مشاركة

บทที่ 15

last update آخر تحديث: 2025-02-10 14:18:43

ตระกูลหยาง คือหนึ่งในตระกูลที่รับใช้ราชวงศ์มาช้านาน บุตรหลานทั้งสายหลักสายรองล้วนรับราชการกันหมดทั้งสิ้น นอกจากนี้ตระกูลหยางยังเป็นตระกูลที่รับผิดชอบการสร้างอาวุธให้กับแคว้น ว่ากันว่าอาวุธของตระกูลหยางนั้นพิเศษมาก เพราะนอกจากจะสวยงามแล้ว อาวุธแต่ละชิ้นล้วนร้ายกาจ  ความคมของมันย่อมเป็นหนึ่งไม่มีสอง ทั้งนี้หากใครสั่งทำอาวุธกับตระกูลหยางก็จะได้แบบพิเศษและงดงามไม่เหมือนใคร ผู้คนล้วนอยากครอบครองอาวุธของตระกูลหยางทั้งสิ้น

ถึงแม้ว่าตระกูลหยางจะรับใช้ราชวงศ์ เป็นหนึ่งในหัวเรือใหญ่ในราชสำนักก็จริง ทว่าพอมารุ่นบิดาของหยางตงเยว่อย่าง ‘หยางเฉียน’ ก็ไม่ได้เข้ารับราชการเช่นบรรพบุรุษแล้ว เขาหันมาเอาดีด้านการค้าแทน คราแรกราชวงศ์และองค์ฮ่องเต้ทรงไม่เห็นด้วย แต่ตระกูลหยางยืนยันว่าถึงจะออกจากราชสำนักก็ยังขึ้นตรงต่อองค์ฮ่องเต้เช่นเดิม และยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีจิตคิดเป็นอื่น หากพระองค์ประสงค์สิ่งใดแน่นอนว่าตระกูลหยางจะรีบทำตามรับสั่งทันที และที่สำคัญหยางเฉียนให้เหตุผลว่าตนชอบทำการค้ามากกว่า 

ดังนั้นไม่ว่าองค์ฮ่องเต้ผู้ที่เป็นเจ้าครองแคว้นจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร บิดาของหยางตงเยว่ก็ยังยืนยันคำเดิม พระองค์จึงได้แต่จำใจปล่อยตัวหยางเฉียนออกจากราชสำนัก มอบชีวิตอิสระตามที่หยางเฉียนปรารถนา ถึงจะบอกว่าปล่อยให้ใช้ชีวิตอิสระ แต่ก็ใช่ว่าองค์ฮ่องเต้จะปล่อยไปเฉย ๆ เพราะการปล่อยขุนนางที่มีความเก่งกาจอันดับต้น ๆ หลุดรอดออกจากราชสำนักเป็นธรรมดาที่ต้องหวาดระแวง พระองค์จึงสั่งให้อดีตแม่ทัพ นั่นก็คือบิดาของหลี่เหวินหลาง หรือ หลี่เหวินชิงคอยจับตาดูตระกูลหยางอย่างใกล้ชิด เวลาล่วงเลยไปกว่าสิบปี องค์ฮ่องเต้ถึงค่อยวางพระทัยลงได้ จากนั้นจึงยกเลิกคำสั่งไม่ให้จับตาดูตระกูลหยางอีก

และนอกจากตระกูลหยางจะทำการค้าเช่นการตีเหล็กหลอมสร้างอาวุธแล้ว อีกหนึ่งกิจการที่โด่งดังและประสบผลสำเร็จไม่แพ้กันคือ กิจการของโรงเตี๊ยมตระกูลหยาง

แต่ก่อนที่หยางเฉียนริเริ่มกิจการค้าอาหารนี้ไม่ใช่โรงเตี๊ยมเช่นปัจจุบันแต่อย่างใด ในครานั้นหยางเฉียนทำแค่เหลาอาหารเล็ก ๆ พอเสียงตอบรับดีขึ้นถึงได้ขยายกิจการ และกลายมาเป็นโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของเมืองหลวงในปัจจุบัน

โรงเตี๊ยมตระกูลหยางนี้ ขึ้นชื่อเรื่องที่พักและอาหารอย่างมาก นอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้วยังแปลกใหม่ และนี่เองที่ทำให้ไป๋ฟางเซียนอยากลิ้มลอง ส่วนที่พักคงไม่มีโอกาส...

