Share

บทที่ 3

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-02 23:52:53

“เฟิ่งเอ๋อร์มีเรื่องพูดกับเจ้า”

‘เฟิ่งเอ๋อร์... เรียกกันสนิทสนมยิ่ง’ นางได้แค่พูดในใจด้วยท่าทีเบื่อหน่ายก่อนหันไปมองคนที่ต้องการพูดกับตน

“อันใด” น้ำเสียงราบเรียบเรียกความสนใจจากแม่ทัพหนุ่มไม่น้อย เขามองนางด้วยความฉงนเมื่อเห็นว่านางไม่มีอาการหึงหวงเหมือนอย่างเคย ซึ่งสายตาเช่นนั้นนางก็ได้รับจากโจวเฟิ่งจิ่วเช่นกัน

“เซียนอะ...”

“อย่าเรียกชื่อข้าเช่นนั้น ข้ากับเจ้าหาได้สนิทกันไม่” ไป๋ฟางเซียนพูดขัดขึ้นทันที ให้ถูกเรียกด้วยความสนิทสนมโดยคนที่ตนเองไม่ชอบนี่ไม่มีวันเสียหรอก เสนียดชื่อนางหมดพอดี อีกอย่างนางหวังดีนะ คนตรงข้ามจะได้ไม่ต้องอดทนเสแสร้งสนิทหวังดีกับนางให้เหนื่อย 

“แต่เราคือเพื่อนรักกันนะ”

“หึ เพื่อนที่จ้องแย่งบุรุษของเพื่อนข้าไม่ต้องการ”

“แต่ว่า”

“หากเจ้ายังไม่เลิกเรียกข้าเช่นนั้น อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” ไป๋ฟางเซียนพูดพร้อมมองไปที่อีกฝ่ายเขม็ง

“ฮึ! นางไม่อยากให้เรียกก็ไม่ต้องเรียกหรอกเฟิ่งเอ๋อร์ สตรีเช่นนี้เจ้าไม่ต้องสนิทด้วยเป็นดี”

“แต่ว่านางเป็นเพื่อนข้านะเจ้าคะพี่เหวิน” พูดจบแล้วก็รีบหลบสายตา คล้ายกลัวว่าแม่ทัพหนุ่มจะเห็นหยดน้ำตาสีใสที่พร้อมไหลทุกเมื่อ 

“แสดงเก่ง”

“นี่เจ้า!” หลี่เหวินหลางกดเสียงต่ำแต่ไป๋ฟางเซียนไม่สนใจ นางเลิกคิ้วยกยิ้มท้าทาย ก่อนจะหัวเราะออกมาเล็กน้อยด้วยน้ำเสียงกังวานใสชวนให้เขาคล้อยตามอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาเป็นหลี่เหวินหลางที่เกลียดนางดังเดิม

“มีอันใดก็รีบพูด ข้ามีกิจต้องทำ ไม่ได้ว่างมาตามก้นบุรุษที่แต่งงานแล้วเช่นจะ...”

“ฟางเซียน!” หลี่เหวินหลางตะคอกเรียกชื่อนางเสียงดัง

“อันใดของท่าน อยู่ใกล้กันเพียงนี้ จะตะคอกทำไม ไม่เจ็บคอรึ... หรือว่ากลัวลืมชื่อภรรยาที่งดงามเช่นข้าเล่า” พูดแล้วก็ส่งสายตายั่วยวนเรียกสายตาต่อว่าและรังเกียจจากอีกฝ่ายอย่างชัดเจน  

‘ดี เกลียดข้าให้มาก ๆ ถึงเวลาจะได้ไม่ต้องมีห่วงอะไรมาผูกติดกัน’

