Share

บทที่ 2

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-02 23:52:28

“มาถึงแล้วก็นั่งสิ เจ้าจะยืนรอให้ข้าไปประคองมานั่งหรืออย่างไร คิดฝันเฟื่องเกินไปหน่อยหรือไม่”

หลี่เหวินหลาง แม่ทัพหนุ่มรูปงามว่าที่ผู้นำตระกูลหลี่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก ซ้ำยังส่งสายตารังเกียจเดียดฉันท์ไปยังร่างของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาตนเองอย่างไม่คิดปิดบัง 

ใช่แล้ว บุรุษผู้นี้คือสามีของไป๋ฟางเซียนนั่นเอง สามีที่ไป๋ฟางเซียนรักจนกระทั่งตายไปก็ยังรัก

หลี่เหวินหลางคือบุตรชายคนเดียวของอดีตแม่ทัพใหญ่นาม หลี่

เหวินชิง และฮูหยินใหญ่นาม เหลียนฮวา ผู้เป็นบิดามารดาบุญธรรมของไป๋ฟางเซียน

ตระกูลหลี่เป็นหนึ่งในตระกูลเก่าแก่ของเมืองหลวง ตระกูลหลี่ทุกรุ่นรับราชการดำรงตำแหน่งแม่ทัพปกป้องบ้านเมืองเรื่อยมา ไม่ฝักใฝ่อำนาจขึ้นตรงต่อฮ่องเต้เพียงผู้เดียว จึงได้รับความไว้วางใจต่อราชวงศ์อย่างมาก คนทั่วไปมักเรียกตระกูลหลี่ว่าตระกูลแม่ทัพ ด้วยความที่บรรพบุรุษเป็นทหารสืบต่อกันเรื่อยมา และล้วนเป็นคนไม่ชอบการแก่งแย่งอำนาจ หลี่

เหวินหลางเองก็เลือกรับราชการตามบรรพบุรุษ จนในที่สุดก็ใช้ความสามารถของตนคว้าตำแหน่งแม่ทัพของแคว้นมาครอบครองได้

หลี่เหวินหลางเป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม เป็นแม่ทัพหนุ่มอนาคตไกล ก่อนหน้าที่เขาจะรู้ว่าตนกับไป๋ฟางเซียนเป็นคู่หมั้นกัน ชายหนุ่มก็ยังเอ็นดูและห่วงนางในฐานะน้องสาวอยู่บ้าง เนื่องจากคิดกับนางเป็นเพียงน้องสาวมาโดยตลอด ไม่มีจิตคิดเป็นอื่น

ครั้นมารู้ว่าตนและนางเป็นคู่หมั้นกัน ทั้งนางยังไม่ปฏิเสธการหมั้นหมาย รวมไปถึงรู้ว่านางไม่ได้คิดกับตนแค่พี่ชาย ด้วยความที่ไม่อยากทำร้ายนาง หลี่เหวินหลางจึงได้ตีตัวออกหาก แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนมาโดยตลอดว่าเขาไม่รักนาง หวังให้นางรู้ตัวและหักห้ามใจจะได้ไม่เจ็บปวด

ทว่าความหวังดีที่เขามีให้ ไป๋ฟางเซียนกลับมองข้าม ดื้อดึงคิดเอาชนะ ทำร้ายสตรีหลายนางที่มีใจต่อเขา ไป๋ฟางเซียนกลายเป็นสตรีร้ายกาจ การกระทำของนางทำให้เขารับไม่ได้และรังเกียจนางในที่สุด กระทั่งต้องแต่งกับนางเขายังไม่คิดร่วมหอ 

การที่นางทำร้ายสตรีอื่นเขายังพอทำใจได้อยู่บ้าง แต่การที่นางทำร้ายสหายสนิทที่นางมีอยู่เพียงหนึ่ง เพราะความหึงหวงเป็นเหตุเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้ และด้วยเหตุผลนี้เองทำให้เขารังเกียจนางมากกว่าสิ่งใด