หากสงสัยว่าไป๋ฟางเซียนรู้ได้อย่างไรคงได้คำตอบเดิม นั่นก็คือความทรงจำของเจ้าของร่าง แม้ไป๋ฟางเซียนคนเก่าจะไม่ค่อยได้ออกจากจวน แต่เรื่องราวในแคว้นและตระกูลใหญ่ทั้งหลายนางย่อมรู้ดี นี่จึงทำให้ไป๋ฟางเซียนไม่ต้องทำความรู้จักหรือทำความเข้าใจใหม่ตั้งแต่แรก แค่อาศัยความทรงจำก็เพียงพอที่จะแยกแยะได้ว่าตระกูลไหนควรยุ่งหรือไม่ควรยุ่ง

สิ่งที่ไป๋ฟางเซียนคิดไม่ถึงคือนางจะได้เจอทายาทของตระกูลหยางวันนี้ ซ้ำยังได้คบหากันเป็นสหายด้วย เรื่องราวช่างบังเอิญจริง ๆ อย่างไรก็ตาม แม้ความสัมพันธ์สหายนี้จะได้มาแบบงง ๆ แต่นางก็ไม่คิดปฏิเสธ การรู้จักและเป็นมิตรกับตระกูลใหญ่นั้นนับว่าดียิ่ง ในยุคสมัยนี้หากเป็นมิตรกับตระกูลเรืองอำนาจไม่ได้ก็อย่าได้เป็นศัตรู แล้วการที่หยางตงเยว่เสนอให้คบหากันเป็นสหายนางจะปฏิเสธได้อย่างไรเล่า หากนางปฏิเสธก็โง่เต็มทนแล้ว

เหนือสิ่งอื่นใดไป๋ฟางเซียนรู้ดีว่าการได้คบหาเป็นสหายกับหยางตงเยว่นับว่าเป็นเรื่องที่ดียิ่ง เพราะหลังจากนี้นางคงได้ขอความช่วยเหลือ หรือทำการค้ากันบางประการแน่นอน โดยเฉพาะอาวุธ ไป๋ฟางเซียนอยากได้อาวุธเฉพาะตน เจ้าของร้านอยู่ตรงหน้านางจะไม่สั่งทำได้อย่างไร และอีกอย่างสหายคนนี้ก็นับว่าหล่อเหลาเอาการ หน้าตาคล้ายคลึงอี้ป๋อในโลกเดิมหลายส่วน เป็นเช่นนี้นางจะปฏิเสธไม่ทำความรู้จักได้อยู่หรือ

ในโลกเดิมไม่ได้แม้แต่จะใกล้ชิดและจับมือ โลกนี้ได้เป็นสหายนับว่าคุ้มค่าแล้ว

“เจ้าเหม่ออันใด” หยางตงเยว่เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าสหายคนใหม่ที่ตนถูกชะตาตั้งแต่เห็นหน้าเงียบไป

“เปล่าหรอก”

“เปล่าอันใด ข้ามองดูเจ้านานแล้วเจ้าก็ยังนิ่ง ราวกับคิดสิ่งใดอยู่ก็ไม่ปาน”

“เอาน่า... เจ้าอย่าสนใจเลย ใช่ว่าเจ้าจะเลี้ยงข้าวข้าหรือ ไปสิ ข้าหิวแล้ว”

หยางตงเยว่แม้จะไม่เชื่อในคำพูดของนาง แต่ก็ไม่ได้ซักถามให้อีกฝ่ายต้องอึดอัดใจ เพราะคิดว่าเพิ่งจะรู้จักกัน หากถามละลาบละล้วงเกินไปคงไม่สมควรนัก สุดท้ายจึงได้แต่ยอมพยักหน้ารับและเดินตรงไปยังโรงเตี๊ยมของตระกูลตนเองด้วยกัน

เค่อ[1] ต่อมาทั้งสี่ก็มาถึงโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่ง ไป๋ฟางเซียนมองโรงเตี๊ยมเบื้องหน้าอย่างพอใจ เพราะทุกอย่างถูกจัดสรรเป็นสัดเป็นส่วนได้อย่างลงตัว และที่นางชื่นชอบมากเป็นพิเศษคือผู้คนไม่วุ่นวาย