ส่วนโจวเฟิ่งจิ่วที่ไม่ได้เห็นความเกรี้ยวกราดจากไป๋ฟางเซียนตั้งแต่คราแรกที่นางมาถึงก็ค่อนข้างแปลกใจ นางพยายามยั่วโมโหให้อีกฝ่ายหลุดกิริยาเหมือนอย่างเคยก็ไม่ได้ผล เหมือนกับว่านางไม่ได้สลักสำคัญหรือมีผลต่อความรู้สึกอีกฝ่ายเลยสักนิด โจวเฟิ่งจิ่วคิดด้วยความหงุดหงิด พอได้ยินนางพูดกับพี่เหวินของนางด้วยน้ำเสียงและสายตายั่วยวนก็ยิ่งไม่พอใจ สองมือที่ประสานกันบนหน้าตักกำแน่นจนรู้สึกเจ็บ แต่นางไม่สนใจ สองตาจ้องมองมารหัวใจตาแทบถลน ถูกต่อว่านางพอทนได้แต่เห็นอีกฝ่ายยั่วยวนคนที่นางรัก นางทนไม่ได้จริง ๆ

“ข้ามาเยี่ยมเจ้า” เมื่อไม่อาจทนเห็นอีกฝ่ายยั่วยวนคนรักต่อหน้าต่อตาได้นางจึงโพล่งออกไป และนั่นเรียกให้สตรีที่นางเกลียดชังหันกลับมาหานาง

“ตั้งแต่เจ้าตกน้ำและฟื้นขึ้นมาข้าก็ไม่ได้มาเยี่ยมเจ้าเลย ขะ... ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ไม่ต้องการมาเยี่ยมเจ้านะ เจ้าอย่าเข้าใจผิดไป ที่ข้าเพิ่งได้มาในวันนี้เพราะข้าเพิ่งหายป่วยเช่นกัน” พูดออกไปด้วยท่าทีหวาดกลัว

ไป๋ฟางเซียนหรี่ตามองพลางครุ่นคิด ในขณะที่หลี่เหวินหลางแทบจะเข้าไปตระกองกอดอีกฝ่ายอยู่แล้ว ไป๋ฟางเซียนมองภาพนั้นอย่างนึกสมเพช

สมเพชให้กับเจ้าของร่างที่ตายไป สมเพชให้อย่างแท้จริง

‘นี่หรือบุรุษที่เจ้ารัก เพื่อนที่เจ้าเคยเรียกหาว่าสนิท นี่คือสิ่งตอบแทนต่อความรู้สึกเจ้าหรือไป๋ฟางเซียน ชั่งน่าสมเพชยิ่ง’ ไป๋ฟางเซียนคิดอยู่คนเดียว น่าแปลกที่แม้เจ้าของร่างตายไปแล้ว แต่ความรู้สึกของอีกฝ่ายกลับไม่หายไป มันยังคงตราตรึงอยู่ที่หัวใจดวงนี้และชัดเจนในความรู้สึกยิ่ง พอได้เห็นภาพตรงหน้าหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ก็เจ็บแปลบทันที ครู่หนึ่งนางมีสายตาเศร้าทว่าก็เพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นเฉยชา   

ถึงจะบอกว่าชั่วครู่แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาดุจพญาเหยี่ยวอย่างหลี่เหวินหลางไปได้ เขาจับจ้องนางอยู่เช่นกัน เพราะไม่เชื่อว่านางจะไม่รู้สึกอันใดเลย ครั้นเห็นว่านางมีความเสียใจอยู่บ้างมุมปากของเขาก็กระตุกยิ้มก่อนจะไม่สนใจนางอีก

แม้หลี่เหวินหลางจะรู้สึกว่าภรรยาของตนเปลี่ยนไปหลังจากประสบเคราะห์ครั้งใหญ่ แต่เขาหาได้รู้ไม่ว่านางมิใช่คนเดิมแล้ว

“ขอบใจที่คิดเป็นห่วงข้า แต่ข้าไม่ต้องการ เก็บความห่วงใยจอมปลอมของเจ้ากลับไปเถอะ”

“ไป๋ฟางเซียน!” หลี่เหวินหลางกดเสียงต่ำ

“ใช่ อันตัวข้า มีนามว่า ไป๋ ฟาง เซียน ท่านจะเรียกอันใดนักหนาเล่า” นางหันหน้าไปตอบเขาอย่างกวน ๆ พร้อมเน้นย้ำชื่อของตนทีละคำ แม่ทัพหนุ่มขบฟันแน่นกำลังจะต่อว่าก็ต้องชะงักไป เมื่อคนที่ตนสนใจโพล่งขึ้นมา

“ฟางเซียน... หากเจ้าโกรธเกลียดข้าเพราะเรื่องของพี่เหวิน ข้าก็ขอโทษเจ้าด้วย เพียงแต่ว่า เรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้ ข้าห้ามความรู้สึกตนเองไม่ได้ ฮึก! ข้าขอโทษ ฮือ ฮึก!”