หลี่เหวินหลางชมชอบสตรีเรียบร้อยอ่อนหวาน เป็นสตรีในห้องหอ ยึดถือหลัก 3 เชื่อฟัง 4 จรรยา ในเมื่อเขาชอบสตรีในลักษณะนิสัยเช่นนั้นแต่ไป๋ฟางเซียนกลับมีนิสัยตรงข้าม ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะร้ายกาจมากขึ้น จะให้เขาไม่รังเกียจนางได้อย่างไรไหว

สตรีเช่นนี้มีแต่ต้องหนีให้ห่าง มีไว้ใกล้ตัวก็รังแต่จะทำให้ร้อนรุ่ม คล้ายถือเผือกร้อนหาความสงบสุขไม่ได้

อีกอย่างที่เขาไม่คิดสนใจไป๋ฟางเซียนหรือสตรีอื่นใดนั่นก็เพราะว่า หลี่เหวินหลางมีสตรีที่สนใจอยู่แล้ว สตรีเรียบร้อยอ่อนหวาน กิริยามารยาทเพียบพร้อม เพียงสบตาก็ยากจะหักห้ามความรู้สึก แสร้งทำตัวเย็นชาเฉกเช่นกับที่ทำต่อสตรีอื่นมิได้

คราแรกเขาก็มิได้คิดอะไรกับสตรีนางนั้น เพียงชมชอบที่นางงดงามอ่อนหวาน เพิ่งคิดอยากจะผูกสมัครรักใคร่ก็เมื่อสตรีใจร้ายด่าว่านางจนนึกสงสาร จากสงสารก็กลายเป็นความสนใจแต่ยังไม่ถึงขั้นรัก สำหรับตัวเขาแล้วเรื่องนี้ยังคงต้องดูต่อไปเรื่อย ๆ แต่ถามว่าเขาสนใจสตรีอื่นมากไปกว่านางหรือไม่ ตอบเลยว่าไม่ ที่สำคัญที่เขาสนใจสตรีนางนี้มากกว่าผู้ใด มิใช่ว่ากระทำตามความรู้สึกของตนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะเขามีเหตุจำเป็นที่ต้องใกล้ชิดกับนาง เป็นเหตุจำเป็นที่บอกกล่าวใครไม่ได้ และสตรีนางนั้นก็คือผู้ที่นั่งอยู่ข้างกายเขาในตอนนี้ สตรีที่มีนามว่า โจวเฟิ่งจิ่ว

โจวเฟิ่งจิ่ว หญิงงามของตระกูลโจว นางเป็นบุตรสาวคนโปรดของเสนาบดีกรมคลังโจวเหลียงเกา เกิดจากฮูหยินเอกหลิวเฟิ่งหยา จึงเป็นบุตรีที่โจวเหลียงเการักและตามใจมาก

โจวเฟิ่งจิ่วเป็นสาวงามที่ครอบครองตำแหน่งสตรีงามอันดับสองของเมืองหลวง ผู้เป็นเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ดวงตากลมโตสดใสมุมปากแย้มยิ้มอยู่เป็นนิจ กิริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนหวานแลดูน่าทะนุถนอม ชอบสวมใส่อาภรณ์สีขาวหรือสีชมพูอ่อน นั่นช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ความอ่อนโยนของนางยิ่ง ใครเห็นเป็นต้องหลงรักและเอ็นดู ซึ่งต่างกันกับไป๋ฟางเซียนลิบลับ  

ไป๋ฟางเซียนนิยมสวมใส่อาภรณ์สีฉูดฉาด ยิ่งสีเข้มเท่าไรยิ่งดี ไม่ว่าจะไป๋ฟางเซียนคนเก่าหรือคนใหม่ ต่างมีรสนิยมคล้ายคลึงกันทั้งสิ้น หากจะมีอะไรต่างกันคงเป็นเรื่องของความรักกระมัง

