مشاركة

บทที่ 16

last update آخر تحديث: 2025-02-10 14:19:11

“มีอันใดหรือ”

“อาหารพวกนี้ล้วนแปลกตาเสียจริง” ไป๋ฟางเซียนตอบอย่างคนทั่วไปที่เห็นอาหารตรงหน้าครั้งแรก เพราะหากไม่ตอบอันใดเลยนางคงจะแปลกแยกเกินไป 

ซึ่งอาหารชั้นนำของโรงเตี๊ยมตระกูลหยางที่หยางตงเยว่ได้สั่งมานั้นประกอบไปด้วย เต้าหู้ทอด ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน ไก่ผัดถั่วลิสง เปาะเปี๊ยะ และปลากะพงนึ่ง นอกจากนี้ยังมีอาหารอีก 2-3 อย่างขึ้นโต๊ะ แต่ฟางเซียนไม่ได้สนใจมากนัก เพราะเป็นอาหารจานผักธรรมดา

หลังจากเห็นรายการอาหารนางก็แปลกใจอย่างมาก ด้วยไม่คิดว่ายุคสมัยนี้จะมีอาหารคุ้นตาที่นางกินประจำในยุคสมัยที่จากมา

“รสชาติดียิ่ง” หลังจากคีบหมูผัดเปรี้ยวหวานขึ้นมากิน รสชาติคุ้นเคยก็อบอวลอยู่ในปากของนาง ก่อนที่จะคีบอาหารที่เหลือมาชิมบ้างจึงพบว่าทั้งหมดล้วนรสชาติดีจนต้องเอ่ยชม

หยางตงเยว่เห็นสหายคนใหม่พอใจกับรสชาติอาหารจึงยืดอกรับด้วยความภูมิใจ ก่อนจะลังเลเล็กน้อยแล้วพูดความลับบางอย่างให้นางฟัง

“แน่นอนสิ ถ้าอาหารโรงเตี๊ยมข้าไม่อร่อยจะมีที่ไหนอร่อยอีกเล่า แม้แต่ในวังรสชาติเช่นนี้ใช่ว่าเจ้าจะได้กินนะ”

“อ๋อเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ... อันที่จริงอาหารพวกนี้ไม่ใช่โรงเตี๊ยมข้าคิดเองหรอกนะ แต่ข้าซื้อสูตรมาจากตระกูลฮุ่ย ตระกูลที่ขายเครื่องปรุงจนโด่งดังกลายเป็นคหบดีอันดับต้น ๆ ของเมืองหลวงอยู่ตอนนี้น่ะ” 

ไป๋ฟางเซียนเงยหน้ามองคนตรงข้ามด้วยสายตาแปลกไป การที่อีกฝ่ายบอกว่าอาหารพวกนี้ตระกูลหยางไม่ได้คิดขึ้นมาเองไม่ใช่ว่ามันควรเก็บเป็นความหลับหรอกหรือ แล้วเลือกบอกนางเช่นนี้ไม่กลัวนางไปโพนทะนาหรืออย่างไร จะไว้ใจนางง่ายเกินไปหรือไม่

“นี่เป็นความลับของตระกูลเจ้า เจ้าไม่ควรบอกข้า”

“ไม่รู้สิ ข้าพูดไปแล้วนี่ และข้าก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าจะไม่ทำร้ายข้า” หยางตกเยว่ยักไหล่ก่อนตอบ

ไป๋ฟางเซียนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างค้นหา เมื่อเห็นว่าไม่มีระลอกคลื่นใดในดวงตาจึงได้ปล่อยวาง แล้วเลือกถามในสิ่งที่นางสนใจอยากรู้มาตั้งแต่ต้นแทน