ชั้นล่างของโรงเตี๊ยมมีไว้สำหรับลูกค้าทั่วไปที่ต้องการทานอาหารรสเลิศ ชั้นสองสำหรับลูกค้าที่ต้องการหลีกเลี่ยงความวุ่นวายหรือต้องการความเป็นส่วนตัว ส่วนชั้นสามเป็นชั้นสำหรับต้อนรับลูกค้าพิเศษหรือลูกค้าที่มีฐานะไม่ธรรมดา ชั้นนี้นอกจากจะมีห้องรับรองแบบส่วนตัวแล้วยังเป็นชั้นสำหรับที่พักด้วย ซึ่งจะแยกกันอยู่คนละส่วนชัดเจน

แม้ไป๋ฟางเซียนอยากจะขึ้นไปที่ชั้นสามแต่ก็รู้ว่านั่นไม่ใช่การกระทำที่สมควร ถึงนางกับหยางตงเยว่จะคบหากันเป็นสหาย แต่การหายเข้าไปในห้องนานสองนานแม้จะมีคนสนิทเข้าไปด้วยก็ไม่ใช่เรื่องดี นางจึงได้ตัดใจอย่างเสียดาย ไว้มีโอกาสค่อยขึ้นไปเยี่ยมชมและทดลองใช้ห้องพิเศษก็ยังไม่สาย

“เจ้าต้องการกินอาหารชนิดใดเล่า” หยางตงเยว่ถามขึ้นเมื่อเข้ามานั่งโต๊ะห่างไกลผู้คนที่บริเวณชั้นสองเรียบร้อยแล้ว

“แน่นอนว่าต้องเป็นอาหารเลิศรส”

“ฮ่าฮ่า โรงเตี๊ยมตระกูลข้าอาหารย่อมเลิศรสทุกอย่างอยู่แล้ว”

“งั้นเจ้าก็เป็นคนสั่งเถิด ข้าไม่ค่อยออกจากจวนจึงไม่รู้จะสั่งอะไร” ไป๋ฟางเซียนตอบเพราะนางไม่รู้จะสั่งอะไรจริง ๆ

“ได้ เอาอาหารขึ้นชื่อมาสักสามสี่อย่างและชาอย่างดีมารับรองข้ากับสหายด้วยเล่า”

“ขอรับคุณชาย”

หยางตงเยว่สั่งความต้องการกับเสี่ยวเอ้อร์ที่เข้ามาดูแลตนเองกับสหายตั้งแต่ที่มาถึง  พอเสี่ยวเอ้อร์ออกไปจึงหันมาสนทนากับสหายสตรีคนแรกที่เขานึกถูกใจ

“ว่าแต่เจ้าเถอะ ออกจากจวนมาโดยไร้เงาท่านแม่ทัพเช่นนี้จะไม่ถูกว่าเอาหรือ” นี่คือสิ่งที่เขาสงสัย เพราะถึงแม้ว่าจะเพิ่งเคยเห็นหน้ากัน แต่ชื่อเสียงและสถานะของอีกฝ่ายที่ออกเรือนแล้วเขาย่อมต้องรู้

“เขาจะว่าอันใดข้ากัน ข้ามิใช่สตรีในดวงใจเขาเสียหน่อย” ไป๋ฟางเซียนตอบด้วยความหงุดหงิด แค่ได้ยินชื่อของหลี่เหวินหลางบุรุษงี่เง่าเอาแต่ใจผู้นั้น อารมณ์ที่ดีในตอนแรกก็หายไปในพริบตา

“หมายความว่าเช่นใด” หยางตงเยว่ถามอย่างไม่แน่ใจ นี่อย่าบอกนะว่าข่าวลือที่คนทั้งเมืองพูดกันเป็นเรื่องจริง

“ก็หมายความตามนั้นแหละ เจ้าอย่าสนใจเลย” ไป๋ฟางเซียนไม่อธิบายแต่หยางตงเยว่ก็เข้าใจ คงเป็นจริงอย่างที่คนลือไว้

‘แม่ทัพหนุ่มรูปงามต้องจำใจแต่งงานกับบุตรสาวบุญธรรมของบิดามารดาทั้งที่ไม่ได้รัก ซ้ำร้ายยังรังเกียจสตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาจนไม่สามารถร่วมหอลงโรงได้ เป็นเหตุให้คืนเข้าหอเจ้าสาวต้องนอนเหงาเปล่าเปลี่ยวเพราะเจ้าบ่าวหนีไปอยู่ที่อื่น ทั้งคืนต่อ ๆ มาเจ้าบ่าวก็ไม่คิดกลับไปนอนที่จวน ต้องทนลำบากอยู่กินที่ค่ายทหารเพราะไม่อาจทนเห็นหน้าสตรีที่เป็นภรรยาได้’

นี่คือคำเล่าลือที่หยางตงเยว่ได้ยินมาร่วมเดือน แต่เรื่องของสามีภรรยาจะเป็นเช่นไรก็ช่างเถิด ตอนนี้นางเป็นสหายเขา เขาจะไม่ยอมให้ใครมาว่ากล่าวนางได้อีก

สหายของทายาทตระกูลหยางใช่คนที่เจ้ามาหาเรื่องได้หรือ?