ในขณะที่ไป๋ฟางเซียนคนเดิมหลงรักและบูชาบุรุษเจ้าของหัวใจ จนเรียกได้ว่าจมปลักเพียงคนเดียวไม่คิดเผื่อใจเวลาผิดหวัง ไป๋ฟางเซียนคนใหม่ที่มาจากยุคที่เจริญแล้วทุกด้านกลับต่างออกไป นางไม่คิดรักหรือบูชาผู้ใด หากนางจะรักใครสักคนบุรุษผู้นั้นย่อมต้องมีนางและรักนางคนเดียวเท่านั้น หากไม่มีใครตรงตามที่นางตั้งไว้ นางก็ไม่คิดมอบหัวใจให้ใคร  หัวใจของนางมีดวงเดียว ฉะนั้นนางดูแลเองได้!

“เมื่อไหร่เจ้าจะมานั่ง ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าไม่คิดไปประคองจับจูงเจ้า ยังมัวรีรออะไรอยู่อีก ข้ามิได้ว่างคุยกับเจ้าทั้งวันนะ!”

‘ปากจัดมากพ่อ’ ไป๋ฟางเซียนคิดก่อนจะมองไปยังบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่ลืมปรายสายตามองสตรีที่นั่งอยู่ข้างกัน มุมปากของนางกระตุกเหยียดยิ้ม ก่อนจะไปนั่งตรงข้ามกับโจวเฟิ่งจิ่วที่นั่งอยู่ด้านซ้าย ส่วนนางนั่งอยู่ด้านขวามือของหลี่เหวินหลาง ตรงกลางมีโต๊ะน้ำชาตั้งอยู่

“หึ กิริยาน่ารังเกียจนัก” ไป๋ฟางเซียนไม่สนใจ นางยกมือขึ้นมากรีดนิ้วของตนเล่น สายตาจับจ้องที่เล็บขาวอมชมพูอย่างคนสุขภาพดีพลางชื่นชมในใจ 

หลี่เหวินหลางเห็นว่านางไม่สนใจก็โมโห กำลังจะต่อว่านางอีกระลอก สตรีที่ตนให้ความสนใจก็จับที่ต้นแขนของเขาไว้ พลางเรียกเสียงอ่อนหวานทั้งยังส่งสายตาห้ามปรามมาที่เขาด้วย

“พี่เหวินเจ้าคะ” โจวเฟิ่งจิ่วปรามด้วยเสียงหวาน มองไปยังคนที่ตนรักด้วยสายตาหวานซึ้ง ก่อนจะค่อย ๆ หันไปมองไป๋ฟางเซียนด้วยสายตาหวาดกลัวปะปนรู้สึกผิด

ไป๋ฟางเซียนที่ไม่ได้สนใจว่าใครจะพูดหรือมีสายตาเช่นใดตั้งแต่แรกก็มองไปที่อดีตเพื่อนรักของไป๋ฟางเซียนคนเดิมด้วยสายตารู้ทัน

‘เอาสิเล่นละครมาสิ ข้ามาจากยุคสมัยที่เจริญแล้ว ทั้งยังเรียนเอกการแสดง จะไม่รู้ได้เช่นไรว่าที่เจ้ากำลังทำอยู่มันจริงหรือปลอม หากไม่เหนื่อยก็ทำมาเถอะ ข้าพร้อมดูมาก’ นางพูดในใจคนเดียว มุมปากก็ยังยกยิ้ม

“ฮึ่ม!” หลี่เหวินหลางถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เขาไม่แม้แต่จะปรายตามามองนางเลยด้วยซ้ำ ซึ่งนางก็ไม่คิดจะใส่ใจ

ทำไมนางต้องใส่ใจคนที่รังเกียจ เกลียด และไม่รักนางด้วยเล่า นางไม่ใช่ไป๋ฟางเซียนคนโง่คนนั้นนะ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 134 จบ

