดทนสูงขนาดนั้น"คืนนั้น ฉันจูบโจวฟางต่อหน้าเขาแม้ว่าฉันจะเมามากเกินไป แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงๆด้วยบุคลิกของเขา แบบที่ยอมให้ตัวเองทำผิดกฎได้แต่ห้ามคนอื่น เขาน่าจะหยุดมองมาทางฉันนานแล้วทันทีที่ฉันพูดจบ เสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงของฟู่ฉีชวน แต่เป็นเสียงที่มาจากทางกลางห้องจัดงานเลี้ยงเสิ่นชิงหลี่เปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมชุดสีขาวล้วนสุดหรู เธอถือไมโครโฟนไว้ตรงกลางห้อง ดูขี้อายเล็กน้อย แต่ดวงตาสีเช้มของเธอกลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นในขณะที่เธอจ้องไปที่ทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะทิศทางที่โจวฟางอยู่"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ฉัน จากอ้อมอกของคุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ไป ฉัน... ฉันต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย ทนทุกข์ทรมานจากวิธีที่ผู้คนปฏิบัติต่อฉัน แต่ด้วยช่วงเวลาที่สวยงามที่เหลืออยู่ในความทรงจำ ฉันกัดฟันและอดทนต่อไป"เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอสะอื้น “แต่ฉันโชคดี ครอบครัวของฉัน… และพี่อาฟางไม่เคยยอมแพ้ในการตามหาฉัน เช้านี้คุณย่าถามฉันว่าความปรารถนาของฉันคืออะไร ตอนนั้น ฉันนึกอะไรไม่ออก เพราะแค่การได้กลับไปยังตระกูลเสิ่นก็ถือเ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 338

    "คุณนายเสิ่น"ฟู่ฉีชวนขมวดคิ้วอย่างใจเย็นและพูดด้วยเสียงต่ำ "คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับฉันเกี่ยวกับการถอนหมั้น"เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเขาแม่เสิ่นไม่รู้ว่าเธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าเธอจงใจแกล้งทำเป็นสับสน "แน่นอนว่าฉันต้องอธิบาย ทันทีที่คุณได้ยินว่าวันนี้เป็นซิงหยูของเราที่มารับคุณ คุณก็มาพร้อมกับประธานเสิ่นโดยเฉพาะ ฉันเข้าใจแล้ว...."ปากของเฉินเย่กระตุกเมื่อเขาฟัง และเขาไม่สามารถทนขัดจังหวะได้ "ความมั่นใจของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันยังต้องแทรกอยู่ดี ประธานฟู่มาที่นี่วันนี้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูเสิ่นแม้แต่สลึงเดียว โอ้ ไม่ มันไม่เกี่ยวข้องแม้แต่สตางต์เดียว""มันจะไม่เกี่ยวข้องกับซิงหยูได้ยังไง ประธานฟู่าหาครอบครัวเสิ่นของเรา ถ้าไม่ใช่เพราะซิงหยู....."เมื่อพูดไปได้ครึ่งทาง แม่เสิ่นก็คิดได้และสีหน้าของเธอก็มืดมนลง ทันใดนั้นก็มองไปในทิศทางที่ฉันอยู่!ฟู่ฉีชวนก้มตาลงและปรับแขนเสื้อ เสียงของเขาเย็นชาและเฉยเมย "พูดตามตรงนะ คุณนายเสิ่น วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อตามง้อภรรยาของฉัน"เสียงของเขาไม่ได้ดังเป็นพิเศษ แต่ทุกคำก็ตั้งใจทำเพื่อให้ทุกคนรอบข้างได้ยินเขาอย่างชัดเจน

