LOGINขณะเดียวกัน มีสายตาคู่หนึ่งมองมาทางนางอย่างพึงพอใจ ก่อนร่างใหญ่จะออกมาจากที่ซ่อน
“ไม่คิดว่าเจ้าจะกล้าปฏิเสธการแต่งงาน และยอมแบกรับชื่อเสียงที่ถูกฝ่ายชายยกเลิกงานแต่ง แล้วยังให้บุตรสาวบ้านรองแต่เข้าเป็นอนุอีก”
ไป๋หนิงเฟิ่งหันมาตามเสียง นางพยายามทบทวนความทรงจำและรับรู้ได้ว่าเขาคือองค์ชายรอง แววตาของนางสงบเย็น นางลุกขึ้นแล้วค่อย ๆ คุกเข่าลงทำความเคารพ “คารวะองค์ชายรอง”
“ลุกขึ้นเถิด เจ้าไม่ต้องพิธีรีตองมากนัก”
นางลุกขึ้นหลังจากได้รับอนุญาต เซียวเฟยหลงเดินมาหยุดตรงหน้า “เจ้ายังไม่ได้ตอบข้า เหตุใดเจ้าทำเช่นนั้น นั่นไม่เท่ากับต้องการขัดราชโองการหรอกหรือ”
“หม่อมฉันไม่ได้ขัดราชโองการเพคะ ราชโองการส่งมาที่จวนนั้นมอบให้บุตรสาวสายรอง เพื่อแต่งเข้าไปเป็นอนุต่างหาก ไม่ใช่ให้หม่อมฉันแต่งเข้าจวนต้วนอ๋องเสียหน่อย” นางตอบกลับเสียงเรียบนิ่ง พร้อมกับเงยหน้าสบตาเขาตรง ๆ ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อย
เซียวเฟยหลงหัวเราะเบา ๆ เสียงนั้นทุ่มต่ำแต่กลับเย็นยะเยือก “เจ้ากล้ายอกย้อนดีนัก สตรีทั้งแผ่นดินต้องการแต่งเข้าจวนอ๋อง ต้องการสานสัมพันธ์กับราชวงศ์ แต่เจ้ากลับผลักไสวาสนานี้ ช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก”
“แม้ว่าสตรีทั้งแผ่นดินต้องการ แต่หม่อมฉันไม่ต้องการเพคะ” นางตอบอย่างชัดเจน ก่อนจะเอ่ยถามกลับ “ไม่ทราบว่าองค์ชายรองมาหาหม่อมฉันด้วยเรื่องอันใด และเหตุใดพระองค์ไม่เข้ามาทางหน้าจวนเพคะ”
แววตาของชายหนุ่มมีประกายบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยออกมา “เช่นนั้นเจ้ารับผลที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ เจ้าไม่รู้หรือว่าการที่เจ้าทำเช่นนี้ เป็นการท้าทายอำนาจของต้วนอ๋อง ถึงเขาจะเป็นอ๋องต่างแซ่ แต่มีความสำคัญกับราชสำนักไม่น้อย หากเขารู้ความจริงว่าถูกหักหน้า โดยที่เจ้าปฏิเสธงานแต่ง ทั้งที่เจ้าร้องขอเองเช่นนี้”
เมื่อเซียวเฟยหลงกล่าวเรื่องนี้ ไป๋หนิงเฟิ่งก็เงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะยิ้มเย็นแล้วกล่าวออกมา “ท่านอ๋องคงไม่ทำอะไรหม่อมฉันหรอกเพคะ เพราะท่านอ๋องไม่ได้รักหม่อมฉัน ย่อมเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่ไม่ต้องมีหม่อมฉันเป็นพระชายาเอก”
“แต่เจ้าลืมไปเรื่องหนึ่ง ตำแหน่งอ๋องไม่ใช่ใครจะมาล้อเล่นได้” สายตาคมกริบมองไปที่นาง ราวกับต้องการรู้ว่านางกำลังคิดเช่นไร จากนั้นชายหนุ่มหมุนตัวออกมา แล้วหายวับไปทันที
ทันทีที่เสี่ยวหลันเดินเข้ามาพร้อมกับชาชุดใหม่ ก็พบเพียงคุณหนูของนางยืนอยู่เพียงลำพัง