    ไป๋ฟางเซียนที่รับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นเบื้องหลังจึงหันกลับไปมอง ก็พบเห็นสามีของตนใบหน้าเขียวคล้ำสลับแดง เขาหรี่ตามองราวกับคนกำลังจับผิด สายตาของเขาทำเอานางรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เสียงลมหายใจหอบถี่ของผู้เป็นสามีทำให้นางเข้าใจได้ทันทีว่านางทำให้เขาไม่พอใจแล้ว ขณะที่กำลังจะเอื้อนเอ่ย ร่างของผู้เป็นสามีก็สะบัดชายอาภรณ์ตรงกลับไปยังห้องนอน ไป๋ฟางเซียนนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะผุดลุกตามไปขณะเดินไปยังห้องนอนของตน นางก็ขบคิดกับตนเองว่าจะง้องอนเขาเช่นไรดี เขาจึงจะหายจากท่าทางปั้นปึ่งเช่นนั้น แต่คิดไปคิดมาพลันนึกขึ้นได้ว่า ตัวนางเองไม่ได้ผิดอันใดเสียหน่อย คนที่มาหานางในวันนี้ล้วนเป็นสหายนางทั้งนั้น ให้ตายนางก็ไม่ยอมง้อเขาหรอกแน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่ความคิด เพราะทันทีที่เข้ามาในห้องนอนเห็นสีหน้าปั้นปึ่งมองนางตาขวางด้วยแล้ว ไป๋ฟางเซียนก็รีบก้าวเท้าเดินไปเบื้องหน้าตรงเข้าหาเขาอย่างเร็วรี่ พลางลอบกลืนน้ำลายเงียบ ๆ “ท่านพี่เจ้าขา เหตุใดถึงทำหน้าเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะไม่หล่อเอานา” นางเอ่ยเสียงหวานหยอกเย้าเขา หวังให้เขาโต้แย้งเช่นทุกครั้ง แต่กลับได้ความเงียบตอบมาแทนดวงตากลมโตช้อนสายตาหวานขึ้นมองอ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 133

    หนึ่งเดือนผ่านไปนับจากวันที่ไป๋ฟางเซียนฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างในชีวิตของนางและหลี่เหวินหลางก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ความรักของคนทั้งสองต่างผลิบานและสุกงอมเต็มที่ หลี่เหวินหลางกระทำอย่างปากว่า เขาไม่เคยปล่อยให้นางห่างจากตัวหรือห่างจากสายตาอีกเลย ไม่รู้เช่นกันว่าเขาไปทำเช่นไร จึงสามารถทำให้องค์ฮ่องเต้พระราชทานวันหยุดมาให้ถึงสองเดือนด้วยกัน ทว่าจะบอกว่าหยุดเลยก็คงไม่ถูกนัก เพราะระหว่างนี้หลี่เหวินหลางก็ต้องไปดูระเบียบในค่ายทหารเป็นครั้งคราวด้วยเช่นกัน กระนั้นเขาก็มีเวลาอยู่กับนางมากขึ้นอยู่ดี และนอกจากชีวิตของนางและเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว ชีวิตของผู้อื่นก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันยามนี้สาวใช้ตัวน้อยของนางและคนสนิทของหลี่เหวินหลาง จื่อถิงกับตงผิง ต่างก็กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันแล้วทั้งคู่ ตลอดหนึ่งเดือนมานี้นางจึงไม่เห็นหน้าสาวใช้คนสนิทเลย แต่ก็เป็นนางอีกนั่นแหละที่ให้จื่อถิงหยุดและใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงานบ้าง แน่นอนว่าคำของนางทำให้ตงผิงมีความสุขอย่างมาก เพราะถ้านางบอกให้จื่อถิงหยุด หลี่เหวินหลางก็จะบอกให้ตงผิงหยุดงานชั่วคราวเช่นเดียวกัน แต่นี่ก็ครบกำหนดเวลาที่นางให้ไปแล้ว คาดว่าไม่เกินสองวันนี้คงได้เห็นห