“ช่างเถอะ เมื่อกี้เจ้าพูดถึงตระกูลฮุ่ยที่ขายเครื่องปรุงเช่นนั้นหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขามีกรรมวิธีใดในการคิดข้นเครื่องปรุงและสูตรอาหารต่าง ๆ ได้อร่อยเลิศรสเช่นนี้... อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่คิดไปแย่งการค้าผู้ใด เพียงแต่ข้าสงสัย เพราะเมื่อก่อนไม่ใช่ตระกูลฮุ่ยเป็นชาวบ้านธรรมดาหรือ ในตอนนั้นพวกเขายังใช้แค่แซ่สกุลฮุ่ยอยู่เลย ทว่าพอเครื่องปรุงโด่งดังมีฐานะจึงได้ก่อตั้งตระกูลขึ้นมาน่ะ แล้วเช่นนี้จะไม่ให้ข้าสงสัยและแปลกใจได้อย่างไร”

ไป๋ฟังเซียนอธิบายยืดยาว นางพูดทุกอย่างชัดเจนไม่มีอะไรแอบแฝง และพูดไม่ให้ตนเองอยากรู้มากเกินไปจนทำให้หยางตงเยว่สงสัยหรือจับพิรุธนางได้

“เรื่องนี้ข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน แต่ถึงข้ารู้ข้าก็บอกเจ้าไม่ได้ เจ้าเข้าใจข้านะ”

“อืม... ไม่เป็นอันใดหรอก ข้าก็แค่สงสัยและอยากรู้เฉย ๆ น่ะ ไม่ได้ติดใจอันใดอยู่แล้ว” ไป๋ฟางเซียนยักไหล่ตอบกลับง่าย ๆ

หยางตงเยว่นิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะจุดประกายความหวังในความอยากรู้ของนางขึ้นมาอีกครั้ง

“ถ้าเจ้าอยากรู้ข้าแนะนำให้เจ้ารู้จักคนคนหนึ่งได้นะ”

“ใครหรือ” นางถามอย่างสงสัย ใครกันที่จะมาตอบข้อสงสัยของนางได้

“หลินหลิน เอ่อ ฮุ่ยหลินน่ะ นางเป็นบุตรสาวตระกูลฮุ่ย”

ไป๋ฟางเซียนหรี่ตาก่อนจะยิ้มซุกซน สหายนางผู้นี้ พอพูดถึงสตรีที่มีนามว่าฮุ่ยหลินถึงกับหน้าแดงหูแดง ไม่ใช่ว่าแอบชอบเขาหรอกหรือ คราแรกไป๋ฟางเซียนคิดจะเอ่ยล้อเลียนอีกฝ่ายให้เขินอาย แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เอาไว้หยางตงเยว่ทำสิ่งใดให้นางไม่พอใจเมื่อไหร่ เมื่อนั้นนางค่อยงัดเรื่องนี้มากลั่นแกล้งเขาก็แล้วกัน 

“เจ้าพาข้าไปเจอนางได้หรือไม่ หรือไม่เจ้าก็พานางมาเจอข้า เผื่อถูกชะตาข้าจะได้มีสหายเพิ่มอีกคน สหายของข้าชั่งน้อยนิด เฮ้อ! เรียกว่าไม่มีเลยจะฟังเข้าท่ามากกว่า” ไป๋ฟางเซียนบอกพร้อมกับถอนหายใจ

หยางตงเยว่มุ่นคิ้วก่อนถามคำถามที่ไม่น่าถามออกไป

“แล้วโจวเฟิ่งจิ่วเล่า นางไม่ใช่สหายเจ้าหรือ”

“หึ สตรีดอกบัวขาวปลอม ๆ เช่นนางข้าจะคบได้อย่างไร แค่ผิดพลาดหลวมตัวไปรู้จักครั้งเดียวก็เกินพอ” ไป๋ฟางเซียนพูดอย่างโกรธ ๆ เล็กน้อย เพราะเมื่อคืนขณะที่นางหลับ ความฝันแปลก ๆ ระหว่างเจ้าของร่างและโจวเฟิ่งจิ่วก็แวบเข้ามา ทว่าก่อนที่จะถึงเหตุการณ์สำคัญนางกลับตื่นขึ้นเสียก่อน

คิดแล้วก็หงุดหงิดจนต้องตวัดสายตาวาววับไปยังหยางตงเยว่

“เอ่อ... ข้าพูดอันใดผิดไป อะ เอาเป็นว่า ข้าขอโทษเจ้าแล้วกัน” หยางตงเยว่รีบบอกเพราะเห็นอีกฝ่ายมองมาราวกับจะฟันแทงเขาแล้วก็ให้ขนลุกแปลก ๆ

“เฮ้อ ช่างเถอะ ข้าอยากไปร้านขายอาวุธ เจ้าพาข้าไปได้หรือไม่ ข้าจะได้สะ...”