ไป๋หนิงเฟิ่งมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ใจครุ่นคิดถึงเรื่องที่องค์ชายรองกล่าวทิ้งท้ายไว้ นางเริ่มเป็นกังวลเช่นกัน และคิดไปถึงว่าหากต้วนอ๋องกลับมาแล้วเกิดขอราชโองการแต่งกับนาง เพราะแค้นเรื่องที่ถูกหักหน้าอย่างที่องค์ชายรองกล่าว นางจะทำเช่นไร
‘เช่นนั้นข้าจะทำเช่นไร ถึงพ้นจากเรื่องราวในชาติก่อนได้’ นางได้แค่ครุ่นคิดอย่างกังวล
ชายแดนแคว้นเซียว
กระโจมของแม่ทัพใหญ่มีนกพิราบสื่อสารตัวหนึ่งบินมา แล้วถูกทหารคนสนิทท่านแม่ทัพจับไว้ ก่อนจะนำเข้ามาในกระโจม
“ท่านแม่ทัพ มีพิราบสื่อสารจากเมืองหลวงขอรับ”
นายทหารรับใช้คนสนิทรีบรายงาน เนื่องจากอยู่ค่ายทหารต้วนอ๋องจึงให้เรียกแค่ท่านแม่ทัพเท่านั้น
ต้วนโม่หยางรับมาแล้วหยิบจดหมายเล็กที่มีเพียงไม่กี่ประโยค
‘ไม่มีงานแต่ง คุณหนูไป๋ขอยกเลิก’
เมื่ออ่านจบจึงเผาจดหมายทิ้ง สายตาจับจ้องไปที่เทียนในกระโจม ในใจคิดอย่างเดือดดาล ‘กล้าดีอย่างไรถึงยกเลิกงานแต่ง ทั้งที่ข้ายังไม่บอกกล่าว’
ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากกลับเมืองหลวง ทว่าเวลานี้ศึกที่ชายแดนยังไม่จบ เขาจึงต้องรอเวลาไปก่อน สุดท้ายจึงเขียนจดหมายโดยมีเนื้อหาบางอย่างส่งกลับเมืองหลวง!
วันต่อมา
ที่จวนตระกูลไป๋มีแขกมาเยือน ซึ่งก็คือหลี่ชุยผิง
ไป๋หนิงเฟิ่งยังคงต้อนรับสหายเหมือนที่แล้วมา นางไม่แสดงท่าทีรังเกียจหรือแค้นเคืองเลยแม้แต่น้อย
“เหตุใดเจ้าถึงได้ถูกยกเลิกงานแต่งกัน หรือให้ข้าไปบอกกับบิดา ให้ท่านพ่อช่วยยื่นฎีกาถวายฮ่องเต้ดีหรือไม่ ให้เจ้ายังคงเป็นว่าที่ชายาเอกของต้วนอ๋อง” นางยื่นมือไปจับมือสหายแล้วตบเบา ๆ พร้อมกับเอ่ยด้วยท่าทางหวังดี
“ขอบใจเจ้ามาก แต่ไม่ต้องหรอกชุยเผิง ข้าทำใจเรื่องนี้ได้แล้ว เจ้าไม่ต้องร้อนใจและกังวลแทนข้า” ไป๋หนิงเฟิ่งยิ้มอย่างอ่อนโยน และยังแสร้งอ่อนแอให้อีกฝ่ายเห็น
“แต่ข้าห่วงความรู้สึกของเจ้า ที่สำคัญ เหตุใดฝ่าบาทจึงได้ให้บุตรสาวสายรองตระกูลไป๋แต่งเข้าไปเป็นอนุอีก เช่นนี้ไม่เท่ากับตบหน้าเจ้าและท่านราชครูไป๋หรอกหรือ” นางยังคงแสร้งกล่าวอย่างเห็นใจ ทั้งที่ในใจกลับยิ้มเยาะ
“ข้าไม่ได้ถามน่ะ แต่เจ้าอย่ากล่าวถึงเรื่องนี้อีกเลยได้หรือไม่ ข้าไม่อยากนึกถึงอีกแล้ว จะว่าไปเมื่อใดเจ้าจะแต่งงาน คนรักของเจ้ายังไม่กลับมาอีกหรือ” ไป๋หนิงเฟิ่งแสร้งไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องสนทนา โดยถามถึงเรื่องงานแต่งของอีกฝ่าย
