เพล้ง! เพล้ง!
กรี๊ดดดด!
ภายในจวนตระกูลโจวเกิดเสียงกรีดร้องระคนเสียงข้าวของแตกกระจายดังไปทั่วเรือนของบุตรสาวคนโต เหล่าข้ารับใช้ต่างยืนก้มหน้าด้วยความเงียบและสงบนิ่งเพราะรู้สึกหวาดกลัว กลัวว่าตนเองจะต้องกลายเป็นกระโถนให้อีกฝ่ายระบายอารมณ์ ยามที่นางโกรธ
ภายนอกคุณหนูใหญ่จวนตระกูลโจวมักได้รับสายตาชื่นชมอยู่เป็นนิจ ด้วยภาพลักษณ์ดอกบัวขาวที่สั่งสมมานานทำให้ผู้คนต่างลือกันหนาหูว่านางเป็นสตรีเรียบร้อยอ่อนหวาน เหมาะเป็นสาวงามอันดับหนึ่งยิ่งกว่าไป๋ฟางเซียน
ทว่าสำหรับเหล่าบ่าวไพร่ข้ารับใช้ในจวนแล้ว นิสัยของคุณหนูใหญ่ต่างจากที่คนภายนอกร่ำลือไปกันลิบลับ ยามอารมณ์ดีนางมักมีรอยยิ้มไว้ล่อลวงผู้คน แต่เมื่อใดที่นางอารมณ์ไม่ดีนางจะกลายเป็นสตรีร้ายกาจทันควัน ทำร้ายบ่าวไพร่ คำผรุสวาทมักจะออกมาจากริมฝีปากเล็กอยู่เสมอ ที่สำคัญนางหาได้ใจดีและอ่อนโยนอย่างที่ผู้อื่นคิดไม่
โจวเฟิ่งจิ่ว... เป็นสตรีร้ายกาจอย่างแท้จริง!
นางต่อว่าเหยียดหยามบ่าวไพร่ ทำสิ่งใดไม่ถูกใจล้วนต้องถูกสั่งโบยหรือสั่งทำโทษทั้งสิ้น ซึ่งบทลงโทษแต่ละครั้งก็แล้วแต่นางจะคิดหาวิธีการได้ บ่าวคนไหนหน้าตาดีหน่อยนางก็ไม่คิดปล่อยเอาไว้ หากไม่ถูกทำร้ายจนเสียโฉมก็จะถูกขายออกสู่หอนางโลม มีข้ารับใช้หลายคนที่ตกตายไปเพราะนาง แต่แล้วอย่างไร พวกเขาเหล่านั้นเป็นเพียงบ่าวทาสในเรือน มีสิทธิ์อันใดไปเรียกร้องความยุติธรรมหรือความเห็นใจจากเจ้านายเล่า
วันนี้พอเห็นคุณหนูใหญ่ของจวนกลับมาด้วยใบหน้าไม่สู้ดี พวกนางก็เตรียมใจกันบ้างแล้ว เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ต่างคนต่างมองว่าใครจะเป็นคนต่อไป ใครที่จะกลายเป็นเหยื่อให้คุณหนูใหญ่ของจวนได้ระบายอารมณ์
‘หากเจ้าแต่งเข้าตระกูลหลี่ตอนนี้ เห็นทีฐานะภรรยาที่เจ้าจะได้คือฮูหยินรอง หาใช่ฮูหยินเอกที่เจ้าเฝ้าฝันไม่ เจ้าสามารถทนรับสถานะนี้ได้หรือไม่เล่า ถ้าทนได้ก็แต่งเข้ามาเถิด เอ๊ะ! แต่ข้าว่าอย่างเจ้า... แค่ฐานะอนุอุ่นเตียงก็เกินพอ’
กรี๊ดดดด!
เพล้ง!
คำพูดของสตรีที่นางเกลียดชัง ผู้ซึ่งเป็นมารหัวใจยังดังก้องอยู่ในหู ยิ่งคิดถึงถ้อยคำเหล่านั้นที่เสียดแทงความรู้สึกของนางมากเท่าใด หัวใจและความรู้สึกของนางก็ยิ่งคุกรุ่นด้วยไฟโทสะมากเท่านั้น โจวเฟิ่งจิ่วแทบอยากจะฉีกปากของไป๋ฟางเซียนเป็นชิ้น ๆ
‘ฮูหยินรองรึ อนุรึ ไม่มีวันเสียหรอก อย่างข้าต้องเป็นฮูหยินเอกเท่านั้น ส่วนเจ้า! ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย ฆ่าให้ตายเหมือนนางพวกนี้’
โจวเฟิ่งจิ่วนึกคิดด้วยความเดือดดาลก่อนหันหน้ามามองเหล่าข้ารับใช้ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร สายตาของนางมืดมนจนคนที่ถูกจ้องมองรู้สึกว่าชีวิตของตนกำลังถูกกระชาก
“เจ้า!”