“คุณหนูเจ้าคะ” ยังไม่ทันพูดจบประโยค จื่อถิงก็พูดแทรกพร้อมทั้งส่งสายตาปรามนางด้วย

‘อา... คงไม่เหมาะสมอีกสินะ เฮ้อ! ยุ่งยากในการใช้ชีวิตจริงจริ๊งง!’

“ข้าไม่ไปก็ได้ แต่ข้าสั่งกับเจ้าแทนนะ เสร็จแล้วอย่าลืมเอามาให้ข้าด้วยเล่า”

ไป๋ฟางเซียนไม่ดื้อเเพ่ง นางพยายามปฏิบัติตัวให้ดี ทว่าก็ยังไม่วายสั่งอาวุธที่นางต้องการไปกับหยางตงเยว่ หลังจากพูดคุยลักษณะอาวุธได้เข้าใจตรงกันพร้อม ๆ กับที่นางวาดรูปให้ดูเบื้องต้นไปแล้ว ไป๋ฟางเซียนจึงได้ขอตัวกลับจวน โดยมีจื่อถิงเดินตามอย่างใกล้ชิด ราวกับกลัวว่านางจะหนีหาย ทั้งยังบ่นนางด้วยเมื่อขึ้นรถม้ามาแล้ว

“คุณหนู! อย่าได้เอ่ยเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ”

“เอ่ยอันใดของเจ้า” ไป๋ฟางเซียนตีหน้าซื่อถามตาใส

“ก็เอ่ยชวนบุรุษอื่นให้พาไปนั่นไปนี่อย่างไรเล่าเจ้าคะ คุณหนูออกเรือนแล้วนะเจ้าคะ บุรุษที่คุณหนูเอ่ยชวนได้มีเพียงท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”

“โอ๊ย! จื่อถิง... เจ้าก็รู้ว่าอีตาแม่ทัพนั่นไม่เห็นข้าในสายตา หากข้าเอ่ยชวนจะไม่กลายเป็นตัวตลกในสายตาเขารึ” จื่อถิงหน้าเสียแต่ก็ไม่วายพูดต่อ

“ถึงจะเป็นเช่นนั้น คุณหนูก็ไม่สมควรไปเอ่ยชวนบุรุษอื่นอยู่ดีนะเจ้าคะ มันไม่เหมาะสมเจ้าค่ะ”

“แต่นั่นสหายข้า”

“เป็นสหายแต่ก็เป็นบุรุษด้วยเจ้าค่ะ การชวนบุรุษอื่นที่ไม่ใช่สามีไปนั่นทีนี่ทีด้วยกัน ไม่ใช่สิ่งที่สตรีที่ดีกระทำเจ้าค่ะ”

ไป๋ฟางเซียนมองสาวใช้คนสนิทตาโตพลางอ้าปากกว้าง นี่จื่อถิงคิดสอนนางหรือด่านางกันแน่ แต่ก็เอาเถอะเรื่องที่จื่อถิงท้วงติงก็นับว่าถูกแล้ว นางจะไม่ดื้อรั้นเอาแต่ใจก็แล้วกัน

“ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะไม่ชวนบุรุษใดอีกพอใจหรือยัง”

“เจ้าค่ะคุณหนู” จื่อถิงรับคำยิ้มกว้างแววตาสดใส จนไป๋ฟางเซียนยิ้มตาม จากนั้นรถม้าคันเล็กก็เดินทางกลับจวนตระกูลหลี่โดยมีเสียงนายบ่าวพูดคุยกันเป็นระยะ ๆ