โจวเฟิ่งจิ่วพูดแล้วก็ร้องไห้ ปล่อยให้หยดน้ำตารินไหลอาบแก้มนวล มองดูแล้วน่าสงสารยิ่ง สงสารที่การแสดงนี้ของนางไป๋ฟางเซียนหาได้หลงเชื่อไม่

“หากเจ้าจะมาเพราะเรื่องเพียงเท่านี้ก็กลับไปเถิด ข้าไม่อยากเสวนากับเจ้า ท่านก็เช่นกัน เป็นบุรุษเพิ่งออกเรือนได้ไม่ทันไรก็คิดพาสตรีอื่นเข้าจวน แสดงออกว่ารักกันยิ่ง ไม่เห็นแก่หน้าข้าก็เห็นแก่หน้าท่านพ่อท่านแม่บ้างเถิด”

“มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”

“ไม่มากเลยสักนิด ที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริงทุกประการ ในขณะที่ข้านอนป่วยที่เรือน ท่านกลับไปเยี่ยมเยียนสตรีอื่นถึงจวน ทั้งยังพานางมาหยามข้าถึงที่นี่ทันทีที่ข้าหายดี แล้วแบบนี้ท่านจะมาว่าข้าพูดเกินไปได้อย่างไร”

“เจ้า!”

“โกรธข้ารึ ท่านคิดว่าโกรธเป็นคนเดียวหรือ ข้าก็โกรธท่านเช่นเดียวกัน ภรรยาคนงามก็นั่งอยู่ตรงนี้ ท่านกลับโอบกอดสตรีอื่นหวังปลอบโยน แล้วตัวข้าเล่า ข้าที่ต้องมาเห็นภาพน่ารังเกียจเช่นนี้ควรรู้สึกเช่นใด ยินดีปรีดาหรือไม่ หากท่านรักนางมากก็ตบแต่งให้มันเรียบร้อยเสียผู้อื่นจะได้ไม่ว่าท่านพ่อท่านแม่ได้ว่าไม่สั่งสอนบุตร”

“ฟางเซียน!” หลี่เหวินหลางตะคอกชื่อนางเสียงดังกว่าครั้งไหน ความโกรธพลุ่งพล่านในจิตใจแล้วสะท้อนออกมาทางแววตา

“อันใดกัน ข้าแค่พูดความจริงก็โกรธแล้วรึ ท่านไม่ใช่เด็กแล้วนะหลี่เหวินหลาง อันใดสมควรไม่สมควรก็คิดดูบ้างเถิด ส่วนเจ้า... โจวเฟิ่งจิ่ว ในเมื่อเจ้ารักบุรุษผู้นี้มากขนาดที่ไม่สนความถูกผิด ไม่สนแม้แต่จะคิดว่าเขาเป็นบุรุษของเพื่อน เจ้าก็ให้เขาไปขอเจ้ากับบิดาเจ้าแล้วตบแต่งเข้ามาเถิด”

ไป๋ฟางเซียนพูดกับหลี่เหวินหลางก่อน แล้วจึงหันไปพูดกับอดีตเพื่อนรัก เสร็จแล้วก็ทำท่าจะเดินออกจากศาลาไป แต่เหมือนกับว่านางนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงได้ชะงักเท้า แล้วหันกลับมาพูดกับโจวเฟิ่งจิ่วอีกครั้งด้วยประโยคที่กรีดลึกลงไปในความรู้สึกของคนฟัง ตบท้ายด้วยการฉีกยิ้มให้เบา ๆ กับสามีตัวดี จากนั้นจึงเดินจากมา ทิ้งให้หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีมองตามแผ่นหลังบางด้วยสายตาเกรี้ยวกราด