“จะ... เจ้าคะ” ข้ารับใช้นางหนึ่งรีบคุกเข่าก้มหน้าละล่ำละลักรับคำ นางไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตาผู้เป็นนายเลยสักนิด ยิ่งได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวของคุณหนูใหญ่แล้ว นางก็ยิ่งกลัวไปกันใหญ่
“ไปเอาหวายมา ข้าจะโบยมัน” ความโกรธที่มีในตอนนี้ หากนางไม่ระบายออกคงได้กระอักเลือดตายแน่ นางจึงสั่งข้ารับใช้ไปหยิบหวายมาให้ทันที ส่วนใครจะเป็นผู้ถูกเลือกนั้น ย่อมต้องเป็นคนที่ได้ยินน้ำเสียงดูถูกและดูแคลนที่ไป๋ฟางเซียนว่านางน่ะสิ
“เจ้าค่ะคุณหนู ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” ข้ารับใช้นางนั้นรีบตอบและออกจากเรือนคุณหนูใหญ่ของจวนตระกูลโจวไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักนางก็กลับมาพร้อมไม้หวายอย่างดี
“มาแล้วเจ้าค่ะคุณหนู”
เพียะ!
“ชักช้านัก กล้าปล่อยให้ข้ารอรึ” โจวเฟิ่งจิ่วตบไปที่หน้าของนางรับใช้คนดังกล่าวทันที ทั้งยังมองด้วยสายตาดุร้าย ส่งผลให้ข้ารับใช้นางนั้นทรุดตัวคุกเข่า โขกศีรษะขอโทษร้องขอชีวิตเป็นยกใหญ่
“เจ้า! มาใกล้ ๆ ข้า... เร็วสิ อยากตายมากหรือไร!” นางตะคอกเสียงเรียกคนรับใช้ที่ตามนางไปยังจวนตระกูลหลี่ให้เดินออกมาตรงหน้านาง แต่รอแล้วรอเล่าข้ารับใช้นางนั้นก็ไม่ยอมเดินเข้ามาเสียที
“ดี ดียิ่ง! กล้าท้าทายข้า พวกเจ้าจับมัน”
“ปล่อย ปล่อยข้านะ ปล่อย กรี๊ดด!”
เพียะ!
ข้ารับใช้ที่ตามไปดูแลระหว่างที่คุณหนูใหญ่ออกนอกจวนตระกูลโจว รู้ว่าตนคงไม่มีทางรอดแล้วจึงไม่คิดเข้าไปใกล้ เพราะกลัวว่าตนเองจะไม่มีชีวิตรอด แต่การที่นางไม่ยอมออกไปตั้งแต่ถูกเรียกครั้งแรกกลับยิ่งทำให้อารมณ์ของคุณหนูใหญ่เกรี้ยวกราดเพิ่มขึ้นไปอีก นางมองไปที่ผู้เป็นนายด้วยสายตาหวาดกลัว แต่อีกฝ่ายหาได้สนใจไม่
โจวเฟิ่งจิ่วยกยิ้มร้ายมองข้ารับใช้ด้วยสายตานึกสนุกคล้ายคนโรคจิตยิ่งนัก สำหรับนาง บ่าวไพร่ก็เหมือนมดปลวก จะฆ่าหรือทำสิ่งใดกับมันก็ย่อมได้
เพียะ!
“กรี๊ดด! คุณหนูเมตตาบ่าวเถิดเจ้าค่ะ คุณหนู”
เพียะ! เพียะ!