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 132

    หลี่เหวินหลางกอดร่างบางแนบแน่น คางสากเกยไหล่มนของนางไว้พร่ำบอกแนบชิดริมหู จนคนป่วยที่เพิ่งฟื้นอดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ มือบางยกมือขึ้นโอบกอดบุรุษร่างโตด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน ความรู้สึกรักและห่วงหาทว่าดูเหมือนพวกเขาจะหลงลืมไปว่าในห้องนี้หาได้มีพวกเขาไม่ ยามนี้ทั้งท่านหมอชรา หลี่เหวินชิง เหลียนฮวา จื่อถิงและตงผิงต่างมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำหน้าไม่ถูกกันแทบทั้งสิ้น ก่อนจะเป็นไป๋ฟางเซียนที่ตั้งสติได้ นางมีกิริยาเลิ่กลั่ก พยายามดันตัวตนเองออกจากอ้อมกอดของหลี่เหวินหลาง แต่เจ้าของอ้อมกอดแสนอบอุ่นหาได้ยินยอมไม่“เซียนเซียน พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน คิดถึงเหลือเกิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่กลัวมากเพียงใด กลัวว่าเจ้าจะจากพี่ไป กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาพี่อีก พี่คิดไปต่าง ๆ นานา นอนก็ไม่เคยหลับ กินก็ไม่เคยอิ่ม ใจภวงคิดถึงเป็นกังวลแต่เรื่องของเจ้า เซียนเซียน ขอบคุณที่เจ้ากลับมาหาพี่ นับว่าการรอคอยที่แสนทรมานของพี่สิ้นสุดลงแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณจริง ๆ”“เอ่อ ท่านปล่อยข้าก่อนดีไหมเจ้าคะ”“ไม่! จากนี้ไปพี่จะไม่ยอมห่างเจ้าอีกแล้ว ทั้งยังไม่ยอมให้เจ้าห่างสายตาจากพี่อีกด้วย”“ท่านพี่ ปล่อยข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 131

    “ข้าขอโทษ” น้ำเสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด เจ้าของร่างตัวจริงทำเพียงยิ้มรับ ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ สุดท้ายแล้วข้าและเจ้าก็คือคนคนเดียวกัน เจ้าคิดว่าจะมีใครที่ไหนจะมีชื่อแซ่เดียวกับตนเองบ้างเล่า สิ่งที่เจ้าควรรู้คือ เจ้าคือข้า ข้าคือเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”“แต่ว่า...”“ตอนแรกข้าก็สงสัยเหมือนเจ้า ในยามที่ข้าตกตายเพราะจมน้ำ ข้าก็ถูกพามายังสถานที่แห่งนี้ เฝ้ามองดูเจ้าเข้าไปในร่างของข้าอย่างไม่ยินยอมนัก หลายครั้งที่ข้าคิดทำร้ายเจ้า หากแต่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะทุกครั้งที่คิด ข้าจะรู้สึกเจ็บไปด้วยเช่นกัน ข้าไม่เข้าใจและเฝ้าถามตนเองมาตลอดว่าทำไม กระทั่งวันหนึ่งข้าก็ได้คำตอบจากคนผู้หนึ่ง”“ผู้ใดรึ”“คนผู้นั้นบอกกับข้าว่า แท้จริงแล้วทั้งข้าและเจ้าต่างเป็นคนคนเดียวกัน เพียงแต่ว่าตอนเกิด ดวงจิตของเราได้แยกเป็นสอง หนึ่งคือข้า สองคือเจ้า เมื่อดวงจิตแยกไม่รวมเป็นหนึ่งชะตาชีวิตของคนผู้นั้นย่อมเปลี่ยนแปลงไป เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือ ว่าทำไมตอนที่อยู่ในโลกเดิมทั้ง ๆ ที่เจ้ามีทุกอย่าง มีครอบครัวที่ดีพร้อมและอบอุ่น แต่เจ้ากลับรู้สึกมีความสุขได้ไม่เต็มที่นัก เ