เซียวเฟยหลงมองหน้านาง ก็ย่อมรู้ว่าไป๋หนิงเฟิงไม่ได้เบาใจในเรื่องนี้ นางดูหนักใจกับเรื่องที่เขาบอกอย่างมาก จึงเอ่ยบางอย่างออกมา “ข้าพอมีวิธีช่วยเจ้าในเรื่องนี้ได้”“วิธีใดหรือเพคะ” นางเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างตื่เต้น“เจ้าต้องรีบหาบ้านสามีใหม่ ก่อนที่ต้วนอ๋องจะกลับมา” เซียวเฟยหลงกล่าวออกมาเหมือนเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป“อะไรนะเพคะ!” แต่นางกลับตกใจอย่างมากกับสิ่งที่ได้ยิน จนต้องถามเสียงดังกลับไป“ข้าบอกว่าเจ้าต้องหาสามีให้ได้ก่อนที่เขาจะกลับมา เพื่อมาขัดอำนาจกับต้วนอ๋อง แต่ทว่าหากเจ้ามีบ้านสามีที่ธรรมดาหรือไม่มีอำนาจหนุนหลัง เจ้าคิดหรือว่าหากต้วนอ๋องต้องการตัวเจ้า บุรุษที่แต่งกับเจ้าจะไม่ยอมถอยให้เขา ข้ามีข้อเสนอ” ชายหนุ่มกล่าวเสียงจริงจัง เขาคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว หากนางรับข้อเสนอ เขาก็พร้อมจะช่วยเหลือ“เจ้าอยากแต่งกับข้าหรือไม่” เขาเอ่ยถามพร้อมกับมองสบสายตากับนาง“องค์ชายหมายความว่าอย่างไรเพคะ” คราวนี้ไป๋หนิงเฟิ่งเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ“ข้าถามเจ้าว่า เจ้าอยากแต่งงานกับข้าหรือไม่ หากเจ้าต้องการ ข้าจะขอสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท อย่างน้อยก่อนแต่งงาน เจ้าก็คือคู่หมั้นของข้า ไม่ว่าผู้ใดหากคิดจะรังแกเจ้า ย
บทที่ 7 ยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงตั้งแต่วันนั้นนี่ก็ผ่านมาแล้วสามวัน ไป๋หนิงเฟิ่งไม่คิดที่จะสนใจสหายอย่างหลี่ชุยผิงอีกเลยแม้แต่น้อย ทว่าเรื่องที่คุณหนูหลี่ซื้อเครื่องประดับแล้วไม่มีเงินจ่ายโด่งดังไปทั่วเมือง ทำให้เสนาบดีหลี่โกรธมาก เขาสั่งลงโทษกักบริเวณบุตรสาว เขายอมควักเงินไปจ่ายให้กับทางร้านซินหรง และนำเครื่องประดับเหล่านั้นกลับมาจวนสกุลหลี่“คุณหนู เรื่องของคุณหนูหลี่โด่งดังไปทั่วเลยเจ้าค่ะ บ่าวสาแก่ใจยิ่งนัก” สาวใช้อย่างเสี่ยวหลันเอ่ยอย่างชอบใจ นางไม่ชอบสหายคนนี้ของเจ้านายสักเท่าไร แต่ทำอะไรมากไม่ได้เพราะนางเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น“ที่ผ่านมาข้าโง่จนทำให้ถูกเอาเปรียบ แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป ต่อจากนี้ข้าจะไม่โง่อีกแล้ว ทรัพย์สินและเงินทองของข้า ข้าจะไม่ยอมให้ใครเอาไปใช้เหมือนทรัพย์สินของตนเองแน่นอน” ไป๋หนิงเฟิ่งเอ่ยอย่างจริงจังพร้อมยิ้มออกมา นางไม่อยากให้สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์มองว่านางอ่อนแอเหมือนก่อนอีกแล้ว “บ่าวดีใจเหลือเกินเจ้าค่ะ บ่าวพูดจากใจ คุณหนูหลี่ไม่ใช่คนดีอย่างที่เห็น วันที่คุณหนูตกบ่อน้ำ เชื่อไหมเจ้าคะว่านางยืนยิ้มอย่างพึงพอใจโดยไม่คิดจะช่วยเหลือ” เสี่ยวหลันรายงานเรื่อง