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 134 จบ

    ไป๋ฟางเซียนที่รับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นเบื้องหลังจึงหันกลับไปมอง ก็พบเห็นสามีของตนใบหน้าเขียวคล้ำสลับแดง เขาหรี่ตามองราวกับคนกำลังจับผิด สายตาของเขาทำเอานางรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เสียงลมหายใจหอบถี่ของผู้เป็นสามีทำให้นางเข้าใจได้ทันทีว่านางทำให้เขาไม่พอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะเอื้อนเอ่ย ร่างของผู้เป็นสามีก็สะบัดชายอาภรณ์ตรงกลับไปยังห้องนอน ไป๋ฟางเซียนนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะผุดลุกตามไปขณะเดินไปยังห้องนอนของตน นางก็ขบคิดกับตนเองว่าจะง้องอนเขาเช่นไรดี เขาจึงจะหายจากท่าทางปั้นปึ่งเช่นนั้น แต่คิดไปคิดมาพลันนึกขึ้นได้ว่า ตัวนางเองไม่ได้ผิดอันใดเสียหน่อย คนที่มาหานางในวันนี้ล้วนเป็นสหายนางทั้งนั้น ให้ตายนางก็ไม่ยอมง้อเขาหรอกแน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่ความคิด เพราะทันทีที่เข้ามาในห้องนอนเห็นสีหน้าปั้นปึ่งมองนางตาขวางด้วยแล้ว ไป๋ฟางเซียนก็รีบก้าวเท้าเดินไปเบื้องหน้าตรงเข้าหาเขาอย่างเร็วรี่ พลางลอบกลืนน้ำลายเงียบ ๆ “ท่านพี่เจ้าขา เหตุใดถึงทำหน้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะไม่หล่อเอานา” นางเอ่ยเสียงหวานหยอกเย้าเขา หวังให้เขาโต้แย้งเช่นทุกครั้ง แต่กลับได้ความเงียบตอบมาแทนดวงตากลมโตช้อนสายตาหวานขึ้นมองอ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 133

    หนึ่งเดือนผ่านไปนับจากวันที่ไป๋ฟางเซียนฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างในชีวิตของนางและหลี่เหวินหลางก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ความรักของคนทั้งสองต่างผลิบานและสุกงอมเต็มที่ หลี่เหวินหลางกระทำอย่างปากว่า เขาไม่เคยปล่อยให้นางห่างจากตัวหรือห่างจากสายตาอีกเลย ไม่รู้เช่นกันว่าเขาไปทำเช่นไร จึงสามารถทำให้องค์ฮ่องเต้พระราชทานวันหยุดมาให้ถึงสองเดือนด้วยกัน ทว่าจะบอกว่าหยุดเลยก็คงไม่ถูกนัก เพราะระหว่างนี้หลี่เหวินหลางก็ต้องไปดูระเบียบในค่ายทหารเป็นครั้งคราวด้วยเช่นกัน กระนั้นเขาก็มีเวลาอยู่กับนางมากขึ้นอยู่ดี และนอกจากชีวิตของนางและเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว ชีวิตของผู้อื่นก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันยามนี้สาวใช้ตัวน้อยของนางและคนสนิทของหลี่เหวินหลาง จื่อถิงกับตงผิง ต่างก็กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันแล้วทั้งคู่ ตลอดหนึ่งเดือนมานี้นางจึงไม่เห็นหน้าสาวใช้คนสนิทเลย แต่ก็เป็นนางอีกนั่นแหละที่ให้จื่อถิงหยุดและใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงานบ้าง แน่นอนว่าคำของนางทำให้ตงผิงมีความสุขอย่างมาก เพราะถ้านางบอกให้จื่อถิงหยุด หลี่เหวินหลางก็จะบอกให้ตงผิงหยุดงานชั่วคราวเช่นเดียวกัน แต่นี่ก็ครบกำหนดเวลาที่นางให้ไปแล้ว คาดว่าไม่เกินสองวันนี้คงได้เห็นห