เสียงขอร้องอ้อนวอนจากข้ารับใช้นางนั้นไม่เป็นผล โจวเฟิ่งจิ่วไม่สนใจ นางยังคงกระหน่ำหวายลงบนร่างบอบบางติด ๆ กันอย่างไม่ยั้งมือ เสียงไม้หวายกระทบเนื้อดังให้ได้ยินอยู่ตลอด ทุกจังหวะของการลงไม้ สตรีผู้ถูกโบยจะกรีดร้องอ้อนวอนขอชีวิตทุกเมื่อ ซึ่งเสียงกรีดร้องของนางช่วยทำให้โจวเฟิ่งจิ่วรู้สึกดีขึ้นและมีความสุขยิ่ง เมื่อได้ระบายอารมณ์ออกไปบ้างแล้ว อารมณ์ของนางจึงค่อย ๆ เย็นลง นางย่อกายนั่งลงต่ำ มองไปยังข้ารับใช้ที่ถูกนางโบยจนเลือดอาบด้วยสายตาสมเพช
“เจ้าทนกว่าทุกคนที่ผ่านมาเลย ข้าสนุกมาก” นางกล่าวยิ้ม ๆ
ข้ารับใช้นางนั้นจ้องมาที่โจวเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาโกรธแค้น ใบหน้าของนางปรากฏคราบน้ำตาให้ได้เห็น ทั้งยังปล่อยให้น้ำตารินไหลโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด สายตาของนางมีแต่ความเกลียดชัง สภาพของสาวใช้เช่นนางน่าสงสารเป็นอย่างมาก แต่ผู้เป็นนายกลับไม่สงสารเลยสักนิด จิตเมตตาที่ควรมีก็หามีไม่ ทั้งยังพูดออกมาอย่างไม่เห็นใจตน มองนางเช่นมดปลวกตัวหนึ่ง สาวใช้ตัวน้อยแค้นเคืองยิ่ง ทว่าก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ แม้อยากฉีกกระชากแม่ดอกบัวขาวจอมปลอมตรงหน้าให้คนทั้งแคว้นได้รู้ ว่าคุณหนูใหญ่โจวเฟิ่งจิ่วบุตรสาวของเสนาบดีโจวเหลียงเกา หาได้เป็นสตรีเรียบร้อยอ่อนหวานอย่างที่ผู้อื่นเล่าลือ แท้จริงเป็นสตรีร้ายกาจจอมเสแสร้ง เป็นมารร้ายที่คอยล่อลวงผู้คน หากนางก็ได้แค่คิดเพราะไม่สามารถกระทำได้ คนไร้กำลังและอำนาจเช่นนาง คงได้แต่สาปแช่งสตรีตรงหน้าให้ตกตายหรือต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสภายในใจเท่านั้น
“โกรธเกลียดข้ารึ เป็นเพียงบ่าวไพร่มีสิทธิ์อันใดใช้สายตาเช่นนี้มองข้า!” ไม่พูดเปล่ามือของนางก็สะบัดลงบนใบหน้าเปรอะเปื้อนน้ำตาอย่างแรง
ข้ารับใช้คนดังกล่าวที่ถูกตบบวกกับการที่ตนถูกโบยอย่างหนัก ทำให้นางไม่มีแรงจะนั่งคุกเข่าอีกต่อไป ร่างของนางทรุดไปกับพื้นห้อง ลมหายใจรวยริน สองมือกำเข้าหากันแน่น มองไปที่โจวเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาอาฆาต
“นางปีศาจ สักวัน สักวันเจ้าจะต้องเสียใจ ข้าขอสาปแช่งเจ้า เจ้าจะต้องไม่ตายดี ข้าขอสาปแช่งเจ้า!”
“กรี๊ดดด! เจ้ากล้าแช่งข้ารึ ข้าจะฆ่าเจ้า จะฆ่าเจ้า! ตายไปซะ!”
เพียะ! เพียะ! เพียะ!
เสียงไม้หวายแหวกอากาศก่อนกระทบลงบนร่างของข้ารับใช้นางนั้นอย่างรุนแรง ไม่นานลมหายใจของอีกฝ่ายก็ปลิดปลิว โจวเฟิ่งจิ่วส่งสายตากดดันไปรอบห้อง เมื่อไม่เห็นใครมีสายตาว่าร้ายนางอีก ถึงได้สงบจิตสงบใจลง ก่อนจะสั่งให้ข้ารับใช้ทั้งหลายแบกร่างไร้ลมหายใจออกไป ส่วนนางก็ล้างมือในโถเล็กที่มีคนเตรียมไว้รอแล้ว
“คุณหนู...”
“อันใด” นางหันไปมองข้ารับใช้คนสนิทด้วยสายตาไม่พอใจนัก
“ทำแบบนี้ดีแล้วหรือเจ้าคะ”
เพล้ง! ว้าย!