นี่คือสิ่งที่หยางตงเยว่คิด ซึ่งแน่นอนว่าไป๋ฟางเซียนไม่รับรู้เพราะตอนนี้นางกำลังสนใจอาหารมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้ามากกว่า

นางแปลกใจ แต่ไม่ได้แปลกตา...

[1] เค่อ เท่ากับ 15 นาที

استمر في قراءة هذا الكتاب مجانا
امسح الكود لتنزيل التطبيق

أحدث فصل

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 134 จบ

    ไป๋ฟางเซียนที่รับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นเบื้องหลังจึงหันกลับไปมอง ก็พบเห็นสามีของตนใบหน้าเขียวคล้ำสลับแดง เขาหรี่ตามองราวกับคนกำลังจับผิด สายตาของเขาทำเอานางรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เสียงลมหายใจหอบถี่ของผู้เป็นสามีทำให้นางเข้าใจได้ทันทีว่านางทำให้เขาไม่พอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะเอื้อนเอ่ย ร่างของผู้เป็นสามีก็สะบัดชายอาภรณ์ตรงกลับไปยังห้องนอน ไป๋ฟางเซียนนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะผุดลุกตามไปขณะเดินไปยังห้องนอนของตน นางก็ขบคิดกับตนเองว่าจะง้องอนเขาเช่นไรดี เขาจึงจะหายจากท่าทางปั้นปึ่งเช่นนั้น แต่คิดไปคิดมาพลันนึกขึ้นได้ว่า ตัวนางเองไม่ได้ผิดอันใดเสียหน่อย คนที่มาหานางในวันนี้ล้วนเป็นสหายนางทั้งนั้น ให้ตายนางก็ไม่ยอมง้อเขาหรอกแน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่ความคิด เพราะทันทีที่เข้ามาในห้องนอนเห็นสีหน้าปั้นปึ่งมองนางตาขวางด้วยแล้ว ไป๋ฟางเซียนก็รีบก้าวเท้าเดินไปเบื้องหน้าตรงเข้าหาเขาอย่างเร็วรี่ พลางลอบกลืนน้ำลายเงียบ ๆ “ท่านพี่เจ้าขา เหตุใดถึงทำหน้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะไม่หล่อเอานา” นางเอ่ยเสียงหวานหยอกเย้าเขา หวังให้เขาโต้แย้งเช่นทุกครั้ง แต่กลับได้ความเงียบตอบมาแทนดวงตากลมโตช้อนสายตาหวานขึ้นมองอ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 133

    หนึ่งเดือนผ่านไปนับจากวันที่ไป๋ฟางเซียนฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างในชีวิตของนางและหลี่เหวินหลางก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ความรักของคนทั้งสองต่างผลิบานและสุกงอมเต็มที่ หลี่เหวินหลางกระทำอย่างปากว่า เขาไม่เคยปล่อยให้นางห่างจากตัวหรือห่างจากสายตาอีกเลย ไม่รู้เช่นกันว่าเขาไปทำเช่นไร จึงสามารถทำให้องค์ฮ่องเต้พระราชทานวันหยุดมาให้ถึงสองเดือนด้วยกัน ทว่าจะบอกว่าหยุดเลยก็คงไม่ถูกนัก เพราะระหว่างนี้หลี่เหวินหลางก็ต้องไปดูระเบียบในค่ายทหารเป็นครั้งคราวด้วยเช่นกัน กระนั้นเขาก็มีเวลาอยู่กับนางมากขึ้นอยู่ดี และนอกจากชีวิตของนางและเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว ชีวิตของผู้อื่นก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันยามนี้สาวใช้ตัวน้อยของนางและคนสนิทของหลี่เหวินหลาง จื่อถิงกับตงผิง ต่างก็กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันแล้วทั้งคู่ ตลอดหนึ่งเดือนมานี้นางจึงไม่เห็นหน้าสาวใช้คนสนิทเลย แต่ก็เป็นนางอีกนั่นแหละที่ให้จื่อถิงหยุดและใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงานบ้าง แน่นอนว่าคำของนางทำให้ตงผิงมีความสุขอย่างมาก เพราะถ้านางบอกให้จื่อถิงหยุด หลี่เหวินหลางก็จะบอกให้ตงผิงหยุดงานชั่วคราวเช่นเดียวกัน แต่นี่ก็ครบกำหนดเวลาที่นางให้ไปแล้ว คาดว่าไม่เกินสองวันนี้คงได้เห็นห