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 132

    หลี่เหวินหลางกอดร่างบางแนบแน่น คางสากเกยไหล่มนของนางไว้พร่ำบอกแนบชิดริมหู จนคนป่วยที่เพิ่งฟื้นอดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ มือบางยกมือขึ้นโอบกอดบุรุษร่างโตด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน ความรู้สึกรักและห่วงหาทว่าดูเหมือนพวกเขาจะหลงลืมไปว่าในห้องนี้หาได้มีพวกเขาไม่ ยามนี้ทั้งท่านหมอชรา หลี่เหวินชิง เหลียนฮวา จื่อถิงและตงผิงต่างมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำหน้าไม่ถูกกันแทบทั้งสิ้น ก่อนจะเป็นไป๋ฟางเซียนที่ตั้งสติได้ นางมีกิริยาเลิ่กลั่ก พยายามดันตัวตนเองออกจากอ้อมกอดของหลี่เหวินหลาง แต่เจ้าของอ้อมกอดแสนอบอุ่นหาได้ยินยอมไม่“เซียนเซียน พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน คิดถึงเหลือเกิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่กลัวมากเพียงใด กลัวว่าเจ้าจะจากพี่ไป กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาพี่อีก พี่คิดไปต่าง ๆ นานา นอนก็ไม่เคยหลับ กินก็ไม่เคยอิ่ม ใจภวงคิดถึงเป็นกังวลแต่เรื่องของเจ้า เซียนเซียน ขอบคุณที่เจ้ากลับมาหาพี่ นับว่าการรอคอยที่แสนทรมานของพี่สิ้นสุดลงแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณจริง ๆ”“เอ่อ ท่านปล่อยข้าก่อนดีไหมเจ้าคะ”“ไม่! จากนี้ไปพี่จะไม่ยอมห่างเจ้าอีกแล้ว ทั้งยังไม่ยอมให้เจ้าห่างสายตาจากพี่อีกด้วย”“ท่านพี่ ปล่อยข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 131

    “ข้าขอโทษ” น้ำเสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด เจ้าของร่างตัวจริงทำเพียงยิ้มรับ ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ สุดท้ายแล้วข้าและเจ้าก็คือคนคนเดียวกัน เจ้าคิดว่าจะมีใครที่ไหนจะมีชื่อแซ่เดียวกับตนเองบ้างเล่า สิ่งที่เจ้าควรรู้คือ เจ้าคือข้า ข้าคือเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”“แต่ว่า...”“ตอนแรกข้าก็สงสัยเหมือนเจ้า ในยามที่ข้าตกตายเพราะจมน้ำ ข้าก็ถูกพามายังสถานที่แห่งนี้ เฝ้ามองดูเจ้าเข้าไปในร่างของข้าอย่างไม่ยินยอมนัก หลายครั้งที่ข้าคิดทำร้ายเจ้า หากแต่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะทุกครั้งที่คิด ข้าจะรู้สึกเจ็บไปด้วยเช่นกัน ข้าไม่เข้าใจและเฝ้าถามตนเองมาตลอดว่าทำไม กระทั่งวันหนึ่งข้าก็ได้คำตอบจากคนผู้หนึ่ง”“ผู้ใดรึ”“คนผู้นั้นบอกกับข้าว่า แท้จริงแล้วทั้งข้าและเจ้าต่างเป็นคนคนเดียวกัน เพียงแต่ว่าตอนเกิด ดวงจิตของเราได้แยกเป็นสอง หนึ่งคือข้า สองคือเจ้า เมื่อดวงจิตแยกไม่รวมเป็นหนึ่งชะตาชีวิตของคนผู้นั้นย่อมเปลี่ยนแปลงไป เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือ ว่าทำไมตอนที่อยู่ในโลกเดิมทั้ง ๆ ที่เจ้ามีทุกอย่าง มีครอบครัวที่ดีพร้อมและอบอุ่น แต่เจ้ากลับรู้สึกมีความสุขได้ไม่เต็มที่นัก เ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 130