“เจ้ากล้าสั่งสอนข้าอีกคนรึ!”
“หาได้เป็นเช่นนั้นไม่เจ้าค่ะ ข้าเพียงเป็นห่วงกลัวจะมีคนว่าร้ายคุณหนูเท่านั้น หากเหตุการณ์นี้หลุดออกไป คุณหนูจะเสียหายได้นะเจ้าคะ หากข่าวถึงหูท่านแม่ทัพแล้วละก็”
“เจ้าไม่ต้องห่วงไป จะไม่มีใครได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนนี้ไปพูดข้างนอกแน่ หากมันผู้ใดกล้า ข้าจะทำให้มันอยู่ไม่สู้ตาย” โจวเฟิ่งจิ่วพูดด้วยสายตาอำมหิต ดังนั้นข้ารับใช้คนสนิทจึงไม่พูดสิ่งใดอีก
นางเป็นเพียงบ่าวทาส คงพูดมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว หากภายภาคหน้าอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดขึ้นเถิด...
ไป๋ฟางเซียนที่รับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นเบื้องหลังจึงหันกลับไปมอง ก็พบเห็นสามีของตนใบหน้าเขียวคล้ำสลับแดง เขาหรี่ตามองราวกับคนกำลังจับผิด สายตาของเขาทำเอานางรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เสียงลมหายใจหอบถี่ของผู้เป็นสามีทำให้นางเข้าใจได้ทันทีว่านางทำให้เขาไม่พอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะเอื้อนเอ่ย ร่างของผู้เป็นสามีก็สะบัดชายอาภรณ์ตรงกลับไปยังห้องนอน ไป๋ฟางเซียนนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะผุดลุกตามไปขณะเดินไปยังห้องนอนของตน นางก็ขบคิดกับตนเองว่าจะง้องอนเขาเช่นไรดี เขาจึงจะหายจากท่าทางปั้นปึ่งเช่นนั้น แต่คิดไปคิดมาพลันนึกขึ้นได้ว่า ตัวนางเองไม่ได้ผิดอันใดเสียหน่อย คนที่มาหานางในวันนี้ล้วนเป็นสหายนางทั้งนั้น ให้ตายนางก็ไม่ยอมง้อเขาหรอกแน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่ความคิด เพราะทันทีที่เข้ามาในห้องนอนเห็นสีหน้าปั้นปึ่งมองนางตาขวางด้วยแล้ว ไป๋ฟางเซียนก็รีบก้าวเท้าเดินไปเบื้องหน้าตรงเข้าหาเขาอย่างเร็วรี่ พลางลอบกลืนน้ำลายเงียบ ๆ “ท่านพี่เจ้าขา เหตุใดถึงทำหน้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะไม่หล่อเอานา” นางเอ่ยเสียงหวานหยอกเย้าเขา หวังให้เขาโต้แย้งเช่นทุกครั้ง แต่กลับได้ความเงียบตอบมาแทนดวงตากลมโตช้อนสายตาหวานขึ้นมองอ
หนึ่งเดือนผ่านไปนับจากวันที่ไป๋ฟางเซียนฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างในชีวิตของนางและหลี่เหวินหลางก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ความรักของคนทั้งสองต่างผลิบานและสุกงอมเต็มที่ หลี่เหวินหลางกระทำอย่างปากว่า เขาไม่เคยปล่อยให้นางห่างจากตัวหรือห่างจากสายตาอีกเลย ไม่รู้เช่นกันว่าเขาไปทำเช่นไร จึงสามารถทำให้องค์ฮ่องเต้พระราชทานวันหยุดมาให้ถึงสองเดือนด้วยกัน ทว่าจะบอกว่าหยุดเลยก็คงไม่ถูกนัก เพราะระหว่างนี้หลี่เหวินหลางก็ต้องไปดูระเบียบในค่ายทหารเป็นครั้งคราวด้วยเช่นกัน กระนั้นเขาก็มีเวลาอยู่กับนางมากขึ้นอยู่ดี และนอกจากชีวิตของนางและเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว ชีวิตของผู้อื่นก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันยามนี้สาวใช้ตัวน้อยของนางและคนสนิทของหลี่เหวินหลาง จื่อถิงกับตงผิง