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 132

    หลี่เหวินหลางกอดร่างบางแนบแน่น คางสากเกยไหล่มนของนางไว้พร่ำบอกแนบชิดริมหู จนคนป่วยที่เพิ่งฟื้นอดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ มือบางยกมือขึ้นโอบกอดบุรุษร่างโตด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน ความรู้สึกรักและห่วงหาทว่าดูเหมือนพวกเขาจะหลงลืมไปว่าในห้องนี้หาได้มีพวกเขาไม่ ยามนี้ทั้งท่านหมอชรา หลี่เหวินชิง เหลียนฮวา จื่อถิงและตงผิงต่างมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำหน้าไม่ถูกกันแทบทั้งสิ้น ก่อนจะเป็นไป๋ฟางเซียนที่ตั้งสติได้ นางมีกิริยาเลิ่กลั่ก พยายามดันตัวตนเองออกจากอ้อมกอดของหลี่เหวินหลาง แต่เจ้าของอ้อมกอดแสนอบอุ่นหาได้ยินยอมไม่“เซียนเซียน พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน คิดถึงเหลือเกิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่กลัวมากเพียงใด กลัวว่าเจ้าจะจากพี่ไป กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาพี่อีก พี่คิดไปต่าง ๆ นานา นอนก็ไม่เคยหลับ กินก็ไม่เคยอิ่ม ใจภวงคิดถึงเป็นกังวลแต่เรื่องของเจ้า เซียนเซียน ขอบคุณที่เจ้ากลับมาหาพี่ นับว่าการรอคอยที่แสนทรมานของพี่สิ้นสุดลงแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณจริง ๆ”“เอ่อ ท่านปล่อยข้าก่อนดีไหมเจ้าคะ”“ไม่! จากนี้ไปพี่จะไม่ยอมห่างเจ้าอีกแล้ว ทั้งยังไม่ยอมให้เจ้าห่างสายตาจากพี่อีกด้วย”“ท่านพี่ ปล่อยข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 131

    “ข้าขอโทษ” น้ำเสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด เจ้าของร่างตัวจริงทำเพียงยิ้มรับ ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ สุดท้ายแล้วข้าและเจ้าก็คือคนคนเดียวกัน เจ้าคิดว่าจะมีใครที่ไหนจะมีชื่อแซ่เดียวกับตนเองบ้างเล่า สิ่งที่เจ้าควรรู้คือ เจ้าคือข้า ข้าคือเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”“แต่ว่า...”“ตอนแรกข้าก็สงสัยเหมือนเจ้า ในยามที่ข้าตกตายเพราะจมน้ำ ข้าก็ถูกพามายังสถานที่แห่งนี้ เฝ้ามองดูเจ้าเข้าไปในร่างของข้าอย่างไม่ยินยอมนัก หลายครั้งที่ข้าคิดทำร้ายเจ้า หากแต่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะทุกครั้งที่คิด ข้าจะรู้สึกเจ็บไปด้วยเช่นกัน ข้าไม่เข้าใจและเฝ้าถามตนเองมาตลอดว่าทำไม กระทั่งวันหนึ่งข้าก็ได้คำตอบจากคนผู้หนึ่ง”“ผู้ใดรึ”“คนผู้นั้นบอกกับข้าว่า แท้จริงแล้วทั้งข้าและเจ้าต่างเป็นคนคนเดียวกัน เพียงแต่ว่าตอนเกิด ดวงจิตของเราได้แยกเป็นสอง หนึ่งคือข้า สองคือเจ้า เมื่อดวงจิตแยกไม่รวมเป็นหนึ่งชะตาชีวิตของคนผู้นั้นย่อมเปลี่ยนแปลงไป เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือ ว่าทำไมตอนที่อยู่ในโลกเดิมทั้ง ๆ ที่เจ้ามีทุกอย่าง มีครอบครัวที่ดีพร้อมและอบอุ่น แต่เจ้ากลับรู้สึกมีความสุขได้ไม่เต็มที่นัก เ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 130