استمر في قراءة هذا الكتاب مجانا
امسح الكود لتنزيل التطبيق

أحدث فصل

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 134 จบ

    ไป๋ฟางเซียนที่รับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นเบื้องหลังจึงหันกลับไปมอง ก็พบเห็นสามีของตนใบหน้าเขียวคล้ำสลับแดง เขาหรี่ตามองราวกับคนกำลังจับผิด สายตาของเขาทำเอานางรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เสียงลมหายใจหอบถี่ของผู้เป็นสามีทำให้นางเข้าใจได้ทันทีว่านางทำให้เขาไม่พอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะเอื้อนเอ่ย ร่างของผู้เป็นสามีก็สะบัดชายอาภรณ์ตรงกลับไปยังห้องนอน ไป๋ฟางเซียนนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะผุดลุกตามไปขณะเดินไปยังห้องนอนของตน นางก็ขบคิดกับตนเองว่าจะง้องอนเขาเช่นไรดี เขาจึงจะหายจากท่าทางปั้นปึ่งเช่นนั้น แต่คิดไปคิดมาพลันนึกขึ้นได้ว่า ตัวนางเองไม่ได้ผิดอันใดเสียหน่อย คนที่มาหานางในวันนี้ล้วนเป็นสหายนางทั้งนั้น ให้ตายนางก็ไม่ยอมง้อเขาหรอกแน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่ความคิด เพราะทันทีที่เข้ามาในห้องนอนเห็นสีหน้าปั้นปึ่งมองนางตาขวางด้วยแล้ว ไป๋ฟางเซียนก็รีบก้าวเท้าเดินไปเบื้องหน้าตรงเข้าหาเขาอย่างเร็วรี่ พลางลอบกลืนน้ำลายเงียบ ๆ “ท่านพี่เจ้าขา เหตุใดถึงทำหน้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะไม่หล่อเอานา” นางเอ่ยเสียงหวานหยอกเย้าเขา หวังให้เขาโต้แย้งเช่นทุกครั้ง แต่กลับได้ความเงียบตอบมาแทนดวงตากลมโตช้อนสายตาหวานขึ้นมองอ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 133

    หนึ่งเดือนผ่านไปนับจากวันที่ไป๋ฟางเซียนฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างในชีวิตของนางและหลี่เหวินหลางก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ความรักของคนทั้งสองต่างผลิบานและสุกงอมเต็มที่ หลี่เหวินหลางกระทำอย่างปากว่า เขาไม่เคยปล่อยให้นางห่างจากตัวหรือห่างจากสายตาอีกเลย ไม่รู้เช่นกันว่าเขาไปทำเช่นไร จึงสามารถทำให้องค์ฮ่องเต้พระราชทานวันหยุดมาให้ถึงสองเดือนด้วยกัน ทว่าจะบอกว่าหยุดเลยก็คงไม่ถูกนัก เพราะระหว่างนี้หลี่เหวินหลางก็ต้องไปดูระเบียบในค่ายทหารเป็นครั้งคราวด้วยเช่นกัน กระนั้นเขาก็มีเวลาอยู่กับนางมากขึ้นอยู่ดี และนอกจากชีวิตของนางและเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว ชีวิตของผู้อื่นก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันยามนี้สาวใช้ตัวน้อยของนางและคนสนิทของหลี่เหวินหลาง จื่อถิงกับตงผิง ต่างก็กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันแล้วทั้งคู่ ตลอดหนึ่งเดือนมานี้นางจึงไม่เห็นหน้าสาวใช้คนสนิทเลย แต่ก็เป็นนางอีกนั่นแหละที่ให้จื่อถิงหยุดและใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงานบ้าง แน่นอนว่าคำของนางทำให้ตงผิงมีความสุขอย่างมาก เพราะถ้านางบอกให้จื่อถิงหยุด หลี่เหวินหลางก็จะบอกให้ตงผิงหยุดงานชั่วคราวเช่นเดียวกัน แต่นี่ก็ครบกำหนดเวลาที่นางให้ไปแล้ว คาดว่าไม่เกินสองวันนี้คงได้เห็นห