ต่างก็กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันแล้วทั้งคู่ ตลอดหนึ่งเดือนมานี้นางจึงไม่เห็นหน้าสาวใช้คนสนิทเลย แต่ก็เป็นนางอีกนั่นแหละที่ให้จื่อถิงหยุดและใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงานบ้าง แน่นอนว่าคำของนางทำให้ตงผิงมีความสุขอย่างมาก เพราะถ้านางบอกให้จื่อถิงหยุด หลี่เหวินหลางก็จะบอกให้ตงผิงหยุดงานชั่วคราวเช่นเดียวกัน แต่นี่ก็ครบกำหนดเวลาที่นางให้ไปแล้ว คาดว่าไม่เกินสองวันนี้คงได้เห็นห
หลี่เหวินหลางกอดร่างบางแนบแน่น คางสากเกยไหล่มนของนางไว้พร่ำบอกแนบชิดริมหู จนคนป่วยที่เพิ่งฟื้นอดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ มือบางยกมือขึ้นโอบกอดบุรุษร่างโตด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน ความรู้สึกรักและห่วงหาทว่าดูเหมือนพวกเขาจะหลงลืมไปว่าในห้องนี้หาได้มีพวกเขาไม่ ยามนี้ทั้งท่านหมอชรา หลี่เหวินชิง เหลียนฮวา จื่อถิงและตงผิงต่างมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำหน้าไม่ถูกกันแทบทั้งสิ้น ก่อนจะเป็นไป๋ฟางเซียนที่ตั้งสติได้ นางมีกิริยาเลิ่กลั่ก พยายามดันตัวตนเองออกจากอ้อมกอดของหลี่เหวินหลาง แต่เจ้าของอ้อมกอดแสนอบอุ่นหาได้ยินยอมไม่“เซียนเซียน พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน คิดถึงเหลือเกิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่กลัวมากเพียงใด กลัวว่าเจ้าจะจากพี่ไป กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาพี่อีก พี่คิดไปต่าง ๆ นานา นอนก็ไม่เคยหลับ กินก็ไม่เคยอิ่ม ใจภวงคิดถึงเป็นกังวลแต่เรื่องของเจ้า เซียนเซียน ขอบคุณที่เจ้ากลับมาหาพี่ นับว่าการรอคอยที่แสนทรมานของพี่สิ้นสุดลงแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณจริง ๆ”“เอ่อ ท่านปล่อยข้าก่อนดีไหมเจ้าคะ”“ไม่! จากนี้ไปพี่จะไม่ยอมห่างเจ้าอีกแล้ว ทั้งยังไม่ยอมให้เจ้าห่างสายตาจากพี่อีกด้วย”“ท่านพี่ ปล่อยข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ
“ข้าขอโทษ” น้ำเสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด เจ้าของร่างตัวจริงทำเพียงยิ้มรับ ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ สุดท้ายแล้วข้าและเจ้าก็คือคนคนเดียวกัน เจ้าคิดว่าจะมีใครที่ไหนจะมีชื่อแซ่เดียวกับตนเองบ้างเล่า สิ่งที่เจ้าควรรู้คือ เจ้าคือข้า ข้าคือเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”“แต่ว่า...”“ตอนแรกข้าก็สงสัยเหมือนเจ้า ในยามที่ข้าตกตายเพราะจมน้ำ ข้าก็ถูกพามายังสถานที่แห่งนี้ เฝ้ามองดูเจ้าเข้าไปในร่างของข้าอย่างไม่ยินยอมนัก หลายครั้งที่ข้าคิดทำร้ายเจ้า หากแต่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะทุกครั้งที่คิด ข้าจะรู้สึกเจ็บไปด้วยเช่นกัน ข้าไม่เข้าใจและเฝ้าถามตนเองมาตลอดว่าทำไม กระทั่งวันหนึ่งข้าก็ได้คำตอบจากคนผู้หนึ่ง”“ผู้ใดรึ”“คนผู้นั้นบอกกับข้าว่า แท้จริงแล้วทั้งข้าและเจ้าต่างเป็นคนคนเดียวกัน เพียงแต่ว่าตอนเกิด ดวงจิตของเราได้แยกเป็นสอง หนึ่งคือข้า สองคือเจ้า เมื่อดวงจิตแยกไม่รวมเป็นหนึ่งชะตาชีวิตของคนผู้นั้นย่อมเปลี่ยนแปลงไป เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือ ว่าทำไมตอนที่อยู่ในโลกเดิมทั้ง ๆ ที่เจ้ามีทุกอย่าง มีครอบครัวที่ดีพร้อมและอบอุ่น แต่เจ้ากลับรู้สึกมีความสุขได้ไม่เต็มที่นัก เ