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 337

    เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่เสิ่นก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็ล็อกเป้าหมายไปที่คุณพ่อของเสิ่น แล้วดึงเขาออกไปด้วยกันเพื่อไปต้อนรับไม่นาน ก็เกิดความโกลาหลขึ้นจากทางเข้าห้องจัดเลี้ยงเป็นฟู่ฉีชวน เฉินเย่แลตระกูลเสิ่นจำนวนสามคนที่เดินเข้ามาฟู่ฉีชวนสวมเสื้อคลุมสีดำ มีคิ้วกับดวงตาที่สง่างามและเย็นชา ก้าวเดินอย่างมั่นคง และมีรัศมีแห่งอำนาจที่แข็งแกร่งเฉินเย่เหมือนกับครั้งที่แล้ว เมื่อเขาไปที่หนานซี เขาอยู่ห่างจากฟู่ฉีชวนครึ่งก้าว แต่ทั้งสองดูคุ้นเคยกันดีเมื่อมองดูครั้งแรกเมื่อรวมกับสิ่งที่แม่เสิ่นพูดก่อนจะออกไปรับเขาคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ผ่านโลกมานาน แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจทุกอย่างแล้วฟู่ฉีชวนเป็นบอสใหญ่ของRF กรุ๊ปไม่ใช่ใครอื่นฟู่ฉีชวนคือชายคนเดียวกันที่ตระกูลเสิ่นเคยถอนหมั้นด้วยแต่ตอนนี้ ในชั่วพริบตา พวกเขากลับปฏิบัติกับเขาเหมือนแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเสิ่นอีกครั้ง ไม่กล้าแสดงความละเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ต้องทนต่อไปโดยไม่สามารถแสดงออกมาได้ความสัมพันธ์นี้ ส่งผลให้บรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างประหลาด และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้และพูดคุยส

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 336

    "ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว"ฉันจนปัญญาเขาพูดอย่างหนักแน่นว่า "ผลตรวจ DNA ต้องมีปัญหาแน่ หร่วนหนานจือ ฉันอาจเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นเป็นเธอ"ฉันรู้ดีว่า "คนอื่น" นั้นหมายถึงฉันจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ "แต่ฉันจะจำเธอได้เสมอ""......"ฉันเม้มริมฝีปาก "นั่นเป็นเรื่องระหว่างคุณกับตระกูลเสิ่น โจวฟาง เราควรจะรักษาระยะห่างไว้บ้าง"ฉันไม่อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกจริงๆพูดจบ ฉันไม่แม้แต่จะมองสีหน้าของเขา ดึงเจียงไหล แล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันทีแม้ว่างานเลี้ยงต้อนรับนี้จะจัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้จัดแบบลวกๆ เลยแสงไฟที่ระยิบระยับและบรรยากาศที่หรูหรา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่างานนี้ยิ่งใหญ่อลังการท่ามกลางชนชั้นสูงผู้มั่งคั่งหลังจากรับเครื่องดื่มจากถาดของพนักงานเสิร์ฟ เจียงไหลมองมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ "เธอกลายเป็นคนไร้ความปรานีตั้งแต่เมื่อไหร่?""เจ๊คะ"ฉันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ให้เธอ "แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ยังเรียนรู้จากประสบการณ์ นอกจากนี้ สิ่งต่างๆ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป""ไม่เหมือนเดิมยังไง?""เมื่อก่อนฉันเคยถลำลึกลงไปแล้ว กว่าจะดึงตัวเองกลับมาได้ มันทั้งยากและเจ็บปวด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 335

    "แค่ก..."เจียงไหลเห็นว่าฉันยังรับมือได้ แต่เธอเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหากับฉันจึงเงียบอยู่ตลอดในขณะนี้ คำพูดของโจวฟาง ทำให้ฉันอดไม่ได้และสำลักน้ำลายของตัวเองสำหรับฉันแล้ว แม่เสิ่นสามารถพูดจาเหน็บแนมฉันได้แม่ของเสินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าโจวฟางกับคุณย่าโจว เธอไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ เพราะต้องระวังมารยาทกับผู้ใหญ่ และทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความหงุดหงิด“ไอ้เด็กเวร!”ไม่ว่าคุณย่าโจวจะตามใจโจวฟางมากเพียงใด เธอก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ เธอจ้องเขม็งไปที่เขา “ใครสอนให้แกพูดแบบนั้น?”"ก็คุณย่าสอนผมนั่นแหละ"โจวฟางไม่ได้ใส่ใจและพูดว่า "เมื่อคุณเห็นความอยุติธรรม จงยื่นมือเข้ามาช่วย""......"คุณย่าโจวโกรธมากจนจ้องมองเขา แต่เธอไม่สามารถหาคำพูดมาโต้ตอบได้ใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น สามารถได้ยินว่าแม่เสิ่นตั้งใจหาเรื่อง และคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นร้ายกาจเกินไปเสิ่นชิงหลี่ผู้ซึ่งเคยเงียบและขี้อายเสมอมา พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาและเบาบาง เมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุดพูดถึงเรื่องนี้"แต่พี่อาฟาง คุณแม่ของฉันก็พูดไม่ผิดนะ เด็กผู้หญิงควรรักษาความบริสุทธิ์และซื่อสั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status