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 132

    หลี่เหวินหลางกอดร่างบางแนบแน่น คางสากเกยไหล่มนของนางไว้พร่ำบอกแนบชิดริมหู จนคนป่วยที่เพิ่งฟื้นอดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ มือบางยกมือขึ้นโอบกอดบุรุษร่างโตด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน ความรู้สึกรักและห่วงหาทว่าดูเหมือนพวกเขาจะหลงลืมไปว่าในห้องนี้หาได้มีพวกเขาไม่ ยามนี้ทั้งท่านหมอชรา หลี่เหวินชิง เหลียนฮวา จื่อถิงและตงผิงต่างมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำหน้าไม่ถูกกันแทบทั้งสิ้น ก่อนจะเป็นไป๋ฟางเซียนที่ตั้งสติได้ นางมีกิริยาเลิ่กลั่ก พยายามดันตัวตนเองออกจากอ้อมกอดของหลี่เหวินหลาง แต่เจ้าของอ้อมกอดแสนอบอุ่นหาได้ยินยอมไม่“เซียนเซียน พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน คิดถึงเหลือเกิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่กลัวมากเพียงใด กลัวว่าเจ้าจะจากพี่ไป กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาพี่อีก พี่คิดไปต่าง ๆ นานา นอนก็ไม่เคยหลับ กินก็ไม่เคยอิ่ม ใจภวงคิดถึงเป็นกังวลแต่เรื่องของเจ้า เซียนเซียน ขอบคุณที่เจ้ากลับมาหาพี่ นับว่าการรอคอยที่แสนทรมานของพี่สิ้นสุดลงแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณจริง ๆ”“เอ่อ ท่านปล่อยข้าก่อนดีไหมเจ้าคะ”“ไม่! จากนี้ไปพี่จะไม่ยอมห่างเจ้าอีกแล้ว ทั้งยังไม่ยอมให้เจ้าห่างสายตาจากพี่อีกด้วย”“ท่านพี่ ปล่อยข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 131

    “ข้าขอโทษ” น้ำเสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด เจ้าของร่างตัวจริงทำเพียงยิ้มรับ ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ สุดท้ายแล้วข้าและเจ้าก็คือคนคนเดียวกัน เจ้าคิดว่าจะมีใครที่ไหนจะมีชื่อแซ่เดียวกับตนเองบ้างเล่า สิ่งที่เจ้าควรรู้คือ เจ้าคือข้า ข้าคือเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”“แต่ว่า...”“ตอนแรกข้าก็สงสัยเหมือนเจ้า ในยามที่ข้าตกตายเพราะจมน้ำ ข้าก็ถูกพามายังสถานที่แห่งนี้ เฝ้ามองดูเจ้าเข้าไปในร่างของข้าอย่างไม่ยินยอมนัก หลายครั้งที่ข้าคิดทำร้ายเจ้า หากแต่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะทุกครั้งที่คิด ข้าจะรู้สึกเจ็บไปด้วยเช่นกัน ข้าไม่เข้าใจและเฝ้าถามตนเองมาตลอดว่าทำไม กระทั่งวันหนึ่งข้าก็ได้คำตอบจากคนผู้หนึ่ง”“ผู้ใดรึ”“คนผู้นั้นบอกกับข้าว่า แท้จริงแล้วทั้งข้าและเจ้าต่างเป็นคนคนเดียวกัน เพียงแต่ว่าตอนเกิด ดวงจิตของเราได้แยกเป็นสอง หนึ่งคือข้า สองคือเจ้า เมื่อดวงจิตแยกไม่รวมเป็นหนึ่งชะตาชีวิตของคนผู้นั้นย่อมเปลี่ยนแปลงไป เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือ ว่าทำไมตอนที่อยู่ในโลกเดิมทั้ง ๆ ที่เจ้ามีทุกอย่าง มีครอบครัวที่ดีพร้อมและอบอุ่น แต่เจ้ากลับรู้สึกมีความสุขได้ไม่เต็มที่นัก เ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 130