    สภาพของหลี่เหวินหลางทำให้ผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลหลี่รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก หากจะบอกว่าอาการของไป๋ฟางเซียนน่าเป็นห่วง สภาพของผู้เป็นบุตรชายก็น่าเป็นห่วงไม่ต่างกันหลี่เหวินชิงและเหลียนฮวามองสภาพบุตรชายที่หน้าประตูด้วยสายตาเป็นห่วงอย่างสุดแสน คิ้วของคนทั้งคู่ขยับเข้าหากันจนแน่นขนัด ใบหน้าที่ร่วงโรยไปตามวัยฉายความกังวลออกมาอย่างมาก ก่อนจะเป็นหลี่ฮูหยินที่ทนไม่ไหวพูดมันออกมา“ท่านพี่ น้องเป็นห่วงบุตรของเราจังเลยเจ้าค่ะ อาเหวินแทบไม่ออกจากห้องนอนของเซียนเอ๋อร์เลยนะเจ้าคะ เห็นอาการของลูกเราตอนนี้แล้ว น้องกลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ น้องกลัวว่าลูกจะล้มป่วยไปอีกคน” เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นอย่างหนักอกหนักใจ มองหลี่เหวินหลางที่กอบกุมมือไป๋ฟางเซียนด้วยความห่วงใยอย่างถึงที่สุด ด้วยไม่เคยเห็นบุตรชายของตนมีสภาพซึมเศร้าเช่นนี้มาก่อน“ไม่ต้องกังวลหรอกน้องหญิง อาเหวินรู้ขีดจำกัดของร่างกายตนเองดี เราแค่อยู่ข้าง ๆ เขาในยามที่เขาต้องการก็พอ ตอนนี้เราไปนั่งรับลมที่ศาลากันก่อนเถิด อยู่ตรงนี้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ประเดี๋ยวน้องหญิงจะเป็นกังวลห่วงคนนั้นคนนี้จนพานจะไม่สบายไปอีกคน”“ท่านพี่”แม้จะเป็นห่วงบุตรชายแต่ก

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 129

    “เซียนเซียน ตื่นขึ้นมาเถิดนะคนดี พี่คิดถึงเจ้า อยากได้ยินเสียงของเจ้าจนแทบจะทานทนไม่ไหวแล้ว หรือที่เจ้าไม่ยอมตื่นขึ้นมาเพราะอยากลงโทษที่พี่เคยพูดไม่ดีกับเจ้าในวันแรกที่เจ้าลืมตาขึ้นมาที่จวนเรือนหลังนี้ใช่หรือไม่ เซียนเซียน พี่ขอโทษเจ้า กลับมาเถิดนะคนดี กลับมาหาพี่ พี่รักเจ้า รักเจ้าเหลือเกิน” หลี่เหวินหลางทอดสายตาแห่งความคะนึงหาไปยังดวงหน้างาม ก่อนที่ชั่วพริบตาแววตาของเขาจะมีความโกรธแค้นวาบผ่าน หากแล้วก็ปล่อยวางลงอย่างรวดเร็ว เพราะคนที่ทำให้คนรักของเขาต้องเป็นเช่นนี้ได้ตกตายไปแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าต้องจ้องเวรไปเพื่อสิ่งใดแท้จริงแล้วการตกน้ำของนางอันเป็นที่รักใช่ว่าเขาไม่คิดติดใจสงสัย เขาย่อมต้องสงสัยแน่นอน และมั่นใจมากว่านางคงไม่กระโดดน้ำฆ่าตัวตายแน่ ที่ไม่ได้สืบหาตั้งแต่วันแรกเพราะเป็นห่วงนางจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด พอตั้งสติกับตนเองได้เขาจึงเริ่มสอบถามเรื่องราวคาดคั้นกับจื่อถิงอีกครั้ง แต่นางก็ตอบสิ่งใดไม่ได้ ทั้งยังไม่รู้ว่าว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ นอกจากร่ำไห้ด้วยความรู้สึกผิดและโทษว่าที่ไป๋ฟางเซียนเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของตน หลี่เหวินหลางจึงสั่งให้ตงผิงและจื่อถิงกลับไปที่สร

فصول أخرى
استكشاف وقراءة روايات جيدة مجانية
الوصول المجاني إلى عدد كبير من الروايات الجيدة على تطبيق GoodNovel. تنزيل الكتب التي تحبها وقراءتها كلما وأينما أردت
اقرأ الكتب مجانا في التطبيق
امسح الكود للقراءة على التطبيق
DMCA.com Protection Status