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 130

    สภาพของหลี่เหวินหลางทำให้ผู้เป็นใหญ่ของจวนตระกูลหลี่รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก หากจะบอกว่าอาการของไป๋ฟางเซียนน่าเป็นห่วง สภาพของผู้เป็นบุตรชายก็น่าเป็นห่วงไม่ต่างกันหลี่เหวินชิงและเหลียนฮวามองสภาพบุตรชายที่หน้าประตูด้วยสายตาเป็นห่วงอย่างสุดแสน คิ้วของคนทั้งคู่ขยับเข้าหากันจนแน่นขนัด ใบหน้าที่ร่วงโรยไปตามวัยฉายความกังวลออกมาอย่างมาก ก่อนจะเป็นหลี่ฮูหยินที่ทนไม่ไหวพูดมันออกมา“ท่านพี่ น้องเป็นห่วงบุตรของเราจังเลยเจ้าค่ะ อาเหวินแทบไม่ออกจากห้องนอนของเซียนเอ๋อร์เลยนะเจ้าคะ เห็นอาการของลูกเราตอนนี้แล้ว น้องกลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ น้องกลัวว่าลูกจะล้มป่วยไปอีกคน” เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นอย่างหนักอกหนักใจ มองหลี่เหวินหลางที่กอบกุมมือไป๋ฟางเซียนด้วยความห่วงใยอย่างถึงที่สุด ด้วยไม่เคยเห็นบุตรชายของตนมีสภาพซึมเศร้าเช่นนี้มาก่อน“ไม่ต้องกังวลหรอกน้องหญิง อาเหวินรู้ขีดจำกัดของร่างกายตนเองดี เราแค่อยู่ข้าง ๆ เขาในยามที่เขาต้องการก็พอ ตอนนี้เราไปนั่งรับลมที่ศาลากันก่อนเถิด อยู่ตรงนี้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ประเดี๋ยวน้องหญิงจะเป็นกังวลห่วงคนนั้นคนนี้จนพานจะไม่สบายไปอีกคน”“ท่านพี่”แม้จะเป็นห่วงบุตรชายแต่ก

  • ไป๋ฟางเซียน ภรรยาข้ามภพ   บทที่ 129

    “เซียนเซียน ตื่นขึ้นมาเถิดนะคนดี พี่คิดถึงเจ้า อยากได้ยินเสียงของเจ้าจนแทบจะทานทนไม่ไหวแล้ว หรือที่เจ้าไม่ยอมตื่นขึ้นมาเพราะอยากลงโทษที่พี่เคยพูดไม่ดีกับเจ้าในวันแรกที่เจ้าลืมตาขึ้นมาที่จวนเรือนหลังนี้ใช่หรือไม่ เซียนเซียน พี่ขอโทษเจ้า กลับมาเถิดนะคนดี กลับมาหาพี่ พี่รักเจ้า รักเจ้าเหลือเกิน” หลี่เหวินหลางทอดสายตาแห่งความคะนึงหาไปยังดวงหน้างาม ก่อนที่ชั่วพริบตาแววตาของเขาจะมีความโกรธแค้นวาบผ่าน หากแล้วก็ปล่อยวางลงอย่างรวดเร็ว เพราะคนที่ทำให้คนรักของเขาต้องเป็นเช่นนี้ได้ตกตายไปแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าต้องจ้องเวรไปเพื่อสิ่งใดแท้จริงแล้วการตกน้ำของนางอันเป็นที่รักใช่ว่าเขาไม่คิดติดใจสงสัย เขาย่อมต้องสงสัยแน่นอน และมั่นใจมากว่านางคงไม่กระโดดน้ำฆ่าตัวตายแน่ ที่ไม่ได้สืบหาตั้งแต่วันแรกเพราะเป็นห่วงนางจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด พอตั้งสติกับตนเองได้เขาจึงเริ่มสอบถามเรื่องราวคาดคั้นกับจื่อถิงอีกครั้ง แต่นางก็ตอบสิ่งใดไม่ได้ ทั้งยังไม่รู้ว่าว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ นอกจากร่ำไห้ด้วยความรู้สึกผิดและโทษว่าที่ไป๋ฟางเซียนเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของตน หลี่เหวินหลางจึงสั่งให้ตงผิงและจื่อถิงกลับไปที่สร

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status