    สภาพของหลี่เหวินหลางทำให้ผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลหลี่รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก หากจะบอกว่าอาการของไป๋ฟางเซียนน่าเป็นห่วง สภาพของผู้เป็นบุตรชายก็น่าเป็นห่วงไม่ต่างกันหลี่เหวินชิงและเหลียนฮวามองสภาพบุตรชายที่หน้าประตูด้วยสายตาเป็นห่วงอย่างสุดแสน คิ้วของคนทั้งคู่ขยับเข้าหากันจนแน่นขนัด ใบหน้าที่ร่วงโรยไปตามวัยฉายความกังวลออกมาอย่างมาก ก่อนจะเป็นหลี่ฮูหยินที่ทนไม่ไหวพูดมันออกมา“ท่านพี่ น้องเป็นห่วงบุตรของเราจังเลยเจ้าค่ะ อาเหวินแทบไม่ออกจากห้องนอนของเซียนเอ๋อร์เลยนะเจ้าคะ เห็นอาการของลูกเราตอนนี้แล้ว น้องกลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ น้องกลัวว่าลูกจะล้มป่วยไปอีกคน” เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นอย่างหนักอกหนักใจ มองหลี่เหวินหลางที่กอบกุมมือไป๋ฟางเซียนด้วยความห่วงใยอย่างถึงที่สุด ด้วยไม่เคยเห็นบุตรชายของตนมีสภาพซึมเศร้าเช่นนี้มาก่อน“ไม่ต้องกังวลหรอกน้องหญิง อาเหวินรู้ขีดจำกัดของร่างกายตนเองดี เราแค่อยู่ข้าง ๆ เขาในยามที่เขาต้องการก็พอ ตอนนี้เราไปนั่งรับลมที่ศาลากันก่อนเถิด อยู่ตรงนี้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ประเดี๋ยวน้องหญิงจะเป็นกังวลห่วงคนนั้นคนนี้จนพานจะไม่สบายไปอีกคน”“ท่านพี่”แม้จะเป็นห่วงบุตรชายแต่ก

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 129

    “เซียนเซียน ตื่นขึ้นมาเถิดนะคนดี พี่คิดถึงเจ้า อยากได้ยินเสียงของเจ้าจนแทบจะทานทนไม่ไหวแล้ว หรือที่เจ้าไม่ยอมตื่นขึ้นมาเพราะอยากลงโทษที่พี่เคยพูดไม่ดีกับเจ้าในวันแรกที่เจ้าลืมตาขึ้นมาที่จวนเรือนหลังนี้ใช่หรือไม่ เซียนเซียน พี่ขอโทษเจ้า กลับมาเถิดนะคนดี กลับมาหาพี่ พี่รักเจ้า รักเจ้าเหลือเกิน” หลี่เหวินหลางทอดสายตาแห่งความคะนึงหาไปยังดวงหน้างาม ก่อนที่ชั่วพริบตาแววตาของเขาจะมีความโกรธแค้นวาบผ่าน หากแล้วก็ปล่อยวางลงอย่างรวดเร็ว เพราะคนที่ทำให้คนรักของเขาต้องเป็นเช่นนี้ได้ตกตายไปแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าต้องจ้องเวรไปเพื่อสิ่งใดแท้จริงแล้วการตกน้ำของนางอันเป็นที่รักใช่ว่าเขาไม่คิดติดใจสงสัย เขาย่อมต้องสงสัยแน่นอน และมั่นใจมากว่านางคงไม่กระโดดน้ำฆ่าตัวตายแน่ ที่ไม่ได้สืบหาตั้งแต่วันแรกเพราะเป็นห่วงนางจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด พอตั้งสติกับตนเองได้เขาจึงเริ่มสอบถามเรื่องราวคาดคั้นกับจื่อถิงอีกครั้ง แต่นางก็ตอบสิ่งใดไม่ได้ ทั้งยังไม่รู้ว่าว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ นอกจากร่ำไห้ด้วยความรู้สึกผิดและโทษว่าที่ไป๋ฟางเซียนเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของตน หลี่เหวินหลางจึงสั่งให้ตงผิงและจื่อถิงกลับไปที่สร

فصول أخرى
استكشاف وقراءة روايات جيدة مجانية
الوصول المجاني إلى عدد كبير من الروايات الجيدة على تطبيق GoodNovel. تنزيل الكتب التي تحبها وقراءتها كلما وأينما أردت
اقرأ الكتب مجانا في التطبيق
امسح الكود للقراءة على التطبيق
DMCA.com Protection Status