เมื่อถูกถามหลี่ชุยผิงรีบหันมาหาไป๋หนิงเฟิ่งแล้วเอ่ยถามออกมาว่า “หนิงเฟิ่ง เจ้าว่าจ่ายที่นี่หรือจะให้ไปเก็บที่จวนดี” น้ำเสียงนั้นอ่อนหวานยิ่งนัก“อันนี้ก็แล้วแต่เจ้าสิ ข้าไม่ได้เป็นผู้ซื้อเสียหน่อย” ไป๋หนิงเฟิ่งเองก็ตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มนั่นทำให้หลี่ชุยผิงชะงักไปในทันที ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าแล้วกล่าวออกมาอีกครั้ง “แต่ทุกครั้งที่ข้าออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้า เจ้าก็เป็นคนจ่ายให้ข้ามิใช่หรือ”“นั่นมันเมื่อก่อน ตั้งแต่ข้าขอยกเลิกงานแต่งจนให้ชื่อเสียงเสียหาย ท่านพ่อก็ตัดเงินของข้าเกือบหมด ข้าไม่มีเงินจ่ายให้เจ้าหรอก เห็นทีครั้งนี้เจ้าต้องจ่ายด้วยตัวเองเสียแล้ว” ไป๋หนิงเฟิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย คล้ายกับนางไม่มีเงินจริง ๆคราวนี้ใบหน้าของหลี่ชุยผิงซีดเผือดลงทันที นางไม่คิดว่าสหายจะกล่าวเช่นนี้ ถึงแม้ว่านางจะเป็นลูกหลานของตระกูลหลี่ ซึ่งเป็นตระกูลของเสนาบดี แต่ใช่ว่านางจะมีเงินมากมายขนาดนี้ อีกทั้งเครื่องประดับพวกนี้ ราคารวมแล้วก็พันกว่าตำลึงเงิน แล้วนางจะเอาเงินจากไหนมาจ่ายกันล่ะไป๋หนิงเฟิ่งไม่รอให้สหายตั้งสติได้ นางจึงรีบกล่าวออกมาอีกครั้ง “ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าเป็นค
บทที่ 6 เอาคืนสหายชั่วไป๋หนิงเฟิ่งปรายตามองสหายเล็กน้อย ทว่าไม่ให้ฝ่ายนั้นรู้ตัว เนื่องจากนางต้องการเล่นงานสหายคนนี้ ถึงแม้ว่าบ้านของหลี่ชุยผิงมีฐานะร่ำรวยและเป็นจวนเสนาบดี แต่ทุกครั้งที่ออกมาเดินเล่นหรือซื้อของด้วยกัน กลับกลายเป็นให้นางจ่ายทั้งนั้นคราวนี้มาดูกันเถิดว่า ต่อจากนี้ใครกันแน่เป็นฝ่ายเสียหน้า!หลี่ชุยผิงยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาคล้องแขนสหาย แล้วเอ่ยอย่างดีใจ “ถ้าเช่นนั้นเราสองคนไม่ต้องคิดมากแล้ว ไปร้านขายเครื่องประดับกันดีกว่า ข้าอยากซื้อเครื่องประดับสักชุดสองชุด”“อืม ถ้าเจ้าอยากซื้อ ข้าจะไปกับเจ้า” ไป๋หนิงเฟิ่งตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าเน้นคำว่าอยากซื้อ สายตาหันไปสบกับสาวใช้คนสนิทเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างให้จากนั้นพวกนางจึงพากันเดินไปทางร้านขายเครื่องประดับทันทีร้านเครื่องประดับซินหรง ภายในร้านมีลูกค้ามากมายที่เข้ามาดูสินค้าและเลือกซื้ออย่างที่ต้องการ เมื่อลูกจ้างสาวในร้านเห็นว่าไป๋หนิงเฟิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับคุณหนูหลี่ จึงได้รีบเดินมาทักทายอย่างนอบน้อม“คุณหนูไป๋ คุณหนูหลี่ เชิญเจ้าค่ะ วันนี้ทั้งสองต้องการสิ่งใดเจ้าคะ” ใบหน้าของนางยิ้มแย้ม ไม่คิดดูหมิ่นไป๋หนิงเฟิ่งตามข่