    สภาพของหลี่เหวินหลางทำให้ผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลหลี่รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก หากจะบอกว่าอาการของไป๋ฟางเซียนน่าเป็นห่วง สภาพของผู้เป็นบุตรชายก็น่าเป็นห่วงไม่ต่างกันหลี่เหวินชิงและเหลียนฮวามองสภาพบุตรชายที่หน้าประตูด้วยสายตาเป็นห่วงอย่างสุดแสน คิ้วของคนทั้งคู่ขยับเข้าหากันจนแน่นขนัด ใบหน้าที่ร่วงโรยไปตามวัยฉายความกังวลออกมาอย่างมาก ก่อนจะเป็นหลี่ฮูหยินที่ทนไม่ไหวพูดมันออกมา“ท่านพี่ น้องเป็นห่วงบุตรของเราจังเลยเจ้าค่ะ อาเหวินแทบไม่ออกจากห้องนอนของเซียนเอ๋อร์เลยนะเจ้าคะ เห็นอาการของลูกเราตอนนี้แล้ว น้องกลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ น้องกลัวว่าลูกจะล้มป่วยไปอีกคน” เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นอย่างหนักอกหนักใจ มองหลี่เหวินหลางที่กอบกุมมือไป๋ฟางเซียนด้วยความห่วงใยอย่างถึงที่สุด ด้วยไม่เคยเห็นบุตรชายของตนมีสภาพซึมเศร้าเช่นนี้มาก่อน“ไม่ต้องกังวลหรอกน้องหญิง อาเหวินรู้ขีดจำกัดของร่างกายตนเองดี เราแค่อยู่ข้าง ๆ เขาในยามที่เขาต้องการก็พอ ตอนนี้เราไปนั่งรับลมที่ศาลากันก่อนเถิด อยู่ตรงนี้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ประเดี๋ยวน้องหญิงจะเป็นกังวลห่วงคนนั้นคนนี้จนพานจะไม่สบายไปอีกคน”“ท่านพี่”แม้จะเป็นห่วงบุตรชายแต่ก

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 129

    “เซียนเซียน ตื่นขึ้นมาเถิดนะคนดี พี่คิดถึงเจ้า อยากได้ยินเสียงของเจ้าจนแทบจะทานทนไม่ไหวแล้ว หรือที่เจ้าไม่ยอมตื่นขึ้นมาเพราะอยากลงโทษที่พี่เคยพูดไม่ดีกับเจ้าในวันแรกที่เจ้าลืมตาขึ้นมาที่จวนเรือนหลังนี้ใช่หรือไม่ เซียนเซียน พี่ขอโทษเจ้า กลับมาเถิดนะคนดี กลับมาหาพี่ พี่รักเจ้า รักเจ้าเหลือเกิน” หลี่เหวินหลางทอดสายตาแห่งความคะนึงหาไปยังดวงหน้างาม ก่อนที่ชั่วพริบตาแววตาของเขาจะมีความโกรธแค้นวาบผ่าน หากแล้วก็ปล่อยวางลงอย่างรวดเร็ว เพราะคนที่ทำให้คนรักของเขาต้องเป็นเช่นนี้ได้ตกตายไปแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าต้องจ้องเวรไปเพื่อสิ่งใดแท้จริงแล้วการตกน้ำของนางอันเป็นที่รักใช่ว่าเขาไม่คิดติดใจสงสัย เขาย่อมต้องสงสัยแน่นอน และมั่นใจมากว่านางคงไม่กระโดดน้ำฆ่าตัวตายแน่ ที่ไม่ได้สืบหาตั้งแต่วันแรกเพราะเป็นห่วงนางจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด พอตั้งสติกับตนเองได้เขาจึงเริ่มสอบถามเรื่องราวคาดคั้นกับจื่อถิงอีกครั้ง แต่นางก็ตอบสิ่งใดไม่ได้ ทั้งยังไม่รู้ว่าว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ นอกจากร่ำไห้ด้วยความรู้สึกผิดและโทษว่าที่ไป๋ฟางเซียนเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของตน หลี่เหวินหลางจึงสั่งให้ตงผิงและจื่อถิงกลับไปที่สร

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status