สภาพของหลี่เหวินหลางทำให้ผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลหลี่รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก หากจะบอกว่าอาการของไป๋ฟางเซียนน่าเป็นห่วง สภาพของผู้เป็นบุตรชายก็น่าเป็นห่วงไม่ต่างกันหลี่เหวินชิงและเหลียนฮวามองสภาพบุตรชายที่หน้าประตูด้วยสายตาเป็นห่วงอย่างสุดแสน คิ้วของคนทั้งคู่ขยับเข้าหากันจนแน่นขนัด ใบหน้าที่ร่วงโรยไปตามวัยฉายความกังวลออกมาอย่างมาก ก่อนจะเป็นหลี่ฮูหยินที่ทนไม่ไหวพูดมันออกมา“ท่านพี่ น้องเป็นห่วงบุตรของเราจังเลยเจ้าค่ะ อาเหวินแทบไม่ออกจากห้องนอนของเซียนเอ๋อร์เลยนะเจ้าคะ เห็นอาการของลูกเราตอนนี้แล้ว น้องกลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ น้องกลัวว่าลูกจะล้มป่วยไปอีกคน” เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นอย่างหนักอกหนักใจ มองหลี่เหวินหลางที่กอบกุมมือไป๋ฟางเซียนด้วยความห่วงใยอย่างถึงที่สุด ด้วยไม่เคยเห็นบุตรชายของตนมีสภาพซึมเศร้าเช่นนี้มาก่อน“ไม่ต้องกังวลหรอกน้องหญิง อาเหวินรู้ขีดจำกัดของร่างกายตนเองดี เราแค่อยู่ข้าง ๆ เขาในยามที่เขาต้องการก็พอ ตอนนี้เราไปนั่งรับลมที่ศาลากันก่อนเถิด อยู่ตรงนี้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ประเดี๋ยวน้องหญิงจะเป็นกังวลห่วงคนนั้นคนนี้จนพานจะไม่สบายไปอีกคน”“ท่านพี่”แม้จะเป็นห่วงบุตรชายแต่ก
“เซียนเซียน ตื่นขึ้นมาเถิดนะคนดี พี่คิดถึงเจ้า อยากได้ยินเสียงของเจ้าจนแทบจะทานทนไม่ไหวแล้ว หรือที่เจ้าไม่ยอมตื่นขึ้นมาเพราะอยากลงโทษที่พี่เคยพูดไม่ดีกับเจ้าในวันแรกที่เจ้าลืมตาขึ้นมาที่จวนเรือนหลังนี้ใช่หรือไม่ เซียนเซียน พี่ขอโทษเจ้า กลับมาเถิดนะคนดี กลับมาหาพี่ พี่รักเจ้า รักเจ้าเหลือเกิน” หลี่เหวินหลางทอดสายตาแห่งความคะนึงหาไปยังดวงหน้างาม ก่อนที่ชั่วพริบตาแววตาของเขาจะมีความโกรธแค้นวาบผ่าน หากแล้วก็ปล่อยวางลงอย่างรวดเร็ว เพราะคนที่ทำให้คนรักของเขาต้องเป็นเช่นนี้ได้ตกตายไปแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าต้องจ้องเวรไปเพื่อสิ่งใดแท้จริงแล้วการตกน้ำของนางอันเป็นที่รักใช่ว่าเขาไม่คิดติดใจสงสัย เขาย่อมต้องสงสัยแน่นอน และมั่นใจมากว่านางคงไม่กระโดดน้ำฆ่าตัวตายแน่ ที่ไม่ได้สืบหาตั้งแต่วันแรกเพราะเป็นห่วงนางจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด พอตั้งสติกับตนเองได้เขาจึงเริ่มสอบถามเรื่องราวคาดคั้นกับจื่อถิงอีกครั้ง แต่นางก็ตอบสิ่งใดไม่ได้ ทั้งยังไม่รู้ว่าว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ นอกจากร่ำไห้ด้วยความรู้สึกผิดและโทษว่าที่ไป๋ฟางเซียนเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของตน หลี่เหวินหลางจึงสั่งให้ตงผิงและจื่อถิงกลับไปที่สร