เมื่อเจอคำถามนี้ หลี่ชุยผิงสะอึกไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “ใช่แล้ว เขายังไม่กลับมาจากชายแดน หากกลับมาแล้วเขาคงมาสู่ขอข้าน่ะ แล้วที่เจ้าตกสระน้ำน่ะ อาการดีหรือยัง สตรีอย่างเราต้องดูแลตัวเองให้ดี เพราะหากไอเย็นเข้าร่างกายเยอะ จะทำให้มีบุตรยาก”“ข้าไม่คิดถึงเรื่องนั้นหรอก สตรีที่ชื่อเสียงเสียหายเช่นข้า คงไม่มีชายใดกล้ามาสู่ขอแล้วล่ะ แต่ข้ายินดีกับเจ้านะ และจะไปร่วมงานแต่งของเจ้าอย่างแน่นอน”“เจ้าอยู่แต่ในจวนไม่เบื่อบ้างหรือ เช่นนั้นไปเดินเล่นกับข้าในตลาดดีหรือไม่ เผื่อว่ามีจะของถูกใจเจ้า” หลี่ชุยผิงเอ่ยชวนไปเดินเล่นในตลาด นางเองก็อยากได้เครื่องประดับเหมือนกัน หากไปกับไป๋หนิงเฟิ่งคราใด นางไม่เคยได้จ่ายเงินสักตำลึงเดียวไป๋หนิงเฟิ่งรู้ทันสหายชั่ว แต่ก็แสร้งโอนอ่อนเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย “ไปตลาดก็ดีเหมือนกัน ข้าอยากเดินเล่น” นางยิ้มคล้ายกับดีใจ‘คอยดูว่าข้าจะเล่นงานเจ้าอย่างไร มีหรือที่ข้าไม่รู้ว่า เจ้าต้องการให้ข้าไปพบเจอคำติฉินนินทาของชาวบ้าน แต่ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็พร้อมที่จะเล่นกับเจ้าเช่นกัน’ นางคิดในใจ ยิ้มเย็นมุมปากเล็กน้อยไม่นานพวกนางก็พากันนั่งรถม้าออกมาจากจวนตระกูลไป๋จวนอ
บทที่ 5 พบเจอองค์ชายรองเซียวเฟยหลงขณะเดียวกัน มีสายตาคู่หนึ่งมองมาทางนางอย่างพึงพอใจ ก่อนร่างใหญ่จะออกมาจากที่ซ่อน“ไม่คิดว่าเจ้าจะกล้าปฏิเสธการแต่งงาน และยอมแบกรับชื่อเสียงที่ถูกฝ่ายชายยกเลิกงานแต่ง แล้วยังให้บุตรสาวบ้านรองแต่เข้าเป็นอนุอีก”ไป๋หนิงเฟิ่งหันมาตามเสียง นางพยายามทบทวนความทรงจำและรับรู้ได้ว่าเขาคือองค์ชายรอง แววตาของนางสงบเย็น นางลุกขึ้นแล้วค่อย ๆ คุกเข่าลงทำความเคารพ “คารวะองค์ชายรอง”“ลุกขึ้นเถิด เจ้าไม่ต้องพิธีรีตองมากนัก”นางลุกขึ้นหลังจากได้รับอนุญาต เซียวเฟยหลงเดินมาหยุดตรงหน้า “เจ้ายังไม่ได้ตอบข้า เหตุใดเจ้าทำเช่นนั้น นั่นไม่เท่ากับต้องการขัดราชโองการหรอกหรือ”“หม่อมฉันไม่ได้ขัดราชโองการเพคะ ราชโองการส่งมาที่จวนนั้นมอบให้บุตรสาวสายรอง เพื่อแต่งเข้าไปเป็นอนุต่างหาก ไม่ใช่ให้หม่อมฉันแต่งเข้าจวนต้วนอ๋องเสียหน่อย” นางตอบกลับเสียงเรียบนิ่ง พร้อมกับเงยหน้าสบตาเขาตรง ๆ ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อยเซียวเฟยหลงหัวเราะเบา ๆ เสียงนั้นทุ่มต่ำแต่กลับเย็นยะเยือก “เจ้ากล้ายอกย้อนดีนัก สตรีทั้งแผ่นดินต้องการแต่งเข้าจวนอ๋อง ต้องการสานสัมพันธ์กับราชวงศ์ แต่เจ้ากลับผลักไสวาสนานี้ ช่างน่







